เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 8
  พิมพ์  
อ่าน: 54180 บะหมี่ราชวงศ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 19 พ.ค. 14, 10:58

     ราชวงศ์ในช่วงก่อนพ.ศ. 2500  ยังมีรถสัญจรไปมาไม่มากนัก  โดยเฉพาะยามค่ำคืนก็มีแต่รถที่มาอุดหนุนบะหมี่ก๋วยเตี๋ยว    จึงสามารถจอดเรียงกันแบบเอาหน้าหม้อรถเข้าได้สบายค่ะ และทำให้มีที่จอดเพิ่มมากกว่าจอดขนานกับบาทวิถีด้วย
       พนักงานจะยกถาดมาเกี่ยวทางซ้ายขวาของรถก็ง่ายกว่า  ไม่ต้องกลัวรถที่วิ่งผ่านไปมาจะเฉี่ยวพนักงาน และเฉี่ยวถาดที่เกาะกับหน้าต่างรถด้วย
บันทึกการเข้า
Namplaeng
ชมพูพาน
***
ตอบ: 183


ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 19 พ.ค. 14, 11:02

จำได้ว่าคนกรุงเมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้ว ไม่ว่าจะไทย แขก หรือเจ๊กจีน มีลักษณะทางสังคมที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ไม่นิยมจะมานั่งกินอาหารนอกบ้านหรือนอกร้านอาหาร ให้เป็นที่ประเจิดประเจ้อของผู้คนที่ผ่านไปมา  
เว้นแต่จะสุดวิสัยเพราะอยู่ระหว่างการเดินทางนอกบ้าน
ร้านค้าริมทางหรือแผงลอยขายอาหารสำเร็จรูปมีโต๊ะบริการแค่ 1 - 2 ตัว ไม่ได้มีมากมายเป็นตับเหมือนปัจจุบัน
คนยุคนั้นหากพึงใจจะกินอะไรจากแผงลอย หรือร้านที่ไม่มีที่นั่งเป็นสัดส่วน เขาจะเตรียมหม้อหูหิ้ว ให้เด็ก หรือคนรับใช้ ไปซื้อหามากินกันในบ้าน






การมานั่งกินเลี้ยงกันที่ลานจะเป็นที่นิยมกันแต่ในกลุ่มที่เรียนจบมาจากเมืองนอกเมืองนา  ร้านอาหารที่ตั้งโต๊ะออกมานอกร้านให้ลูกค้ารับลมแรกมีก็อยู่ย่านถนนราชดำเนินโน่นกระมัง  แล้วภายหลังจึงมาผุดลานเบียร์ที่ละแวกสยามเป็นที่นิยมของวัยรุ่นยุคนั้น
บันทึกการเข้า
Namplaeng
ชมพูพาน
***
ตอบ: 183


ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 19 พ.ค. 14, 11:12

ลักษณะของร้านบะหมี่ในย่านนี้ จะเป็นร้านขายหมี่กวางตุ้ง
ซึ่งจะเป็นหมี่ใส่หมูย่างสูตรกวางตุ้ง หรือปู และมักจะขายคู่กับโจ๊ก
(บะหมี่-ก๋วยเตี๋ยว แต้จิ๋วประเภทใส่ลูกชิ้นปลาจะเป็นแผงลอยซะเป็นส่วนใหญ่)

โดยร้านคนจีนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เสริฟขายคู่กับไอสกรีม หรืออาหารเย็นๆ  

ด้วยขนบหรือความเชื่อจีนเขาถือว่าการตบท้ายมื้ออาหารด้วยไอสกรีมไม่ดีต่อสุขภาพ

เว้นแต่จะเป็นการสั่งซื้อจากร้านค้าข้างเคียง
หรือจะเป็นบริการในภัตตาคารซึ่งมุ่งให้บริการเอาใจลูกค้าเป็นสำคัญ
บันทึกการเข้า
นางมารน้อย
พาลี
****
ตอบ: 306


