เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
อ่าน: 18203 พระบรมศพพระเจ้าสีป่อ
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 24 พ.ค. 18, 09:46

ท่านกำลังน้อยอกน้อยใจอยู่กระมังครับ
(ถ้าเป็นข้อสอบสมัยนี้ อาจจะถามว่า ข้อความนี้ผู้พูดรู้สึกอย่างไร? ก) เสียใจ ข) คับข้องใจ ค) น้อยเนื้อต่ำใจ ง) ถูกทุกข้อ อะไรประมาณนั้น) 
บันทึกการเข้า
ราชปักษา
อสุรผัด
*
ตอบ: 23


ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 25 พ.ค. 18, 22:06

ถ้านี่เป็นข้อสอบ ผมกา ข.
บันทึกการเข้า
ราชปักษา
อสุรผัด
*
ตอบ: 23


ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 17 ต.ค. 18, 22:26

แต่ผมยังติดใจ ข้อเท็จจริง ที่บอว่า พระเจ้าสีป่อทรงอ่านหนังสือพิมพ์ข่าวสาร ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประพาสยุโรป  

แต่ตามพระราชประวัติ พระองค์ไม่ใช่ว่า ไม่ได้ทรงชำนาญภาษาอังกฤษรึครับ ถึงเคยเรียนกับมิชชันนารีฝรั่ง แต่เพียงก็ช่วงสั้นๆ เช่นนี้ พระองค์ทรงอ่านหนังสือพิมพ์ที่น่าจะเป็นภาษาอังกฤษได้เลยรึครับ?  หนังสือ the exile king ก็ยังบอกว่า พระองค์แม้ประทับที่รัตนคีรี ก็ไม่มีโอกาสได้ศึกษษภาษาอังกฤษอีก
(เอาจริง หนังสือเล่มนี้ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องพระองค์ ติดตามข่าวประพาสยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย)
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 18 ต.ค. 18, 06:23

เรื่องราวบางเรื่องนั้น บางที แค่ดูภาพ อ่านคำบรรยายไม่ออกก็เข้าใจได้ครับ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 10 ก.พ. 19, 12:46

อังกฤษในสมัยนั้นถ้าตัดสินตามมาตรฐานศีลธรรมสมัยนี้นับว่าโหดร้ายมาก เนรเทศกษัตริย์จากบ้านเมืองหนึ่งไปสวรรคตที่อีกบ้านเมืองหนึ่ง นอกจากพระเจ้าสีป่อซึ่งถูกอังกฤษเนรเทศไปสวรรคตที่รัตนคีรี ประเทศอินเดียแล้ว จักรพรรดิบาฮาดูร์ชาห์ที่ ๒ จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โมกุลก็ถูกอังกฤษเนรเทศมาสวรรคตที่ย่างกุ้ง ประเทศพม่านี้เหมือนกัน ปัจจุบันพระบรมศพก็ยังอยู่ที่ย่างกุ้งนี่เอง

คุณกรกิจ ดิษฐานได้เขียนขยายความเรื่องนี้ไว้ในบทความ

เยี่ยมสุสานจักรพรรดิองค์สุดท้าย: จากเวียงวังแห่งเดลีสู่ซอกหลืบในย่างกุ้ง

น้อยคนที่จะทราบว่าอังกฤษเนรเทศกษัตริย์พม่าไปตายที่อินเดีย เนรเทศจักรพรรดิอินเดียมาตายที่พม่า ทุกวันนี้พระศพของทั้งสองก็ยังไม่มีโอกาสกลับบ้านเกิดเมืองนอน

พระเจ้าสีป่อ (ธีบอ) กษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า ถูกเนรเทศไปอยู่เมืองไกลปืนเที่ยงที่อินเดีย ริมทะเลอาหรับ ส่วนบาฮาดูร์ ชาห์ที่ ๒ จักรพรรดิองค์สุดท้ายของจักรวรรดิโมกุลถูกเนรเทศจากอินเดีย ไปอยู่เมืองย่างกุ้ง ใกล้กับอ่าวเบงกอล

ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ผู้เขียนเดินเตร่ไปตามท้องถนนของย่างกุ้ง ท่ามกลางอาคารยุคอาณานิคมที่เก่าคร่ำคร่า คือสุสานของบาฮาดูร์ ชาห์ จักรพรรดิโมกุลองค์สุดท้ายของจักรวรรดิโมกุล ที่ระหว่างถนนชเวดากองกับถนนอูวิสาระ พระองค์เป็นทั้งจักรพรรดิ นักบุญของชาวศูฟีย์และสัญลักษณ์ชาตินิยมต้านอังกฤษที่ผู้นำอินเดียและปากีสถานต่างพร้อมใจกันมาคำนับ   

ตอนที่ผู้เขียนเดินทางไปถึง ชาวศูฟีย์กำลังประกอบพิธีสวดเหนือหลุมพระศพด้วยท่วงทำนองที่สะกดความรู้สึก จะโหยหวยครวญคร่ำก็ไม่ใช่ จะสรรเสริญเยินยอก็มีบางจังหวะ เป็นพิธีที่ Solemn คือสุขุมลุ่มลึกและเต็มไปด้วยอารมณ์ในเวลาเดียวกัน

แม้จะคุยกันคนละภาษา ผู้ดูแลที่เป็นเอเชียใต้ในพม่าให้การต้อนรับอย่างดี เขาคงจะดีใจที่มีคนแปลกหน้ามาเยือนนอกจากศาสนิกชาวอินเดีย-ปากีสถาน หรือฝรั่งบางคน

สำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์อันน่าสลดใจของการสิ้นแผ่นดิน สิ้นราชวงศ์ สุสานสุสานของบาฮาดูร์ ชาห์เป็นอีกที่ที่ควรแวะเวียนไปชมท่ามกลางของที่น่าชมอีกมากในย่างกุ้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสุสานของพระนางศุภยาลัต ซึ่งตั้งอยู่อีกซีกถนนหนึ่งไม่ไกลจากกัน คือถนนมุ่งไปยังประตูด้านทิศใต้ของพระเจดีย์ชเวดากอง คือที่ Kandawmin Garden Mausolea

ความรู้สึกในใจของผู้เขียนต่อบาฮาดูร์ ชาห์ เกิดขึ้นอย่างแรงกล้าหลังอ่านบทความเรื่องชะตากรรมของเชื้อพระวงศ์โมกุลหลังตกเป็นเมืองขึ้นอังกฤษเมื่อ ๒-๓ ปีก่อน แล้วนึกถึงภาพของบาฮาดูร์ ชาห์ที่ ๒ จักรพรรดิองค์สุดท้ายของจักรวรรดิโมกุล เป็นภาพที่ถ่ายไว้ก่อนที่พระองค์จะถูกอังกฤษจับขึ้นศาลฐานอยู่เบื้องหลังการลุกฮือต้านอังกฤษ หลังขึ้นศาลถูกส่งตัวไปคุมไว้ที่เมืองพม่าย่างกุ้ง ต้องอยู่อย่างคนอนาถากระทั่งสวรรคตแล้ว อังกฤษก็ยังปิดบังหลุมพระศพ เพราะกลัวคนอินเดียจะใช้เป็นหลักยึดเหนี่ยวเรียกร้องเอกราช


ภาพของบาฮาดูร์ ชาห์ ถ่ายที่พม่ากับ “มอระกู่” หรือกล้องยาสูบ ภาพของ British Library


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 10 ก.พ. 19, 12:48

ภาพของจักรพรรดิองค์สุดท้ายกับพระเนตรที่ห่อเหี่ยวไร้ความหวัง เป็นภาพที่ดีที่สุดภาพหนึ่งในความคิดผม ... อังกฤษนี่ร้ายนัก พอตีพม่าได้ก็จับกษัตริย์มาคุมไว้ที่อินเดีย แล้วจับจักรพรรดิอินเดียมาคุมตัวไว้ที่พม่า พระบรมวงศ์บางส่วนของทั้ง ๒ ฝ่ายมีชีวิตที่น่าอเนจอนาถพอ ๆ กัน สายตรงของพระเจ้าสีป่อที่กลายเป็นยาจกก็มี ส่วนสายของบาฮาดูร์ ชาห์ต้องขอทานเขากินเช่นกัน

