วัดอุทัยธาราม

[Jerdja]

เนื่องจากกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม ถ้าเกิดข้อผิดพลาดหรือมีเรื่องให้ทุกท่านไม่สบายใจ ต้องขออภัยด้วยครับ

   วัดอุทัยธาราม หรือวัดบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เป็นวัดที่ผมเห็นทุกครั้งที่นั่งรถบนทางพิเศษศรีรัช ขาเข้า ก่อนถึงด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง ๔ จากข้อมูลจากเว๊ปไซต์ http://watutaitaram-bangkapi.blogspot.com/ ทำให้ทราบว่า วัดนี้ป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย จากหลักฐานคือ พระพุทธรูปสมัยอยุธยา ที่พบในเจดีย์เก่า(พังทลายไปแล้ว) และอาจมีการบูรณะในสมัยรัตนโกสินทร์อีกครั้งหนึ่ง สังเกตจากลายซุ้มหน้าต่างศิลปะแบบพระราชนิยม และภาพจิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถ
   ผมและครอบครัวไปวัดนี้เมื่อ วันมาฆบูชา พ.ศ.๒๕๕๗ ไปช่วงสายๆปรากฏว่าอุโบสถปิด สอบถามจากพระก็ทราบว่า จะเปิดอีกทีช่วง ๕ โมงเย็น จึงเป็นเหตุทำให้ต้องมาวัดนี้ ๒ รอบในวันนั้นครับ
   อุโบสถ และ วิหาร

[Jerdja]

ทำไมรูปไม่ขึ้น เดี๋ยวขออนุญาตแก้ไขสักครู่ครับ

[Jerdja]

ได้แล้วครับ รูป อุโบสถ และ วิหาร

[Jerdja]

หน้าบัน และลายซุ้มหน้าต่างอุโบสถ เป็นศิลปะแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ ๓

[Jerdja]

วิหาร ตั้งอยู่ด้านข้างพระอุโบสถทางทิศเหนือ มีลักษณะสถาปัตยกรรมคล้ายคลึงกัน แต่มีขนาดย่อมกว่า

[Jerdja]

พระประธานในอุโบสถ มีพระนามว่า หลวงพ่อสุโข เพราะเป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย ด้านข้างประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร และปางห้ามญาติขนาบซ้าย-ขวา
[/img]

[Anna]

วัดสวย สะอาดดีนะคะ

[siamese]

เนื่องจากกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผม ถ้าเกิดข้อผิดพลาดหรือมีเรื่องให้ทุกท่านไม่สบายใจ ต้องขออภัยด้วยครับ

   วัดอุทัยธาราม หรือวัดบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เป็นวัดที่ผมเห็นทุกครั้งที่นั่งรถบนทางพิเศษศรีรัช ขาเข้า ก่อนถึงด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง ๔ จากข้อมูลจากเว๊ปไซต์ http://watutaitaram-bangkapi.blogspot.com/ ทำให้ทราบว่า วัดนี้ป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย จากหลักฐานคือ พระพุทธรูปสมัยอยุธยา ที่พบในเจดีย์เก่า(พังทลายไปแล้ว) และอาจมีการบูรณะในสมัยรัตนโกสินทร์อีกครั้งหนึ่ง สังเกตจากลายซุ้มหน้าต่างศิลปะแบบพระราชนิยม และภาพจิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถ
   ผมและครอบครัวไปวัดนี้เมื่อ วันมาฆบูชา พ.ศ.๒๕๕๗ ไปช่วงสายๆปรากฏว่าอุโบสถปิด สอบถามจากพระก็ทราบว่า จะเปิดอีกทีช่วง ๕ โมงเย็น จึงเป็นเหตุทำให้ต้องมาวัดนี้ ๒ รอบในวันนั้นครับ
   อุโบสถ และ วิหาร

ยินดีครับ เป็นวัดแถวบ้านผมเลย

[Jerdja]

ภาพจิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถนั้น ปรากฏแค่ที่ผนังระหว่างหน้าต่างและประตู เนื้อหาเป็นเรื่องพุทธประวัติ ส่วนเรื่องยุคสมัยนั้น ส่วนตัวคิดว่าน่าจะอยู่ในสมัย ร.๕ รบกวนท่านผู้รู้ด้วยครับ

[Jerdja]

คุณ Anna - ใช่ครับ วัดนี้เป็นวัดที่เงียบ และสะอาดมาก แม้ว่าจะอยู่ใกล้บันเทิง อย่าง RCA และสถานที่กำลังก่อสร้างหน้าวัดครับ
คุณ siamese - วัดนี้ก็ไม่ไกลจากบ้านผมเช่นกันครับ เพิ่งทราบเหมือนกันว่ามีของดีอยู่ใกล้บ้าน
  

[siamese]

การแทรกภาพสามารถทำได้ โดยไม่ผ่านเวปฝากรูป ให้กดตาม 1-2-3 ได้เลยครับ

[Jerdja]

