เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 14
  พิมพ์  
อ่าน: 51333 รูปหายากจากสมุดภาพเก่าของคุณศรีมนา
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 150  เมื่อ 16 พ.ค. 14, 07:23

ครับผม

ขอเชิญทุกท่านเดินทางต่อครับ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 151  เมื่อ 16 พ.ค. 14, 07:33

หนองประจักษ์ ตั้งชื่อตามพระนามพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม พระนามเดิม พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ทรงเคยดำรงตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลฝ่ายเหนือ และตั้งกองบัญชาการมณฑลลาวพวนที่บ้านหมากแข้ง ที่ทรงสร้างความเจริญจากหมู่บ้านจนวันนี้เป็นจังหวัดอุดรธานี

เมื่อฉันขึ้นไปมณฑลอุดร  กรมหลวงประจักษ์ฯเสด็จกลับลงมากรุงเทพฯเสียกว่า ๑๐ ปีแล้ว  เห็นจะเป็นเพราะราษฎรไม่ได้เห็นเจ้านายมาช้านาน  พอได้ยินข่าวว่าจะมีเจ้านายเสด็จขึ้นไปก็พากันปิติยินดี  ตั้งแต่ฉันเข้าเขตมณฑลอุดรเดินทางผ่านตำบลไหน  ก็เห็นราษฎรชาวบ้านในตำบลนั้นทั้งชายหญิงเด็กผู้ใหญ่  พากันมานั่งคอยเคารพอยู่ที่ริมทางเป็นหมู่ๆและมากๆ  เวลาไปหยุดพักที่ไหน  พวกราษฎรก็พากันนั่งห้อมล้อมรอบข้าง  บางคนก็มาไหว้ด้วยมือเปล่า  บางคนมีเครื่องสักการะมาด้วย  บางคนถึงเอาขันใส่น้ำมาขอให้ทำน้ำมนต์  และอยากเข้าให้ใกล้ชิดทุกคน  พวกหนึ่งเข้ามากราบไหว้แล้วถอยออกไป  พวกใหม่ก็เข้ามาแทน   มีกิจที่ต้องรับและปราศรัยให้พรพวกราษฎรเพิ่มขึ้นตลอดทางที่ไปทุกแห่ง  แต่ที่ไหนก็ไม่เหมือนเมืองหนองคาย


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 152  เมื่อ 16 พ.ค. 14, 07:51

เวลาฉันพักอยู่ที่นั่น แต่เช้าก็มีพวกราษฎรมาหาทุกวัน  พวกไหนมาถึงก็เข้ามานั่งอยู่ที่หน้าพลับพลา  คอยอยู่จนฉันออกไปปราศรัยแล้วจึงกลับไป  พวกหนึ่งไปแล้ว พวกอื่นก็มาอีก  ถ้าไม่ได้พบฉันก็ไม่กลับ  ต้อง "เสด็จออก" ร่ำไปไม่รู้ว่าวันละกี่ครั้ง  จนฉันออกปากว่าอ่อนใจ  พวกกรมการเมืองหนองคายเขาจึงบอกให้รู้ ว่าราษฎรที่มาหานั้น มิใช่แต่ชาวเมืองหนองคายเมืองเดียว  พวกราษฎรทางฝั่งซ้ายในแดนฝรั่งเศสก็มามาก  ฉันได้ฟังก็เกิดลำบากใจ  ด้วยเดิมคิดไว้ว่าจะหาโอกาสไปดูเมืองเวียงจันทน์  แต่นึกขึ้นว่าถ้าเวลาเมื่อฉันไป  มีพวกราษฎรในเมืองเวียงจันทน์พากันมาห้อมล้อมไหว้เจ้า ตามประสาของเขาเหมือนอย่างทางฝั่งข้างนี้  ก็อาจจะกระเทือนไปถึงการเมือง  จึงงดความประสงค์  เลยไม่ได้ไปเห็นเมืองเวียงจันทน์  แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่พ้นความลำบากได้ทีเดียว


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 153  เมื่อ 16 พ.ค. 14, 08:07

