ขอแทรกเข้ามาแสดงความเห็นครับ ก่อนที่จะออกจากอ่าวไทยไป
ได้อ่านกระทู้นี้มาด้วยความสนใจตั้งแต่ต้น เพราะเกี่ยวพันกับเส้นทางเดินเรือในกระทู้ที่เคยเขียนไว้เรื่อง อาณาจักรริวกิว
สิ่งที่สะกิดใจในทันที คือ เส้นทางการเดินเรือออกจากปากน้ำที่จะต้องไปยังแถวประจวบฯ แล้วจึงตัดข้ามอ่าวไปทางแหลมญวน พอถึง คห.36 ก็มีภาพแสดงเส้นทางการเดินเรือลงไปทางใต้ของอ่าวไทยทั้งขาไปและขากลับ
ในความรู้ที่พอจะมีของผมนะครับ อธิบายได้ด้วยเรื่องของกระแสน้ำที่หมุนวนอยู่ในอ่าวไทย
ในอ่าวไทยตอนบนสุด (ตัว ก.ไก่) กระแสน้ำจะไหลหมุนวนไปในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา
พอเข้าไปในพื้นที่อ่าวเปิด จะมีวงกระแสน้ำอยู่ 2 วง วงหนึ่งตอนบนจะหมุนตามเข็มนาฬิกา จากแหลมญวนเลาะชายฝั่งตราด-จันทบุรี ไปแถวประจวบฯ แล้วย้อยลงไปในอ่าวข้ามกลับไปแหลมญวน วงที่สองอยู่ตอนล่าง จะหมุนทวนเข็มนาฬิกา จากทางมาเลเซียเลาะชายฝั่งขึ้นมาชนกับวงตอนบน
อย่างไรก็ตาม ทิศทางของลมตามฤดูกาล จะพัดผ่านเหนือผิวน้ำสวนทางกับทิศทางการไหลวนของมวลน้ำได้
ผมดูแผนที่ร่องน้ำที่สันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่าร่องน้ำลึก(แต่แคบ)ทั้งหมดมีความยาวร่วม๒๐กิโลเมตร ตรงปลายชี้เข้าหาฝั่งด้านตะวันตก เลยคิดว่ากระแสน้ำที่เชี่ยวกรากคงจะมีอิทธิพลต่อทิศทางของเรือสำเภาใหญ่ที่กินน้ำลึก ที่จะพัดพาให้ไปในทิศทางนั้นกระมัง
ปกติ เรือสำเภาสมัยนั้นที่จะออกทะเลต้องทอดสมอรออยู่ในแม่น้ำ จนน้ำขึ้นระดับสูงสุดแล้ว น้ำนิ่งหรืออีกศัพท์หนึ่งเรียกว่าน้ำตาย จึงจะเคลื่อนออก ถ้าเร็วไปก่อนหน้าจะกลายเป็นวิ่งทวนน้ำให้ลำบากใช่น้อย น้ำตายจะนิ่งอยู่ระยะสั้นๆแล้วจึงเริ่มไหลลง เรือก็จะลอยตามน้ำออกไปโดยง่าย ถึงเรือใหญ่ๆท้องจะครูดสันดอนบ้างก็ฉุดลากกันไม่ยาก(เมื่อเทียบกับถ้าทวนน้ำ) ระยะทางของร่องน้ำ๒๐กิโลเมตรนั้น ต้องใช้เวลาเดินทางกว่าชั่วโมง กระแสน้ำจะเปลี่ยนจากน้ำตายเป็นน้ำเป็น คือเชี่ยวกรากเต็มที่ เรือใหญ่ที่กินน้ำลึกก็จะยิ่งไหลตามน้ำเร็ว ถ้าลมไม่แรงจริงๆ ใบเรือจะไม่สามารถให้พลังขับเคลื่อนต้านกระแสน้ำได้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของมัน กว่าจะตั้งตัวได้กลางทะเลไต้ก๋งคงคิดว่าเอาเรือไปเริ่มกันแถวสามร้อยยอดดีกว่า
แต่ทฤษฎีนี้ยังหาเอกสารมายืนยันไม่ได้ ผมจึงอุบไว้ นี่เห็นคุณนายตั้งเอ่ยเรื่องกระแสน้ำขึ้นมาเลยเอามาลงไว้เป็นน้ำจิ้ม ไว้กินกับอาหารกวางตุ้งที่คุณม้าจะพาไปเที่ยวกันเมื่อเรือไปถึง
(ในรูปเป็นแผนที่ร่องน้ำที่ผมไปขอยืมมาจากพันทิปครับ จุดแดงกับเขียวคือตำแหน่งทุ่น ให้เรือวิ่งตรงกลาง ซึ่งสมัยก่อนไม่มี ไต้ก๋งต้องชำนาญจริงๆไม่อย่างนั้นจะพาเรือชนฝั่งเลนใต้น้ำ)