เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
อ่าน: 26981 เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 29 มิ.ย. 14, 23:46

จากโพสต์ของท่านใหม่ หรือ พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล   

“ ผมได้รับทราบเรื่องจากผู้ใกล้ชิดสมเด็จพระเทพฯ มาว่า ท่านทรงซื้อที่ดินแปลงเล็ก ในจังหวัดเชียงใหม่ และท่านทรงรับสั่งว่า จะปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ , ขอย้ำนะครับ ปลูกบ้าน ท่านรับสั่งว่า ไม่ปลูกวัง เพราะต่อไปเขา ( เขา??? ) จะไล่ฉัน ไม่ให้อยู่วังแล้ว จึงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อเอง , เหตุที่สมเด็จพระเทพฯ ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดิน ท่านรับสั่งว่าเขาจะได้มายึดไม่ได้ ผมได้ฟังแล้วรู้สึกตีบตันในลำคอ ขอบตาร้อนผ่าว

สงสารท่านเหลือเกินแล้ว พระบิดาทรงงานหนักเพื่อชาติและประชาชนมาตลอด แต่สุดท้ายจะไม่มีอะไรเหลือ ผมในฐานะปวงชนชาวไทย ขอกล่าวคำสัตย์สาบาน ด้วยชีวิต ณ ที่นี้ว่า ผมจะไม่ยอมให้มัน ไอ้ อี ผู้ใด มากระทำต่อพระองค์เยี่ยงนั้นได้ สถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องธำรงอยู่คู่ประเทศไทย ตราบนานเท่านาน..ใครเล่าเหวยจะร่วมสู้กับกูบ้าง “..



บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 29 มิ.ย. 14, 23:57

นี่ถ้าไม่เห็นกระทู้นี้จากท่านนวรัตน ผมก็จะพลอยเชื่อตามการทางฯ แล้วนะนี่ แล้วคงสงสัยต่อไปว่า ม.จ. จุลเจิมท่านมาสร้างกระแสเพื่อจุดประสงค์ทางการเมืองแน่ๆ  พอเห็นแบบนี้แล้วรมณ์เสียตาม ไม่น่าเชื่อว่าเค้ากล้าโกหกแบบหน้าด้านๆ จริงๆ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 30 มิ.ย. 14, 00:23

เคยคิดเช่นเดียวกับคุณประกอบเลย พอมาพิจารณาจริงๆจึงเห็นความเลวของคนจำพวกที่กล้าโกหกประชาชนอย่างหน้าด้านๆ ช่วยๆกันเผยแพร่ต่อหน่อยครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 30 มิ.ย. 14, 10:45

คนที่เชื่อการทางพิเศษก็มีค่ะ    เชื่อขนาดบอกว่า
" เจ้าหน้าที่ก็มักขีดแนวเวนคืนกว้างเป็นพิเศษ  โดยไม่ทันนึกถึงวังสระปทุมมาแต่แรก"
อ่านแล้วขำมาก     ราวกับการทำงานของการทางพิเศษนั้นอยากขีดอะไรก็ขีด  พอบอกว่าเวนคืนก็ลากเส้นปร๊าดไปเลย    ไม่มีการวางแผน  ไม่มีการสำรวจทางวิชาการ     ผ่านสถานที่สำคัญขนาดไหนก็มองไม่เห็น 

มันไม่ใช่ขีดเส้นเล่นต้องเตของเด็กประถมนะคะ ท่าน

ขอแสดงความนับถือท่านชายจุลเจิม ที่กล้าออกมาพูด   ทั้งๆท่านรู้ว่าจะต้องเจ็บองค์ในเรื่องนี้



คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 30 มิ.ย. 14, 11:11

มาอ่านข่าวนี้บ้างค่ะ
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000072882
นายอัยยณัฐกล่าวว่า เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกา และในกรณีที่ดินของวังสระปทุม กทพ.ได้ตรวจสอบแนวเขตทางพิเศษตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 เพื่อสร้างทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่แล้ว
ปรากฏว่าที่ดินบริเวณที่เป็นที่ตั้งของวังสระปทุมอยู่ในแนวเขตพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 แต่ไม่ถูกเขตทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่ ตัดผ่านแต่อย่างใด โดยแนวเขตทางพิเศษบริเวณดังกล่าวอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวังสระปทุม อย่างไรก็ตาม กทพ.กำลังจะพิจารณาทบทวนการดำเนินโครงการนี้โดยเร็วต่อไป


ตามข่าวนี้    แปลว่านายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ยอมรับว่าวังสระปทุมอยู่ในแนวเขตที่จะเวนคืน   แต่ไม่ใช่ถูกตัดผ่านในโครงการทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่?
แต่ในเมื่ออยู่ในเขตเวนคืน  ก็หมายความว่ามีสิทธิ์จะถูกเวนคืนได้เสมอใช่ไหม    ขนาดมีพระราชกฤษฎีกาออกมาว่าเป็นพื้นที่ที่ถูกกันเอาไว้สำหรับเวนคืน แต่จะโครงการไหนว่ากันอีกที    

