เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 14
  พิมพ์  
อ่าน: 51275 รูปหายากจากสมุดภาพเก่าของคุณศรีมนา
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 135  เมื่อ 14 พ.ค. 14, 06:35

ผมเพ่งมองต้นฉบับขนาดโปสการ์ดอยู่นาน เมื่อขยายแล้วจึงทราบว่าในภาพนี้มิใช่เพิงที่เขาทำถวายริมหนองให้ท่านพักระหว่างการเสด็จ แต่เป็นเพิงที่ทำเป็นประทุนคล่อมเรือมาดขนาดกลางๆสองลำที่ยึดติดกันไว้ น่าจะเป็นการนำเสด็จไปชมทิวทัศน์ของหนองดังกล่าวโดยทั่วไป

ปัจจุบันหนองนี้รู้จักกันในนามบึงทุ่งสร้าง ซึ่งจัดทำเป็นสวนสาธารณะสวยงาม ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 136  เมื่อ 14 พ.ค. 14, 10:38

ฉันเดินบกไปจากเมืองนครราชสีมา ๕ วัน  เข้าเขตมณฑลอุดรที่เมืองชนบท  พอถึงเมืองชนบทก็เห็นชาวเมืองผิดกับเมืองนครราชสีมา  ทั้งเครื่องแต่งตัวและฟังสำเนียงพูดภาษาไทยแปร่งไปอีกอย่างหนึ่ง  ซึ่งชาวกรุงเทพฯสำคัญกันมาแต่ก่อนว่าเป็นลาว  แต่เดี๋ยวนี้รู้กันมากแล้วว่าเป็นไทยมิใช่ลาว  ถึงในราชการแต่ก่อนก็อ้างว่าหัวเมืองในมณฑลพายัพกับมณฑลอุดรและอีสานเป็นลาว  เรียกมณฑลพายัพว่า "ลาวพุงดำ" เพราะผู้ชายชอบสักมอมตั้งแต่พุงลงไปจนถึงเข่า  เรียกชาวมณฑลอุดรและอีสานว่า "ลาวพุงขาว" เพราะไม่ได้สักมอมอย่างนั้น


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 137  เมื่อ 15 พ.ค. 14, 06:45

สงสัยอยู่ครามครันว่า แม่หญิงชาวชนบทสมัยนั้นลงอาบน้ำในชุดผ้าซิ่นห่มสไบอย่างนั้นตามปกติวิสัยหรือว่าจัดฉาก ด้วยเห็นชาวกรุงยกกล้องมาจ้องจะถ่ายรูป
 
ลองไปค้นชุดอาบน้ำของแหม่มตะวันตกดู ก็เห็นว่ากาลครั้งหนึ่ง พวกเธอก็หวงนวลสงวนตัว ไม่อยากให้สายตาใครได้ค้นพบว่าพุงขาวหรือพุงลายเหมือนกัน


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 138  เมื่อ 15 พ.ค. 14, 07:00

อันนี้เพื่ออ่านเป็นความรู้ครับ

เมื่อจัดหัวเมืองชายพระราชอาณาเขตเป็นมณฑลในรัชกาลที่ ๕ ราว พ.ศ. ๒๔๓๓  แรกก็ขนานนามหัวเมืองลาวพุงดำว่า"มณฑลลาวเฉียง"มณฑล๑ ขนานนามหัวเมืองลาวพุงขาวว่า"มณฑลลาวพวน"มณฑล๑  "มณฑลลาวกาว"มณฑล๑  เป็นเช่นนั้นมาจนถึงสมัยเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเปลี่ยนแปลงลักษณะการปกครองพระราชอาณาเขตตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๓๕ เป็นต้นมา  ด้วยทรงพระราชปรารภว่า ลักษณะการปกครองแบบเดิมนิยมให้เป็นอย่างประเทศราชาธิราช(Empire)  อันมีเมืองคนต่างชาติต่างภาษาเป็นเมืองขึ้นอยู่ในพระราชอาณาเขต  จึงถือว่าเมืองชายพระราชอาณาเขต ๓ มณฑลนั้นเป็น"เมืองลาว"  และเรียกชาวเมืองซึ่งอันที่จริงเป็นชนชาติไทยว่าลาว  แต่ลักษณะการปกครองอย่างนั้นพ้นเวลาอันสมควรเสียแล้ว  ถ้าคงไว้กลับให้โทษแก่บ้านเมือง  

