เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 75 เมื่อ 04 พ.ค. 14, 08:59
|
|
ย้อนกลับมาถึงนางเอกของกระทู้ บัดนี้ จากหญิงอเมริกันสามัญชน วอลลิสก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งพระสนมลับ แล้วก็จบลงที่ตำแหน่งดัชเชสแห่งวินด์เซอร์ ถ้าเทียบกับพื้นราบเบื้องต้นก็ต้องถือว่าเป็นเส้นทางขึ้นสู่ภูเขายอดสูงเอาการอยู่ แต่เธอก็มิได้ปรีดาปราโมทย์กับตำแหน่งนี้ด้วยเหตุสองประการ คือหนึ่ง ราชสำนักอังกฤษไม่ยอมให้เธอใช้คำนำหน้าว่า Her Royal Highness ทั้งๆสามีเธอเป็นเจ้านายแท้ๆ เคยเป็นกษัตริย์มาก่อน เพราะพระพันปีแมรี่และพระเจ้าจอร์ชที่ 6 รวมทั้งรัฐบาลอังกฤษไม่อาจยอมรับให้เธอเป็น "เจ้า" ได้อยู่ดี ท่านดยุคก็หาทางออกให้ภรรยาที่เคารพ โดยกำหนดให้คนรับใช้มหาดเล็กเด็กชาในวังใหม่ที่ฝรั่งเศส ตลอดจนเพื่อนฝูงที่ยังคบหากันอยู่ เรียกขานวอลลิสในแวดวงพวกเขาว่า Her Royal Highness เอาดื้อๆงั้นแหละ ใครจะมาทำไม ในเมื่อพูดกันเฉพาะกลุ่มของฉันเท่านั้น
ข้อสองที่วอลลิสไม่แฮปปี้กับตำแหน่งนี้ คือสามีเธอพยายามแล้วที่จะดิ้นรนต่อสู้ให้เธอได้เสกสมรสกับพระองค์ ได้ขึ้นเป็นพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร หรือต่อให้ไม่ได้เป็นควีน เป็น Princess Consort คือ "เจ้าหญิงพระชายา" ก็ยังดี แต่พระองค์ก็ทำไม่สำเร็จจนต้องสละราชบัลลังก์ วอลลิสจึงเหมือนคนที่พลาดล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งมาเจอแค่เลขท้ายสามตัว ทำให้เธอหันไปชิงชังผู้หญิงที่ลอยลำปาดหน้าเธอขึ้นเป็นควีน อันได้แต่พระราชินีเอลิซาเบธของพระเจ้าจอร์ชที่ 6 น้องสะใภ้ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด เธอมองหญิงสาวคนนี้เป็นศัตรูคู่แข่ง พยายามทำทุกอย่างที่จะหลู่เกียรติ ไม่ว่าจะเป็นสรรหาคำมาเรียกลับหลังให้อีกฝ่ายดูตลกในสายตาเพื่อนๆของเธอ หรือแม้แต่ผลักดันตัวเองให้เป็นผู้หญิงแต่งกายดีที่สุดในโลกตามคำประกาศเกียรติคุณของดีไซเนอร์ในปารีส เพื่อให้ชื่อเสียงเธออยู่ใน 'ระดับโลก' ก็อย่างน้อยสักด้านหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็จะได้เยาะหยันดูถูกพระราชินีอังกฤษผู้ทรงแต่งกายแบบเดียวไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่สาวจนแก่ แต่อย่างหนึ่งที่ยังไงวอลลิสทำไม่ได้ แต่พระราชินีของพระเจ้าจอร์ชทำได้ คือทำตัวเป็นที่รักของประชาชนอังกฤษ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 76 เมื่อ 04 พ.ค. 14, 10:54
