naitang
|
ความคิดเห็นที่ 120 เมื่อ 13 ต.ค. 14, 21:38
|
|
เขารู้ความเป็นจริงอยู่แล้วว่า เพชรเป็นธาตุ Carbon ที่เกิดในสภาพสิ่งแวดล้อมที่มีความร้อนและความดันสูง เกิดอยู่ในหิน kimberlite ซึ่งเป็นหินอัคนีที่เป็นทรงแท่งตั้งตรง แสดงถึงการพุ่งแทรกขึ้นมา
ก็คิดต่อไปว่า แล้วจะเป็นหินอัคนีชนิดอื่นที่เกิดในสภาวะสิ่งแวดล้อมแบบนี้จะมีบ้างได้ใหม หากเกิดได้ก็น่าจะเกิดเพชรได้ เพราะองค์ประกอบของการสร้างเพชรที่สำคัญหลีกๆก็มีเพียง ธาตุ carbon ความร้อนสูงๆ แล้วความดันมากๆ เท่านั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 121 เมื่อ 14 ต.ค. 14, 18:17
|
|
ก็ไปควานหาข้อมูลจากบรรดาการศึกษาวิจัยที่ทำกันใน high pressure high temperature lab. โดยเฉพาะในเรื่องของสถานะการอยู่ร่วมทางเคมีและทางกายภาพของสารประกอบต่างๆ (ที่เรียกว่า eutectic point ใน phase diagram) ทำให้ได้ทราบตัวบ่งชี้ที่อยู่ในเนื้อหินที่บอกว่าเกิดมาในสภาพที่มีความร้อนและความดันสูง และสภาพอื่นๆดังที่พบใน kimberlite
ยังผลให้ออสเตรเลียได้พบแหล่งเพชรขนาดใหญ่มาก (ๆ) ในหินที่มิใช่ kimberlite และเป็นแหล่งเพชรสีชมพูอีกด้วย
ความสำเร็จในการค้นพบแหล่งเพชรนี้ เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้พื้นฐานทางทฤษฎี (theoretical approach) ในการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ
โดยความเป็นจริงแล้ว ในการต้ดสินใจดำเนินการในเรื่องใดๆก็ตาม มักจะตั้งอยู่บนฐานของ empirical approach จะตั้งมั่นอยู่บนฐานทางทฤษฎีอย่างเดียวก็ดูจะไม่ประสบผลสำเร็จมากนัก ความสำเร็จต่างๆที่เราได้เห็นได้รับรู้กันทั่วๆไป ซึ่งจัดเป็นนวัตกรรมในเรื่องหนึ่งๆหนี่งนั้น เป็นการผสมผสานทั้งทางทฤษฎีและตัวอย่างที่เคยปฏิบัติกันมาทั้งสิ้น จะเป็นสัดส่วนเท่าใดก็สุดแล้วแต่
คิดเป็น กับ ทำเป็น จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าการ คิดเป็น หรือ ทำเป็น เพียงอย่างอย่างหนึ่งอย่างใด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 122 เมื่อ 14 ต.ค. 14, 18:42
|
|
เมื่อผนวกเข้ากับเรื่องในหลักคิด System sponsor (ผู้มีอำนาจสั่งการ), System mentor (ผู้บริหารที่รู้เรื่อง), และ Operator (ผู้ปฏิบัติการ) ที่ผิดฝาผิดตัว ผิดเพี้ยนไป ก็ได้เรื่องสิครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 123 เมื่อ 14 ต.ค. 14, 18:44
|
|
เขาบอกว่าเป็นเพชรสีชมพูที่หายากของออสเตรเลียค่ะ ชื่อ the Argyle Pink Jubilee ขนาด 12.76 กะรัต ใหญ่ที่สุดเท่าที่เจอมา ราคาประมูลน่าจะอยู่ระหว่าง £20 ถึง £25 ล้านปอนด์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 124 เมื่อ 14 ต.ค. 14, 19:15
|
|
สรุปเอาดื้อๆว่า เราก็เลยยังไม่รู้ว่า เพชรที่พบในลานแร่ดีบุกของเรานั้น มีต้นทางหรือต้นกำเนิดมาจากใหน น่าสนใจตรงที่ไม่มีรายงานพบเพชรในแหล่งแร่แถวปากอ่าวชายทะเลเมืองทะวายในเขตพม่าเลย (หรือผมไม่รู้ก็ไม่ทราบได้) มีพบแต่ในเขตไทย ฉะนั้นแล้ว แล้วต้นตอจะมิอยู่ในเขตไทยหรือ ? (มโนไปหน่อยครับ)