   ขอปิดท้ายกระทู้ด้วยภาพศาสนสถานอื่นๆในวัด ในภาพคือ ศาลาการเปรียญ และพระพุทธฉายในภูเขาจำลองหน้าอุโบสถ ในวัดยังมีหอระฆังไม้เก่าแก่ มณฑปพระพุทธบาทจำลอง และศาลาเก็บโบราณวัตถุเก่าของวัด เช่น หน้าบันอุโบสถของเดิม ชิ้นส่วนช่อฟ้า ใบระกา ฯลฯ น่าเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายภาพมา
   ครับ ขอจบกระทู้เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณมากครับที่ติดตามและอ่านกระทู้แรกของผม

 

 

[Jerdja]

คุณ siamese - ขอบพระคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ กระผมลองมาหลายวิธีรูปก็ไม่ขึ้น ต้องทำอย่างนี้นี่เอง...
 

[siamese]

พระเจดีย์ย่อมุมปิดทองคำเปลว ก่อสร้างแทนเจดีย์เก่า บรรจุของที่ค้นพบสมัยกรุงศรีอยุธยา

ในการเปิดพระเจดีย์แห่งใหม่นี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เสด็จพระราชดำเนินมาเปิดพระเจดีย์ ปัจจุบันนี้ทองคำเปลวหลุดลอกไปมากแล้ว

ประวัติวัดอุทัย (จากเวป) วัดอุทัยธาราม (บางกะปิ) ตั้งอยู่เลขที่ ๒ ริมทางรถไฟสายตะวันออก หมู่ที่ ๕ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง จังหวัดกรุงเทพมหานครฯ  สังคณะสงฆ์มหานิกาย วัดนี้มีที่ดินตั้งวัด เนื้อที่ ๓๑ ไร่ ๒ งาน ๘๕ ตารางวา อาณาเขตทิศเหนือกว้าง ๑๘๙.๔๐ เมตร ติดกับที่ดินเอกชน ทิศใต้กว้าง ๒๓๐ เมตร ติดกับทางรถไฟสายตะวันออก ทิศตะวันออกกว้าง ๒๒๑ เมตร

ติดกับที่ดินของกรมธนารักษ์ (ที่ตั้งสถานีโทรทัศน์ แห่ง ประเทศไทย ช่อง ๑๑) ทิศตะวันตกกว้าง ๒๒๑ เมตรติดกับคลองบางกะปิ ที่ดินที่อยู่ตรงฝั่งตรงข้ามของวัด ซึ่งเป็นที่ดินของวัดได้จัดให้เป็นที่อยู่ตรงข้ามของวัด ซึ่งเป็นที่ดินของวัดได้จัดให้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนประชาบาล ปัจจุบันนี้สังกัดอยู่กับ ส.ป.ช.

     พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงในฤดูฝน ตั้งอยู่ริมคลองบางกะปิ มีลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้าภายในวัดประกอบด้วยเสนานะสิ่งปลูกสร้างดังนี้ พระอุโบสถขนาดกว้าง ๑๕.๓๐ เมตร ยาว ๓๘.๐๐ เมตร วิหารซึ่งตั้งอยู่ติดกับพระอุโบสถอีกหนึ่งหลัง กุฎิสงฆ์จำนวน ๒๗ หลัง มีทั้งอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก และเป็นครึ่งตึกครึ่งไม้ และ อาคารไม้ หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ สำหรับปูชนียวัตถุมีพระประธานหล่อด้วยทองเหลืองหน้าตักกว้าง ๑.๕ เมตร สมัยสุโขทัย และพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนเนื้อสัมฤทธิ์หนึ่งองค์ หน้าตักกว้าง ๑ ศอก เป็นสมบัติของเก่าซึ่งหาประวัติการสร้างไม่ได้ว่าได้จัดทำขึ้นหรือสร้างในสมัยใด

     วัดอุทัยธาราม หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “วัดบางกะปิ” เพราะวัดนี้ตั้งอยู่ริมคลองบางกะปิ ท้องที่ตำบลบางกะปิ อำเภอบางกะปิ จังหวัดพระนครในอดีต ซึ่งชาวบ้านมักนิยมเรียกกันอย่างนั้น

