เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 135 เมื่อ 05 มี.ค. 14, 08:31
|
|
ส่วนภาพนี้ถ่ายจากหอเก็บน้ำย้อนไปยังพระปรางค์วัดอรุณ ภาพนี้เป็นภาพที่ช่างภาพขึ้นบนถังน้ำประปา ถ่ายภาพลงมายังท่าราชวรดิษฐ์ สมัยต้นรัชกาลที่ ๕ ที่ยังมีป้อมอยู่ ๒ มุมซ้ายและขวาครับ และมองดี ๆ มุมซ้ายภาพกลาง ๆ จะเห็นแทงค์น้ำประปา บนโครงไม้สานถัก เป็นถังเก็บน้ำส่งเข้าไปยังพระราชฐานฝ่ายในครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
visitna
|
ความคิดเห็นที่ 136 เมื่อ 05 มี.ค. 14, 08:42
|
|
ที่คนอ้างถึงคือ ข้อความที่คุณเพ็ญชมพู พูดถึง
คือ มีช่างภาพขึ้นไปถ่ายรูปบนนี้
อ้างกันว่าถ้าถ่ายมุมสูง
น่าจะขึ้นไปถ่ายจากถังนํ้าที่ส่งนํ้าไปใช้ในพระราชวัง
ตามรูป ถังนํ้ามีสองถัง ข้างนอกถัง ข้างในถังหนึ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 137 เมื่อ 05 มี.ค. 14, 09:02
|
|
รูปข้างบนถ่ายโดยคุณ Wilhelm Burger พ.ศ. ๒๔๑๒ เช่นเดียวกับรูปข้างล่างนี้ เกาะน้อยหน้าวัดอรุณ ตะพานท่าน่ามุขมีสีหน้า รูปกุมภาทำด้วยหินดิ้นไม่ไหว สองตัวคู่ริมท่าชลาไสย ตรงนั้นไซร้มีช่องร่องวาริน
แผ่นผาศิลาลาดดูหยาดเหยาะ ทำเป็นเกาะฝั่งท่าชลาสินธุ์ มีเขื่อนคั่นรายรอบเป็นขอบดิน ปลูกต้นอินทผลัมมีหนามคม
นิราศยี่สาร - ก.ศ.ร. กุหลาบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 138 เมื่อ 05 มี.ค. 14, 10:25
|
|
ตรงนี้ ที่ไหนคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
visitna
|
ความคิดเห็นที่ 139 เมื่อ 05 มี.ค. 14, 11:07
|
|
บริเวณสี่แยกบางลำพู
ถนนที่รถรางอยู่คือถนนจักรพงษ์ มีสี่แยกข้างหน้า
ถนนที่ตัดขวางผ่านข้างหน้าคือถนนพระสุเมรุ
ถนนจักรพงษ์พอพ้นสี่แยกไปกลายเป็นถนนสามเสน
แล้วไปข้ามคลองบางลำพู ที่สะพานนรรัตน์สถาน
เป็นสะพานเหล็กพื้นไม้(ตามรูป) สมัยโน้นเรียกว่าสะพานเหล็กโค้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
visitna
|
ความคิดเห็นที่ 140 เมื่อ 05 มี.ค. 14, 23:40
|
|
สะพานเหล็กโค้งในยุคแรกมีหลายสะพาน
ที่จำได้ นอกจากบางลำพู มีที่ ผ่านฟ้าฯข้ามคลองบางลำพู(โอ่งอ่าง), ที่ข้ามคลองผดุงฯหน้าหัวลำโพง , ที่มหานาคอีกแห่ง
ที่มหานาคเห็นแค่พื้นสะพาน ตัวเหล็กโค้งเห็นเล็กน้อย
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
visitna
|
ความคิดเห็นที่ 141 เมื่อ 06 มี.ค. 14, 12:38
|
|
มีรูปของ Forman หลายภาพที่เข้าไปถ่ายในโรงเรียนแพทย์
ทั้งห้องแลป - ห้อง เล็คเช่อร์
เป็นแพทย์ศิริราช (รูปในห้องแลปอนาโตมี่ ทั้งโต๊ะและสแตนด์ที่วางตำราเหมือนที่จุฬา
จุฬาฯคงไปเอาแบบมาจากที่นี่)
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
hobo
|
ความคิดเห็นที่ 142 เมื่อ 06 มี.ค. 14, 12:42
|
|
รูปในห้องแลปอนาโตมี่ ทั้งโต๊ะและสแตนด์ที่วางตำราเหมือนที่จุฬา จุฬาฯคงไปเอาแบบมาจากที่นี่)
อันนี้โรงเรียนแพทย์ทุกแห่งในโลกก็เป็นอย่างนี้ครับ จะว่าจุฬาเอาแบบมาจากที่นี่คงไม่ถูกนัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
visitna
|
ความคิดเห็นที่ 143 เมื่อ 06 มี.ค. 14, 14:07
|
|
ทั่วโลกจะเป็นแบบนี้ไหม?