|
|
ก่อนหน้านี้ วอลลิสเหมือนซินเดอเรลลาที่เริงลีลาศอยู่กับเจ้าชาย โดยคิดว่าจะผ่านเวลาสองยามไปได้ตลอดกาล แต่เอาเข้าจริง ผลกลายเป็นว่าพอพ้นเวลาสองยาม ไม่ใช่แต่เธอเท่านั้น เจ้าชายก็กระเด็นออกมาคลุกฝุ่นอยู่นอกประตูวังด้วยอีกคน บัดนี้เธอได้ครอบครองเขาโดยสมบูรณ์ก็จริง แต่การได้ครอบครองพระเจ้าแผ่นดินแห่งสหราชอาณาจักร กับครอบครองท่านดยุคผู้มีแต่ศักดินานำหน้าชื่อ มันแตกต่างกันมาก สามีเธอในบัดนี้ไม่สามารถบันดาลอะไรให้เธอได้นอกจากเงินทองพออยู่กันไปได้ จากการขายสมบัติส่วนตัวให้น้องชาย เอาละ วอลลิสไม่ต้องทำกับข้าวดูดฝุ่นเองอย่างแม่บ้านทั่วไป ไม่ต้องแม้แต่ไปทำงานนอกบ้านหารายได้ แต่เธอก็รู้สึกว่าเป็นตอนจบของชีวิตทีจืดชืดเสียเหลือประมาณ หลังจากเริ่มต้นอย่างอลังการเป็นข่าวไปทั่วโลก เธอกับสามีก็จะต้องอยู่กันไปสองคน ห่างไกลจากสังคมไฮโซของอังกฤษ มีเพื่อนฝูงในวงแคบๆ นับวันก็จะร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ ทั้งสองจะถูกลืมเลือน ถูกทอดทิ้ง กลายเป็นตาแก่ยายแก่เหงาๆหงอยๆ กันไปตามประสาผู้แพ้ชะตากรรม นางฟ้าตกสวรรค์จะทำอย่างไร ก็ต้องหาทางปีนขึ้นสวรรค์กลับไปอีกน่ะซีคะ เรื่องอะไรจะชะเง้ออยู่เชิงบันไดให้น้อยเนื้อต่ำใจกับวาสนาเปล่าๆ
สงครามโลกครั้งที่สองปะทุขึ้นเมื่อแสนยานุภาพของเยอรมันบุกโปแลนด์แบบสายฟ้าแลบ ในค.ศ. 1939 อังกฤษกลายเป็นคู่สงครามกับเยอรมันในพริบตา เพราะอังกฤษเซ็นสัญญาปกป้องโปแลนด์เอาไว้ก่อนหน้านี้ ในตอนต้น ทัพเยอรมันได้เปรียบทุกประตู เพราะฝรั่งเศสเองก็ล้มครืนตามหลังโปแลนด์ลงมาอย่างไม่น่าจะเป็น ท็อปบู๊ตเยอรมันเหยียบฝรั่งเศสไว้ พร้อมจะก้าวอีกขาข้ามช่องแคบโดเวอร์มาเหยียบลอนดอน ฮิตเลอร์ไม่ได้ทำสงครามบนดินแบบทื่อๆแค่ส่งทหารเข้าบุกที่โน่นที่นี่ แต่สงครามใต้ดินเขาก็ทำไม่น้อยกว่ากัน วอลลิสและท่านดยุคผู้เปิดใจรับเยอรมันมาแต่แรก จึงได้รับการติดต่อว่า ถ้าหากว่าเยอรมันเป็นฝ่ายชนะ เขาจะยกบัลลังก์อังกฤษคืนให้ราชันย์ผู้นิราศอีกครั้ง และวอลลิสจะได้เป็นพระราชินีอย่างเต็มภาคภูมิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 77 เมื่อ 04 พ.ค. 14, 14:37