ทำงานแล้วค่ะ


ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 19 พ.ค. 14, 11:42

เรียนอาจารย์เทาชมพู

สมัยก่อนของอร่อยๆเยอะกว่าเดี๋ยวนี้จริงๆค่ะ เป็นเพราะว่าสมัยก่อนไม่มีการลดต้นทุนแบบเดี๋ยวนี้ เครื่องปรุงเครื่องเคียงทุกอย่างจัดเต็ม ลูกชิ้นก็เนื้อหมูล้วนๆไม่ใช่ผสมแป้ง แต่เดี๋ยวนี้ข้าวของก็แพง วัตถุดิบราคาแพงขึ้นทุกอย่าง ทางร้านค้าก็ต้องหาวิธีการลดต้นทุนเอาเอง ถึงเราไม่ลดต้นทุน พวกร้านเครื่องปรุงต่างๆเขาก็ต้องพยายามลดของเขาเพื่อความอยู่รอด อย่างที่บ้านแฟนเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวแบบโบราณ ของทุกอย่างเตี่ยท่านพยายามท่านเองหมด เพื่อให้ได้คุณภาพ ท่านบอกว่าลดคุณภาพไม่ได้หรอก อยากให้คนกินเขาชื่นชม ๖กว่าจะขอเตี่ยขึ้นราคาทียากแสนยากเพราะเตี่ยสงสารลูกค้าที่มากรับประทาน ทั้งๆที่ต้นทุนนั้นสูงมากแล้วในปัจจุบัน) อย่างซอสปรุงลดท่านก็ใช้ง่วนเชียงเท่านั้นทั้งๆที่ราคาแพงกว่าซอสปรุงรสยี่ห้ออื่นๆ ดิฉันเคยแนะนำท่านว่าเตี่ยทำไมไม่ลองภูเขาทองหรือเด็กสมบูรณ์คะ ท่านก็บอกว่าไม่ได้ไม่เหมือนกัน คนกินประจำเขารู้ สมัยก่อนง่วนเชียงมีฝาขาว อันนั้นหอมอร่อยมากกว่าฝาเขียวอีก แต่ราคาก็สูงมากๆ คนไม่ค่อยซื้อ เขาเลยเลิกผลิตไป นี่ต้องเปลี่ยนมาใช้ฝาเขียวแทน หอมอร่อยไม่เท่ากันแต่พอแทนกันได้ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้ผู้ผลิตเองก็ต้องพยายามลดต้นทุนของตัวเองลง ทำให้รสชาติอาหารแบบที่เราคุ้นเคยสมัยก่อนมันหายไป น่าเสียดายจริงๆค่ะ
บันทึกการเข้า

สวัสดีทุกๆท่านค่ะ
Namplaeng
ชมพูพาน
***
ตอบ: 183


ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 19 พ.ค. 14, 13:31

ที่หน้าร้านทองฮั่วเซ่งเฮง มีร้านบะหมี่อร่อยร้านหนึ่ง ประมาณบ่ายสามบ่ายสี่เค้าจะตั้งหม้อเคี่ยวกระดูกด้วยไฟอ่อนๆอยู่ข้างโรงเรียนที่ลูกเรียน เพื่อจะเอาน้ำแกงมาใส่บะหมี่ พอเคี่ยวไปถึงทุ่ม น้ำแกงก็กำลังได้ที่หวานน้ำต้มกระดูก  

แต่บ่อยครั้งเวลาเดินผ่านโต๊ะที่คนมาทานบะหมี่แล้วก็ให้รู้สึกเสียดายความตั้งใจ ที่เจ้าของร้านเธอใส่ไป เสียดายเวลาที่เธอต้มเคี่ยว เสียดายเชื้อเพลิงและทุกสิ่งที่ใช้ไป

เพราะหลายคนไปกินบะหมี่ด้วยความชอบส่วนตัว ตักเทพริกและเครื่องปรุงลงในชามเสียแซบเว่อร์ สุดท้ายท่านก็กินแต่เส้นหมี่และเครื่อง ปล่อยน้ำแกงที่เค้าใส่ใจต้มเคี่ยวไว้ในชามและก็เททิ้งไปในที่สุด......
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 19 พ.ค. 14, 14:00

ให้ภาพถนนราชวงศ์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗  ซ้ายมือคือสี่แยกราชวงศ์ ขวามือคือไปทางท่าน้ำราชวงศ์

