เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 45 เมื่อ 19 ก.พ. 15, 08:49
|
|
เห็นด้วยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อ 19 ก.พ. 15, 09:12
|
|
คอนซูเอโลเป็นผู้หญิงโชคดีกว่าไดอาน่า ตรงที่ไม่ได้พบจุดจบที่น่าเศร้าอย่างอดีตเจ้าหญิงผู้อาภัพ พระเจ้าผ่อนเพลาให้บรรเทาทุกข์ลงด้วยวิธีประหลาดที่สุด คือให้เพื่อนหญิงที่สนิทของเธอ ซึ่งเป็นเศรษฐินีสาวชาวอเมริกันคนสวยเหมือนกัน เข้ามาเป็นมือที่สามในชีวิตสมรส ผู้หญิงคนนั้นชื่อ Gladys Marie Deacon ชื่อต้นออกเสียงว่า "กลาดัส" เป็นสาวอเมริกันที่ไปเฉิดฉายอยู่ในสังคมไฮโซของลอนดอน สาวไฮโซทั้งสองผูกมิตรกัน จนกลาดัสเข้านอกออกในคฤหาสน์มัลบราได้เหมือนบ้านที่สอง เธอรับรู้ตื้นลึกหนาบางของสามีภรรยาดี แม้แต่คอนซูเอโลคับอกคับใจกับสามี ก็ได้กลาดัสนี่แหละเป็นที่ระบายความทุกข์
พร้อมๆกับรับรู้ถึงความแตกร้าวของทั้งสอง กลาดัสก็เริ่มติดเนื้อต้องใจซันนี่ สามีของคอนซูเอโลเข้าจนได้ จากการเป็นเพื่อนสนิทของครอบครัวก็คืบคลานไปสู่ฐานะที่สมัยนี้พวกเราเรียกว่า "กิ๊ก" แต่สมัยโน้นเรียกกันตรงๆว่า "เมียลับ" คอนซูเอโลแทนที่จะรู้สึกว่าเพื่อนทรยศ หรือเริ่มหึงหวงสามีตามประสา "ฉันเป็นเมียนะยะ" ก็กลายเป็นว่าเธอโล่งใจที่มีผู้หญิงอีกคนมาแทนเสียได้ เธอจะได้ไม่ต้องทนรองรับอารมณ์ร้ายของสามี ถึงขั้นที่ว่าเธอเชิญกลาดัสเข้าไปพำนักร่วมชายคากันสามคนผัวเมียเสียเลย หลังจากนั้นเธอก็แยกตัวออกมาจากดยุคแห่งมัลบรา แยกกันอยู่ พร้อมกับเดินเรื่องขอให้สมรสเป็นโมฆะ อันเป็นขั้นตอนแรกของการหย่าขาด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 47 เมื่อ 19 ก.พ. 15, 09:16
|
|
ภาพวาดของกลาดัส สาวไฮโซมาดแบบไหน เห็นรูปนี้คงเดาออก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 48 เมื่อ 20 ก.พ. 15, 19:33
|
|
ในยุคต้นศตวรรษที่ 20 การหย่าขาดในกลุุ่มไฮโซอังกฤษเป็นเรื่องไม่มีใครเขาทำกัน เพราะไหนกฎหมายจะไม่เอื้อต่อการหย่าร้าง ไหนจะถูกสังคมประณามหยามเหยียด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญสำหรับคอนซูเอโลและซันนี่ที่จะเดินหน้า แถมยังไม่รวมกระแสคัดค้านจากบรรดาญาติมิตรอีกด้วย รวมทั้งพ่อของคอนซูเอโลซึ่งควักกระเป๋าจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้ลูกเขยเพื่อให้ลูกสาวได้เป็นท่านผู้หญิงดัชเชส ก็ไม่เห็นด้วย เพราะลูกทำยังงี้ ไม่คุ้มทุนที่พ่อลงไป แต่คอนซูเอโลเดินหน้าต่อไป เธอไม่ขอทนสามี พอๆกับเขาเองซึ่งตอนนั้นกำลังหลงกลาดัสโงหัวไม่ขึ้น ก็ไม่อยากจะทนเมียเก่าอีกต่อไป สินสมรสก็ได้มาแล้ว ทายาทก็มีแล้วสองคน อยู่กันก็ชังน้ำหน้าพอๆกัน เพราะฉะนั้นเธอก็ไสหัวไปเลย จากกันตลอดกาลได้ยิ่งดี ในเมื่อการหย่าตามกฎหมายเป็นเรื่องยาก ทั้งสองก็ตกลงกันว่า เอายังงี้ ประกาศแยกกันอยู่อย่างเป็นทางการละกัน เธอได้ไปทาง ฉันก็ไปอีกทาง ให้รู้กันเปิดเผยไปเลย ไม่ต้องอุบๆอิบๆ ส่วนลูก เราก็ตกลงใช้สิทธิ์ปกครองร่วมกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 49 เมื่อ 22 ก.พ. 15, 18:53
|
|
