เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 04 ส.ค. 14, 16:17
|
|
เมื่อผ้าซิ่นเป็นพระราชนิยม สตรีนำสมัยในรัชกาลที่ 6 จึงแต่งกายด้วยผ้าซิ่นแทนโจงกระเบน โดยเฉพาะเป็นการแต่งกายเต็มยศ ผ้านุ่งในยุคนั้นยาวเพียงข้อเท้า ไม่ลงมากรอมเท้า ส่วนเสื้อเป็นแบบตะวันตก เรียบๆ ไม่มีปก ไม่แต่งด้วยลูกไม้มากมายอย่างเมื่อต้นรัชกาล ตรงกับแฟชั่นตะวันตกที่เปลี่ยนจากลูกไม้กรุยกรายหรูหรามาเป็นแบบเสื้อที่เรียบง่ายขึ้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 05 ส.ค. 14, 12:55
|
|
สงครามโลกครั้งที่ 1 นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกตะวันตกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แม้สงครามสิ้นสุดลง ผลกระทบที่มีต่อชีวิตประจำวัน ทัศนะความคิดอ่าน ค่านิยม ความเชื่อถือ ก็เปลี่ยนแปลงไปจากยุคก่อนสงครามอย่างไม่มีวันกลับมาอีก รวมทั้งการแต่งกายด้วย
โลกที่อลังการด้วยผ้าลูกไม้หรูหรากับกระโปรงยาวลากดินจบลงไปแล้ว ชีวิตใหม่เริ่มขึ้นอย่างเรียบง่ายและกระฉับกระเฉงคล่องตัวกว่า แฟชั่นนี้เองที่มามีอิทธิพลแก่สตรีไทยในช่วงปลายรัชกาลที่ 6
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 05 ส.ค. 14, 12:56
|
|
พระนางเจ้าสุวัทนาเมื่อครั้งยังทรงเป็นเจ้าจอมสุวัทนา ฉลองพระองค์แบบสตรีในยุค 1920s กับซิ่นผ้าไทยซึ่งตัดคล้ายกระโปรงหญิงสาวชาวยุโรป
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 05 ส.ค. 14, 17:40
|
|
ชุดวิวาห์ยุค 1920s ของหญิงสาวตะวันตก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 05 ส.ค. 14, 17:41
|
|
ฉลองพระองค์อภิเษกสมรสของสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 06 ส.ค. 14, 13:52
|
|
จากรัชกาลที่ 6 มาถึงรัชกาลที่ 7 แฟชั่นยุค 1920s ล่วงผ่านเข้า 1930s แบบเสื้อโดยเฉพาะเสื้องานปาร์ตี้ หรือชุดราตรี เป็นแบบเรียบๆเกลี้ยงๆขึ้น แขนแค่ไหล่ เผยให้เห็นช่วงแขนตลอด คอกว้าง ตัวเสื้อยาวทรงตรงลงมาถึงกระโปรงยาวทิ้งตัว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 06 ส.ค. 14, 13:53
|
|
แฟชั่นสตรีไทยเมื่อถึงรัชกาลที่ 7 ก็ก้าวหน้าไปทางตะวันตกอย่างเต็มตัว
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 06 ส.ค. 14, 13:55
|
|
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 07 ส.ค. 14, 16:45
|
|
ฉลองพระองค์สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ตรงกับแฟชั่นยุคปี 1925
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 07 ส.ค. 14, 16:58
|
|
แฟชั่นในยุคปลาย 1920s ประมาณ 1928 ตรงกับรัชกาลที่ 7 พระรูปนี้คือสมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 09 ส.ค. 14, 14:13
|
|