ชาวบ้านอย่างเราๆ ถ้าเจอว่าบ้านเราอยู่ในแนวเขตที่ถูกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนเข้าให้แล้ว   เพียงแต่ไม่รู้วันไหนเท่านั้นเขาจะมาเวนคืน  ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่จะต้องหาทางขยับขยาย เตรียมที่อื่นเอาไว้อยู่ถ้าหากว่าพอทำได้
ขนาดชาวบ้านอย่างเรายังเดือดร้อนถ้าเจอเข้า    แล้วจะไม่ให้เรารู้สึกร้อยเท่าพันทวีหรือถ้าหากว่าเรื่องนี้มาเกิดกับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน?
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 30 มิ.ย. 14, 11:46

ตั้งแต่ปี ๓๒ จนปีนี้ มีเวลาเท่าไหร่ที่จะแก้ไข แต่ไม่ทำ เพราะอะไร ใครจะตอบประชาชนได้บ้าง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 30 มิ.ย. 14, 12:11

^
ไม่ว่าโครงการอะไรก็ตาม ทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่ไม่ยกเลิก  ไม่แก้ไข แต่ต่ออายุไปเรื่อยๆ ก็มองจุดประสงค์ได้อย่างเดียวว่ามีโครงการให้เดินหน้าต่อไปตามจุดมุ่งหมายเดิม
ได้จังหวะเหมาะๆเมื่อไหร่ก็ลงมือทำได้เมื่อนั้น
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 30 มิ.ย. 14, 12:34

จาก Facebook ของหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล

Chulcherm Yugala

หลายๆท่าน อาจจะกังขา ว่าเรื่องที่ผม Post ลงใน Tweeter เกี่ยวกับ เรื่องสมเด็จพระเทพฯเป็นเรื่องจริง หรือเท็จ และเป็นที่วิพาก วิจารณ์ เป็นวงกว้าง ทั้งในทางที่ดี และเลว......... เรื่องที่ผมยกเอาเรื่องของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มากล่าว มาอ้าง ซึ่งหลายท่าน ตลอดจนสื่อ หลายๆสำนัก กังขา ว่าผมอ้างถึงรับสั่ง ซึ่งไม่มีใครทราบ ว่าจริงหรือเท็จ จนเกิดความตื่นตระหนกตกใจกัน

และนี่แหละคือการแสดงออกของการรักสถาบัน ปกป้องหวงแหน และไม่เพิกเฉย ต่อสิ่งจะเกิดขึ้นกับสถาบัน และสมเด็จพระเทพฯ ของมวลมหาประชาชน ซึ่งผมดีใจ และชื่นใจ ครับ ถึงการแสดงออกในครั้งนี้ และผมไม่เสียใจที่มีคนมาด่าว่าผม แต่ก่อนอื่น ขอจงกรุณาใช้วิจารณญาณ ในการออกมารุมโจมตี ติชมหรือรุมด่าว่าผม ขอความยุติธรรมให้ผมบ้าง
ผมยอมรับว่า เรื่องดังกล่าว ผมได้ฟังจากท่านผู้ใหญ่ ท่านหนึ่ง ที่ผมเคารพ นับถือ และทุกๆท่านอาจจะรู้จักดี แต่ผมไม่ขอเอ่ยนาม แต่ผมขอบอกเพียงว่า ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิด และเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของ สมเด็จพระเทพฯ (อย่างมากๆ ท่านหนึ่ง) ........ ผมได้พบกับท่านผู้ใหญ่ท่านนี้ เราได้พูดคุยกัน ถึงความห่วงใยต่อ บ้านเมืองต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และสมเด็จพระเทพฯต่อมาท่านจึงได้เล่า ในเรื่องดังกล่าวให้ผมฟัง (จะจริง จะเท็จ ผมไม่ทราบ เพราะผมก็มิได้ฟังจากพระโอษฐ์ แต่ผมมิได้กังขา และเชื่อว่าเรื่องที่ท่านเล่ามานี้ เป็นเรื่องจริง มิใช่เรื่องเท็จ แน่นอนเพราะ สมเด็จพระเทพฯ ได้ทรงคุย กับผู้ใหญ่ของผมท่านนี้ตลอดมา และเป็นการส่วนพระองค์ และผมต้องขอย้ำว่า “เป็นการส่วนพระองค์” กับท่านผู้ใหญ่ท่านนี้) ซึ่งเรื่องที่เล่ามานี้ เพราะผู้ใหญ่ของผมท่านนี้ไม่มีความสบายใจ เป็นอย่างมาก ในการที่ได้ทรงปรารภในเรื่องดังกล่าวขึ้นมา คือ เรื่องที่ ทรงไปซื้อที่ดิน และปลูกพระตำหนัก หลังเล็กๆ เมื่อต้องโดนไล่ออกจากวัง............ซึ่งผมจะไม่ลงรายละเอียด เพราะเคยบอก เล่าไปแล้ว

และเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆทุกๆท่านที่ได้ติดตามผม มา คงเข้าใจแล้วนะครับ ว่าผมจะไม่มีวันทรยศ ต่อข้อเขียนของผม เด็ดขาด และขอรับผิดชอบในข้อเขียนของผมแต่ผู้เดียว และการแก้ตัวที่ชั่วร้ายที่สุด คือการโยนความผิดให้ผู้อื่น ซึ่งผมจะไม่ทำเด็ดขาด เพราะเมื่อไหร่ที่ พีๆน้องๆเพื่อนๆ ตลอดคนที่ติดตามผม ได้อ่านจบลง ได้วิพากษ์วิจารณ์ ทั้งในทางที่ดี หรือทางลบ ดังนั้น ผมจึงไม่สามารถที่จะเอาใจใครได้ทั้งหมด แต่ข้อเขียนผมอาจจะ ไม่ใช่ข้อเขียนแบบที่คนไม่เห็นด้วยที่อยากจะอ่านเลย....
หลังจากที่ผมได้รับฟังจากท่านผู้ใหญ่ท่านนี้แล้ว ถึงความห่วงใย ในองค์ สมเด็จพระเทพฯ ผมก็ได้แต่เกิด ความ เศร้าใจ สลดใจในหัวใจ และครุ่นคิดว่า ใครหนอช่างใจร้าย กับคนที่ประชาชน คนไทยค่อนประเทศรัก ไม่ว่าจะมีสีเสื้ออะไร ไม่ว่า แดง เหลือง ขาว หรือประชาชนคนธรรมดา ทหาร ตำรวจ พระภิกษุสงฆ์ ต่างก็รักสมเด็จพระเทพฯ และสถาบันกันทั้งนั้น แต่กลับได้มีพวกใจบาป สารเลวช่างมาทำกับพระองค์ท่านได้ลงคอ
เมื่อผมลา และออกมาจากท่านผู้ใหญ่ท่านนี้แล้ว ผมนึกในข้อปริศนาดังกล่าวไม่ออก ถึงสาเหตุ ว่า ทำไม ทำไม.......... ผมจึ่งเอาเรื่องนี้ไปถกเถียงกับเพื่อนๆบางคน รวมทั้ง อจ และนักวิชาการบางท่านที่สนิทสนมกัน และเราได้ตั้งโจทย์ และย้อนกลับไป สมัย พ.ศ. 2475 เรื่องการยึด วังต่างๆ ของเจ้านาย เมื่อปี พ.ศ. 2475 ของคณะราษฎร์ ที่ยึดดะไปหมดของ ยึดทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่าง ที่เกี่ยวข้องของพวกพระราชวงศ์ (ก็คือเจ้า) เอามาเป็นของรัฐ อาทิ วังต่างๆ ไปเป็นของรัฐ แม้แต่ สำนักงานทรัพย์สิน ส่วน พระมหากษัตริย์ เป็นต้น ...... แต่มานึกกันอีกที ก็ว่า ไม่น่าใช่ เพราะหมดยุคหมดสมัยไปแล้ว และในปัจจุบัน คณะ คสช ถ้าจะยึด คงยึดแต่แรกแล้ว และคณะ คสช ก็ช่างจงรักภักดี ต่อสถาบัน จะตายไป...
จากนั้นพวกเราจึงได้ตั้งสมมติฐานกันใหม่ว่า...... ทำไมสมเด็จพระเทพฯ ถึงต้องรับสั่งว่า จะต้องออกไปซื้อที่ดินและปลูกพระตำหนัก (บ้าน) ใหม่ โดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์.......ใน ที่สุดเราก็ได้คำตอบของ เรื่องนี้ คือ เรื่องเกี่ยวกับ ที่ทรงซื้อที่ดิน โดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์

........... เพราะสมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นขัตติยะราชนารี ไม่ทรงถือเอาผลประโยชน์จากประชาชนตามพระประสงค์ หรือตามพระทัยของพระองค์เอง จึงต้องทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ไปซื้อที่ดิน และปลูกสร้าง บ้าน (พระตำหนัก)
และในข้อกังขาข้อต่อไป..... เราก็ได้ตั้งสมมติฐานกัน ถึงสาเหตุ ทำไมถึงต้องทรงเสด็จออกจากวังสระปทุม ซึ่งวังสระประทุมในอดีตเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เรื่อยมาจนกระทั่งพระองค์เสด็จสวรรคต เมื่อ ปี พ.ศ. 2538 หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานวังสระปทุมให้เป็นที่ประทับของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จนถึงปัจจุบัน ดังนั้น วังสระปทุม ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญแห่งพระราชวงศ์ และชาติ และเป็นพระมรดก ที่หวงแหน ส่วนพระองค์ ซึ่งหากจะย้อนสอบประวัติกันแล้ววังสระปทุม ก็มิได้เป็นของรัฐมาเก่าก่อน จึงจะมายึด หรือไล่ออกกันง่ายๆมิได้