หรือว่ามันเป็นตะกอนส่วนหนึ่งที่กระจายอยู่ในหิน diamictite (หรือ หินในชื่ออื่นๆ) ที่พบอยู่ทางด้านตะวันตกของไทย ซึ่งแท้จริงแล้ว หินนี้จะมีกำเนิดมาจากตะกอนถล่มใต้ท้องทะเล ? หรือว่าจะเป็นตะกอนที่อยู่ในระบบการนำพามาของธารน้ำแข็ง ? ซึ่งก็จะบ่งชี้ทิศทางของต้นตอที่ต่างกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 125 เมื่อ 14 ต.ค. 14, 19:36
|
|
สวยเนอะครับ อาจารย์ครับ uncut diamond หรือ uncut stone หลายๆชนิด ต่างก็มีความงามอยู่ในตัวของเขา เพียงทำการ enhance (ขัดสีฉวีวรรณ) เพียงเล็กน้อย ก็ทำให้เขามีความสวยงามเพิ่มขึ้น เกิดเสน่ห์ลุ่มลึกมากขี้น หลงไหลเขาก็ตรงนี้แหละครับ มิใช่ที่การ make up ขึ้นมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 126 เมื่อ 14 ต.ค. 14, 19:44
|
|
สวยจริงๆค่ะ คุณตั้ง สวยแบบไม่ศัลยกรรม
uncut stones ชนิดต่างๆค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 127 เมื่อ 15 ต.ค. 14, 19:20
|
|
อาจารย์เลือกใช้คำ ศัลยกรรม ผมชอบใจคำนี้ครับ เป็นคำที่ใช้ในการเปรียบเปรยที่ให้ความความหมายลึกซึ้งดีครับ
เลยอยากจะถามอาจารย์ มีอีกคำหนึ่งที่ใช้กัน คือ noble โดยเฉพาะการใช้เป็นคำอธิบายคุณสมบัติทองคำและอีกหลายโลหะธาตุ
noble metal จะแปลหรือใช้คำเปรียบเปรยเช่นใดดีครับ อยู่ยงคงกระพัน ??
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 128 เมื่อ 15 ต.ค. 14, 20:13
|
|
เขาใช้คำว่า โลหะมีสกุล หรือ โลหะมีตระกูล ค่ะ ถ้าเป็นคนก็คงเรียกว่า ผู้ดีมีสกุล หรือ ชั้นสูง มั้งคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 129 เมื่อ 15 ต.ค. 14, 20:33
|
|
ขโมยกระทู้นี้มานานแล้ว เรื่องต่างๆก็ดูจะจบลงด้วยความกังขาที่น้อยลง
ผมก็เลยของเสนอเรื่อง หลุมลึกลับ ในประเทศของเราบ้าง ซึ่งผมได้เห็นอยู่สองสถานที่ คือ ในพื้นที่ราบทางด้านตะวันออกของหมู่บ้านเกริงกราเวีย (ดูเหมือนว่าในปัจจุบันนี้จะสะกดว่า เกริงกระเวีย) ไปจนชิดขอบเขาเนินสวรรค์-บ.สองท่อ (เขตต่อระหว่าง อ.ศรีสวัสดิ์ กับ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี) และในพื้นที่บริเวณที่เรียกว่า บ.สองท่อ ในเขต อ.ศรีสวัสดิ์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่สูงกว่าพื้นที่แรก คือ มีหลุมแฝดอยู่ติดๆกัน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของแต่ละหลุมประมาณ 80 - 100 ซม. แต่ละหลุมลึกประมาณ 3 - 4 เมตร ที่ก้นหลุมมีโพรงเชื่อมติดกัน ผมไม่เคยได้มีโอกาสนับว่ามีทั้งหมดกี่หลุม ที่แน่ๆก็คงมีในหลักร้อย
อีกแห่งหนึ่ง คือ เจดีย์บุอ่อง หรือโบอ่อง ในเขตบ้านวังปาโท่ ต.ชะแล อ.สังขละบุรี (ชื่อเพี้ยนมาหลายทอด ตั้งแต่ ตำรองพาดู๊ ภาษากะเหรี่ยงที่หมายถึงตลื่งแม่น้ำสูง มาเป็นวังปลาโท้ ก่อนจะมาเป็นวังปาโท่ แล้วก็ไม่เหลือให้เห็นเพราะถูกน้ำของอ่างเก็บน้ำเขื่อนเขาแหลมท่วมหมด) เห็นเจดีย์นี้ตั้งอยู่บนโขดหินกลางแอ่งที่มีน้ำและต้นบัวล้อมรอบ แล้วต้องนึกถึงพระราชวังที่เมืองมัณฑะเลย์ของพม่า น้ำของเขื่อนเขาแหลมท่วมหมดแล้วครับ ผมไม่รู้ประวัติที่แท้จริง เดาเอาว่าเป็นสถานที่ทางจิตวิทยาของทัพพม่าในสมัยสงครามเก้าทัพ
