ดำเนินความตามท้องเรื่องต่อจากคราวที่แล้ว
เมื่อเรียนจบการบินทหารและการบินพลเรือนแล้ว เดินทางกลับประเทศไทยเมื่อ วันที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๖
เมื่อนายทหารทั้ง ๓ นาย สำเร็จการศึกษาวิชาการบินและเดินทางกลับถึงประเทศไทย กระทรวงกลาโหมจึงได้เริ่มงานกิจการบินอย่างจริงจัง โดยตั้ง “แผนกการบินทหารบก” ให้ขึ้นอยู่ในการบังคับบัญชาของนายพลโทพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน (พระอิสริยยศในขณะนั้น) จเรการช่าง มีการสร้างโรงเก็บเครื่องบินหลังโรงเรียนพลตำรวจ ปทุมวัน และใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งของสนามม้าสระปทุม (ราชกรีฑาสโมสร) เป็นสนามบิน สนามบินสระปทุมจึงเป็นสนามบินแห่งแรกของประเทศไทย
ในวันที่ ๒๙ ธันวาคม ปีเดียวกัน ประมาณ ๒ เดือนหลังจากเดินทางกลับจากฝรั่งเศส สามทหารเรือได้ทำการบินเพื่อทดลองเครื่องบินที่ซื้อมาที่สนามม้าสระปทุม ครั้งนั้นจอมพลสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยา ภาณุพันธุวงศ์วรเดช กับนายพลเอก สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ เสด็จมาประทับทอดพระเนตร พร้อมด้วยข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรือน กับประชาราษฎร พากันดูอย่างคับคั่ง
เครื่องบินที่ใช้ทดลองบินในวันนั้นเป็นแบบนิเออปอร์ตปีกชั้นเดียว ๓ เครื่อง ใช้เครื่องยนต์โนม ๕๐ แรงม้า ๒ เครื่อง และใช้เครื่องยนต์นิเออปอร์ต ๒๘ แรงม้า ๑ เครื่อง
ผลการทดลองในวันนั้น ได้มีข่าวปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์สมัยนั้นดังต่อไปนี้
"ณ เวลา ๗.๓๐ นาฬิกา เครื่องยนต์ของเครื่องบินลำแรกได้ติดเครื่อง และเครื่องบินลำนั้นก็แล่นออกไปข้างหน้า คนดูพากันโห่ร้อง เมื่อเครื่องบินบินขึ้นไปในอากาศและบ้านข้ามสนามม้าไปอย่างรวดเร็ว เครื่องบินลำนั้นเลี้ยวที่ศาลาแดง และนักบินก็บินเวียนสนามม้าและบินข้ามไปลงดิน เครื่องกีดขวางในสนามม้านั้นน่ากลัวอยู่แต่นักบินก็สามารถเลือกที่ลงได้ และเมื่อตอนที่เครื่องบินล่อนลงสู่พื้นดินนั้น เสียงเครื่องยนต์ก็เบาลงจนเงียบ เครื่องบินลำที่สองบินขึ้นสู่อากาศและบินข้ามโรงเรียนพลตำรวจไป แล้วก็เลี้ยวขวา บินหักมุมโค้งอย่างกว้างไปทางศาลาแดง ก่อนที่จะบินกลับมาลงที่สนาม ต่อมาลำที่ ๓ ก็บินขึ้นไปโดยไม่มีเหตุขัดข้องใด ๆ ในการร่อนลงซึ่งนับว่าทำยากที่สุดนั้น ก็มิได้มีเหตุร้ายอันใดเกิดขึ้น"เครื่องบินแบบนิเออปอร์ตปีกชั้นเดียวที่ใช้ในการทดลองบินวันนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร คุณนวรัตนคงจัดหามาแสดงได้ในไม่ช้า