....... ในที่สุด เอวัง ก็มาถึงประการเช่นนี้ และพวกเราก็ถึงบางอ้อ จนได้....... สาเหตุที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ต้องเตรียมพระองค์ ซื้อที่ ปลูกบ้าน (พระตำหนัก ใหม่) เยี่ยง ปุถุชนคนธรรมดาทั้งหลาย ก็สาเหตุ เพราะเป็นเรื่อง ที่หมกเม็ด ปิดปากเงียบกันมานาน คือ “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในพื้นที่ ราชเทวี ปทุมวัน ซึ่งออกครั้งแรกในปี 2530 จากนั้นก็มีการต่อประกาศทุก 4 ปี คือ ในปี 2534, 2538, 2542, 2546, 2550 และครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2554 ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว เพราะที่ปล่อยให้เรื่อง คาราคาซังจนมาถึงทุกวันนี้ เพราะการทางพิเศษ ต้องการรักษาสิทธิในการเวนคืน จึงขอให้รัฐบาลต่ออายุพระราชกฤษฎีกาเรื่อยมา จนถึงปัจจุบันนี้ จริงไหมครับ และใช่ไหมครับ ผู้ว่า และ รองผู้ว่า การทางพิเศษฯ จะปฏิเสธ หรือตอบว่าไม่ทราบ ไหมครับ เพราะเเรื่องนี้มีคนขุดคุ้ย และให้ความสนใจเป็นวงกว้าง ถ้ายังมีคนสนใจ กรุณาอ่านตอนต่อไปครับ

ผมขอหยุดเรื่องพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในพื้นที่ ราชเทวี ปทุมวัน ก่อน กรุณาติดตามตอนต่อไปครับ แต่ผมขอเรียนว่า ขอเขียนและ พูดความในใจผมบ้าง เรื่องที่ผมยกเอาเรื่องของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มากล่าว มาอ้าง ถึงแม้ว่า จะดูไม่ดีงาม ผิดขนบ ประเพณี จนพวก คุณหญิง คุณนาย ตลอดจนคนหัวดำ หัวขาว หัวสั่น หัวคลอนหรือ พวกยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ตลอดบุคคลที่บอกว่าใกล้ชิด มาตำหนิ มาด่า มาว่าผม ว่าเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง ที่จะเอาเรื่อง หรือพระนาม ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มาเอยอ้าง เอามาโหน ในการสร้างความดังให้ตนเอง ผมยอมรับคำด่าว่า คำ ตำหนิ ติเตียนทั้งหมดที่ออกจากปากพวกท่านเหล่านั้น ทั้งคำพูด และข้อเขียน ครับ
แต่ผมอยากจะถามจะย้อนถามพวกท่าน คุณหญิง คุณนาย ตลอดจนพวกคนหัวดำ หัวขาว หัวสั่น หัวคลอน ตลอดบุคคลที่อ้างว่าใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ที่พวกท่านเหล่านั้น เพิกเฉย ไม่คิดอ่านทำการใดที่จะต่อสู้ให้กับสถาบัน ที่เลี้ยงพวกท่านอยู่ มีข้าว น้ำ ให้กิน มีบริวารให้ใช้ แต่กลับคอยแต่จะผูกขาดความจงรักภักดี ซึ่งย่อมเปรียบเหมือนเถาวัลย์พันไม้ใหญ่ไว้เช่นนั้น หามีประโยชน์อื่นใดไม่ได้ และ ถ้าผมไม่พูดถึงเรื่องดังกล่าว เราๆท่านๆ และประชาชนทั้งหลาย ไม่ว่า เหลือง แดงจะรู้ไหมว่าครับว่า ได้ มี “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในพื้นที่ ราชเทวี ปทุมวัน ที่หมกเม็ด ปิดปากเงียบกัน และถ้าต่อไปในอนาคต เกิดมีการเวนคืนกันขึ้น จากคำสั่งของผู้มีบารมี จากต่างประเทศ จะต้องสูญเสียต่อพระหฤทัย(จิตรใจ) ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และวังสระปทุม เกิดต้องโดนเวนคืนขึ้นละ...... ผมจึงอยากถามพวก คุณหญิง คุณนาย ตลอดจนพวกคนหัวดำ หัวขาว หัวสั่น หัวคลอน ทั้งหลายจะรับผิดชอบ กับการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ ได้อย่างไรกัน