ขอหยอดภาพที่เมืองโคราชสัก ๑ ภาพก่อนที่จะไปหนองประจักษ์ต่อ  ยิงฟันยิ้ม

ภาพศซุ้มรับเสด็จพระพุทธเจ้าหลวง เสด็จโคราช (ทรงขี่ม้าด้วยองค์เอง) ในปลายรัชกาล


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 154  เมื่อ 16 พ.ค. 14, 11:44

ขออนุญาตขัดจังหวะ เสริมเรื่องนางพิมอาบน้ำตรงนี้อีกสักหน่อย เห็นคุณ Jailto สนใจ

จริงๆแล้วเป็นนักเรียนอยู่ข้างจะธัมมะธัมโม อาจารย์ทิ้งวรรคสำคัญเป็นดอทดอทดอทไว้ เลยพลอยงุ่นง่านทะยานใจตามขุนช้างไปด้วย จะไปค้นฉบับจริงต้องไปรื้อค้นอีกหลายเพลา ขอความกรุณาท่านอาจารย์ต่ออีกนิดเถอะครับ จะได้เห็นลีลาฝีปากครูบาอาจารย์สมัยโน้นด้วย

ตามไปอ่านได้ที่กระทู้ นางพิมพิลาไลย ต่อมาเป็นนางวันทอง อาบน้ำที่ไหนบ้าง

สนุกสนานได้วิชาลีลาฝีปากครูบาอาจารย์สมัยโน้นดีเชียวแหละ  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
*****
ตอบ: 478


ความคิดเห็นที่ 155  เมื่อ 16 พ.ค. 14, 23:52

เพิ่งเข้ามาในเรือนเมื่อกี้นี้เอง ขอบคุณคุณเพ็ญชมพูที่ช่วยให้เบาะแสแก่หนุ่มๆที่แอบซุ่มอยู่หลังขุนช้างน่ะครับ
นางพิมหรือวันทองอาบน้ำกี่ครั้ง ที่ไหน เอามาเป็นกระทู้ได้เลยหรือครับ เจ๋ง
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 156  เมื่อ 17 พ.ค. 14, 07:57

อ่านทุกอิริยาบถในการอาบน้ำของสาวภาคกลางอย่างนางวันทอง ช่างห่างไกลจากภาพสาวอีสานในภาพที่ผ่านมา จะว่าพวกเธอมานั่งทำงานโดยเอาอะไรมารวมกลุ่มล้างกันเพื่อทำผลิตภัณฑ์โอท๊อป ก็ไม่ปรากฏร่องรอยให้เดา
หนองน้ำ หมายถึงที่ลุ่มที่น้ำฝนไหลลงมารวมกันอยู่ตามธรรมชาติตื้นๆ โดยไม่มีการไหลถ่ายเทได้เช่นแม่น้ำลำคลอง น้ำที่ขังนิ่งเช่นนั้นจึงไม่ค่อยจะสะอาดเท่าไร คนลงไปอาบโคลนใต้น้ำก็ฟุ้งขึ้นมาขุ่นคลั่ก เผลอๆจะทำให้เป็นโรคผิวหนังคันคะเยอ แถมอาจโดนปลิงควายมุดเข้าไปเกาะใต้ร่มผ้าด้วย

นอกจากนั้นในพระนิพนธ์ยังมีข้อความนี้เสียอีก
ตอนไปในมณฑลอุดรสบฤดูหนาวเย็นสบายดี  บางทีถึงเย็นเกินต้องการ  เช่น เมื่อวันพักแรมที่ตำบลน้ำซวย แขวงจังหวัดหนองคาย ปรอทลงถึง ๓๘ ดีกรีฟาเรนไฮต์ (3.3 °C)ยังอีก ๖ ดีกรีก็จะถึงน้ำแข็ง  ฉันไม่เคยพบหนาวที่ไหนในเมืองไทยเหมือนวันนั้น

