ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 45 เมื่อ 24 เม.ย. 14, 16:05
|
|
นอนรอคุณครู Z z z z z z z......
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อ 24 เม.ย. 14, 18:41
|
|
ดช.ประกอบ แอบหลับในห้องเรียนอีกแล้ว
ในเมื่อวอลลิสฉลาดพอจะเอาสามีติดสอยห้อยตามไปทุกแห่ง เป็นโล่กำบังตัว ขาเม้าท์ทั้งหลายจะนินทาก็ไม่ถนัดปากนัก ได้แต่ซุบซิบกันไปตามเรื่อง จนกระทั่งค.ศ. 1934 เจ้าชายเสด็จไปพักผ่อนที่เมืองเบียริทซ์ เมืองตากอากาศลือชื่อของฝรั่งเศสตอนใต้ ทรงเชิญสามีภรรยาซิมป์สันไปด้วยในฐานะแขกส่วนพระองค์ แต่เออเนสต์ไม่อยู่ ต้องเดินทางไปทำธุรกิจในช่วงนั้นพอดี เจ้าชายจึงให้วอลลิสชวนป้าของเธอไปด้วย กันเสียงครหานินทาทั้งๆมันก็แซ่ดกันมาเป็นแรมปีแล้ว
ป้าของวอลลิสดูออกว่าเจ้าชายหลงรักหลานสาวจนออกนอกหน้า ตามวิสัยผู้ใหญ่ นางไม่เห็นสมควร เพราะมีแต่ความยุ่งยากรออยู่เบื้องหน้า นางก็เลยเตือนอย่างผู้ใหญ่ว่า " ป้าว่าหลานอย่าคบหาสนิทสนมกับเจ้าชายต่อไปอีกเลยนะ ยังไงผลข้างหน้ามันก็ไม่ออกมาดีหรอก หลานเอ๋ย" คำตอบของวอลลิสที่ให้ป้าก็คือ " ป้าไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ หนูเอาอยู่ค่ะ"
เรื่องอะไรวอลลิสจะยอมถอย ผู้หญิงไหนๆก็ฝันถึงชีวิตแบบเทพนิยายซินเดอเรลล่าด้วยกันทุกคน บัดนี้ปรินซ์ชาร์มมิ่งกำลังขอลีลาศด้วยไม่ยอมหยุด จะให้เธอวิ่งหนีออกจากวังไปทั้งๆยังไม่ถึงสองยามงั้นหรือ ไม่มีทาง วอลลิสรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่สาวแส้อะไร ปีนี้อายุ 35 แล้ว ไม่ใช่ผู้หญิงสวย นอกจากนี้ยังไม่รวย ร่ำเรียนมาก็ไม่สูง ไม่ได้เก่งกาจปราดเปรื่อง เทียบกับสาวไฮโซอื่นๆทุกคนก็ดูดีกว่าทั้งสิ้น แต่เจ้าชายก็สยบให้เธออย่างจริงๆจังๆ แล้วจะให้โง่พอจะขอเลิกเอากลางคันก็บ้าเต็มที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
scarlet
ชมพูพาน
ตอบ: 155
โกหกเมียตายไปตกนรก แต่พูดความจริงตายทันที เลือกเอา
|
ความคิดเห็นที่ 47 เมื่อ 24 เม.ย. 14, 19:00
|
|
แอบเข้ามาอ่านประจำ เพราะสนุกมากกก แต่พอถึง #46 กลายเป็น Mrs. Wallis Simpson Thai version - Contemporary Huge Flood 2011Edition ไปซะนี่ อิอิ ผู้น้อยขอคารวะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 48 เมื่อ 24 เม.ย. 14, 19:36
|
|
แปลว่าอะไรคะ คุณ Scarlet คุณว่าดิฉันเขียนน้ำท่วมทุ่งหรือคะ ดิฉันไม่ได้แต่งเองนะคะ เอามาจากเว็บไซต์ของฝรั่งค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
scarlet
ชมพูพาน
ตอบ: 155