     วัดอุทัยธาราม (บางกะปิ) นี้ไม่ทราบหลักฐานในการสร้างวัดที่แน่ชัด เป็นแต่ท่านผู้ใหญ่ได้เล่าสืบต่อกันมาว่าซึ่งสันนิษฐานว่าคงเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง อาจจะสร้างขึ้นมาแต่ครั้งโบราณ และได้มีผู้บูรณะต่อตามที่ได้เล่ากันสืบมาว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ประมาณ พ.ศ. ๒๓๑๐ และต่อมาเนื่องจากกรุงศรีอยุธยาแตก แม่ทัพนายกองทั้งหลายได้อพยพหนีภัยสงครามลงมาด้วย และเมื่อผ่านลงมาพบเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของคลองบางกะปิ ซึ่งเป็นสถานที่สงบเงียบ จึงได้นำสมบัติมาฝังไว้ ณ ที่มีด้วยแล้วหนีต่อไป เมื่อบ้านเมืองสงบดีแล้วจึงได้กลับมาบูรณะ และสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมาอีก โดยได้จัดสร้างพระเจดีย์ให้ใหญ่ขึ้น และได้นำเอาสมบัติมีค่า และวัตถุมงคลพร้อมทั้งพระบรมธาตุส่วนหนึ่งบรรจุไว้ในเจดีย์ แห่งนี้ และวัดนี้คงเจริญรุ่งเรืองในสมัยนั้น เพราะว่าท่านผู้ใหญ่เคยบอกว่าวัดนี้เคยมีพระสงฆ์มาชุมนุมอยู่มากมาย พร้อมทั้งยังมีปริวาสกรรมอยู่ในกลางทุ่งนานอกวัด และมีทางเดินเท้าติดต่อการคมนาคมปูด้วยอิฐทำไว้อย่างดีตลอดต่อไปถึงริมฝั่งคลองสามเสน ซึ่งในปัจจุบันนี้เส้นทางเหล่านี้แทบจะไม่มีเหลือให้เห็นอีกเลย ทั้งนี้เพราะความเจริญของเมืองหลวงได้ขยายตัวออกมามากขึ้น

     วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๗ เวลาประมาณ ๑๑.๑๕ น. ซึ่งตรงกับวัน วิสาขบูชา วัดนี้ได้ถูกกระทบจากภัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ซึ่งตรงลูกระเบิดทำให้องค์พระเจดีย์โค่นลง เพราะแรงสะเทือน และความเก่าแก่ขององค์พระเจดีย์ แม้ฝั่งที่ตั้งของวัดก็ถูกระเบิดกุฏิพระสงฆ์พังเสียหายลงอีกสองหลัง

     วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๘ ต่อมาได้มีการขุดค้นฐานซากพระเจดีย์ใหญ่ได้พบวัตถุโบราณต่างๆ เช่นพระเครื่องเนื้อชินสนิมแดง พระยอดธง พระโคนสมอ พระพุทธรูปบูชา และพระบรมธาตุ ซึ่งสมบัติต่างๆ นี้บางส่วนได้จัดจำหน่ายหารทุนสร้างเสนานะ บางส่วนก็ได้ขึ้นบัญชีไว้ และนำเก็บรักษา จากที่ได้พบกับวัตถุต่างๆ นี้ จึงน่าจะสันนิฐานไว้ว่าวัดนี้คงจะเป็นวัดพระยาอุทัยได้บูรณะหรือสร้างขึ้นจริงจึงได้นำเอานามว่า “อุทัย” นี้มาเป็นนามของวัด เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๘ ส่วนหลักฐานอื่นที่จะนำมายืนยัน ประวัติของวัดนี้ไม่มีบ่งชี้ให้แน่ชัด ทั้งหมดเป็นแต่เพียงข้อสันนิษฐานและคำบอกเล่าของท่านผู้ใหญ่เท่านั้น

[Jerdja]

ขออนุญาตกล่าวถึงวัดอีกวัดหนึ่งซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากกันเท่าไหร่

   บริเวณแยกเอกมัย ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ สามารถมองเห็นเจดีย์พุทธคยาจำลองสีทองอร่าม ในพื้นที่ของ " วัดภาษี " วัดเก่าแก่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่ชื่อว่าวัดภาษี มีที่มาจากผู้สร้าง เป็นเจ้าหน้าที่เก็บภาษีจากพ่อค้าที่ขนส่งสินค้าทางเรือในคลองแสนแสบ
   ภายในวัดมี อุโบสถสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีเสาพาไลหน้าหลัง เสมาอยู่ในซุ้มทรงเกี้ยว มีเจดีย์ข้างอุโบสถ ล้อมรอบด้วยระเบียงคตอีกทีหนึ่ง (รู้สึกว่าวัดที่มีระเบียงล้อมอุโบสถ หาได้ยากในแถบชานเมืองกรุงเทพฯ) เท่าที่จำความได้เมื่อไปวัดนี้ตอนเด็กๆ มีภาพจิตรกรรมปรากฏอยู่สองที่ คือ บริเวณผนังประตูทางเข้าอุโบสถ เป็นภาพเทวดาเหาะมานมัสการพระพุทธเจ้า ส่วนอีกที่หนึ่งคือ ผนังระเบียง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเรื่องทศชาติชาดก จำไม่ได้เสียแล้วว่า เป็นภาพสมัยเก่า หรือสมัยใหม่ แต่วาดเป็นแบบไทยประเพณี และฝีมือปราณีตทีเดียว
   แต่ทว่า...ทั้งอุโบสถ เจดีย์ และระเบียง ได้ถูกรื้อลงเพื่อสร้างอุโบสถหลังใหม่หลังคาสีทองอร่ามเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ น่าเสียดาย...น่าเสียดายจริงๆ