         จึงทรงพระราชดำริให้แก้ลักษณะการปกครอง  เปลี่ยนเป็นอย่าง พระราชอาณาเขต(Kingdom) ประเทศไทยรวมกัน  เลิกประเพณีที่มีเมืองประเทศราชถวายต้นไม้ทองเงิน  และให้เปลี่ยนนามมณฑลลาวเฉียงเป็น "มณฑลพายัพ"  เปลี่ยนนามมณฑลลาวพวนเป็น "มณฑลอุดร"  และเปลี่ยนมณฑลลาวกาวเป็น "มณฑลอีสาน"  ตามทิศของพระราชอาณาเขต  ทั้งให้เลิกเรียกไทยชาวมณฑลทั้ง ๓ นั้นว่าลาวด้วย  แต่นั้นก็เรียกรวมกันว่า "ไทยเหนือ" แทนเรียกว่าลาว  ถ้าเรียกแยกกันก็เรียกตามชื่อมณฑลที่อยู่ว่า ชาวมณฑลพายัพ ชาวมณฑลอุดร ชาวมณฑลอีสาน  อย่างเช่นที่เรียกชาวมณฑลปักษ์ใต้ฝ่ายตะวันตกว่า "ชาวนคร" (นครศรีธรรมราช)

         ครั้นมาถึงสมัยเมื่อเลิกมณฑลเสียแล้ว  มีผู้รู้โบราณคดีคนหนึ่งแต่งหนังสือเอาชื่อแว่นแคว้นมณฑลพายัพแต่โบราณ  มาใช้เรียกชาวมณฑลพายัพว่า "ชาวลานนา"  ฉันเห็นชอบด้วย  จึงเอาอย่างมาเรียกชาวมณฑลอุดรและอีสานในนิทานนี้ว่า "ชาวลานช้าง" ตามชื่อแว่นแคว้น  อันเป็นคู่กันกับ "ลานนา" มาแต่ก่อน


เดี๋ยวนี้เขาไม่เรียกลานนา-ลานช้างแล้ว แก้ไขเป็นล้านนา-ล้านช้าง
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 139  เมื่อ 15 พ.ค. 14, 07:15

เมืองอุดรธานี  แต่เดิมเรียกว่า "บ้านเดื่อหมากแข้ง" เพิ่งตั้งเป็นเมืองเมื่อ ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖)  ยังไม่มีอะไรที่น่าพรรณนาในนิทานนี้......