เหมือนกันอย่างไร ให้ดูรูปที่จุฬาก่อน
ขนาดไม้หลังแสตนด์วางตำรายังมีปุ่มไม้เล็กๆยื่นออกมา (ยื่นมาทำไมไม่รู้)
บางทีช่างทำไม่ถูก ถ้ามีตัวอย่างไปให้ดู ง่ายขึ้น
ตัวอย่างจะเอาที่ไหนในเมืองไทยมีที่เดียว
เชียงใหม่กับรามา จะเป็นแบบนี่ไหม
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 144 เมื่อ 06 มี.ค. 14, 14:12
|
|
ที่เหมือนกันน่าจะเป็นกลิ่นฟอร์มาลีน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
visitna
|
ความคิดเห็นที่ 145 เมื่อ 06 มี.ค. 14, 14:26
|
|
แลปฯนี้โบราณเกินไป ที่บอร์กโด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 146 เมื่อ 06 มี.ค. 14, 14:35
|
|
ว้าววว โครงกระดูกท่านขุนฯ (อ่านไม่ออก) ซะด้วย แถวล่างสุด "อุทิศเพื่อการศึกษา พ.ศ. ........
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 147 เมื่อ 06 มี.ค. 14, 14:50
|
|
บรรยากาศการเรียนแพทย์ ที่ใดหนอ คล้ายกับห้องกายวิภาค โรงพยาบาลศิริราชเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
visitna
|
ความคิดเห็นที่ 148 เมื่อ 06 มี.ค. 14, 14:56
|
|
ภาพคุณหนุ่ม เป็นที่ศิริราช น่าจะเป็น lab. Physiology
โครงกระดูกที่คุณหนุ่มจะอ่าน น่าจะเป็นของท่านขุนกายวิภาควิศาล
ถือว่าเป็นอาจารย์รุ่นแรก
ผมอ่านมาจากนี้
เรื่องโครงกระดูกในกุฏิท่านเจ้าคุณนรฯ เมื่อผมเป็นนักเรียนแพทย์ ผมได้ถูกชักชวนโดยอาจารย์ของผมสองท่านคือ ศาสตราจารย์คองดอน และ ท่านขุนกายวิภาควิศาล ให้สมัครทำงานเป็นนักเรียนผู้ช่วยในวิชานี้พร้อมกับเรียนแพทย์ไปด้วย ผมตกลงเพราะเกิดชอบในวิชานี้อยู่บ้างในการเป็นนักเรียนผู้ช่วยนั้น นอกจากช่วยสอนบ้างเล็กน้อยแล้ว งานส่วนใหญ่หนักไปทางเทคนิคเพื่อตระเตรียมเครื่องใช้ในการสอน สมัยนั้นโครงกระดูกที่นำมาใช้สอนต้องสั่งจากต่างประเทศ เป็นราคาค่อนข้างแพงและไม่ได้กระดูกเหมาะตามความประสงค์ เพราะเป็นกระดูกชาวต่างประเทศ และกระดูกที่ส่งมาก็มีบางส่วนชำรุด ศาสตราจารย์คองดอนจึงให้ผมลองประกอบโครงกระดูกขึ้นใช้เอง นับเป็นการฝึกฝนที่ผมพึ่งมารู้สึกเป็นประโยชน์ในภายหลังสองประการ หนึ่งช่วยให้ผมจำต้องศึกษาโครงกระดูกที่จะประกอบละเอียดถี่ถ้วนขึ้น