โกหกเมียตายไปตกนรก แต่พูดความจริงตายทันที เลือกเอา
|
ความคิดเห็นที่ 49 เมื่อ 24 เม.ย. 14, 19:42
|
|
ขำ/ชอบที่เอาวลีอมตะตอนเกิดน้ำท่วม 2554 มาใช้ครับ 5555555555555
เมืิองไทยเราตอนนี้มีคำเด็ดๆเกิดขึ้นมาแยะครับ ตอนนี้นึกออกก็ สุดซอย อะไรเทือกๆนี้ คนไทยเราเก่งภาษามากครับ หาคำเจ็บๆมาใช้กันไม่หยุด อิอิ
ตอนนี้บังเอิญไปอ่านเรื่องขุนแผน (ชาติวรรณา) ประเภทนี้ก็สุนทรภู่ ครูแจ้ง แหละครับ อีกท่านคือนักแต่งเพลง (คนหน้าเดืม อีกเพลงก็ แม้ลมหายใจฉันยังกรองให้เธอ ชื่อลืมไปแล้วครับ) สำนวนเจ็บสุดๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อ 24 เม.ย. 14, 20:06
|
|
ถึงแม้วอลลิสยืนกรานว่าในช่วงเวลานั้น เจ้าชายกับเธอก็ยังไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันมากกว่าเพื่อน แต่มหาดเล็กประจำพระองค์ของเจ้าชายก็สังเกตว่าพระแท่นที่บรรทมของเจ้าชายไม่มีร่องรอยว่ามีคนนอน เจ้าของแท่นหายไปบรรทมอยู่ห้องไหน คนรู้เรื่องจากนายคนนี้ก็สามารถเดาได้เอง ยิ่งวันความสัมพันธ์ของเจ้าชายกับวอลลิสก็ยิ่งทวีความแน่นแฟ้น แม้ว่ากลับจากฝรั่งเศสมาลอนดอนแล้ว ต่างคนต่างต้องแยกกันอยู่คนละแห่งก็ตาม เพื่อนฝูงข้าราชบริพารสังเกตเห็นว่าวอลลิสมีอิทธิพลต่อเจ้าชายอย่างลึกล้ำ มากกว่าพระสนมคนก่อนๆอย่างเทียบกันไม่ได้ มันไม่ได้เป็นแค่สัมพันธ์สวาทของหนุ่มใหญ่สาวใหญ่วัยสามสิบห้า ที่น่าจะมีวุฒิภาวะพอสมควรทั้งสองฝ่าย แต่มีลักษณะเป็นความผูกพันของแม่กับลูกมากกว่า เห็นได้จากจดหมายที่ส่งไปมาถึงกัน จดหมายของเจ้าชายนั้นออดอ้อน งอนง้อ ติดอีกฝ่ายเหมือนลูกแหง่ ส่วนจดหมายของวอลลิสก็เข้มแข็ง ปกป้อง คุ้มครองอีกฝ่าย เป็นการส่งและรับที่ลงตัวกันเป๊ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 51 เมื่อ 25 เม.ย. 14, 18:10
|
|
หลังจากฉากชีวิตของเจ้าชายและวอลลิสเป็นที่ประจักษ์แก่โลกแล้ว นักจิตวิทยาขาเม้าท์ทั้งหลายวิเคราะห์กันจนมึนหัว ว่าเหตุใดชายหญิงที่ดูแล้วไม่น่าจะรักกันได้ จึงรักกันได้ ซ้ำเป็นความรักอันยิ่งใหญ่มหาศาลที่สุดในศตวรรษ อยู่กันมาได้จนความตายมาพรากจากกัน อย่างที่หนุ่มสาวทุกยุคทุกสมัยปรารถนากันยิ่งนัก
อย่างหนึ่งที่เขาว่ากันว่า...ก็คือเจ้าชายเป็นเด็กที่ว้าเหว่ขาดความรักจากแม่มาตั้งแต่เด็ก ขึ้นชื่อว่าความรัก ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ให้กินอิ่มหมีพีมัน ให้เสื้อผ้าสวยๆ ของเล่นแพงๆทุกชนิด เท่านั้น แต่ต้องรวมความใกล้ชิด สัมผัสคลอเคลียกันระหว่างพ่อแม่ลูก รวมการพูดจาสื่อสารกันใกล้ชิด จะดุจะเอ็ดหรือจะพูดกันอ่อนหวานน่าฟังก็ต้องพูดจากันเสมอ จึงจะเกิดความผูกพัน ที่ทำให้เด็กคนนั้นโตเป็นผู้ใหญ่อย่างอิ่มเอมในความรัก ทั้งหมดนี้ราชประเพณีในพระราชวังกีดขวางมิให้เดวิดได้รับ พระองค์จึงยึดวอลลิสไว้แทน "แม่" ที่ขาดไปในวัยเยาว์ ข้อนี้นักจิตวิทยาเขาหาหลักฐานมาได้ว่า วอลลิสมักพูดจาไม่เกรงใจเจ้าชายอยู่เสมอ อยากดุก็ดุ อยากพูดอะไรก็พูด แม้แต่บางครั้งเหมือนกับหักหน้าเจ้าชาย เธอก็ทำ เช่นทูลตรงๆว่า "พระสหายเบื่อเต็มทีแล้วเพคะที่ต้องเล่นกอล์ฟกับใต้ฝ่าพระบาท" เจ้าชายนอกจากไม่กริ้วแล้ว ยังรู้สึกว่าวอลลิสพูดออกไปด้วยความห่วงใย คือเธอ"แคร์" ท่านมากนั่นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อ 25 เม.ย. 14, 18:49
|
|
ผมเคยเห็นอะไรบางอย่างคล้ายๆ กันนี้ คือชายหนุ่มที่การศึกษาดี ชาติกำเนิด ฐานะดี มีสาวๆ หรือคนที่เข้ามาอี๋อ๋อ กลับแพ้ทางผู้หญิงที่ดูเหมือนจะไม่แคร์ ไม่พินอบพิเทาชายคนนั้น
อาจจะเป็นเพราะความแปลกใหม่ ความท้าทาย ความแตกต่าง ทำให้เจ้าชายหลงไหลก็เป็นได้ เพราะในขณะที่คนอื่นพินอบพิเทายำเกรง วอลลิสกลับปฏิบัติต่อเจ้าชายแตกต่าง เลยกลายเป็นความท้าทายแปลกใหม่สำหรับเจ้าชายก็ได้ ผู้หญิงสวยๆ เอาอกเอาใจหาได้ไม่ยาก แต่ผู้หญิงที่ท้าทายน่าค้นหาลุ่มหลง ไม่เคยปรากฏในชีวิตเจ้าชายมาก่อน ยิ่งมีบุคลิกเย็นชาหรือคล้ายๆ แม่ตัวเอง ยิ่งน่าครอบครอง เติมเต็มปมส่วนที่ขาดหายในวัยเด็กของเจ้าชายได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 53 เมื่อ 25 เม.ย. 14, 19:51
|
|
ผมเคยเห็นอะไรบางอย่างคล้ายๆ กันนี้ คือชายหนุ่มที่การศึกษาดี ชาติกำเนิด ฐานะดี มีสาวๆ หรือคนที่เข้ามาอี๋อ๋อ กลับแพ้ทางผู้หญิงที่ดูเหมือนจะไม่แคร์ ไม่พินอบพิเทาชายคนนั้น อ่านดูตอนแรก นึกว่าเป็นประสบการณ์จากชีวิตจริงของคุณชาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 54 เมื่อ 26 เม.ย. 14, 10:24
|
|
^ น่าคิด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อ 26 เม.ย. 14, 10:34
|
|
ถึงแม้ว่าความรักเป็นอารมณ์ที่รู้จักกันดีที่สุดในโลก ไม่ว่าคนชาติไหนภาษาไหนต่างก็ให้ความสำคัญแก่อารมณ์นี้เหนืออารมณ์อื่นใด แต่ความรักก็เป็นอารมณ์ที่เข้าใจยากที่สุดในโลกเช่นกัน ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมนายนี่ถึงรักนางสาวนั่น แทนที่จะรักนางสาวนู่น หรือนางสาวโน่นดันมารักนายคนนี้ ที่ดูแล้วไม่น่ารักเลย แทนที่จะรักนายคนนั้นซึ่งดูทางไหนก็สมควรจะรักกว่าเป็นกอง