ตำบลน้ำซวย เดี๋ยวนี้คืออำเภอเพ็ญในหนองคาย มีแม่น้ำสั้นๆอยู่ที่ตำบลจอมศรี มีชื่อตามสมัยนิยมว่าแม่น้ำสวย คงเปลี่ยนด้วยเหตุผลคล้ายๆกับตำบลบางเหี้ยที่เปลี่ยนเป็นตำบลคลองด่าน
ตำบลน้ำซวยกับอำเภอชนบท แม้จะอยู่คนละจังหวัดแต่ดูแผนที่ก็ไกล้กันนิดเดียว สะท้อนให้เห็นว่าขณะนั้นเป็นหน้าหนาวที่หนาวสุดๆปีหนึ่ง ไม่เหมาะจะมานั่งแช่น้ำนานๆไม่ว่าจะมานั่งทำงาน หรือมาอาบเล่นโดยแต่งกายอย่างนั้น เสร็จแล้วจะเดินตัวเปียกกลับไปบ้านหรืออย่างไร ถ้าเอาผ้ามาผลัด ทำไมไม่เป็นผลัดชุดอาบน้ำที่ทะมัดทะแมงกว่านี้ตั้งแต่ต้น

ดังนั้นหญิงกลุ่มนี้มาทำอะไรให้เขาจับถ่ายรูปจึงขอทิ้งให้เป็นปริศนาอยู่ต่อไป โดยผมจะนำพวกเราตามเสด็จกันต่อ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 157  เมื่อ 17 พ.ค. 14, 08:23

อ้างถึง
เมื่อฉันขึ้นไปมณฑลอุดร  กรมหลวงประจักษ์ฯเสด็จกลับลงมากรุงเทพฯเสียกว่า ๑๐ ปีแล้ว  เห็นจะเป็นเพราะราษฎรไม่ได้เห็นเจ้านายมาช้านาน  พอได้ยินข่าวว่าจะมีเจ้านายเสด็จขึ้นไปก็พากันปิติยินดี  ตั้งแต่ฉันเข้าเขตมณฑลอุดรเดินทางผ่านตำบลไหน  ก็เห็นราษฎรชาวบ้านในตำบลนั้นทั้งชายหญิงเด็กผู้ใหญ่  พากันมานั่งคอยเคารพอยู่ที่ริมทางเป็นหมู่ๆและมากๆ  เวลาไปหยุดพักที่ไหน  พวกราษฎรก็พากันนั่งห้อมล้อมรอบข้าง  บางคนก็มาไหว้ด้วยมือเปล่า  บางคนมีเครื่องสักการะมาด้วย  บางคนถึงเอาขันใส่น้ำมาขอให้ทำน้ำมนต์  และอยากเข้าให้ใกล้ชิดทุกคน  พวกหนึ่งเข้ามากราบไหว้แล้วถอยออกไป  พวกใหม่ก็เข้ามาแทน   มีกิจที่ต้องรับและปราศรัยให้พรพวกราษฎรเพิ่มขึ้นตลอดทางที่ไปทุกแห่ง  แต่ที่ไหนก็ไม่เหมือนเมืองหนองคาย

         เวลาฉันพักอยู่ที่นั่น แต่เช้าก็มีพวกราษฎรมาหาทุกวัน  พวกไหนมาถึงก็เข้ามานั่งอยู่ที่หน้าพลับพลา  คอยอยู่จนฉันออกไปปราศรัยแล้วจึงกลับไป  พวกหนึ่งไปแล้ว พวกอื่นก็มาอีก  ถ้าไม่ได้พบฉันก็ไม่กลับ  ต้อง "เสด็จออก" ร่ำไปไม่รู้ว่าวันละกี่ครั้ง  จนฉันออกปากว่าอ่อนใจ  พวกกรมการเมืองหนองคายเขาจึงบอกให้รู้ ว่าราษฎรที่มาหานั้น มิใช่แต่ชาวเมืองหนองคายเมืองเดียว  พวกราษฎรทางฝั่งซ้ายในแดนฝรั่งเศสก็มามาก  ฉันได้ฟังก็เกิดลำบากใจ  ด้วยเดิมคิดไว้ว่าจะหาโอกาสไปดูเมืองเวียงจันทน์  แต่นึกขึ้นว่าถ้าเวลาเมื่อฉันไป  มีพวกราษฎรในเมืองเวียงจันทน์พากันมาห้อมล้อมไหว้เจ้า ตามประสาของเขาเหมือนอย่างทางฝั่งข้างนี้  ก็อาจจะกระเทือนไปถึงการเมือง  จึงงดความประสงค์  เลยไม่ได้ไปเห็นเมืองเวียงจันทน์  แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่พ้นความลำบากได้ทีเดียว
อ้างถึง
ถึงเมืองหนองคาย ครั้งนั้นรัฐบาลฝรั่งเศสมีแก่ใจจัดเรือไฟชื่อ ลาเครนเดีย อันเป็นพาหนะสำหรับข้าหลวงลำหนึ่ง กับเรือไฟสำหรับบรรทุกของลำหนึ่งส่งมาให้ฉันใช้ทางลำแม่น้ำโขง จึงลงเรือไฟมาจากเมืองหนองคายระยะทาง ๔ วันถึงเมืองนครพนม