ในค.ศ. 1939 สงครามโลกครั้งที่ 2 ระเบิดขึ้นในยุโรปเมื่อเยอรมันบุกโปแลนด์ ไฟสงครามลามไปถึงฝรั่งเศสและอังกฤษ การแต่งกายของสตรีในยุค 1940s ก็พลิกโฉมเป็นรูปใหม่ที่เหมาะกับสถานการณ์บ้านเมือง ไม่มีชุดแนบเนื้อกรุยกรายดูสำอาง อย่างในศตวรรษก่อน แฟชั่นยุค 1940s เป็นเสื้อผ้าเรียบๆรัดกุม กระโปรงสั้นขึ้นแค่ปิดเข่า เสื้อมีปกมีแขนมิดชิด ถ้าออกนอกบ้านก็สวมโค้ต มีหมวกและถุงมือเรียบร้อยเป็นงานเป็นการ
สำหรับสตรีไทย ยุค 2480s แฟชั่นเดินมาถึงหัวเลี้ยวสำคัญอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การแต่งกายไทย เมื่อจอมพลป.พิบูลสงครามมีโอกาสไปดูงานในประเทศตะวันตก เห็นการแต่งกายของชายหญิงในประเทศเหล่านั้นว่าสวยงามมีระเบียบเรียบร้อย สวมหมวกสวมรองเท้าดูภูมิฐาน จึงกลับมาตั้งกฎหมายกำหนดการปฎิวัติเครื่องแต่งกายชายหญิงไทยให้เหมือนประเทศเหล่านั้น ท่านผู้นำมีความเชื่อว่าประเทศที่เจริญแล้วคนเขาแต่งกายแบบนี้ ถ้าจะทำให้ไทยกลายเป็นประเทศเจริญขึ้นมาบ้างก็ต้องแต่งกายแบบเขาด้วย
มาดูแฟชั่นทศวรรษ 1940s กันนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อ 09 ส.ค. 14, 14:15
|
|
ขณะที่สงครามโลกกำลังคุกคามชีวิตผู้คนอยู่ในยุโรป ญี่ปุ่นก็แผ่แสนยานุภาพเข้ามาในประเทศไทย กรุงเทพกลายเป็นสมรภูมิให้พันธมิตรและญี่ปุ่นทิ้งระเบิดกันเป็นว่าเล่น แต่คนไทยก็ต้องแต่งตัวภูมิฐานกันไปร่วมงานต่างๆที่จัดโดยราชการและเอกชน ต้องสวมหมวกตามหลัก "มาลานำไทยไปสู่มหาอำนาจ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อ 09 ส.ค. 14, 14:18
|
|
สาวงามคนนี้ไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนาม แต่แต่งกายชนะประกวดในงาน"วัธนธัม" ถูกต้องตาม "รัฐนิยม"ของจอมพลป. ทุกประการ มีทั้งหมวก ถุงมือ และรองเท้าแบบฝรั่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 09 ส.ค. 14, 14:20
|
|
ตัวอย่างมาลา(หมวก)ไทย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อ 13 ส.ค. 14, 14:25
|
|
สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงในค.ศ. 1945 สำหรับไทย สงครามมหาเอเชียบูรพาสิ้นสุดลงในพ.ศ. 2488 เมื่อญี่ปุ่นยอมแพ้ ไทยค่อยๆกอบกู้บ้านเมืองขึ้นจากซากปรักหักพังและความยากแค้น นักเรียนไทยจากต่างแดนทยอยกลับบ้าน นำแฟชั่นใหม่มาเผยแพร่ในกรุงเทพด้วย
เมื่อบ้านเมืองสงบ ผู้ชายที่ไปทำหน้าที่ป้องกันประเทศพากันกลับบ้าน ผู้หญิงก็มีโอกาสกลับสู่สภาพ "ผู้ยิ้งผู้หญิง" อีกครั้ง แฟชั่นในยุค 1950s เริ่มเน้นความอ้อนแอ้นอรชรด้วยกระโปรงรัดเอวเล็ก และตัวกระโปรงบานรอบตัว ยาวเลยเข่าถึงครึ่งน่อง ดูอ่อนช้อยแบบหญิงสาว กระโปรงยาวบานแบบนี้เรียกว่า new look ไทยเรียกทับศัพท์ว่ากระโปรงนิวลุค สาวไทยหลังสงครามโลกรับมาเป็นแฟชั่นใหม่ โดยไม่มีหมวก มาลาที่เคยนำไทยไปสู่มหาอำนาจสูญหายไปจากสังคมไทยแล้ว แม้จอมพลป.กลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง ก็ไม่ได้เรียกร้องให้ชายหญิงสวมหมวกอีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|