เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 5
  พิมพ์  
อ่าน: 32118 เครื่องดื่มไทย
ด.เด็ก
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 11 มิ.ย. 01, 09:33

น้ำเงาะ
http://vcharkarn.com/reurnthai/uploaded_pics/RW645x015.jpg'>
บันทึกการเข้า
ด.เด็ก
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 11 มิ.ย. 01, 09:40

รูปน้ำเก๊กฮวยนี่ผิดครับ ที่ถูกคือ น้ำขิง. แล้วจะเอารูปมาอีก ถ้าชอบเรื่องสมุนไพร เข้าไปดูเว็บไซต์ที่ผมทำเพื่อศึกษาได้นะครับ มีข่าวสารสมุนไพรทั่วโลกทุกวันแต่เป็นภาษาอังกฤษครับที่

http://www.geocities.com/dordek1/Thai_herb.htm' target='_blank'>http://www.geocities.com/dordek1/Thai_herb.htm

   ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 11 มิ.ย. 01, 14:29

ขอบคุณยี่ชิ้วครับ เพิ่งทราบว่านอกจากเป็นพ่อครัวทำอาหารเก่งแล้วยังทำเครื่องดื่มได้ด้วย ...
บันทึกการเข้า
ภูมิ
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 11 มิ.ย. 01, 18:08

นํ้ากระเจี๊ยบที่คนญี่ปุ่นบอกไม่ชอบเห็นว่า
เพราะ มันหวานปะแล่มๆแปลกเลยไม่ค่อยชอบ
(ไม่ใช่เพราะขี้มือผมแน่ เพราะแค่ผสมอย่างเดียว)
บันทึกการเข้า
แจ้ง ใบตอง
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 11 มิ.ย. 01, 18:50

ในสมัยก่อน แทบทุกบ้านจะมีตุ่มใส่น้ำใบเล็กๆ วางไว้หน้าบ้านหรือตามริมทางคนผ่านไปผ่านมา
นี่เป็นการแสดงออกว่าคนไทยเรามีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ได้ดีทีเดียวครับ คนที่เดินทางไกลรู้สึก
กระหายน้ำก็ตักดื่มได้ เมื่อสมัยผมอยู่ชั้นประถมก็ยังพอเห็นอยู่บ้าง  สมัยนี้คงไม่มีแล้ว ถ้ามีก็คง
จะไม่มีใครกล้าดื่มเพราะคุณแน่ใจได้อย่างไรว่า น้ำนั้นจะไม่มีใครแอบบ้วนน้ำลายทิ้งไว้ หรือพวกโรค
จิตแอบเอาอะไรมาใส่ หรือ ฯลฯ ...

ในกรุงเทพก็มีก๊อกน้ำประปาสาธารณะบริการประชาชนเหมือนกัน แต่ส่วนมากใช้การไม่
ค่อยได้ และไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการ (พูดถึงเมื่อก่อนตอนนี้เป็นยังไงก็ไม่รู้)  คงเป็นเพราะขาด
ไม่มีความมั่นใจว่าน้ำประปามีความสะอาดพอที่จะดื่มได้หรือไม่ (ถึงจะบอกว่าสะอาดก็เถอะ)
วันดีคืนดี ก็มีข่าวพบศพลอยขึ้นอืดในคลองประปา (น้ำในคลองประปา เอามาทำน้ำประปาหรือเปล่า?)
ไหนจะสนิมตามท่ออีก มีเงินก็ซื้อน้ำอัดลมหรือน้ำบรรจุขวดมาดื่มสบายใจกว่า ...