ผมจึงอยากขอยกตัวอย่างมาเป็นอุทาหร ศึกษากันของการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ คือเรื่อง พระนางเรือลม ที่สูญเสีย และเกิดโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ยุคแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 เหตุครั้งนั้นทำให้ “สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี” หรือที่เราคนไทยคุ้นกับพระนามของพระองค์ว่า “พระนางเรือล่ม” ซึ่งทรงเป็น พระนางอันเป็นที่รักยิ่งของเจ้าแผ่นดินต้องมาสังเวยชีวิตสิ้นพระชนม์ลง ณ กลางแม่น้ำนั้น..... เหตุการณ์ในคราวนั้น ถึงสามารถจะหาพระศพจนพบ ลักษณะพระศพที่เห็นนำความเศร้าสลดมาสู่สายตาผู้พบเห็นยิ่งนัก ซึ่งเป็นภาพพระนางโอบพระธิดาไว้แนบอก และพระศพที่พบก็จมอยู่ใต้ซากเรือพระที่นั่งนั่นเอง ถึงกับทำให้ “เจ้าเหนือหัว” ของคนไทย “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ถึงกับทรงพระกรรณแสง เพราะกฏมณเฑียรบาลที่ พระยามหามนตรี ( อ่ำ ) สมุหราชองครักษ์ ได้ออกคำสั่งโดยฉับพลันทันทีไม่ให้คนหนึ่งคนใดลงไปช่วย เนื่องด้วยขัดกับกฏมณเฑียรบาล แม้แต่ชาวบ้านสามัญที่ไม่รู้เรื่องว่า กฏมณเฑียรบาลคืออะไร ส่วนพวก (เช่นพวกเรา ในปัจจุบัน)ที่หักหาญเข้ามาช่วยเหลือก็ช่วยได้แต่เพียงนางข้าหลวง สำหรับเรือพระที่นั่งแล้ว พระยา มหามนตรี ได้ออกคำสั่งเด็ดขาดไม่ให้เข้าใกล้แตะต้อง (ก็ คือ พวกคุณหญิง คุณนาย ตลอดจนพวกคนหัวดำ หัวขาว หัวสั่น หัวคลอนหรือ พวกฟันยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม) ถึงกับมีผู้กล่าวว่า ตัวพระยามหามนตรีเองชักดาบยืนตะโกนออกคำสั่งสำทับอยู่ที่หัวเรือ ทำให้พวกชาวบ้านงงงวยนัก เพียงแต่ช่วยพวกข้าหลวงให้ขึ้นเรือที่พายออกไปช่วยแล้วนำส่งขึ้นเรือใหญ่ ส่วนพวกที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็จมหายไปนั้น ก็ได้งมช่วยขึ้นมาทันท่วงที และแก้ไขให้พ้นอันตรายเป็นจำนวนมาก จึงอาจจะกล่าวได้ทีเดียวว่า สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ สิ้นพระชนม์ไปเพราะกฏมณเฑียรบาล กฎหมายอันมีมาแต่โบราณกาล ที่ในปัจจุบันได้ยกเลิกไป แต่ความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันต่อสถาบันไม่ใช่ กฎมณเฑียรบาล อีกต่อไปแล้ว แต่จะเกิดจาก บุคคล พวกที่หัวดำ หัวขาว หัวสั่น หัวคลอน ตลอดบุคคลที่ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ต่อการเพิกเฉย ไม่คิดอ่านทำการใดที่จะต่อสู้ให้กับสถาบัน ที่เลี้ยงให้ มีข้าว น้ำ ให้กิน มีบริวารให้ใช้ แต่กลับคอยแต่จะผูกขาดความจงรักภักดี ย่อมเปรียบเหมือนเถาวัลย์พันไม้ใหญ่ไว้เช่นนั้น หามีประโยชน์อื่นใดไม่ได้ คอยแต่ออกมาโวย อย่าแตะต้อง จะทำให้เสื่อมเสีย ต่อ พระองค์ท่าน เสื่อมเสียต่อสถาบัน

ที่ผมยกตัวอย่าง เรื่องพระนางเรือล่มขึ้นมา ก็เพื่อเป็นอุทาหรสำหรับสำหรับพวกเราทุกคน ว่า เหตุการณ์ ในครั้งนั้นถึงกับทำให้ “เจ้าเหนือหัว” ของคนไทย “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ถึงกับทรงพระกรรณแสง เพราะการผูกขาด (ในปัจจุบัน) และความเคร่งครัด ในกฎมณเฑียรบาล ของพระยามหามนตรี ( อ่ำ ) สมุหราชองครักษ์ (เมื่อสมัยก่อน)
เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องเขียน และบอกกล่าวพวกเรา ให้ทราบในอุทาหรในเรื่องดังกล่าว ถึงแม้ผมจะโดน ตำหนิติฉิน เรื่องที่ผมเขียนออกไปแล้วนั้น เพราะผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ ดังเช่นในอดีต ผมยอมถูกตำหนิ ยอมถูกว่ากล่าว เพราะผมไม่อยากให้เกิด เหตุการณ์ดั่งในอดีต ถึงแม้จะผิดขนบธรรมเนียม จารีต ในสิ่งที่ผมเขียน หรือพูดออกมา ผมไม่หวั่นไหว กับพวกไม่คิดอ่านทำการใดๆ คอยแต่จะผูกขาดความจงรักภักดี พวก เถาวัลย์พันไม้ใหญ่ คอยแต่จะผูกขาดความจงรักภักดี คอย ด่าว่า ติฉินไปเรื่อยๆ เมื่อเรา รู้เห็นเรื่องอับปมงคลแล้ว เรามาหาทางป้องกันดีกว่า อย่าต้องให้มาเสียใจกัน กับเหตุการณ์ ที่ทำให้เราสะเทือนในจิตรใจ แบบ เรื่อง พระนางเรือล่ม และถ้ายังอยากติดตาม กรุณาอ่านต่อไปได้เรื่อยครับ