นักจิตวิทยาทั้งหลายพยายามหาคำเฉลยให้กับอารมณ์นี้ ด้วยคำอธิบายต่างๆนานา ซึ่งฟังแล้วจะเชื่อก็ได้ไม่เชื่อก็ได้ ส่วนใหญ่ดิฉันอ่านแล้วก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ จึงไม่ขอเอามาลงให้อ่านง่วงกันเปล่าๆ ในกรณีของเจ้าชายเดวิดและวอลลิส เอาเป็นว่ามีทฤษฎีจิตวิทยาที่พยายามอธิบายเหตุผลความรักของเจ้าชาย อย่างหนึ่งน่าจะเข้าข่ายปม Oedipus Complex ของเจ้าทฤษฎีซิกมันด์ ฟรอยด์ คือวอลลิสมีลักษณะเป็นแม่ที่แข็งแกร่ง มีอำนาจ และโอบอุ้มลูกชายอย่างใกล้ชิด อันเป็นสิ่งที่เจ้าชายทรงขาดจากพระมารดาของพระองค์ แม่ประเภทนี้ถ้ายังนึกไม่ออกว่าเป็นยังไง ไปค้นยูทูปดูละครทีวีเรื่อง "วนิดา" เวอร์ชั่นไหนก็ได้ แม่พระเอกก็ลักษณะนี้ละค่ะ
มันจะเป็นอะไรก็ตาม ผลคือความสัมพันธ์กับวอลลิสทำให้เจ้าชายทำอะไรๆที่พระองค์เองไม่เคยทำมาก่อน มหาดเล็กประจำตัวเคยเปิดประตูเข้าไปเจอเจ้าชายนั่งอยู่บนพื้นห้องอย่างสบายอารมณ์ ทาเล็บเท้าให้วอลลิส หลังจากตกตะลึงตาค้าง มหาดเล็กก็ถอยออกมา แล้วประกาศลาออกจากงานไปเลยเพราะแกเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27 เม.ย. 14, 11:34 โดย เทาชมพู »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 56 เมื่อ 26 เม.ย. 14, 11:17
|
|
นักวิเคราะห์ขาเม้าท์บางคนยกสาเหตุที่วอลลิส 'จับ' เจ้าชายได้อยู่หมัด ว่าไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเรื่องบนเตียง เพราะวอลลิสเชี่ยวชาญเรื่องกามศาสตร์จากสำนักโคมเขียวในจีน แต่เรื่องนี้ก็เป็นข่าวเล่าลือที่ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเจ้าตัวทั้งสอง ขาเม้าท์เองก็แจกแจงไม่ได้มากไปกว่านี้ จะว่าไปเจ้าชายก็ไม่ใช่ไก่อ่อน ทรงมีผู้หญิงอื่นมาก่อนหน้านี้อย่างน้อยก็สองคน พระชันษาก็สามสิบห้าสามสิบหกเข้าไปแล้ว จะลุ่มหลงผู้หญิงเหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกก็คงไม่ใช่ เพราะฉะนั้นเรื่องอย่างว่าถ้ามีจริง มันก็คงเป็นส่วนประกอบของความรักเท่านั้นเอง ความรักที่เจ้าชายทรงมีต่อวอลลิสเพิ่มพูนขึ้นตามวันเวลา จนกระทั่งทรงรู้สึกว่าจะมีชีวิตต่อโดยปราศจากผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อีกแล้ว จริงอยู่ บัดนี้วอลลิสอยู่ในฐานะพระสนมลับ เช่นเดียวกับหญิงสาวสองคนก่อนหน้านี้ (ซึ่งบัดนี้ตกกระป๋องไปแล้ว ชนิดไม่มีวันปีนขอบกระป๋องขึ้นมาได้) แต่ฐานะพระสนมลับไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเธอสามารถเดินเคียงข้างเป็นคู่พระทัยได้ในทุกหนทุกแห่ง ไม่อาจเป็นคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขได้อย่างคู่ผัวตัวเมีย และที่สำคัญคือเธอยังมีสามีค้ำคออยู่เป็นอุปสรรค ข้อกีดขวางเหล่านี้ทำให้เจ้าชายเป็นทุกข์ยิ่งนัก ทรงคิดเท่าใดก็คิดไม่ออกว่าจะทูลพระบิดาอย่างไรดี ว่าทรงอยากแต่งงานกับหญิงอเมริกัน ส่วนวอลลิสช่วยเจ้าชายเท่าที่ทำได้ คือเมื่อตระหนักว่าเจ้าชายอยากแต่งงานกับเธอแน่ๆ เธอก็ยื่นฟ้องหย่าจากนายซิมป์สันผู้สามีทันที เพื่อให้สถานภาพเธอปลอดพันธะขึ้นมาขั้นหนึ่ง