พูดถึงเรื่องน้ำฝน ตามต่างจังหวัดส่วนใหญ่ก็ยังดื่มน้ำฝนอยู่ครับ (ในกรุงเทพแถวชานเมืองก็ยังมี)
น้ำฝนที่รองจากหลังคามุงจากจะมีรสหนึ่ง รองจากหลังคาสังกะสีก็จะมีอีกรสหนึ่ง คนที่ดื่มประจำ
จะสามารถแยกแยะได้ (เหมือนกันดื่มไวน์แล้วสามารถบอกยี่ห้อ บอกปีได้)  เวลานำน้ำฝนไปรับ
แขก จะนำขันลงหินใบใหญ่ๆ ไปตักจากโอ่ง เอาไปให้แขก ถ้าแขกมาหลายคนก็เวียนกันดื่ม คนไหน
ปากหวานหน่อยก็จะพูดว่า "แหม น้ำฝนบ้านนี้เย็นชื่นใจดีจัง"  ชมกระทบไปถึงสาวๆ เจ้าของบ้านด้วย
(ถ้าผมเจอใครที่ชื่อน้ำฝน ผมจะเดาไว้ก่อนว่าเธอน่าจะเย็นๆ อาจจะเป็นเนื้อเย็น ใจเย็น หรืออะไรที่มัน
เย็นๆ เหมือนน้ำฝน ส่วนน้ำฝนเย็นขนาดไหนก็ต้องให้คุณ นกข. มายืนยัน เพราะเห็นแกชอบ
เดินตากฝนบ่อยๆ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร)

ส่วนเครื่องดื่มแบบไทย ๆ ผมชอบน้ำมะพร้าว กับน้ำตาลสด ถ้าใครจะซื้อน้ำตาลสดที่บรรจุ
ขวดมาดื่มก็ระวังพวกที่เอาน้ำตาลปี๊บมาละลายน้ำขายด้วยนะครับ
บันทึกการเข้า
แพรมน
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 11 มิ.ย. 01, 23:47

ส่วนแพร ชอบ น้ำ ginger ale เจ้า่คะ หายร้อนดีเจ้าคะ
บันทึกการเข้า
ก.แก้ว
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 11 มิ.ย. 01, 23:50

น้ำระกำที่คุณนนทิราพูดถึงนั้น มีค่ะก็ทำ
จากระะกำนี่แหละค่ะ  มีทั้งที่เป็นน้ำระกำสำเร็จรูปบรรจุขวดขายและถ้าหากจะต้มเองก็ได้นะคะ
 ตอนนี้น่าทำค่ะ เพราะถึงหน้าระกำพอดี
ใช้ระกำที่มีรสเปรี้ยว ลอกเปลือกออก  ระวังตำมือ จะใช้ทั้งเม็ดโดยใช้ปลายมีดกรีดตามยาวไปรอบ ๆ  หรือฝานเอาแต่เนื้อก็ได้ค่ะ  ต้มน้ำให้เดือด  ใส่ระกำลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย  และเกลือ ชิมรสตามชอบ ทิ้งให้เดือดอีกครั้ง ยกลงจากเตา ทิ้งให้เย็น จะใส่น่ำแข็งทุบ หรือแช่เย็นไว้ดื่มก็ได้แล้วอต่ความเข้มข้น
น้ำระกำจะหอม หวาน อมเปรี้ยว เค็มปะแล่ม
ชวนติดใจค่ะ
ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าถึงการทำระกำลอยแก้ว
สนใจไหมคะ  ตอนนี้ดิฉันทำกระท้อนลอยแก้วไว้อ่าง(เล็ก ๆ )ในตู้เย็นค่ะ อยากชวนให้มาชิมจัง
บันทึกการเข้า
แววพลอย
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 12 มิ.ย. 01, 00:40

แวว...สนใจนะคะคุณ ก.แก้ว

ของโปรด แววเลยค่ะ  แต่ทำไม่เป็นค่ะ
วันนี้ขออนุญาตชิมนะคะ กระท้อนลอยแก้ว.. เคยลองทำนะคะ    แต่ยังมีรสฝาดค่ะ  ขอคุณ ก.แก้วช่วยแนะนำเคล็ดลับด้วยค่ะ

ถ้าได้สูตรระกำลอยแก้ว..... ก็ไม่เกี่ยงที่จะทดลองฝีมือค่ะ  แววไม่ถือนะคะ  อะไรที่เกี่ยวกับลอยแก้วนี่  แม้จะเป็นระกำ....นี่ก็สู้ค่ะ
บันทึกการเข้า
จ้อ
แขกเรือน
สุครีพ
******
ตอบ: 1081

แต่งงานแล้วจ้า ...