..........เมื่อภายหลังฉันไปมณฑลอุดรได้สักปีหนึ่ง  วันหนึ่งราชทูตฝรั่งเศสให้มาบอกว่า  กิจการทางชายแดนฝรั่งเศสกับไทยก็เรียบร้อยมานานแล้ว  แต่เดี๋ยวนี้ได้ทราบว่าสมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร รับญวนหัวหน้ากบฏที่หนีจากเมืองญวนเลี้ยงไว้คนหนึ่ง  เหตุใดจึงทำเช่นนั้น  ฉันได้ฟังออกประหลาดใจ  ตอบไปว่าฉันไม่ทราบเลยทีเดียว  แต่เทศาฯคนนั้นฉันไว้ใจว่าคงไม่ทำอะไรให้ผิดความประสงค์ของรัฐบาล  ถ้ารับญวนหัวหน้ากบฏเลี้ยงไว้ ก็เห็นจะเป็นเพราะไม่รู้ว่าเป็นคนเช่นนั้น  ฉันจะถามดูก่อน  เมื่อมีตราถามไป  พระยาโพธิตอบมาว่า เดิมญวนคนนั้นไปหาที่เมืองอุดรธานี  ว่าจะขอรับจ้างทำการงานเลี้ยงชีพแล้วแต่จะใช้  พระยาโพธิสืบได้ความว่าเคยเป็นหัวหน้าพวกกบฏหนีมาจากเมืองญวน  คิดว่าที่ในมณฑลอุดรธานี มีพวกญวนเข้ามาตั้งค้าขายอยู่หลายแห่ง  ถ้าปล่อยญวนคนนั้นไปเที่ยวหากินตามชอบใจ  อาจจะไปชักชวนพวกญวนที่อยู่มณฑลอุดรให้ร่วมคิดกับพวกกบฏ  ด็จะเกิดลำบากขึ้นในระหว่างรัฐบาลทั้งสองฝ่าย  ครั้นจะจับกุมกักขังญวนคนนั้น  ก็ไม่ได้ทำความผิดอย่างใดในเมืองไทย  เห็นว่าหางานให้ทำอยู่ใกล้ๆจะดีกว่าอย่างอื่น  มันทำอย่างไรจะได้รู้  จึงได้จ้างญวนนั้นไว้เป็นคนเลี้ยงม้า  ฉันอ่านคำตอบชอบใจ ส่งไปให้ทูตฝรั่งเศสดู  ก็ชมมาว่าเทศาฯทำถูกแล้ว

         พระยาโพธิเป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดรมาจนถึงอนิจกรรม  ในเวลานั้นฉันยังเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย  รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง



บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 140  เมื่อ 15 พ.ค. 14, 07:28

"พระยาโพธิ" ในพระนิพนธ์ผู้เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดรท่านนี้ รับราชการมีความดีความชอบเป็นเอนกอนันต์ ต่อมาได้เป็นถึงที่พระยาศรีสุริยราชวรานุวัติ


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 141  เมื่อ 15 พ.ค. 14, 07:29

สงสัยอยู่ครามครันว่า แม่หญิงชาวชนบทสมัยนั้นลงอาบน้ำในชุดผ้าซิ่นห่มสไบอย่างนั้นตามปกติวิสัยหรือว่าจัดฉาก

น่าจะเป็นการจัดฉากครับ เพราะผิดวิสัยการเล่นน้ำต้องผลัดผ้าออก จะตีโป่งลอดผ้านุ่งคงไม่งาม  ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 142  เมื่อ 15 พ.ค. 14, 07:45

นั่นดิ๊
แต่จัดฉากแปลว่า เธอนุ่งห่มกันมาสวยงามเพื่อดูขบวนเสด็จ แต่ตากล้องกลับให้พวกเธอลงไปนั่งแช่น้ำเล่นซะยังงั้น เพียงเพื่อจะถ่ายรูปรึ

จึงสมควรรอความเห็นแม่หญิงในเรือนไทยนี้ จะด่วนสรุปคงยังไม่ได้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 143  เมื่อ 15 พ.ค. 14, 10:50

สงสัยอยู่ครามครันว่า แม่หญิงชาวชนบทสมัยนั้นลงอาบน้ำในชุดผ้าซิ่นห่มสไบอย่างนั้นตามปกติวิสัยหรือว่าจัดฉาก

น่าจะเป็นการจัดฉากครับ เพราะผิดวิสัยการเล่นน้ำต้องผลัดผ้าออก จะตีโป่งลอดผ้านุ่งคงไม่งาม  ยิ้มกว้างๆ ยิงฟันยิ้ม

ช่างสังเกตกันจริงจริ๊ง
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 144  เมื่อ 15 พ.ค. 14, 11:30

แม่หญิงชาวชนบทในภาพ มีหัวหน้าทีมเป็นผู้มีอายุ ส่วนลูกทีมล้วนอายุเยาว์วเรศรุ่นเจริญศรี เห็นทีจะยกทีมมาล้างอะไรซักอย่างในหนองน้ำเป็นแน่แท้  ยิงฟันยิ้ม


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 145  เมื่อ 15 พ.ค. 14, 12:27

เห็นล้างเท้าน่ะคนหนึ่งละ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 146  เมื่อ 15 พ.ค. 14, 18:22

