เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5
  พิมพ์  
อ่าน: 32110 เครื่องดื่มไทย
เรไร
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 12 มิ.ย. 01, 18:56

ฝนตกฝนหากตก..... แก้วกับอกอย่าโกรธฝน
ลมพัดรับขวัญบน....แก้วโกมลมานอนเนา
ฝนตกไม่ทั่วฟ้า........เย็นแหล่งหล้าในภูเขา
ไม่เย็นในอกเรา........เพราะเพื่อนเคล้าเจ้าอยู่ไกล
บันทึกการเข้า
เรไร
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 12 มิ.ย. 01, 19:59

ขออนุญาตย้ายความเห็นที่ 30 ไปไว้ที่กระทู้เกี่ยวกับฝน ข้างบนนะคะ   http://vcharkarn.com/snippets/board/show_message.php?dtn=dtn5&ID=RW653' target='_blank'>http://vcharkarn.com/snippets/board/show_message.php?dtn=dtn5&ID=RW653



ชอบกินมะพร้าวกะทิกับน้ำตาลทรายค่ะ
บันทึกการเข้า
ฝอยฝน
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 13 มิ.ย. 01, 00:16

คุณ นกข.  คงไม่ได้หมายถึง..ฝนกรด หรอกนะคะ
บันทึกการเข้า
อ้อยขวั้น
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 13 มิ.ย. 01, 07:41

มาเฉลยเรื่องวุ้นในลูกมะพร้าวค่ะ  ก็เห็นตั้งแผงขายกันเรียงรายพอๆ กับโรตีสายไหมตามทางไปอยุธยาหรือส้มโอนครชัยศรีนั่นแหละค่ะ  ทำให้อิฉันอยากรู้เป็นหนักหนา  ถามคนข้างตัวก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าวุ้นในลูกน่ะมันเป็นยังไง  อาจจะเอาไซลิงค์ดูดน้ำมะพร้าวออกมาแล้วฉีดน้ำวุ้นเข้าไปแทน  (ประมาณวิธีทำไข่ปิ้งของทางอีสาน)  หรือไม่ก็เป็นมะพร้าวกะทิที่นุ่มๆ จนเป็นวุ้น  หรืออีกทีก็มีเทคนิคใหม่ที่ทำให้วุ้นมะพร้าว (ที่เนื้อเด้งหนึบๆ สีขุ่นๆ) เกิดในลูกได้เลย



จนวันนึงอดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นไว้ไม่ไหว  เลยต้องจอดรถซื้อซะหน่อย  พอเทียบรถหน้าแผงปุ๊บ  คนขายก็โฉบมาหาปั๊บ  อิฉันก็ถามหมับเข้าให้ทันทีด้วยความที่อยากรู้มานานว่า 'วุ้นมันเข้าไปอยู่ในลูกมะพร้าวได้ยังไงอ้ะ'  คนขายก็ตอบว่า...'เก๊าะเฉาะฝามันแล้วก็เอาใส่ลงไปอ้ะดิ' พลางทำหน้างงๆ แบบ 'เอ๊อ ยัยนี่ถามอะไรประหลาด'



เพล้ง! หน้าแตกแบบศัลยแพทย์ส่ายหัวเลยล่ะค่ะ  เจ้าวุ้นในลูกมะพร้าวที่ว่าเนี่ย  ก็คือเปิดฝามะพร้าวแล้วก็เอาวุ้นใส่เนื้อมะพร้าวที่ขูดจากในลูกนั่นแหละใส่กลับเข้าไปเท่านั้นเอ๊ง!   อุตส่าห์คิดๆๆๆ ไปซะไกล  555
บันทึกการเข้า
อ้อมเพชร(กล้า) ศิษย์ บขส.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 13 มิ.ย. 01, 13:30

เรื่องที่คุณ นกข.เล่าคล้ายตอนหนึ่งในเรื่องอิกคิวซังเลยค่ะ แต่เปลี่ยนจากเศรษฐีเป็นท่านโชกุน
บันทึกการเข้า
ใกล้รุ่ง
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 14 มิ.ย. 01, 15:19

คุณแม่ชอบต้มน้ำมะตูมให้ดื่มค่ะ เป็นเครื่องดื่มที่มีรสหวานเพราะเวลาต้มใส่น้ำตาล แล้วก็หอมมะตูมด้วย ลองดื่มกันนะคะ หวานดีจริงๆ
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 14 มิ.ย. 01, 16:55