เช่น เจ้าชายมีรซา นาซีร์ อุลมุลก์ รอดจากอังกฤษมาได้ แต่สุดท้ายไม่มีจะกินต้องมาเร่ร่อนขอทาน ขาข้างหนึ่งยังเป็นอัมพาต ต้องใช้ถุงห้อยที่คอ แล้วลากสังขารไปตามท้องถนนของเดลี เจอใครก็ได้แต่มองหน้าขอความเห็นใจ หากคนผู้นั้นทราบว่าพระองค์เป็นเจ้าชายมาก่อนก็จะโยนเศษเหรียญลงในถุงที่ห้อยคอด้วยความเวทนา มีคนถามว่าท่านคือใคร เจ้าชายจะตอบว่า นามของเราคือมีรซา นาซีร์ อุลมุลก์ เป็นพระนัดดาของจักรพรรดิบาฮาดูร์ ชาห์

อีกพระองค์คือมีรซา กามาร์ ซุลตาน พระนัดดาขององค์จักรพรรดิเช่นกัน ต้องเร่ร่อนขอทานในเมืองหลวง ถนนสายเดียวกับที่พระองค์เคยควบอาชาผ่านมาแล้วชาวพาราต้องค้อมคำนับให้ มาวันนี้ทรงกลายเป็นคนจรขอทานเขายังชีพ และเพราะความอับอายจึงต้องหาเลี้ยงชีพยามค่ำคืน แต่เวลาจะขอใครเขากินท่านจะแสดงขัตติยะมานะอยู่บ้าง

ทั้ง ๒ เรื่องนี้อยู่ในบทความชื่อ What happened to the Mughals after the fall of the Mughal Empire? ในเว็บไซต์ DailyO

แต่จะว่าไปแล้วชะตากรรมของเจ้าชายยาจกแห่งโมกุลทั้ง ๒ พระองค์ ยังดีกว่าอีกหลายพระองค์ เช่นเจ้าชายมีร์ซามูฆัล ซึ่งนำการลุกฮือต้านอังกฤษ เมื่อทรงยอมแพ้แล้ว ถูกอังกฤษจับตัวขึ้นเกวียนกับพระโอรสอีก ๒ พระองค์ ครั้นถึงประตูเมืองเดลี มีชาวอินเดียมารุมต้อนรับ คิดว่าเป็นขบวนของเจ้าชายที่กำชัยชนะกลับมา แต่เมื่อมาถึงเจ้าชายทั้ง ๓ พระองค์กลับถูกฝรั่งไล่ให้ลงมาจากเกวียน แล้วจับเปลื้องผ้าผ่อนท่อนบน จากนั้นยิงทิ้งต่อหน้าฝูงชน ตายไปแล้วยังถูกทหารอังกฤษปล้นทรัพย์ที่ติดตัวไว้อีก จากเจ้านายผู้สูงศักดิ์ กลายเป็นศพอนาถา เป็นที่น่าอเนจอนาถยิ่งนัก

ทุกวันนี้มีการตั้งมูลนิธิเพื่อติดตามเชื้อพระวงศ์โมกุลเพื่อช่วยเหลือ เพราะส่วนใหญ่มีฐานะยากจน มีคนหนึ่งดังมากคือ ซุลตานา เบกุมภรรยาของพระราชปนัดดาของจักรพรรดิองค์สุดท้าย ขายน้ำชาริมถนนตามยถากรรม ส่วนสามีเชื้อพระวงศ์ตายไปนานแล้วอย่างแร้นแค้นแสนสาหัส

ชะตากรรมของพวกเชื้อพระวงศ์โมกุลแสดงถึงหลักอนิจจตาได้เป็นอย่างดี จากชีวิตหรูหราฟุ้งเฟื่อง ต้องมานั่งขอทานเขากิน ชีวิตคนเรานั้นอะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้

นึกถึงเจตนารมณ์ในการบันทึกประวัติศาสตร์ของคนโบราณ ดังในคัมภีร์มหาวงศ์ พงศาวดารพุทธศาสนาในลังกา ที่ชี้แจงไว้ว่าการบันทึกประวัติศาสตร์นั้นก็เพื่อ “จะให้เกิดความเลื่อมใสแลสังเวช”


เพราะแม้แต่ “ท้าวพระยาทั้งหลาย ... ก็มิได้เที่ยงถึงแก่มรณะสืบกันมา”

จาก http://www.gypzyworld.com/article/view/1212
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.051 วินาที กับ 19 คำสั่ง