ยินดีต้อนรับ
ท่านผู้มาเยือน
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
หน้าแรก
ตู้หนังสือ
ค้นหา
ข่าว
: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
เรือนไทย
>
General Category
>
หน้าต่างโลก
>
จักรวาลน่าพรั่นสะพรึง ชวนให้เราใคร่ครวญคำนึงถึงอัตตาตัวตน(ใหม่)
หน้า:
1
...
12
13
[
14
]
พิมพ์
อ่าน: 28961
จักรวาลน่าพรั่นสะพรึง ชวนให้เราใคร่ครวญคำนึงถึงอัตตาตัวตน(ใหม่)
SILA
หนุมาน
ตอบ: 6355
ความคิดเห็นที่ 195
เมื่อ 22 ก.พ. 16, 16:07
เมื่อข้อมูลจากยานเคปเลอร์ที่นาซาส่งออกไปสำรวจอวกาศได้พบปรากฏการณ์ วัตถุขนาดใหญ่เท่ากับ
ดาวเคราะห์น้อยเซเรส Ceres ของระบบสุริยะ ถูกกลืนเข้าไปในวงจรมรณะรอบดาวแคระขาวดวงนี้ จากการ
สังเกตการณ์จับจังหวะแสงวาบได้ทุก 4.5 ชั่วโมง คำนวณวงโคจรของวัตถุนี้ได้ที่ประมาณ 520,000 ไมล์จาก
ดาวแคระขาว
จากนั้น นักดาราศาสตร์จึงใช้กล้องโทรทรรศน์ภาคพื้นดินส่องไปติดตามสังเกตการณ์ต่อพบว่าเมื่อวัตถุ
เคลื่อนผ่านดาวแคระขาวนี้มีผลให้ความสว่างของดาวลดลง 40 %
ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ คือการกลืนดาวเคราะห์บริวารของดาวแคระขาว ที่กระทำโดยแรงโน้มถ่วงมหาศาล
ดูดดาวบริวารให้เข้ามาในระยะใกล้ จากนั้นพลังของแรงโน้มถ่วงนี้ก็จะฉีกมวลของดาวเคราะห์จนแตกเป็นกลุ่มก๊าซ
และเศษมวลของดาวเคราะห์ ให้กระจายอยู่ในวงโคจรแผ่นวงแหวนรอบดาวแคระขาว จนในที่สุด ดาวเคราะห์บริวาร
ก็จะแตกสลายไป
31tv.ru
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
ตอบ: 6355
ความคิดเห็นที่ 196
เมื่อ 22 ก.พ. 16, 16:19
นับเป็นครั้งแรกที่นักดาราศาสตร์ไทยได้เห็นจุดจบของดาวเคราะห์แบบวันต่อวัน ผ่านกล้องโทรทรรศน์
ของประเทศไทย
จากการเฝ้ามองชะตากรรมของดาวบริวารในระบบดาวใกล้บ้านเราดวงนี้แล้วมองย้อนกลับมา ก็จะเห็น
ชะตากรรมของโลกเราใบนี้ในหลายพันล้านปีข้างหน้าว่าเหมือนกัน นั่นคือเมื่อดวงอาทิตย์หมดพลังงานลง
ก็จะกลายเป็นดาวแคระ และโลกพร้อมทั้งดาวบริวารระบบสุริยะดวงอื่นๆ ก็จะทยอยกันถูกฉีกเคี้ยวแหลกตามๆ
กันไปในที่สุด
ภาพวาดดาวแคระขาวเคี้ยวดาวบริวาร
sci-news.com
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
ตอบ: 6355
ความคิดเห็นที่ 197
เมื่อ 01 มี.ค. 16, 11:06
คุณอาจวรงค์ นักสื่อวิทยาศาสตร์,นักเขียน แต่งกลอนนี้ลงเฟซบุค อ่านแล้วชอบขอแชร์
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
ตอบ: 6355
ความคิดเห็นที่ 198
เมื่อ 01 มี.ค. 16, 11:08