เอ้า นักเคมีมีไหมแถวนี้ ขอเชิญช่วยผมตอบหน่อยครับ
ที่เรียกกันว่าฝนกรดนั้น ไม่ใช่ฝนที่ผสมกับคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศธรรมชาติครับ อันนั้นเป็นกรดอ่อนๆ แต่นานๆ เข้าก็สามารถกัดเซาะหินปูนจนกลายเป็นหินงอกหินย้อยได้

ฝนกรดนั้นเป็นผลจากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษที่เกิดจากมือมนุษย์ ที่ปล่อยก๊าซต่างๆ อย่างเช่นคาร์บอนมอนอกไซด์ และอะไรอีกไม่รู้ ขึ้นไปในบรรยากาศ เช่นสารประกอบกำมะถันที่เป็นผลจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ในควันไอเสีย อะไรต่างๆ เหล่านี้ เมื่อเจอน้ำฝนเข้าละลายก๊าซพวกนี้ลงมาก็มีฤทธิ์เป็นกรดรุนแรง เรียกว่าฝนกรดครับ
บันทึกการเข้า
แววพลอย
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 14 มิ.ย. 01, 20:41

ไม่ใช่นักเคมีค่ะ..... ..

 แต่พอทราบว่า  "  ฝนกรด "  นี่มีฤทธิ์ร้ายกาจนะคะ  แถวๆ  ที่มีการใช้ถ่านหิน บางชนิดเป็นเชื้อเพลิง....จะเกิดก๊าซ ซัลไฟท์ SO2     ไปละลายละอองน้ำ (ฝน)  ในชั้นบรรยากาศ  กลายเป็นกรด ซัลฟุริก H2SO4 ค่ะ ตกลงมาเป็นฝนกรด  มีฤทธิ์ร้ายมากค่ะ  
เช่นแถว โรงไฟฟ้าแม่เมาะ สมัยก่อนนะคะ..แต่เดี๋ยวนี้แก้ไขแล้วค่ะ

ขอบคุณ.. คุณอ้อยนะคะ...ที่มาบอก เคล็ดลับการทำกระท้อนลอยแก้ว....เย็นชื่นใจจังค่ะ
บันทึกการเข้า
ก.แก้ว
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 14 มิ.ย. 01, 22:07

ต้องขอโทษคุณแววพลอยนะคะ เพิ่งเข้ามาอ่าน  ถ้าทำกระท้อนลอยแก้วเป็นแล้ว ระกำลอยแก้วก็ง่ายค่ะ โดยวิธีเดียวกัน คือคว้านเม็ดระกำออก หรือฝานเนื้อระกำแช่ในน้ำเกลือสัก 1 ชั่วโมงแล้วค่อย ๆ เอาขึ้นพอให้สะเด็ดน้ำเกลือใส่ลงในน้ำเชื่อมที่ทิ้งให้เย็นแล้ว  นำเข้าตู้เย็น ประมาณครึ่งวันก็รับประทานได้โดยใส่
น้ำแข็งทุบละเอียด หวาน หอม เย็นชื่นใจค่ะ
ขอนำสูตรน้ำลูกพรุนของคุณ jor ไปลองทำดูบ้างนะคะ  ขอบคุณค่ะ
บันทึกการเข้า
แววพลอย
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 15 มิ.ย. 01, 18:51

ขอบคุณค่ะ  ...คุณ  ก.แก้ว สำหรับสุตร ระกำลอยแก้ว...
อะไรๆ  ก็ง่ายนะคะ  แต่ตอนคว้านเม็ด ระกำนี่มีเคล็ดลับ อีกไหมคะ....ชาวบ้าน  ที่ไม่ใช่ชาววัง อย่างแวว จะใช้วิธี ปาด แล้วเฉือนได้ไหมคะ...
บันทึกการเข้า
ก.แก้ว
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 16 มิ.ย. 01, 00:51