|
|
แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนากันนี่ไม่ได้จริงๆบางคนไต่บันไดจนกระไดหัก ก็ยังไต่ไม่ถึง เหมือนฟ้ากับอึสุนัข
พระราชินีเอลิซาเบธของพระเจ้าจอร์ชที่ 6 หรือควีนมัม (1900-2001) เป็นสตรีที่ผู้หญิงแบบวอลลิซไม่อาจเทียบเคียงได้เลยไม่ว่าในด้านไหนๆ ด้านชาติกำเนิดควันมัม หรือเลดี้เอลิซาเบธ แองเจลา โบว์ ลีออน เกิดในตระกูลขุนนางชาวสก็อต ได้รับการศึกษาอย่างดี เป็นผู้หญิงฉลาด หลักแหลม แกร่ง แถมไม่ใช่คนที่ฟุ้งเฟ้อ ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ก็อุทิศตัวดูแลทหารที่บาดเจ็บ ที่มาพักฟื้นที่ปราสาทของเธอ พระเจ้าจอร์ชที่ 6 สมัยยังเป็นเจ้าชายอัลเบิร์ต ต้องใช้ความพยายามขอแต่งงานหลายครั้ง กว่าเลดี้เอลิซาเบธจะยอมตกลง เพราะเธอวิตกและไม่ต้องการใช้ชีวิตแบบราชวงศ์ ในงานแต่งงาน เลดี้เอลิซาเบธ วางช่อดอกไม้ของเจ้าสาวที่หลุมศพทหารนิรนาม เพราะเธอเสียพี่ชายไปในสงครามด้วย เป็นสิ่งที่กินใจและได้ใจ จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันของเจ้าสาวที่ทำพิธีแต่งงานในวิหารเวสมินเตอร์จนถึงปัจจุบัน เมื่อเป็นพระราชินีแล้ว ในช่วงที่ลอนดอนถูกระดมทิ้งระเบิด ขณะที่วอลลิสฝันถึงตำแหน่งราชินี ถ้าเยอรมันชนะ พระราชินียืนกรานว่าจะไม่อพยพไปไหนทั้งนั้น จะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ราชินีในลอนดอนต่อไป ควีนมัมมีพระชนม์ยืนยาวถึง 101 ปี เป็นพระราชวงส์อังกฤษที่ได้รับความนิยมนับถืออย่างสูง แม้แต่ในช่วงที่กระแสนิยมราชวงศ์อังกฤษตกลงด้วยเรื่องเสื่อมเสียต่างๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 78 เมื่อ 04 พ.ค. 14, 15:53
|
|
^
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 79 เมื่อ 04 พ.ค. 14, 16:14
|
|
ฝันหวานของวอลลิสเริ่มตั้งแต่ค.ศ. 1937 พอแต่งงาน ท่านดยุคกับเธอก็ประกาศเยือนเยอรมันเป็นข่าวเอิกเกริก ไม่ได้แคร์ราชสำนักและพระเจ้าจอร์ชที่หกว่าจะกลืนน้ำลายเอื๊อกๆ ไปตามๆกัน ทั้งคู่ไปพบกับฮิตเลอร์ซึ่งชาญฉลาดพอจะแสดงท่าทีพออกพอใจดัชเชสแห่งวินด์เซอร์จนออกนอกหน้า มิหนำซ้ำยังโปรยยาหอมว่า "คุณเหมาะจะได้เป็นพระราชินีมากทีเดียวครับ" ส่วนรัฐบาลอังกฤษที่จ้องเขม็งอยู่ คิดไปอีกอย่าง คือคิดว่าผู้หญิงคนนี้เหมาะจะเป็นสายลับนาซียิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แม้วอลลิสจะระแคะระคาย และหาว่าพวกนี้บ้าไปเอง แต่หน่วยเอฟ.