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 12 มิ.ย. 01, 00:57

มีใครสนใจสูตรน้ำลูกพรุนของคุณแม่ผมบ้างครับ
ไม่ใช้น้ำผลไม้ไทย ... แต่แก้ท้องผูกดีนะครับ... (ดื่มแล้วพรุนจริงๆ)

ทำง่ายมากๆ

เอาลูกพรุน 6-7 ลูก ใส่หม้อต้มน้ำพอเละๆ
ใส่น้ำตาลปรุงรุสตามชอบใจ
สีสัน และ รสชาติ คล้ายน้ำลำใย

แต่ถ้าท้องเสียอย่าโทษกันนะครับผม
บันทึกการเข้า
แววพลอย
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 12 มิ.ย. 01, 01:04

คุณ Jor คะ ....
ไม่ทราบหรือคะ ว่า น้ำลูกพรุนนี่ ของโปรด สาวๆนะคะ  
สาวคนใดที่ต้องการลดความอ้วน  จำสูตรไปใช้ได้เลยค่ะ.....
เพราะน้ำลูกพรุน เป็นยาระบายอ่อนๆค่ะ
บันทึกการเข้า
อ้อมเพชร(กล้า) ศิษย์ บขส.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 12 มิ.ย. 01, 13:25

ที่บ้านก็ยังกินน้ำฝนอยู่ค่ะ  เย็นชื่นใจและรู้สึกว่ามันหวานนิดๆ ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า  น้ำฝนเวลาอยู่ในโองจะเย็น  เอามือสัมผัสโองจะรู้สึกเลยค่ะ  ตอนเด็กๆถ้าร้อนก็ไปนั่งพิงโองน้ำฝนเย็นสบายดีค่ะ
บันทึกการเข้า
อ้อยขวั้น
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 12 มิ.ย. 01, 14:38

คุณแววปอกเปลือกกระท้อนบางไปหรือเปล่าคะ  เลยติดฝาด  ห้ามเสียดายค่ะ  ฝานเปลือกทิ้งไปหนาๆ เลยดีกว่า  มะยงชิดลอยแก้วก็อร่อยชื่นใจดีนะคะ  ไม่ดีแต่ตรงที่เวลาทำมากๆ แล้ว  สีเหลืองติดมือติดมีดอ๋อยไปหมดเลย

ถ้าคุณแจ้งมีโอกาสผ่านถนนบางนา-ตราด  จะเห็นแผงลอยขายวุ้นในลูกมะพร้าว  3 ลูก 50 บาท  ทราบไหมคะว่าคืออะไร  พรุ่งนี้จะมาเฉลยค่า...
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 12 มิ.ย. 01, 16:02

ที่น้ำฝนมีรสพิเศษหวานชื่นใจนั้น ฟังมาว่าอธิบายได้ด้วยวิชาการทางเคมี คือ เมื่อหยาดฝนตกผ่านชั้นบรรยากาศลงมานั้น ได้ผ่านคาร์บอนไดออกไซด์มาด้วย และละลายคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปบ้าง ไม่ใช่เป็นน้ำบริสุทธิ์ล้วนๆ จึงมีรสเฉพาะที่เรารู้สึกว่าอร่อย

น้ำแท้ๆ คือน้ำกลั่นบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรเจือปนนั้น ลิ้นคนเรากินแล้วไม่อร่อยเลยครับ

น้ำฝน+คาร์บอนไดออกไซด์ มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ แต่ไม่มีอันตรายอะไร แต่ถ้าหยดลงหินทุกวันหินมันก็ยังกร่อนได้เหมือนกัน
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 12 มิ.ย. 01, 16:15