เคล็ดลับการคว้านเม็ดระกำคือต้องนั่งพับเพียบคว้านค่ะ แฮ่ะ แฮ่ะ พูดเล่นอ้ะ
ใช้มีดคว้านค่อย ๆ เซาะไปรอบ ๆ เม็ดทีละด้าน ทั้งด้านหัวด้านท้ายของเม็ดและใช้ปลายมีดดุนให้เม็ดหลุดออกมา  จะปาดและเฉือนก็ง่ายดี  ง่ายที่สุดคือลอกเปลือกแล้วใส่ปากค่ะ
อุ อุ
บันทึกการเข้า
ลุงไก่
สุครีพ
******
ตอบ: 1281



ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 06 ก.ค. 11, 10:42

คุณแม่ชอบต้มน้ำมะตูมให้ดื่มค่ะ เป็นเครื่องดื่มที่มีรสหวานเพราะเวลาต้มใส่น้ำตาล แล้วก็หอมมะตูมด้วย ลองดื่มกันนะคะ หวานดีจริงๆ


แม้จะเป็นกระทู้เก่า แต่กระแสการดื่มน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพก็กำลังมาแรง

เพิ่งทราบจากปากเพื่อนเล่าให้ฟังว่า น้ำมะตูมนี่ ช่วยบรรเทาอาการ "โรคกรดไหลย้อน" ได้ชะงัดนัก เพราะผู้เล่าเป็นผู้ทดลองด้วยตัวเอง

วิธีการง่ายๆ ก็คือใช้มะตูมแห้ง มาผิงไฟอ่อนๆ ให้เกรียมเล็กน้อย สังเกตว่าเปลือกจะดำนิดหน่อย อาจจะมีฟองปุดขึ้นมาจากชิ้นมะตูมแห้ง และมีกลิ่นหอมโชยมแตะจมูก
ถ้าไม่ผิงไฟก่อน เวลาต้มแล้วน้ำจะไม่หอม
จากนั้นก็นำไปต้ม ปริมาณมะตูมกับน้ำที่ต้ม กะเอาเอง ต้มประมาณ ๒๐ นาทีถึงครึ่งชั่วโมง ด้วยไฟกลาง ดูว่าสีของน้ำเข้มพอสมควร (สีน้ำตาลอ่อนอกสีเริ่มเข้ม)
กรองเอากากทิ้งไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายหรือน้ำตาลแดง รสหวานตามใจชอบ ปล่อยไว้ให้เย็น เก็บเข้าตู้เย็น ทานให้หมดในสองวัน

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 06 ก.ค. 11, 20:36

น้ำทับทิมเป็นกล่องเป็นขวดมีขาย แต่ถ้าจะทำเองก็ได้ค่ะ

    ทับทิมแกะเอาแต่เนื้อ  1 ถ้วยตวง
    น้ำต้มสุก 1 ถ้วยตวง
    น้ำเชื่อม ตามชอบ
    เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำ
   ขยำทับทิมกับน้ำต้ม ให้เนื้อหลุดจากเมล็ดมากที่สุด  กรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่ลงหม้อ ตั้งไฟ 5 นาที ยกลง ใส่น้ำเชื่อมและ
เกลือเล็กน้อย คนให้เข้ากัน และเกลือละลาย ชิมรสให้พอดี    
  คุณค่าทางสมุนไพร
  ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียมและแคลเซี่ยม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต และ ระบบการหมุนเวียนในร่างกาย ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เซีย ระบุว่าทับทิมมี ประโยชน์ดังต่อไปนี้

    บำรุงหัวใจและตับ
    ฟอกไตและท่อปัสสาวะ
    ช่วยย่อย
    ละลายไขมันส่วนเกิน
    เป็นยาบำรุงกำลัง
    ช่วยลดอาการแพ้ท้อง
    ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน
    ช่วยฟอกและหมุนเวียนโลหิต
    บรรเทาโรคเบาหวาน
    ละลายเสมหะ
    ชะลอการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเพิ่มพลัง
    ชะลออาการสมองเสื่อม
    ทำให้ผิวพรรณดี    