บี.ไอ.ของอเมริกาก็มีความเห็นทำนองเดียวกับรัฐบาลอังกฤษ อย่างไรก็ตาม การเล่นงานพระเชษฐาของกษัตริย์อังกฤษว่าเป็นสายลับไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และก็คงโง่มากถ้ากระพือข่าวให้ไก่ตื่นกันหมด หน่วยสืบราชการลับก็เลยต้องซุ่มแกะรอยกันเงียบๆต่อไป
ถ้าหากว่าท่านผู้อ่านเรือนไทยทั้งหลายเชื่อบันทึกของท่านดยุค หรือหนังสือชีวประวัติที่เขียนถึงทั้งสองคนนี้ออกมาอย่างหยดย้อย ก็คงจะเห็นว่าความรักของอดีตพระราชาและหญิงม่ายเป็นความรักยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษ เคียงข้างกันมาตลอด เห็นคนหนึ่งต้องเห็นอีกคน ไม่ทิ้งขว้างร้างหย่ากันเลยจนความตายมาพรากจากกัน แต่ถ้าเชื่อเรื่องก๊อสสิปอย่างที่กระทู้นี้จะเล่าให้ฟัง ซึ่งฟังมาจากรายงานข่าวที่ส่งไปที่เอฟบีไออีกทีหนึ่ง พบว่าหลังจากวอลลิสได้ผูกมิตรกับฝ่ายอักษะของเยอรมัน เธอก็ไปสนิทเอกอัครราชทูตทูตเยอรมันประจำอังกฤษชื่อจัวอาคิม ฟอน ริบเบนทรอพ สนิทกันไปสนิทกันมาจนเกินเลยเพื่อน ข่าวคราวทั้งหลายจากทางฝ่ายพันธมิตรที่วอลลิสรู้ผ่านสามีและเพื่อนฝูงก็รั่วไหลผ่านไปสู่เยอรมัน ผ่านทางชู้รักคนนี้แหละค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Anna
|
ความคิดเห็นที่ 80 เมื่อ 04 พ.ค. 14, 21:03
|
|
กระทู้นั้นเพิ่งจะเอ่ยถึงลอออร กระทู้นี้ทองไพรำก็ตามมาติดๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 81 เมื่อ 06 พ.ค. 14, 10:14
|
|
ส่วนท่านดยุคนั้นรู้เรื่องกิ๊กของดัชเชสหรือไม่ ไม่มีใครรู้ เพราะไม่เห็นมีข่าวรั่วไหลว่าทรงทะเลาะเบาะแว้งกับวอลลิส ก็ยังรักใคร่กันดีเหมือนเดิม รัฐบาลอังกฤษได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนรู้เมื่อเห็นทรงวางองค์เป็นพันธมิตรของฝ่ายอักษะอย่างไม่ปิดบัง ชื่นชมระบบฟาสซิสม์มาตั้งแต่ครั้งครองราชย์ อยู่อย่างไรก็อย่างนั้น เมื่อฝรั่งเศสตกพ่ายแพ้เยอรมัน ทั้งสองจึงได้อพยพไปสเปน และปอร์ตุเกสเพื่อให้พ้นภัยสงคราม แต่ก็ยังเชียร์เยอรมัน ถึงขนาดมีข่าวลับส่งไปยังรัฐบาลอังกฤษ ว่าท่านเผยแผนการลับของฝ่ายพันธมิตรในการป้องกันเบลเยี่ยมแก่เยอรมัน คนส่งแผนนี้เป็นท่านดยุคหรือดัชเชสก็ยังน่าสงสัยอยู่ แต่ในเมื่อเป็นสามีภรรยาใต้หลังคาเดียวกัน ก็เลยถูกเหมารวมว่า ใครส่งก็ตามไม่สำคัญ มันก็ได้ชื่อว่าส่งจากที่นี่ละเอ้า