เมื่อลงเรือไฟลาแครนเดียของฝรั่งเศส ล่องลำแม่น้ำโขงลงไปจากเมืองหนองคาย  ถึงเวลาบ่ายในวันแรกล่องนั้น  นายเรือขอจอดรับฟืนที่สถานีของฝรั่งเศสแห่งหนึ่งทางฝั่งซ้าย  เวลาขนฟืนลงเรือ  ฉันนั่งอยู่บนดาดฟ้าด้วยกันกับนายพันตรีโนลังฝรั่งเศสซึ่งรัฐบาลให้เป็นผู้ไปกับฉัน  มียายแก่คนหนึ่งถือพานเครื่องสักการะเดินไต่ตลิ่งลงมาจากสถานี  ฉันเห็นก็นึกว่าคิดถูกที่ไม่ไปเมืองเวียงจันทน์  แต่ที่นี่มีเพียงยายแก่คนเดียวจะประสานการเมืองได้ไม่ยากนัก  พอแกลงมาในเรือเดินตรงเข้ามาหาฉัน  ฉันชี้มือให้แกไปที่นายพันตรีโนลัง  แต่เขาก็คิดทันท่วงที ลุกขึ้นเดินไปรับพานเครื่องสักการะจากมือยายแก่เอามาส่งให้ฉัน  ก็เป็นการเรียบร้อยด้วยอัชฌาสัยทั้งสองฝ่าย


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 158  เมื่อ 17 พ.ค. 14, 08:39

เรือลาแครนเดีย La Grandière เป็นเรือกลไฟที่รัฐบาลฝรั่งเศสต่อขึ้นที่ประเทศแม่ แล้วส่งมาใช้งานที่อาณานิคมอินโดจีน โดยประจำการอยู่ในลาว ตอนที่เรื่องขัดแย้งกับสยาม เรือลำนี้สามารถติดปืนใหญ่เพื่อเตรียมรบกับคนไทยด้วย เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้วฝรั่งเศสก็ถอดปืนใหญ่ออกแล้วใช้ในกิจการด้านพลเรือนต่อไป

แม่น้ำโขงนั้นประกอบด้วยเกาะแก่งใหญ่ๆมากมาย ไม่สามารถเดินเรือผ่านขึ้นล่องได้ ฝรั่งเศสจึงต้องนำเรือมาขึ้นบกที่เมืองโขง แขวงสีพันดอน(สี่พันดอน แปลเป็นไทยว่าสี่พันเกาะ) แล้วต้องลากเรือขึ้นบก ใช้กุลีญวนชักลากไปตามรางรถไฟข้ามไปลงแม่น้ำโขงที่ปลายแก่ง แล้วจึงเดินทางต่อไปยังหลวงพระบางหรือเวียงจันทน์ได้


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 159  เมื่อ 17 พ.ค. 14, 08:51

สร้าง suspense เรื่องนางแช่น้ำแล้ว ท่าน NAVARAT.C  ก็เดินทางตามเสด็จต่อไปซะดื้อๆงั้นละ