ในที่สุด ความปรารถนาของคอนซูเอโลที่จะหลุดพ้นจากกรงทองก็เป็นผลสำเร็จในค.ศ. 1921 หลังจากทนทุกข์อยู่ถึง 26 ปี ที่กลับตาลปัตรอีกอย่างคือคุณนายอัลวา ผู้หนังเหนียวอยู่คงทนมาจนลูกสาวเข้าวัยกลางคน ไม่ยักตายไปเสียก่อน แทนที่จะดิ้นตูมตามกับการหย่าร้าง กลับเป็นคนที่สนับสนุนให้สมรสสิ้นสุดลงได้ง่ายขึ้น เธอเป็นคนให้การเองว่า " ฉันเป็นคนบังคับให้ลูกสาวแต่งงาน มิใช่ความสมัครใจของเธอ" เมื่อนางยักษ์กลับใจได้ในที่สุด นางเอกก็เลยหลุดพ้นจากคุก เมื่อได้อิสระภาพแล้ว แม่กับลูกสาวก็เริ่มมีความสัมพันธ์ที่ผ่อนคลายและราบรื่นดีขึ้น นับเป็นแฮปปี้เอนดิ้งในเปลาะแรก
ส่วนท่านดยุคลูกเขย เมื่อหลุดจากพันธะสมรส ก็แต่งงานกับเมียลับของตนเอง ไม่ใช่ใครอื่น ก็สาวสังคมกลาดัสนั่นแหละค่ะ หลังจากแอบคบแบบปิดกันให้แซ่ดมาตลอด 20 ปี ถ้าหากว่าท่านผู้อ่านรู้สึกว่า..ไม่แฟร์เลยนี่หว่า นางเอกเรากว่าจะหลุดจากกรงได้ เลือดตาแทบกระเด็น ส่วนผู้ร้ายของเรื่องกลับสบายใจเฉิบ ได้ทั้งเงินจากเมียแรก และแต่งงานออกหน้าออกตากับเมียสอง ไม่เห็นมันทุกข์ร้อนอะไร ก็โปรดได้ทราบว่ากฎแห่งกรรมนั้นแม่นยำเสมอ โดยเฉพาะในกรณีนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อ 22 ก.พ. 15, 19:07
|
|
กล่าวคือ ทั้งๆท่านดยุคและกลาดัส เคยปิดๆบังๆเป็นคู่ชู้ชื่นกันมาด้วยดีเกือบ 20 ปี แต่พอแต่งงานกันเรียบร้อย พากันออกสังคมได้อย่างสง่าผ่าเผยเท่านั้นแหละ น้ำผึ้งก็เริ่มขมปี๋ในเวลาไม่นาน ความสัมพันธ์ของผัวเมียที่เหมาะสมกันเป็นกิ่งและใบตำแยคู่นี้ ตึงเครียดไปด้วยความเกลียดชังและหวาดระแวง ขนาดกินอาหารเย็นด้วยกัน ท่านดัชเชสคนใหม่ต้องวางปืนพกบรรจุกระสุนเต็มไว้ข้างจาน พร้อมจะหยิบมาใช้ได้ตลอดเวลา
สำนักข่าวก๊อสสิปเขาว่ากันว่า กลาดัสเป็นผู้หญิงเพี้ยน ศัพท์รุ่นเก่าคือไม่ค่อยจะเต็มเต็งนัก นางเป็นที่เกลียดชังของบริวารในคฤหาสน์มากพอๆกับคอนซูเอโลเคยเป็นที่รักและเคารพ ยกตัวอย่างสาเหตุหนึ่ง ก็คือปล่อยหมาที่เลี้ยงไว้เพ่นพ่านทำสกปรกในคฤหาสน์อันโอ่อ่าได้ตามใจชอบ ไม่แคร์ว่าคนรับใช้จะพากันลมใส่ไปตามๆกันเวลาไอ้ตูบไอ้ด่างพวกนี้ไปฉี่ไปอึไว้เลอะเทอะในห้องไหนบ้าง อีกข้อคือนางมีปมด้อยเรื่องไปฉีดพาราฟินใส่จมูกเพื่อให้โด่งแบบกรีก แต่คุณภาพของมันห่วยแตก ก็เลยทำลายจมูกจนเสียรูป แถมไหลย้อยลงมาที่คาง เธอก็เลยหาทางออกโดยห้ามติดกระจกในคฤหาสน์หมดทุกห้อง ไม่ให้มีเงาสะท้อนตรงไหนได้เลย พฤติกรรมสุดเพี้ยนของกลาดัสมีผลเทียบเท่าเครื่องทรมานนักโทษสำหรับท่านดยุค หลังจากอยู่กันอย่างตกนรกทั้งเป็น เขาก็ทนไม่ไหว ก็เลยแสดงความเกลียดชังและตีตนออกห่างแบบเดียวกับที่ทำกับภรรยาคนแรก แต่คราวนี้ตาคนนี้เป็นฝ่ายแพ้ ทนเมียไม่ไหวต้องหลีกทางให้นางครอบครองคฤหาสน์ตามใจชอบ ตัวเองก็สิ้นชีวิตไปด้วยโรคมะเร็ง เมื่อค.ศ.1934 คือ 13 ปีหลังหย่าจากคอนซูเอโล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33421
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 51 เมื่อ 23 ก.พ. 15, 17:37
|
|
นับว่าสวรรค์ยังปรานีคอนซูเอโล ทำให้ชีวิตเธอหลังหย่าร้างไม่อาภัพอย่างเจ้าหญิงไดอาน่า เธอได้พบชายที่รักเธอจริง เป็นนักบินชาวฝรั่งเศสชื่อ ฌาค แบลซอง ผู้มาจากตระกูลธุรกิจสิ่งทอใหญ่ร่ำรวยไม่เบา เขาเจอเธอตั้งแต่อายุ 17 ก่อนหน้าเธอสมรส แล้วก็หลงรักเธอนับแต่นั้น
เมื่อคอนซูเอโลหย่าขาดจากสามี ฌาคผู้รออยู่แล้วก็ขอแต่งงานด้วยทันที เมื่อเธออายุ 44 และเขาอายุ 53 ทั้งคู่อยู่กันอย่างผาสุกเหมือนตอนจบในเทพนิยาย จนกระทั่งเข้าวัยชราจึงได้จากกันไปตามอายุขัยของแต่ละคน
ขอจบเรื่องไฮโซอเมริกาเพียงแค่นี้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|