ในที่สุด พระเจ้าจอร์ชและรัฐบาลอังกฤษทนก้างชิ้นนี้ตำคอต่อไปไม่ไหว จึงจัดการหาตำแหน่งใหม่ให้สมพระเกียรติท่านโดยแต่งตั้งเป็นผู้ว่าราชการเกาะบาฮามาส พูดง่ายๆคือเนรเทศไปให้พ้นหูพ้นตาทั้งอังกฤษและเยอรมัน ทำเอาพระเอกของเรายิ้มไม่ออก นอกจากบาฮามาสอยู่ไกลปืนเที่ยงสุดกู่แล้ว ท่านยังมองว่าเป็นอาณานิคมกระจอกๆ สุดจะโลว์โซ มีแต่ความยากไร้ไปทุกหนทุกแห่ง หาเซเล็บไม่ได้เลยสักคน จะให้วอลลิสของฉันเฉิดฉายกรีดกรายอยู่ตรงไหนกันล่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อ 06 พ.ค. 14, 11:17
|
|
ราชสำนักอังกฤษได้กำหนดกฎเกณฑ์ให้ราชการบาฮามาสปฏิบัติมารยาทต่อผู้ว่าราชการคนใหม่ ให้ถือว่าท่านดยุคยังคงเป็น "เจ้า" ตามฐานะชาติกำเนิด คือต้องเรียกว่า Your Royal Highness เมื่อเสด็จเข้าไปในงานราชการไหน คนในงานถ้าเป็นชายต้องถวายคำนับ และถอนสายบัวสำหรับผู้หญิง ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติต่อเจ้านายเท่านั้น ที่น่าเจ็บแสบจนวอลลิสแทบจะดิ้นเร่าก็คือ เธอถูกแยกออกมาเป็นสามัญชน ให้ผู้คนเรียกเพียงว่า Your Grace ซึ่งเป็นสรรพนามบุรุษที่สองเรียกดัชเชสที่เป็นเมียขุนนาง ไม่ใช่ดัชเชสชายาของเจ้านาย ผู้คนไม่ต้องถอนสายบัวให้เธอ พวกเขาแค่ปฏิบัติต่อเธอเหมือนเลดี้อะไรคนหนึ่ง ซึ่งมันเป็นการลบหลู่กันอย่างไม่อาจให้อภัยได้สำหรับวอลลิส แม้ว่าเวลาอยู่ในคฤหาสน์เธอทำตัวเป็น "ท่านผู้หญิงบ่าวตั้ง" ให้มหาดเล็กเด็กชายเรียกว่าใต้ฝ่าพระบาทมานานแล้วก็ตาม วอลลิสฉลาดพอตีลูกเฉย ไม่ทำตัวให้สื่อรู้ว่าเธอเจ็บแค้นอย่างไร เพราะถ้าเธอโวยขึ้นมาก็มีแต่จะถูกประณามหนักขึ้นอีกจากทุกด้าน คนที่เต้นผางออกมาสู้รบกับราชสำนักอังกฤษเสียเองคือสามีเธอ พระองค์ส่งจดหมายฟ้องรัฐบุรุษเชอชิลล์ทันทีว่า.. "ฉันขอคัดค้านสิ่งที่พระเจ้าจอร์ชทรงเลือกปฏิบัติต่อเมียฉัน หรือคนที่เจ้ากี้เจ้าการน่าจะเป็นพระราชินีก็เป็นไปได้ คุณคงเข้าใจนะว่าถ้าใครมาตั้งป้อมจ้องจงเกลียดจงชังเมียของคุณ คุณก็คงไม่อยากญาติดีกับเขา เหมือนอย่างที่ฉันกำลังรู้สึกอยู่.."