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 08 ก.ค. 11, 16:38

น้ำตะไคร้

วิธีทำ
ล้างตะไคร้สด ทั้งต้นและใบ ให้สะอาด ตัดเป็นท่อนสั้นๆ นำไปต้มกับน้ำเปล่า 4 ลิตร ประมาณ 5-10 นาที แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง 2-3 ชั้น เพื่อกันไม่ให้มีเศษตะกอนของใบตะไคร้
ผสมน้ำตาลทราย คนจนน้ำตาลละลายหมด ถ้าชอบรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อย ให้เติมกรดมะนาว เพื่อความชุ่มคอชื่นใจ แล้วกรองอีกครั้ง ตั้งให้เดือด 1-2 นาที ยกลงกรอกใส่ขวดแก้วที่ล้างสะอาด คว่ำให้แห้ง ขณะร้อนอุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส ถ้ากรอกลงขวดพลาสติก ต้องลดให้อุณหภูมิ 68 องศาเซลเซียส กรอกให้เต็มขวด ปิดฝาให้สนิท แล้วแช่น้ำเย็นทันที
เมื่อขวดเย็น ให้รีบนำเข้าตู้เย็น สามารถเก็บไว้ได้ถึง 14 วัน


คุณค่า
วิตามินเอช่วยบำรุงสายตา
แคลเซียม และฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้กับอาหาร

คุณค่าทางสมุนไพร 
แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อ  ลดพิษของสารแปลกปลอมในร่างกาย รวมทั้งช่วยลดความดันโลหิตสูง



บันทึกการเข้า
werachaisubhong
องคต
*****
ตอบ: 449



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 09 ก.ค. 11, 12:31

น้ำมะตูม
มะตูมเป็นไม้ยืนต้น โดยมีชื่อพื้นเมืองหลายอย่างและใช้เรียกกันแตกต่างไป เช่น ตูม  ตุ่มตัง  กะทันตาเถร (ปัตตานี)  มะปิน (เหนือ) บักตูม หมากตูม (อีสาน)
ลักษณะของมะตูม ผล มีผิวเกลี้ยง เปลือก หนาและแข็ง ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีเหลือง ในผลมะตูมมีเมล็ดตรงกลางเป็นพู มียางเหนียวใส นำมาใช้เป็นกาวจากธรรมชาติได้ เนื้อมะตูมมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เวลานำมาต้มเป็นชาจะมีกลิ่นหอมมาก เวลาสุกเนื้อจะนิ่มเป็นสีเหลืองหอมและมีรสหวานด้วย
มะตูมที่เราพบเห็นกันในปัจจุบัน ส่วนมากจะอยู่ในรูปของมะตูมแห้งเป็นแว่นที่มีขายตามร้านยาแผนโบราณ, ร้านขายสมุนไพรเพื่อสุขภาพ สำหรับผู้ที่รักและห่วงใยสุขภาพเท่านั้น ซึ่งนิยมนำมะตูมแว่นมาต้มเป็นน้ำมะตูมที่มีกลิ่นหอม สำหรับดื่มให้ชื่นใจ แก้กระหายน้ำ แถมยังให้คุณค่าอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมายด้วย เช่น
•เปลือกของรากและลำต้นของมะตูม สามารถลดไข้ และใช้เป็นยารักษาไข้มาลาเรียในสมัยก่อน ขับลมในลำไส้
•ราก แก้พิษฝี พิษไข้ รักษาน้ำดี       
•ใบสด แก้ไอ ขับเสมหะ หากมีอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ให้เอาใบมะตูมดิบๆ มาคั้นเอาน้ำเพื่อดื่ม ช่วยบรรเทาอาการไอและเสมหะเรื้อรังลงได้มี     
•ผลมะตูม ผลอ่อนที่มีสีเขียว ใช้เป็นยาเจริญอาหาร ขับลมในท้อง ผลแก่แก้เสมหะ ช่วยย่อยอาหาร และยังสามารถเอาผลสุกมาชงดื่มเป็นยาแก้ร้อนใน หรือ เอามะตูมตากแห้งมาต้มเป็นชาสมุนไพรก็จะได้ผล็อย่างเดียวกัน นอกจากนี้ ผลดิบแห้งยังใช้แก้บิด และแก้ท้องเสียในเด็กได้ด้วย ส่วนผลสุกนั้นกลับเป็นยาระบาย ช่วยย่อยอาหารได้ดีโดยเฉพาะในเด็ก


บันทึกการเข้า

ฅนเมียงแป้ มาอยู่ เจียงฮาย
หน้า: 1 2 [3] 4 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.047 วินาที กับ 20 คำสั่ง