ม.จ. จุลเจิม ยุคล
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 30 มิ.ย. 14, 12:37

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2557
Chulcherm Yugala
2 ชั่วโมงที่แล้ว
ผมดีใจครับ ที่บทความที่ผมได้ Post ออกไป มีคนเห็นด้วยเพราะตาสว่าง และ มีบางคนไม่เห็นด้วย ด่าว่าผมถึงบรรพบุรุษผม ผมไม่ถือสาครับ เพราะผมถือว่า คนพวกนี้มีนัยน์ตาที่มืดมิด เป็นพวกเถาวัลย์พันไม้ใหญ่ หามีประโยชน์อื่นใดไม่ได้ หรือถ้าจะให้เรียกอีกนัยยะหนึ่งว่าเป็นพวกกบในกะลา ไม่เคยออกมามองดูโลกภายนอก มีแต่จะผูกขาดความจงรักภักดี จนหน้ามืดตาลาย ผมจึงไม่ถือสา แต่อย่างน้อยๆ จะด่าว่าใครถึงบรรพบุรุษควรหันกลับไปดูบรรพบุรุษตัวเองก่อน ว่าดีเลวเพียงใดก็แล้วกัน ก่อนที่จะด่าว่าบรรพบุรุษ ของคนอื่น

เรื่อง พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เลิกพูด เลิกชี้แจ้ง ใครถูก ใครผิด แก้ตัว หรือไม่แก้ตัว กันได้แล้ว ของง่ายๆ ไม่ต้องให้ยืดเยื้อเป็นที่พูดกัน และขยายวงออกไปกว้างขึ้นเรื่อยๆ ถ้า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือหลักธรรมที่ผู้นำต้องยึดถือ คือ ความกล้าหาญบนความถูกต้อง รวมถึงท่านผู้ว่า การทางพิเศษ....... ประกาศยกเลิก พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ในราชกิจจานุเบกษา และมีแผนที่แนบท้าย พรก.เรื่องก็น่าจบได้ และจะได้ไม่เป็นที่ค้างคาใจกันต่อไป ของประชาชน ต่อไป ...อย่ากลัว ผู้มีอิธิพล...แล้วประชาชนจะแสร้งซ้องสรรเสริญ พวกท่านครับ

ม.จ. จุลเจิม ยุคล
บันทึกการเข้า
scarlet
ชมพูพาน
***
ตอบ: 155

โกหกเมียตายไปตกนรก แต่พูดความจริงตายทันที เลือกเอา


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 30 มิ.ย. 14, 13:25

เข้ามาอ่านครับ จริง-เท็จอย่างไรไม่ทราบ แต่ในฐานะประชาชนคนไทย เป็นเรื่องที่ต้องการความชัดเจนครับ

เป็นกระทู้ที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง

บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 30 มิ.ย. 14, 13:32

เห็นชื่อ.....  ก็ขอบอกเล่าให้ฟังนิดนึงครับ จากการทีได้พบเห็นบทความหรือความคิดเห็นของนายคนนี้ตามสื่อหรือ facebook บ่อยๆ

นายคนนี้ จบปริญญาเอกสาขาอะไรสักอย่างในประเทศ มักเขียนประวัติตัวหรูหรา เป็นที่ปรึกษาโน่นนี่ ทำธุรกิจประเมินราคาทรัพย์สินอสังหาฯลฯ
นายคนนี้มักจะเขียนบทความลงในเวบข่าวประชาไทยบ่อยๆ  และถกเถียงเรื่องต่างๆ ตามเว็บบอร์ดต่างๆ  แต่ความเห็นนายคนนี้จะมีแค่ด้านเดียว ไม่มีตรรกะที่ดี  มั่ว  และมีลักษณะปกป้องฝ่ายรัฐบาลเก่าอย่างเดียว
แต่เนื่องจากสังคมไทย คำว่า ดร. มันศักดิ์สิทธิ์ เลยทำให้คำพูดดาดๆ ไร้ตรรกะ ถูกให้ความสำคัญเกินจริง เลยมีการแชร์ข้อความของนายคนนี้บ่อยๆ  ก็เหมือน ดร. ก้องภพ ที่บอกมาพูดเรื่องดาวเรียงตัว อะไรแบบนั้น

