เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 19 พ.ค. 14, 10:58
|
|
ราชวงศ์ในช่วงก่อนพ.ศ. 2500 ยังมีรถสัญจรไปมาไม่มากนัก โดยเฉพาะยามค่ำคืนก็มีแต่รถที่มาอุดหนุนบะหมี่ก๋วยเตี๋ยว จึงสามารถจอดเรียงกันแบบเอาหน้าหม้อรถเข้าได้สบายค่ะ และทำให้มีที่จอดเพิ่มมากกว่าจอดขนานกับบาทวิถีด้วย พนักงานจะยกถาดมาเกี่ยวทางซ้ายขวาของรถก็ง่ายกว่า ไม่ต้องกลัวรถที่วิ่งผ่านไปมาจะเฉี่ยวพนักงาน และเฉี่ยวถาดที่เกาะกับหน้าต่างรถด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Namplaeng
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 19 พ.ค. 14, 11:02
|
|
จำได้ว่าคนกรุงเมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้ว ไม่ว่าจะไทย แขก หรือเจ๊กจีน มีลักษณะทางสังคมที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ไม่นิยมจะมานั่งกินอาหารนอกบ้านหรือนอกร้านอาหาร ให้เป็นที่ประเจิดประเจ้อของผู้คนที่ผ่านไปมา เว้นแต่จะสุดวิสัยเพราะอยู่ระหว่างการเดินทางนอกบ้าน ร้านค้าริมทางหรือแผงลอยขายอาหารสำเร็จรูปมีโต๊ะบริการแค่ 1 - 2 ตัว ไม่ได้มีมากมายเป็นตับเหมือนปัจจุบัน คนยุคนั้นหากพึงใจจะกินอะไรจากแผงลอย หรือร้านที่ไม่มีที่นั่งเป็นสัดส่วน เขาจะเตรียมหม้อหูหิ้ว ให้เด็ก หรือคนรับใช้ ไปซื้อหามากินกันในบ้าน  การมานั่งกินเลี้ยงกันที่ลานจะเป็นที่นิยมกันแต่ในกลุ่มที่เรียนจบมาจากเมืองนอกเมืองนา ร้านอาหารที่ตั้งโต๊ะออกมานอกร้านให้ลูกค้ารับลมแรกมีก็อยู่ย่านถนนราชดำเนินโน่นกระมัง แล้วภายหลังจึงมาผุดลานเบียร์ที่ละแวกสยามเป็นที่นิยมของวัยรุ่นยุคนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Namplaeng
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 19 พ.ค. 14, 11:12
|
|
ลักษณะของร้านบะหมี่ในย่านนี้ จะเป็นร้านขายหมี่กวางตุ้ง ซึ่งจะเป็นหมี่ใส่หมูย่างสูตรกวางตุ้ง หรือปู และมักจะขายคู่กับโจ๊ก (บะหมี่-ก๋วยเตี๋ยว แต้จิ๋วประเภทใส่ลูกชิ้นปลาจะเป็นแผงลอยซะเป็นส่วนใหญ่)
โดยร้านคนจีนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เสริฟขายคู่กับไอสกรีม หรืออาหารเย็นๆ
ด้วยขนบหรือความเชื่อจีนเขาถือว่าการตบท้ายมื้ออาหารด้วยไอสกรีมไม่ดีต่อสุขภาพ
เว้นแต่จะเป็นการสั่งซื้อจากร้านค้าข้างเคียง หรือจะเป็นบริการในภัตตาคารซึ่งมุ่งให้บริการเอาใจลูกค้าเป็นสำคัญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นางมารน้อย
พาลี
   
ตอบ: 306
ทำงานแล้วค่ะ
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 19 พ.ค. 14, 11:42
|
|
เรียนอาจารย์เทาชมพู
สมัยก่อนของอร่อยๆเยอะกว่าเดี๋ยวนี้จริงๆค่ะ เป็นเพราะว่าสมัยก่อนไม่มีการลดต้นทุนแบบเดี๋ยวนี้ เครื่องปรุงเครื่องเคียงทุกอย่างจัดเต็ม ลูกชิ้นก็เนื้อหมูล้วนๆไม่ใช่ผสมแป้ง แต่เดี๋ยวนี้ข้าวของก็แพง วัตถุดิบราคาแพงขึ้นทุกอย่าง ทางร้านค้าก็ต้องหาวิธีการลดต้นทุนเอาเอง ถึงเราไม่ลดต้นทุน พวกร้านเครื่องปรุงต่างๆเขาก็ต้องพยายามลดของเขาเพื่อความอยู่รอด อย่างที่บ้านแฟนเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวแบบโบราณ ของทุกอย่างเตี่ยท่านพยายามท่านเองหมด เพื่อให้ได้คุณภาพ ท่านบอกว่าลดคุณภาพไม่ได้หรอก อยากให้คนกินเขาชื่นชม ๖กว่าจะขอเตี่ยขึ้นราคาทียากแสนยากเพราะเตี่ยสงสารลูกค้าที่มากรับประทาน ทั้งๆที่ต้นทุนนั้นสูงมากแล้วในปัจจุบัน) อย่างซอสปรุงลดท่านก็ใช้ง่วนเชียงเท่านั้นทั้งๆที่ราคาแพงกว่าซอสปรุงรสยี่ห้ออื่นๆ ดิฉันเคยแนะนำท่านว่าเตี่ยทำไมไม่ลองภูเขาทองหรือเด็กสมบูรณ์คะ ท่านก็บอกว่าไม่ได้ไม่เหมือนกัน คนกินประจำเขารู้ สมัยก่อนง่วนเชียงมีฝาขาว อันนั้นหอมอร่อยมากกว่าฝาเขียวอีก แต่ราคาก็สูงมากๆ คนไม่ค่อยซื้อ เขาเลยเลิกผลิตไป นี่ต้องเปลี่ยนมาใช้ฝาเขียวแทน หอมอร่อยไม่เท่ากันแต่พอแทนกันได้ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าเดี๋ยวนี้ผู้ผลิตเองก็ต้องพยายามลดต้นทุนของตัวเองลง ทำให้รสชาติอาหารแบบที่เราคุ้นเคยสมัยก่อนมันหายไป น่าเสียดายจริงๆค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สวัสดีทุกๆท่านค่ะ
|
|
|
Namplaeng
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 19 พ.ค. 14, 13:31
|
|
ที่หน้าร้านทองฮั่วเซ่งเฮง มีร้านบะหมี่อร่อยร้านหนึ่ง ประมาณบ่ายสามบ่ายสี่เค้าจะตั้งหม้อเคี่ยวกระดูกด้วยไฟอ่อนๆอยู่ข้างโรงเรียนที่ลูกเรียน เพื่อจะเอาน้ำแกงมาใส่บะหมี่ พอเคี่ยวไปถึงทุ่ม น้ำแกงก็กำลังได้ที่หวานน้ำต้มกระดูก
แต่บ่อยครั้งเวลาเดินผ่านโต๊ะที่คนมาทานบะหมี่แล้วก็ให้รู้สึกเสียดายความตั้งใจ ที่เจ้าของร้านเธอใส่ไป เสียดายเวลาที่เธอต้มเคี่ยว เสียดายเชื้อเพลิงและทุกสิ่งที่ใช้ไป
เพราะหลายคนไปกินบะหมี่ด้วยความชอบส่วนตัว ตักเทพริกและเครื่องปรุงลงในชามเสียแซบเว่อร์ สุดท้ายท่านก็กินแต่เส้นหมี่และเครื่อง ปล่อยน้ำแกงที่เค้าใส่ใจต้มเคี่ยวไว้ในชามและก็เททิ้งไปในที่สุด......
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 19 พ.ค. 14, 14:00
|
|
ให้ภาพถนนราชวงศ์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๗ ซ้ายมือคือสี่แยกราชวงศ์ ขวามือคือไปทางท่าน้ำราชวงศ์
ทางม้าลายกลางภาพคือ ซอยวานิช ๑
ถนนราชวงศ์ฝั่งล่างภาพจะเห็นการจอดรถที่เป็นแนวทแยง จอดกันอย่างเป็นระเบียบ ส่วนฝั่งเหนือ (ฝั่งคิคูยา รวมทั้งฝั่งร้านบะหมี่ รถจอดขนานกับทางเท้า)
ห้างคิคูยา อยู่ตรงทางม้าลายเยื้องขวา
ร้านอาหารสีฟ้า คงอยู่ถัดจากร้านคิคูยาสัก ๔-๕ ห้อง ตรงรถสีขาวสามคัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Namplaeng
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 19 พ.ค. 14, 18:47
|
|
ขอบคุณคุณหนุ่มมากครับ ที่กรุณามาขยายโลกทัศน์ของผม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 19 พ.ค. 14, 20:12
|
|
ชอบอีหมี่มากๆ เลย เส้นหมี่ที่จี่กับกะทะจนกรอบ โรยหมูแฮม โยนน้ำตาลเอง เหยาะจิ๊กโฉ่วเอง อร่อยมากๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Namplaeng
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 19 พ.ค. 14, 23:47
|
|
ช่วง 2:10 -3:35 มีคำตอบครับว่า ร้านไอสกรีมมาแปลงเป็นภัตตาคารเมื่อไร.....