ทางม้าลายกลางภาพคือ ซอยวานิช ๑

ถนนราชวงศ์ฝั่งล่างภาพจะเห็นการจอดรถที่เป็นแนวทแยง จอดกันอย่างเป็นระเบียบ ส่วนฝั่งเหนือ (ฝั่งคิคูยา รวมทั้งฝั่งร้านบะหมี่ รถจอดขนานกับทางเท้า)

ห้างคิคูยา อยู่ตรงทางม้าลายเยื้องขวา

ร้านอาหารสีฟ้า คงอยู่ถัดจากร้านคิคูยาสัก ๔-๕ ห้อง ตรงรถสีขาวสามคัน


บันทึกการเข้า
Namplaeng
ชมพูพาน
***
ตอบ: 183


ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 19 พ.ค. 14, 18:47

ขอบคุณคุณหนุ่มมากครับ ที่กรุณามาขยายโลกทัศน์ของผม
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 19 พ.ค. 14, 20:07

อ้างถึง
จำได้ว่าบะหมี่ราชวงศ์นั้นมีผู้ประกอบการหลายร้าน

๑. ร้านสีฟ้า ก่อตั้ง พ.ศ. ๒๔๗๙

๒. ร้านโภชนาลัย ก่อตั้ง พ.ศ. ๒๔๘๕

๓. ร้านบะหมีกัว ก่อตั้ง พ.ศ. ๒๔๙๐

ยังมีอีกร้านหนึ่งครับที่เก่งเรื่องบะหมี่ แต่ไปดังเอาจริงๆที่ไอสกรีม โดยเฉพาะไอสกรีมทุเรียนที่ร้านนี้คิดสูตรขึ้นเจ้าแรก แต่จะมีเฉพาะหน้าของมัน พ้นไปแล้วก็ต้องหันไปกินไอสกรีมกาแฟที่เด็ดกว่าหลายยี่ห้อสมัยนี้ รู้จักกันในนามว่าไอสกรีมราชวงศ์ 555 ร้านนี้ก็เลยชื่อ “เลี่ยวเลี่ยงเซ้ง 555” ไปเลย สมัยที่ผู้คนนิยมไปจอดรถหาอะไรกินรอบดึก เลี่ยวเลี่ยงเซ้งก็ให้บริการเสริฟโดยใช้ถาดเกี่ยวที่หน้าต่างรถเหมือนกับร้านอื่นๆ

เดี๋ยวนี้เลี่ยวเลี่ยงเซ้ง 555ก็ยังอยู่ แต่จะอร่อยเหมือนเดิมหรือไม่ ผมก็ไม่เคยไป ท่านสามารถตามรู้ประวัติอันรุ่งเรืองของเขาจากเวปนี้ครับ V

http://www.maechoice.com/%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%89%E0%B8%87


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 19 พ.ค. 14, 20:12

ชอบอีหมี่มากๆ เลย เส้นหมี่ที่จี่กับกะทะจนกรอบ โรยหมูแฮม โยนน้ำตาลเอง เหยาะจิ๊กโฉ่วเอง อร่อยมากๆ
บันทึกการเข้า
Namplaeng
ชมพูพาน
***
ตอบ: 183


ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 19 พ.ค. 14, 23:47

ช่วง 2:10 -3:35 มีคำตอบครับว่า ร้านไอสกรีมมาแปลงเป็นภัตตาคารเมื่อไร.....

ส่วนอี(คุณ)หมี่ที่คุณหนุ่มชอบมีภาพเฉลยรูปลักษณ์อยู่ตอนท้าย

ความอร่อยคงต้องว่ากันไปตามรสนิยมส่วนตัว


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 25 พ.ค. 14, 13:41

บะหมี่ราชวงศ์ของร้านสีฟ้า ในปัจจุบัน  นำมาฝากคุณ Anna ค่ะ


บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 25 พ.ค. 14, 15:37

เบื่อกระทู้นี้จริงๆ มาต่างบ้านต่างเมือง ไม่มีเงินกลับไทย  เลยไม่ได้กินบะหมี่มา 3 ปีแล้ว ได้ดูแต่รูป  โกรธ