แกะรอยจากรูปได้อีกนิดหน่อยว่า  นางทั้งโขยงนี้ขณะถ่ายรูปยังไม่ได้ลงอาบน้ำ  เพราะเห็นว่าสไบไม่ได้เปียกน้ำแนบตัว อย่างที่ควรเป็นถ้าพวกเธออาบน้ำทั้งชุดนี้แล้ว
สไบสาวคนหน้าขวามือ ยังแห้งสนิท ส่วนที่ทิ้งลงจากไหล่ถ้าชุ่มน้ำ ผ้าคงแนบบ่า    คนอื่นๆก็เหมือนกัน    แสดงว่าเพิ่งจะลงนั่งในน้ำเมื่อถ่ายรูป     เป็นได้ว่าเป็นนางแบบหน้ากล้อง  ลงนั่งในน้ำให้ถ่ายรูปเท่านั้น
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 160  เมื่อ 17 พ.ค. 14, 09:11

เอ้า ถอย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

เชิญครับ เชิญกลับไปดูนวลน้องเล่นน้ำกันอีก วิเคราะห์กันให้แจ่ม
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 161  เมื่อ 17 พ.ค. 14, 09:54

ครั้นขบวนเสด็จเคลื่อนมาใกล้หนองใหญ่แห่งหนึ่ง บรรดาช้างและโคต่างทั้งหลายได้กลิ่นน้ำก็ทำกิริยาขึ้น ท่านข้าหลวงจึงกราบทูลขอพักให้สัตว์ได้กินน้ำสักชั่วครู่ เพลานั้นมีหญิงสอบถามได้ความว่าเป็นชาวบ้านชนบทที่เพิ่งผ่านมานั้น จะมาอาบน้ำ ด้วยเวลาหัววันเช่นนี้อากาศยังมิหนาวเย็นจนเกินไปนัก ขุนจำลองทัศนีย์จึงเข้าไปเจรจาด้วยจักขอถ่ายรูปหญิงอาบน้ำไว้เป็นที่ระลึก หญิงทั้งสิ้นก็ขวยอายอิดเอื้อนอยู่ คุณนายข้าหลวงจึงได้มาช่วยพูดจากันอยู่นาน สุดท้ายแม่หญิงในกลุ่มบอกว่าจะถ่ายรูปพวกตนตอนอาบน้ำก็ได้ แต่ขอไม่ผลัดผ้าอาบ จะยอมลงไปนั่งแช่น้ำให้ถ่ายในชุดที่แต่งกายมาเช่นนี้ คุณนายข้าหลวงจึงบอกกับขุนจำลองทัศนีย์ว่าฉันหมดปัญญาแล้วเขายอมเพียงเท่านี้แหละ ท่านขุนจงรีบตั้งกล้องถ่ายเสียโดยเร็ว ขืนมัวชักช้าอยู่บัดเดี๋ยวจะไม่ทันขบวนเสด็จ

จขกท.มโนขึ้นเองตามท้องเรื่อง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 162  เมื่อ 17 พ.ค. 14, 10:06

ปานประหนึ่งรำลึกชาติได้แต่ปางก่อน เทียวหนอ
น่าจะเคยได้ตามเสด็จไปในขบวนเป็นแม่นมั่น


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 163  เมื่อ 17 พ.ค. 14, 10:12

นอกจากสไบไม่เปียก  ผมเผ้าพวกเธอก็ยังแห้งสนิทด้วยค่ะ
หน้าตายู่ยี่ เหมือนส่งภาษากายมาบอกว่า  ท่านเจ้าคุณศรีนวรัตนตั้งกล้อง ใส่กระจกฟิล์ม เล็งอยู่หลังผ้าคลุมนานละเกิ๊น
พวกอิฉันถูกแดดเผาซะตายิบหยีไปหมดแล้วนะเจ้าคะ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 164  เมื่อ 17 พ.ค. 14, 10:15

ขุนจำลองทัศนีย์ พระยาศรีนวรัตน อ๊ะ เข้ากั๊นนนเข้ากัน
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 14
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.078 วินาที กับ 20 คำสั่ง