ในความคิดผม นายคนนี้เป็นแค่นักไต่ระดับทางสังคม ที่พยายามออกความเห็น ใช้ตรรกะพิกลพิการปกป้องรัฐบาลที่แล้วสุดๆ แบบไม่มีใครขอ ไม่ต้องใช้ เพื่อยกระดับสร้างราคา เพราะอยากเป็นคนวงในของคนต่างแดน  เพียงแต่ยังไม่ได้รับโอกาสนั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 มิ.ย. 14, 13:38 โดย เทาชมพู » บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 30 มิ.ย. 14, 13:36

^
ไม่ว่าโครงการอะไรก็ตาม ทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่ไม่ยกเลิก  ไม่แก้ไข แต่ต่ออายุไปเรื่อยๆ ก็มองจุดประสงค์ได้อย่างเดียวว่ามีโครงการให้เดินหน้าต่อไปตามจุดมุ่งหมายเดิม
ได้จังหวะเหมาะๆเมื่อไหร่ก็ลงมือทำได้เมื่อนั้น

จากที่อ่านจาก link ที่ท่านซายานวรัตน เอามาลงตอนแรก ที่ไม่ยกเลิกต่ออายุไปเรื่อยๆ อาจจะเพราะถ้ายกเลิกการทางจะโดนบริษัทที่รับสัมปทานทางด่วนฟ้อง ฐานส่งมอบพื้นที่ไม่ได้ เลยต้องต่ออายุพระราชกฤฤษฏีกาไปเรื่อยๆ แต่ไม่เวนคืนจริงซักที เรื่องมันเลยอิหลักอิเหลื่อครับ  อาจจะต้องรอจนสัมปทานหมด ไม่มีใครมาฟ้องการทางได้ ถึงค่อยยกเลิก
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 30 มิ.ย. 14, 14:29

    http://www.newsrama2.com/news/topic-6194.html

       หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้เตรียมที่จะเวนคืนที่ดินวังสระปทุม ซึ่งปัจจุบันที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อก่อสร้างทางพิเศษเชื่อมระหว่างทางด่วนศรีรัช และทางด่วนเฉลิมมหานคร ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2554 ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาได้ตีพิมพ์พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวน คืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 โดยระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่
      
       อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา 5 วรรคสาม และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพ บุคคล ซึ่งมตรา 29 ประกอบกับมตรา 42 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา 34 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทสไทย พ.ศ. 2550 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของ บุคคล ซึ่งมตรา 29 ประกอบกับมาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 41 และมาตรา 42 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤาฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
      
       มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554”
      
       มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป
      
       มาตรา 3 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
      
       มาตรา 4 ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการสร้างทางพิเศษ สายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่
      
       มาตรา 5 ให้ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
      
       มาตรา 6 เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่เขตราชเทวีและเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร มีส่วนแคบที่สุดสามร้อยห้าสิบเมตร และส่วนกว้างที่สุดหกร้อยเมตร ทั้งนี้ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
      
       มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
      
       ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

      
      
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 30 มิ.ย. 14, 14:31

     ทั้งนี้ ในตอนท้ายของพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว ระบุว่า เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้ทำการสำรวจเขตที่ดินเพื่อเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณ ที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2550 เพื่อสร้างทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่ ยังไม่แล้วเสร็จ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
       
       สำหรับแนวเวนคืนที่ดินตาม พ.ร.ฎ.ฉบับดังกล่าว ระบุว่ามีส่วนที่แคบที่สุด 350 เมตรและส่วนที่กว้างที่สุด 600 เมตร โดยแนวเวนคืนด้านถนนพระราม 6 เริ่มตั้งแต่สี่แยกพงษ์พระราม บริเวณใต้ทางด่วนศรีรัช ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ามคลองมหานาคเข้าสู่พื้นที่เขตราชเทวี จากนั้นไปทางทิศตะวันออก ผ่านซอยพญานาค ซึ่งกินพื้นที่ชุมชนบ้านครัวเหนือ และชุมชนบ้านครัวใต้ ผ่านสะพานเฉลิมหล้า 56 (สะพานหัวช้าง) ในรัศมี 50 เมตรจากคลองแสนแสบ ก่อนขนานไปกับถนนเพชรบุรีด้านทิศใต้ ห่างจากแยกราชเทวี 370 เมตร ผ่านแยกประตูน้ำ ถนนราชปรารถ ถนนวิทยุ กินพื้นที่อาคารศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซา, ศูนย์การค้าแพลทินัม แฟชั่นมอลล์ และธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสำนักเพลินจิต ก่อนจะบรรจบทางพิเศษเฉลิมมหานคร
       