ไม่รู้ว่าสาวอีสานอาบน้ำ มีผ้าติดตัวอยู่หรือไม่    แต่สาวภาคกลางอย่างนางพิม ลงอาบน้ำที่ท่าน้ำ พร้อมพี่เลี้ยงและบ่าวสาวๆ   มีขุนช้างไปแอบดู   เธอน่าจะนุ่งกระโจมอก   เพราะบรรยายว่า นั่งถูตัวอยู่  ผ้าเลื่อนหลุดลงมาจากรักแร้ จนขุนช้างมองเห็น
ขุนช้างทะยานงุ่นง่านใจ                 ผ้านางพิมไพล่จากรักแร้
ขุนช้างเห็นนมกลมตละปั้น              ........................
จากนั้นก็มีคำบรรยายว่าตอนอาบน้ำเสร็จก็ขึ้นมาผลัดผ้า เดินกลับบ้านกันเป็นขบวน 

ส่วนในภาพนี้   สาวอีสานลงน้ำไปทั้งชุดใหญ่ สไบยังห่มมิดชิดรัดกุม เช่นเดียวกับผ้านุ่งก็นุ่งเป็นโจงกระเบนอยู่   ไม่เหมาะจะลงอาบน้ำเลย   เรียกว่าลงแช่น้ำเฉยๆดีกว่ามั้งคะ
บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
*****
ตอบ: 478


ความคิดเห็นที่ 147  เมื่อ 15 พ.ค. 14, 20:09

จริงๆแล้วเป็นนักเรียนอยู่ข้างจะธัมมะธัมโม อาจารย์ทิ้งวรรคสำคัญเป็นดอทดอทดอทไว้ เลยพลอยงุ่นง่านทะยานใจตามขุนช้างไปด้วย จะไปค้นฉบับจริงต้องไปรื้อค้นอีกหลายเพลา ขอความกรุณาท่านอาจารย์ต่ออีกนิดเถอะครับ จะได้เห็นลีลาฝีปากครูบาอาจารย์สมัยโน้นด้วย
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 148  เมื่อ 15 พ.ค. 14, 21:32

ท่านอาจารย์อาจจะไม่สะดวกใจ จขกท.จึงขอรับหน้าที่แทนครับ

สายทองนางพิมอยู่ริมตลิ่ง หัวเราะล้มกลิ้งไม่ลุกได้
ขุนช้างทะยานงุ่นง่ามใจ ผ้านางพิมไพล่จากรักแร้
ขุนช้างเห็นนมกลมตะละปั้น มือคั้นหน้าแข้งยึนแยงแย่
โคลงตัวคลุกคลุกเป็นตุ๊กแก อีแม่เอ๋ยวันนี้กูตาย


คุณหมอคงทราบได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับขุนช้าง จึงได้ออกอาการจะเป็นจะตายเช่นนั้น
บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
*****
ตอบ: 478


ความคิดเห็นที่ 149  เมื่อ 15 พ.ค. 14, 23:38

ขอบคุณอาจารย์NAVARAT.C ครับ ค่อยโล่งไปได้
เป็นเด็กต่างจังหวัด เด็กหญิงชายแถวบ้านจะรวมกลุ่มเล่นกันไม่ถือสา สมัยก่อนการเล่นกลางแจ้งก็มี ไม้หึ่ง ตี่จับ  ลิงชิงหลัก
ช่วงน้ำขึ้น น้ำในคลองแถวบ้านจะใส เด็กๆจะลงเล่นน้ำกัน คลุกคลีตีโมงกันมากๆ ก็เรียนรู้แต่เด็กว่า เอ้อ..ผิวสัมผัสต่างเพศให้ความรู้สึกอีกแบบแฮะ แต่ไม่ได้งุ่นง่านแบบขุนช้างหรอกนะครับ ยังเด็กๆกัน
ขอเชิญอาจารย์NAVARAT.C ดำเนินกระทู้ต่อเลยครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 14
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.079 วินาที กับ 19 คำสั่ง