พูดถึงน้ำฝนรองจากหลังคาจาก
มีนิทานไทยเก่า (อยู่ในกฏแห่งกรรมของคุณ ท. เลียงพิบูลย์ ?) เล่าเรื่องที่มีชายเศรษฐีคนหนึ่งจากกรุงเทพฯ ไปรถเสียหรืออะไรสักอย่างอยู่กลางทุ่งในหัวเมือง ต้องเดินตัดทุ่งนามาไกล ทั้งร้อนทั้งเหนื่อยทั้งหิวน้ำ จนไปเจอกระท่อม หรือขนำนาหลังคามุงจากแห่งหนึ่ง มีเด็กอยู่แค่สองคน พ่อแม่ไปทำนาหมด ชายชาวกรุงกำลังจะเป็นลมก็ขอพัก ขอกินน้ำ เด็กหญิงเจ้าของกระท่อมก็ต้อนรับตามมีตามเกิด รีบเอาขันตักน้ำฝนในโอ่งส่งให้ แต่ก่อนจะให้กินก็รูดเอาเศษใบจากมุงหลังคาลงไปลอยในขันเสียหน่อยก่อน ชายคนนั้นกำลังหิวน้ำจัด กำลังนึกดีใจว่าจะได้กินน้ำให้เต็มรักเสียที เห็นดังนั้นก็ไม่พอใจ แต่ก็ต้องรับขันมา ค่อยๆ เป่าเศษใบจากออกไปแล้วจึงดื่ม พอได้น้ำ ได้พักแล้วก็ค่อยสบายขึ้น จึงขอบอกขอบใจเด็กหญิงบ้านนาคนนั้น แต่ขอถามว่า ทำไมต้องเอาเศษใบจากดรยในน้ำสะอาดๆ ให้กินด้วย เด็กคนั้นก็ตอบว่า แม่สอนมาว่าถ้าเจอคนเดินทาง หิวน้ำจัด เหนื่อยจัดอย่างน้านี่ให้ทำอย่างนั้น เพราะถ้าไม่มีเศษใบจากเสียเลย อารามกำลังหิวกำลังเหนื่อย น้าก็จะกินน้ำฮวบเอาๆ เข้าไปจนจุก จะเป็นอันตรายได้ ต้องทำอุบายให้ค่อยๆ กินอย่างนี้แหละ (สมัยนี้คงเรียกว่าภูมิปัญญาชาวบ้าน)
ชายชาวกรุงได้ฟังก็ยิ่งขอบอกขอบใจเด็กหญิงคนนั้น แล้วในที่สุดเมื่อกลับไปกรุงเทพฯ ได้ก็กลับมาตามหาอีก ปรากฏว่า ชายผู้นั้นเป็นเศรษฐีชาวกรุง ได้รับอุปถัมภ์ครอบครัวนั้น และส่งเสียให้เด็กทั้งสองได้เรียนจนมีความสุขตลอดชีวิต
บันทึกการเข้า
แจ้ง ใบตอง
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 12 มิ.ย. 01, 18:24

วุ้นในลูกมะพร้าวที่คุณอ้อยขวั้นพูดถึงคือมะพร้าวกะทิหรือเปล่าครับ...

ถ้าเป็นมะพร้าวกะทิ ตอนเด็กๆ ผมกินบ่อยเหมือนกันแต่เดี๋ยวนี้หากินไม่ค่อยได้แล้ว
ขออธิบายให้เพื่อนๆ ฟังหน่อยครับว่ามะพร้าวกะทิ คืออะไร (สงสัยจะเป็นเอามะพร้าวกะทิ
มาขายสวนแน่ๆ) มะพร้าวกะทิ คือมะพร้าวที่เนื้อมันนิ่มมากๆ นิ่มจนเป็นวุ้น เอามากินกับ
น้ำตาลทรายอร่อยมาก (แต่ถ้าเป็นมะพร้าวทึนทึก ต้องกินกับน้ำตาบปี๊บ อย่างในเรื่องแม่เบี้ย)

ตามปกติมะพร้าวจะไม่เป็นมะพร้าวกะทิกันทุกต้น และต้นที่เป็นมะพร้าวกะทิก็ไม่ได้เป็นกัน
ทุกลูก ส่วนเหตุที่เป็นมะพร้าวกะทิ ผมเข้าใจว่าคงเป็นลักษณะเด่นอะไรสักอย่าง
ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพืชมาอธิบาย

พรุ่งนี้จะมาฟังคุณอ้อยขวั้นเฉลยครับ ว่ามะพร้าวอะไร ๓ ลูก ๕๐
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.08 วินาที กับ 19 คำสั่ง