       จากนั้นแนวเวนคืนที่ดินจะไปทางทิศใต้ ขนานกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร 200 เมตร จากนั้นไปทางทิศตะวันตก ขนานไปกับคลองแสนแสบ ผ่านถนนวิทยุ เมื่อผ่านถนนราชดำริไป 200 เมตร แนวเวนคืนที่ดินจะไปทางทิศใต้ บรรจบกับถนนพระราม 1 ผ่านสามแยกเฉลิมเผ่าในรัศมี 450 เมตร กินพื้นที่วัดปทุมวนารามวรวิหาร และพื้นที่บางส่วนของศูนย์การค้าสยามพารากอน จากนั้นแนวเวนคืนที่ดินจะขึ้นไปทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก ผ่านพื้นที่วังสระปทุม สะพานเฉลิมหล้า 56 (สะพานหัวช้าง) กินพื้นที่ถนนพญาไทในรัศมี 50 เมตรจากคลองแสนแสบ จากนั้นจะเบี่ยงขนานไปกับถนนพระราม 1 ผ่านสี่แยกเจริญผล ซึ่งกินพื้นที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส พระราม 1 ถึงสี่แยกพงษ์พระราม
       
       ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2551 มีการประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินบริเวณที่จะเวนคืนในท้องที่เขตราช เทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เพื่อสร้างทางการพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่ มีผลเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 ใช้บังคับนาน 4 ปี โดยให้ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืน โดยในช่วงที่ผ่านมาการทางพิเศษแห่งประเทศไทยมีโครงการก่อสร้างถนนรวมและ กระจายการจราจร หรือซีดีโรดบริเวณดังกล่าว นับตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2536 เป็นระยะเวลากว่า 19 ปีแล้ว ซึ่งได้บรรจุโครงการดังกล่าวอยู่ในแผนแม่บททางพิเศษที่ต้องดำเนินการ แต่เกิดปัญหาพิพาทกับชาวบ้านในชุมชนบ้านครัวมาโดยตลอด
       
       อย่างไรก็ตาม วันนี้ (3 ม.ค.) เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงการต่ออายุพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว ว่า การต่ออายุ พ.ร.ฎ.ดังกล่าว เป็นการดำเนินงานตามกฎหมายเท่านั้น ส่วนในทางปฏิบัติจะเวนคืนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับนโยบาย ซึ่งต้องหารือกับกระทรวงคมนาคมก่อน สำหรับปัญหาอุปสรรคสำคัญที่ส่งผลให้โครงการก่อสร้างทางลงช่วงถนนราชดำริไม่ แล้วเสร็จตามแผน คือ ไม่สามารถเวนคืนที่ดินบริเวณชุมชนบ้านครัวได้ เพราะประชาชนในพื้นที่คัดค้านอย่างหนัก แต่แนวเส้นทางเวนคืนจะไม่ผ่านพื้นที่วังสระปทุม ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน และเซ็นทรัลเวิลด์ โดยแนวเส้นทางจะเลียบคลองแสนแสบแต่ไม่ข้ามคลองแสนแสบมาฝั่งนี้
       
       อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กทพ.ได้ปรับแบบก่อสร้างบริเวณนี้หลายครั้ง เพื่อเวนคืนที่ดินน้อยที่สุด แต่ชาวบ้านชุมชนบ้านครัวยังคงคัดค้าน ส่งผลให้ กทพ.ไม่สามารถเข้าพื้นที่เพื่อเวนคืนที่ดินได้จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว การต่ออายุ พ.ร.ฎ.เวนคืน ถือเป็นการดำเนินงานปกติ ที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งดำเนินการมาแล้ว 7 ครั้ง ครั้งละ 4 ปี แต่การเวนคืนไม่สามารถดำเนินการได้มานานแล้ว เพราะมีปัญหามวลชนต่อต้านมาก ส่วนในอนาคตจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ต้องเป็นเรื่องของระดับนโยบายที่จะตัดสินใจ


   ผู้ว่าการทางพิเศษพูดไม่ตรงกับหลักฐานในพระราชกฤษฎีกา   ส่วนเรื่องจริงเป็นอย่างไรก็ต้องติดตามกันต่อไป    ส่วนเรื่องถูกฟ้องร้องอะไรนั่นในนี้ไม่เห็นท่านอ้างนี่คะ  บอกแต่ว่าเป็นการดำเนินงานปกติ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 30 มิ.ย. 14, 15:06

อ้างถึง
ไม่ว่าโครงการอะไรก็ตาม ทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่ไม่ยกเลิก  ไม่แก้ไข แต่ต่ออายุไปเรื่อยๆ ก็มองจุดประสงค์ได้อย่างเดียวว่ามีโครงการให้เดินหน้าต่อไปตามจุดมุ่งหมายเดิม
ได้จังหวะเหมาะๆเมื่อไหร่ก็ลงมือทำได้เมื่อนั้น

ถูกต้องที่สุดครับ
ทางที่ปลอดภัยคือให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกานี้ไปเลย
หรือไม่ก็ต้องแก้ไขแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาให้เป็นไปดังที่ผู้ว่าการทางแถลง คือไม่ตัดผ่านวัดและวัง



 
 
 
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.062 วินาที กับ 20 คำสั่ง