 ร้องไห้  ร้องไห้  ร้องไห้  ร้องไห้  ร้องไห้  ร้องไห้  ร้องไห้  ร้องไห้  ร้องไห้  ร้องไห้
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
Anna
องคต
*****
ตอบ: 552


ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 25 พ.ค. 14, 15:57

-ขอบพระคุณอาจารย์เทาชมพูค่ะ

-คุณประกอบลองใช้วิธีนี้ซีคะ เวลาที่เราได้ยินว่าใครทำบุญ  เราก็พูดว่าอนุโมทนา  สาธุ  นั่นเท่ากับว่าเรามีส่วนได้ร่วมบุญ
 
 เวลาคุณประกอบอยากทานบะหมี่ ก็ดูรูปในกระทู้นี้แล้วพูดว่า อร่อยจัง  อิ่มตื้อเลยเนอะ   ก็เท่ากับได้กินแล้วค่ะ ยิงฟันยิ้ม
 
บันทึกการเข้า
scarlet
ชมพูพาน
***
ตอบ: 155

โกหกเมียตายไปตกนรก แต่พูดความจริงตายทันที เลือกเอา


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 28 พ.ค. 14, 12:32

ไชน่าทาวน์หรือเยาวราชเป็นแหล่งคนจีนที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย (หมายถึงยุครัตนโกสินทร์) แต่ความจริง คนจีนมาอยู่ในประเทศไทยนานแล้ว ดังที่เล่าๆกันในนี้แหละ ปัจจุบันก็มีอยู่ในทุกจังหวัด ตลาดร้อยปีคงทุกแห่งที่เป็นชุมชนคนจีน แหล่งอารยธรรมสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนในภูเก็ต รวมทั้งอาหารการกินที่สื่อมวลชนไปชิมแล้วมาออกรายการตามสื่อต่างๆก็เป็นอาหารจีนเนื่องจากทำง่ายกว่าอาหารไทย ซึ่งซับซ้อน กรรมวิธีทำไม่มากแต่เครื่องปรุงมาก โน่นนิดนี่หน่อย เอามาผสมกันแล้วเป็นอาหารสุดวิเศษ มีครบทุกรสแฝงเร้นอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ทราบว่าท่านคิดค้นมาได้อย่างไร

คนเก่าๆก็ล้มหายตายจาก นึกไม่ออกว่าอนาคตจะไปหาอาหารไทยอร่อยๆกินที่ไหน
นอกจากอร่อยแล้วยังไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะใส่พืชผักที่สรรพคุณเป็นสมุนไพร (แต่ก่อนคนปรุงคงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก อยู่ใกล้ตัวก็เอามาทำกับข้าว เน้นรสชาติ กลิ่นหอม แก้เลี่ยน การค้นคว้าว่าพืชผักเหล่านี้มีสรรพคุณเป็นสมุนไพรเพิ่งเห็นมีมาภายหลัง ไม่เคยเห็นร้านอาหารไทยแต่ก่อนนี้ที่ไหน ออกโฆษณาว่า เชิญลูกค้ามากินเพราะเป็นอาหารผสมสมุนไพรเหมือนปัจจุบัน)
ครัวไทยมีเครื่องมือ อุปกรณ์ไม่มาก หม้อ ไห กระทะ ตะหลิว ไม่กี่อย่าง แต่ถ้วยชามคงจะมาก เพราะต้องใส่โน่นนี่เต็มไปหมด คลุกเข้ากันแล้ว อร่อยเด็ด ส่วนครัวฝรั่ง เห็นในทีวี อุปกรณ์มาก เตาอบ ตู้แช่ แต่เครื่องปรุงไม่แยะ

..จะมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับอาหารจีน (ระดับชาวบ้าน) เพราะเข้ามาในกระทู้อาหารจีน ไปๆมาๆ ออกทะเลกลายเป็นอาหารไทยไปเสียนี่ เดี๋ยวมีเวลาจะมาใหม่ครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 28 พ.ค. 14, 12:38

ไม่รู้ว่าก๋วยเตี๋ยวต้มยำคืออาหารลูกครึ่งไทย-จีน หรือเปล่า
มาเสิฟเรียกน้ำย่อยไว้ก่อนค่ะ


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 8
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.07 วินาที กับ 19 คำสั่ง