ส่วนอี(คุณ)หมี่ที่คุณหนุ่มชอบมีภาพเฉลยรูปลักษณ์อยู่ตอนท้าย
ความอร่อยคงต้องว่ากันไปตามรสนิยมส่วนตัว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 25 พ.ค. 14, 13:41
|
|
บะหมี่ราชวงศ์ของร้านสีฟ้า ในปัจจุบัน นำมาฝากคุณ Anna ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อ 25 พ.ค. 14, 15:37
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
Anna
|
ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อ 25 พ.ค. 14, 15:57
|
|
-ขอบพระคุณอาจารย์เทาชมพูค่ะ -คุณประกอบลองใช้วิธีนี้ซีคะ เวลาที่เราได้ยินว่าใครทำบุญ เราก็พูดว่าอนุโมทนา สาธุ นั่นเท่ากับว่าเรามีส่วนได้ร่วมบุญ เวลาคุณประกอบอยากทานบะหมี่ ก็ดูรูปในกระทู้นี้แล้วพูดว่า อร่อยจัง อิ่มตื้อเลยเนอะ ก็เท่ากับได้กินแล้วค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
scarlet
ชมพูพาน
  
ตอบ: 155
โกหกเมียตายไปตกนรก แต่พูดความจริงตายทันที เลือกเอา
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 28 พ.ค. 14, 12:32
|
|
ไชน่าทาวน์หรือเยาวราชเป็นแหล่งคนจีนที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย (หมายถึงยุครัตนโกสินทร์) แต่ความจริง คนจีนมาอยู่ในประเทศไทยนานแล้ว ดังที่เล่าๆกันในนี้แหละ ปัจจุบันก็มีอยู่ในทุกจังหวัด ตลาดร้อยปีคงทุกแห่งที่เป็นชุมชนคนจีน แหล่งอารยธรรมสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนในภูเก็ต รวมทั้งอาหารการกินที่สื่อมวลชนไปชิมแล้วมาออกรายการตามสื่อต่างๆก็เป็นอาหารจีนเนื่องจากทำง่ายกว่าอาหารไทย ซึ่งซับซ้อน กรรมวิธีทำไม่มากแต่เครื่องปรุงมาก โน่นนิดนี่หน่อย เอามาผสมกันแล้วเป็นอาหารสุดวิเศษ มีครบทุกรสแฝงเร้นอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ทราบว่าท่านคิดค้นมาได้อย่างไร
คนเก่าๆก็ล้มหายตายจาก นึกไม่ออกว่าอนาคตจะไปหาอาหารไทยอร่อยๆกินที่ไหน นอกจากอร่อยแล้วยังไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะใส่พืชผักที่สรรพคุณเป็นสมุนไพร (แต่ก่อนคนปรุงคงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก อยู่ใกล้ตัวก็เอามาทำกับข้าว เน้นรสชาติ กลิ่นหอม แก้เลี่ยน การค้นคว้าว่าพืชผักเหล่านี้มีสรรพคุณเป็นสมุนไพรเพิ่งเห็นมีมาภายหลัง ไม่เคยเห็นร้านอาหารไทยแต่ก่อนนี้ที่ไหน ออกโฆษณาว่า เชิญลูกค้ามากินเพราะเป็นอาหารผสมสมุนไพรเหมือนปัจจุบัน) ครัวไทยมีเครื่องมือ อุปกรณ์ไม่มาก หม้อ ไห กระทะ ตะหลิว ไม่กี่อย่าง แต่ถ้วยชามคงจะมาก เพราะต้องใส่โน่นนี่เต็มไปหมด คลุกเข้ากันแล้ว อร่อยเด็ด ส่วนครัวฝรั่ง เห็นในทีวี อุปกรณ์มาก เตาอบ ตู้แช่ แต่เครื่องปรุงไม่แยะ
..จะมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับอาหารจีน (ระดับชาวบ้าน) เพราะเข้ามาในกระทู้อาหารจีน ไปๆมาๆ ออกทะเลกลายเป็นอาหารไทยไปเสียนี่ เดี๋ยวมีเวลาจะมาใหม่ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อ 28 พ.ค. 14, 12:38
|
|
ไม่รู้ว่าก๋วยเตี๋ยวต้มยำคืออาหารลูกครึ่งไทย-จีน หรือเปล่า มาเสิฟเรียกน้ำย่อยไว้ก่อนค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|