ไม่รวมอีกหลายหลุมตื้นๆที่พบตามแนวเส้นทางรถไฟสายมรณะ (สันเนินดิน) ซึ่งเป็นหลุมจากการทิ้งระเบิด และรวมทั้งหลุมที่ล้อมด้วยเนินดินเป็นวงกลม ที่พบให พบเคื่องเชี่ยนหมาก พบหอก ดาบ โกลนม้า ฯลฯ ในแถบบ้านวังปาโท่ ซึ่งเป็นหลุมศพกลาง ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 130 เมื่อ 15 ต.ค. 14, 20:58
|
|
เจดีย์บุอ่อง หรือโบอ่อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 131 เมื่อ 17 ต.ค. 14, 18:54
|
|
ขอบพระคุณภาพนี้ของอาจารย์ครับ
ภาพนี้คงจะถ่ายในช่วงเขื่องเขาแหลมกำลังสร้าง เพราะเป็นช่วงที่ทางอำเภอได้เริ่มจัดงานบุญประจำปีอย่างจริงจังของเจดีย์นี้ ก่อนหน้านี้มีสภาพเป็นศาสนสถานร้าง แทบจะไม่มีใครรู้จักเลย เพราะอยู่นอกเส้นทางหลักระหว่าง อ.ทองผาภูมิ กับ อ.สังขละบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไปได้เฉพาะในหน้าแล้ง เส้นทางแยกไปหาเจดีย์นี้ก็ไม่มีป้ายใดๆ เป็นที่ราบๆ เป็นป่าแพะ (ป่าโปร่ง) พอเข้าหน้าฝนการสัญจรระหว่างอำเภอก็จะไปใช้เรือหางบาวขนาดเล็กแทน เรือหางขนาดใหญ่หน่อยก็ไปไม่ได้เพราะมีแก่งเยอะมาก สมัยประมาณปี พ.ศ.2516 นั้น ค่าเช่าเหมาเรือขึ้นไป อ.สังขละฯ ราคาประมาณ 1,500 บาท แพงแสบทรวงเลยใหมครับ เพราะต้องเสี่ยงกันทั้งเรือและผู้ว่าจ้างว่าจะรอดไปถึง อ.สังขละฯ ได้อย่างปลอดภัยใหม ก็จนกระทั้งเมื่อ กฟผ.เริ่มสร้างเขื่อนเขาแหลมนั่นแหละครับ จึงได้เริ่มมีข้อกังขากันว่า จริงๆแล้วน้ำของอ่างเก็บน้ำจะท่วมวัดวังวิเวการาม (หรือวัดของหลวงพ่ออุตตมะ) หรือไม่ ซึ่งเป็นช่วงที่โบสถ์ของวัดได้ปูพื้นหินอ่อน (ของ บ.หินอ่อน จก._รัฐวิสาหกิจ) เสร็จพอดี จึงได้มีการทำการรังวัดตรวจสอบอย่างจริงจัง ก็พบว่า เส้นชั้นความสูงในแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 ณ จุดที่ตั้งของวัดนั้น สูงกว่าความเป็๋นจริงประมาณ 20 เมตร (ขณะที่ ณ จุดบ้านอีต่อง_เหมืองปิล๊อก ก็ต่ำกว่าความเป็นจริงประมาณ 31 เมตร) น้ำจะต้องท่วมแน่ๆ ต้องย้ายวัดแน่ๆ แถมเป็นช่วงที่หลวงพ่อก็กำลังดังสุดๆ นั่นแหละครับ เป็นเหตุให้มีคนสัญจรมากขึ้น เส้นทางคมนาคมจึงมีการดูแลบูรณะให้ดีมากขึ้นพอที่จะพอสัญจรได้ตลอดทั้งปี พ่วงกับการต้องอพยพชาวบ้านหลายหมู่บ้านออกนอกพื้นที่น้ำท่วม เส้นทางไปเจดีย์บุอ่องจึง (ที่จริงผ่าน) สะดวกมากขึ้น ก็เลยเกิดงานประจำปีที่ราชการเข้าไปยุ่งด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 132 เมื่อ 17 ต.ค. 14, 19:37
|
|
ผมจะหายหน้าไปประมาณ 1 สัปดาห์ครับ ไป ตจว. เช่นเคย
ที่จริงกำลังนึกถึงการเล่าเรื่อง สองท่อ ด้วย เพราะเป็นเรื่องทั้งทางสังคม เทคโนโลยี และประวัติศาสตร์ ปนๆกันอยู่ ว่าจะยังอยู่ในเรื่องของกระทู้นี้ หรือจะแยกเป็นอีกกระทู้หนึ่ง เพราะเกี่ยวกับพื้นที่การเคลื่อนไหวของสงครามเก้าทัพในย่านนี้จนถึงสมัยแรกๆของยุครัตนโกสินทร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 133 เมื่อ 17 ต.ค. 14, 21:20
|
|
ตั้งกระทู้ใหม่ดีกว่าค่ะ เนื้อหาน่าสนใจมาก และน่าจะยาวด้วย ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 134 เมื่อ 30 ต.ค. 14, 18:29
|
|
ครับผม อวย (  ทันสมัยหน่อย) ไปตามอาจารย์แนะนำครับ จะขอตั้งชื่อกระทู้ว่า "สองท่อ...บนเส้นทางเดินทัพ" ครับ และน่าจะอยู่ในกลุ่มเรื่องประวัติศาสตร์ไทย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|