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 83 เมื่อ 06 พ.ค. 14, 11:26
|
|
ปกติผู้ชายเขาไม่คิดจุ๊กๆจิ๊กๆ ไปถึงเรื่องแม่คนนั้นมาอิจฉาแม่คนนี้ หรือเรื่องกำหนดคำเรียกซึ่งเป็นเรื่องราชการแท้ๆเกิดขึ้นเป็นผลจากผู้หญิงสองคนจิกตีกัน เราคงพอเดาได้ว่าใครที่ใส่ความคิดลงไปในหัวท่านดยุคว่า การที่วอลลิสไม่สามารถจะเป็น"เจ้า"ได้ เกิดจากพระราชินีเอลิซาเบธริษยาหล่อน วอลลิสไม่คิดว่าเธอเองเกิดมาไม่เคยเป็นเจ้า แถมยังดึงเจ้าลงไปจากบัลลังก์ให้อับอายขายหน้าไปทั่วโลกเสียอีก แล้วจะให้ราชสำนักประกาศให้ราชการบาฮามาสเรียกว่า "เจ้า" มันไม่มากไปหน่อยหรือ อย่างไรก็ตาม ท่านดยุคก็ฝังใจเชื่อเอาจริงๆจังๆว่าเมียท่านไม่ได้เป็นองค์หญิงก็เพราะความริษยาของพระราชินีอังกฤษ ขนาดแก่ใกล้ตายในหลายสิบปีต่อมา ท่านยังเคยให้สัมภาษณ์ว่าพระราชินีไม่ชอบวอลลิสเพราะ.. "จะมีอะไรอีก นอกจากอิจฉาริษยาน่ะซี ก็สมัยเป็นสาวๆน่ะ เอลิซาเบธหลงใหลใฝ่ฝันฉัน อยากจะแต่งงานกับฉันจนตัวสั่น แต่ฉันไม่เคยสนใจหล่อน"
สามีภรรยาคู่นี้จำต้องย้ายไปครองตำแหน่งเจ้าเมืองบาฮามาสก็จริง แต่วอลลิสไม่เคยยอมให้ความยากไร้และไกลปืนเที่ยงของหมู่เกาะมาเปลี่ยนรสนิยมได้ เธอยังดำเนินชีวิตอย่างหรูหรา ลงเรือยอทอันเป็นเรือสำราญชั้นเศรษฐีไปพักผ่อน แต่งกายหรูเริ่ดมีเสื้อเฟอร์แพงระยับห่มกาย ประดับเพชรพลอยจากห้างหรูในปารีส ขณะที่คนอังกฤษเผชิญภัยสงคราม อดอยากยากแค้นกับบัตรปันส่วนอาหารและของใช้ วอลลิสก็มิได้สะท้านสะเทือน ความไฮโซที่เล่าขานกันมาคือเมื่อวอลลิสอยากจะไปดัดผม เธอก็ขึ้นเครื่องบินเฟิสคลาสจากบาฮามาสไปนิวยอร์คอย่างหน้าตาเฉย เพราะที่หมู่เกาะไม่มีสไตลิสต์ทำให้ได้ ในขณะเดียวกันพระเจ้าจอร์ชกับพระราชินีก็ทนฟังเสียงระเบิดลงสนั่นอยู่รอบวังโดยไม่ยอมทิ้งประชาชน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อ 07 พ.ค. 14, 10:52
|
|
ท่านดยุคและวอลลิสขณะอยู่ในบาฮามาส
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 85 เมื่อ 07 พ.ค. 14, 10:59
|
|
ท่านดยุคยังคงถือหางฝ่ายอักษะอย่างเสมอต้นเสมอปลาย สงครามในยุโรปดำเนินไปอย่างดุเดือด เมื่ออเมริกาเข้าถือหางฝ่ายพันธมิตร ชะตากรรมของอังกฤษที่ทำท่าว่าจะย่ำแย่ก็กระเตื้องขึ้นมา ถึงกระนั้นท่านดยุคก็ยังเชื่อว่าฮิตเลอร์เป็นฝ่ายชนะแน่ในบั้นปลาย ความเชื่อนี้มีหลักฐานยืนยันจากจดหมายที่ทรงเขียนถึงประธานาธิบดีรูสเวลท์ว่า หากอเมริกาต้องการประนีประนอมยอมสงบศึกกับฮิตเลอร์ (เพราะสู้ไปก็มีแต่แพ้ท่าเดียว) ละก็ พระองค์ยินดีจะเป็นทูตสันถวไมตรีให้เอง แน่ละ ท่านดยุคยังจำคำมั่นสัญญาของฮิตเลอร์ได้ว่า หากเยอรมันชนะ พระองค์ก็จะได้กลับไปนั่งบัลลังก์อังกฤษที่พระอนุชาจำต้องสละ และวอลลิสก็จะได้เป็นควีน แต่ผลของสงครามโลกครั้งที่ 2 คือพันธมิตรชนะ ฮิตเลอรฆ่าตัวตายพร้อมภรรยา ทำให้ฝันของสามีภรรยาสลายลงไม่มีชิ้นดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 86 เมื่อ 07 พ.ค. 14, 11:15