ภาพข้างล่างนี้ คือวอลลิส ป้าเบสซี่ญาติผู้ใหญ่ และนายเออเนสต์ ซิมป์สัน สามี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jalito
|
ความคิดเห็นที่ 57 เมื่อ 27 เม.ย. 14, 07:29
|
|
ป้าคนนี้นี่เองที่หลานสาวรับรองอย่างมั่นอกมั่นใจว่า
"หนูเอาอยู่"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 58 เมื่อ 27 เม.ย. 14, 11:02
|
|
เจ้าชายเดวิดยังนึกไม่ออกว่าจะไปทูลพระบิดาอย่างไรดี ถึงปัญหารักที่อัดแน่นอยู่ในอก พระเจ้าจอร์ชก็ประชวรและเสด็จสวรรคตไปเสียก่อนเมื่อวันที่ 20 มกราคม 1936 ทำให้ราชบัลลังก์อังกฤษตกมาอยู่ในมือของเจ้าชายรัชทายาททันที ตั้งแต่ยังไม่ได้ทำพิธีราชาภิเษก เจ้าชายเดวิดผู้ซึ่งบัดนี้กลายเป็นพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษไปแล้ว กลัดกลุ้มกังวลกับหน้าที่ใหม่ยิ่งนัก การเป็นกษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรไม่ได้หมายความแค่มีบัลลังก์ให้นั่งเท่านั้น แต่หมายถึงพระภารกิจอันหนักหน่วงที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะมีได้หล่นลงมาบนบ่าให้แบกไปตลอดชีวิต ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีก็แบกงานอยู่แค่ช่วงเวลาที่ได้รับตำแหน่งเท่านั้น หมดวาระแล้วก็แล้วกัน แต่เป็นพระราชาจะหลีกหนีไปไหนไม่ได้ ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจะต้องคำนึงถึงภารกิจอยู่เสมอ จะทำผิดทำพลาดแม้แต่เล็กน้อย ก็อาจก่อความเสียหายมหาศาลแก่ประเทศ ในตอนนั้นอังกฤษก็ยังเป็นจักรวรรดิใหญ่มีอาณานิคมอยู่มากมายทั่วโลก เจ้าชายจะทรงรับผิดชอบอยู่องค์เดียวได้อย่างไร พระองค์ต้องการกำลังใจจากผู้อยู่เคียงข้าง ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจากวอลลิส ผู้ที่พระองค์ไม่ได้เพียงแต่รักเท่านั้น แต่ยังยึดมั่นปานประหนึ่งหลักให้พักพิงอีกด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
scarlet
ชมพูพาน
ตอบ: 155
โกหกเมียตายไปตกนรก แต่พูดความจริงตายทันที เลือกเอา
|
ความคิดเห็นที่ 59 เมื่อ 27 เม.ย. 14, 11:22
|
|
King Edward คงแน่นอกน่าดู เห็นใจๆๆๆ................
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|