imagine.gsfc.nasa.gov/science/objects/stars1.html
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
ตอบ: 6355
ความคิดเห็นที่ 199
เมื่อ 01 มี.ค. 16, 11:12
๒ คำสุดท้ายของวรรคส่งในบทที่ ๕ - ดาวดาว(น่าจะเป็น ดวงดาว) คุณวรงค์บอกว่าพิมพ์ผิดไป
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
ตอบ: 12547
ความคิดเห็นที่ 200
เมื่อ 01 มี.ค. 16, 14:25
กวีกาลแห่งดาวฤกษ์
๑.อันดวงดาวกลางฟ้ายามราตรี
มิได้มีอายุมั่นอนันต์สมัย
แต่มีเกิดแก่ดับสลับไป
เป็นวงจรอยู่ในจักรวาล
๒.เมื่อกลุ่มแก๊สดึงดูดกันพลันหนาแน่น
เกาะเป็นก้อนกลายเป็นแก่นของมวลสาร
ไฮโดรเจนร้อนเร่งเปล่งพลังงาน
เป็นสายธารแสงสว่างอย่างมณี
๓.แต่วันหนึ่งที่เชื้อเพลิงเริ่มร่อยหรอ
แรงโน้มถ่วงเริ่มไม่พอจะอัดขยี้
ให้ดาวนั้นคงรูปร่างไว้อย่างดี
มันจึงเริ่มอ้วนพีเป็นสีแดง
๔.พอดาวเฒ่าขยายตัวถึงจุดหนึ่ง
แรงโน้มถ่วงจะตบผึงเหมือนกลั่นแกล้ง
ให้ดาวฤกษ์แตกพร่างอย่างรุนแรง
กลายเป็นแสงโนวามหาประลัย
๕.ละอองแก๊สจะกระจายหลายปีแสง
เป็นถิ่นแห่งเนบิวลาอยู่อาศัย
รออีกหลายพันล้านปีที่ยาวไกล
แก๊สจะเริ่มรวมกันใหม่เป็นดวงดาว
*
๖.แม้ดาวฤกษ์แสนใหญ่โตกว่าโลกา
เมื่อถึงครายังแตกดับลับหนหาว
ชีวิตคนแค่พริบตาดาราพราว
จงเร่งเร้าอย่าประมาททุกชาติไป
อาจวรงค์
๑๐ ก.พ. ๒๕๕๙
*
แก้ไขตามความเห็นของคุณศิลา
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
ตอบ: 421
ความคิดเห็นที่ 201
เมื่อ 03 มี.ค. 16, 13:57
จึงเป็นที่มาของข้อสอบข้อที่ว่า
อ้างถึง
4.ข้อคิดใดที่ได้จากการศึกษาเรื่องวิวัฒนาการของดาวฤกษ์
1.น้ำขึ้นให้รีบตัก
2.สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
3.ทุกสิ่งดำรงอยู่และดับไป
4.รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา
5.เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว
บันทึกการเข้า
หน้า:
1
...
12
13
[
14
]
พิมพ์
กระโดดไป:
เลือกกระทู้:
-----------------------------
General Category
-----------------------------
=> ศิลปะวัฒนธรรม
=> ภาษาวรรณคดี
=> ระเบียงกวี
=> ชั้นเรียนวรรณกรรม
=> หน้าต่างโลก
=> ประวัติศาสตร์โลก
=> ประวัติศาสตร์ไทย
=> ทันกระแส
=> วิเสทนิยม
=> ห้องหนังสือ
=> ชมรมอนุรักษ์ภาพจิตรกรรมไทย
Powered by SMF 1.1.21
|
SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder
XHTML
|
CSS
|
Aero79
design by
Bloc
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.029 วินาที กับ 19 คำสั่ง
Loading...