|
|
ในที่สุด ท่านดยุคและวอลลิสทนอยู่ในบาฮามาสต่อไปไม่ไหว ท่านก็ลาออกตั้งแต่ปลายสงครามโลกในปี 1945 เมื่อสงครามโลกสงบลง รัฐบาลอังกฤษก็ทำเฉยเมย ไม่แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใดต่อไปอีก เพราะตำแหน่งผู้ว่าราชการบาฮามาสที่ได้มาก็ไม่ใช่ว่าได้ด้วยความดีความชอบ แต่ได้เพราะรัฐบาลเสือกไสไปให้พ้นๆเยอรมันเท่าที่จะทำได้ บัดนี้เมื่อสงครามจบลง เยอรมันแพ้ ประเทศชนะก็ต้องวุ่นวายกับฟื้นฟูบูรณะประเทศ ไม่มีเวลาจะมาสนใจอดีตเจ้านายผู้นี้อีก ท่านดยุคยังโชคดีอยู่บ้าง ที่ฝรั่งเศสยื่นมือเข้ามาช่วยให้ทั้งสองได้พำนักถาวรในประเทศ นอกจากนี้ยังเอื้อเฟื่อ ยกเว้นภาษีให้ เทศบาลปารีสช่วยหาบ้านใกล้ๆบัวเดอบูโลญให้เช่าอยู่ ด้วยราคาพอเป็นพิธี ท่านดยุคมีรายได้จากรัฐบาลจ่ายให้ และหาลำไพ่จากค้าสกุลไทยแบบเลี่ยงกฎหมายพอเป็นค่าใช้จ่าย ส่วนข้าวของเครื่องใช้ก็ทรงซื้อแบบอภิสิทธิ์ชน คือยกเว้นภาษีผ่านทางสถานทูตอังกฤษ นานๆก็เขียนหนังสือเกี่ยวกับพระราชวงศ์ออกมาสักเล่มหนึ่งเป็นรายได้พิเศษ ดังนั้นแม้ว่าไม่ได้ร่ำรวยแบบเศรษฐีจริง ทั้งสองก็ดำรงชีวิตแบบไฮโซอยู่ได้หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะวอลลิสยังไงก็ไม่ยอมอยู่ต่ำกว่านั้น ในตอนนี้เอง ชายคนใหม่ก็ย่างกรายเข้ามาในชีวิตเธอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
hobo
|
ความคิดเห็นที่ 87 เมื่อ 07 พ.ค. 14, 11:38
|
|
หาลำไพ่จากค้าสกุลไทย
ไม่เข้าใจครับอาจารย์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 88 เมื่อ 07 พ.ค. 14, 11:38
|
|
ท่านดยุคมีรายได้จากรัฐบาลจ่ายให้ และหาลำไพ่จากค้าสกุลไทยแบบเลี่ยงกฎหมายพอเป็นค่าใช้จ่าย "สกุลไทย" ในที่นี้คืออะไรหนอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tita
|
ความคิดเห็นที่ 89 เมื่อ 07 พ.ค. 14, 11:40
|
|
"...ท่านดยุคมีรายได้จากรัฐบาลจ่ายให้ และหาลำไพ่จาก ค้าสกุลไทยแบบเลี่ยงกฎหมายพอเป็นค่าใช้จ่าย.... ท่านยังเคยให้สัมภาษณ์ว่าพระราชินีไม่ชอบวอลลิสเพราะ.."จะมีอะไรอีก นอกจากอิจฉาริษยาน่ะซี ก็สมัยเป็นสาวๆ น่ะ เอลิซาเบธหลงใหลใฝ่ฝันฉัน อยากจะแต่งงานกับฉันจนตัวสั่น แต่ฉันไม่เคยสนใจหล่อน"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|