ทำให้ผมมีความรู้ในเรื่องโครงกระดูกดีขึ้นกว่าเดิม สองทำให้ผมรู้จักใช้มือหัดเจาะ ร้อยโครงกระดูกเหล่านั้น และช่วยให้ผมรู้จักช่วยตัวเองไม่ให้ต้องพึ่งของจากต่างประเทศ ผมจำไม่ได้ว่าผมได้ใช้เวลาเท่าใดเกี่ยวกับเรื่องประกอบโครงกระดูก แต่จำได้ว่าผมประกอบไม่สำเร็จ เสร็จแต่เพียงกระดูกแขนขา หาวัตถุมาประกอบเป็นกระดูกอ่อนซี่โครงไม่สำเร็จ พอดีหมดกำหนดการเป็นนักเรียนผู้ช่วย ผมก็กลับไปเรียนแพทย์ต่อจนสำเร็จ พอสำเร็จก็ได้รับทุนมูลนิธิร๊อกกี้เฟลเลอร์ไปเรียนต่อในวิชากายวิภาคศาสตร์ ที่สหรัฐอเมริกาสองปี กลับมาผมก็กลับมาช่วยปฏิบัติงาน ซึ่งตอนนี้หนักไปทางสอน ปรากฏข้อบกพร่องของการสอนในสมัยนั้นก็คือ ขาดวัตถุประกอบการสอน ผมจึงลงมือทำขึ้นหลายอย่างร่วมกับเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ในแผนก วันหนึ่งมีคนมาติดต่อ แจ้งว่าท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิตมีความประสงค์อยากจะได้โครงกระดูกมนุษย์สักโครงหนึ่ง ไว้ช่วยในการปฏิบัติกิจของท่าน โดยท่านจะตอบแทนเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ครั้งแรกผมไม่กล้ารับปาก เพราะไม่แน่ใจว่าจะประกอบขึ้นสำเร็จหรือไม่ แต่ประการสำคัญก็คือโครงกระดูกเหล่านี้ความประสงค์เดิมใช้เฉพาะในการศึกษาเท่านั้น การจะนำไปใช้เป็นอย่างอื่นจะผิดประสงค์ของผู้อุทิศศพ แต่เนื่องจากผมได้ทราบประวัติของท่านเกี่ยวกับความกตัญญูที่ท่านแสดงกับล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ผมจึงอยากจะช่วยท่าน นอกจากนั้นก็ยังอยากได้เงินมาใช้จ่ายในการทำวัตถุที่ใช้ในการสอนด้วย เพราะการเงินในสมัยนั้นค่อนข้างจะฝืดเคือง เบิกมาใช้สอยได้ยาก ผมได้พยายามทำอยู่หลายเดือน สุดท้ายก็ประกอบสำเร็จขึ้นเป็นโครงสมบูรณ์ แต่ไม่เรียบร้อยเหมือนกับโครงที่ทำขึ้นใหม่ โดยฝีมือของคนงานแผนก จำได้ว่าเจาะกะโหลกตอนบนไม่ได้ศูนย์ เวลาแขวนโครงกระดูกหน้าง้ำมากเกินไป แต่ผมก็ไม่ไดแก้ไข แจ้งไปยังท่านว่าผมประกอบเสร็จแล้ว ขอให้กำหนดวันด้วย ผมจะได้เอาไปส่ง ขณะที่ผมจัดแจงแขวนกระดูกให้เข้าที่ ท่านก็ถามว่าโครงมนุษย์มีกระดูกเท่าใด ผมกราบเรียนท่านว่าจำนวนเท่าใดนั้นกระผมจำไม่ได้ แต่ถ้าจะให้กระผมนับจำแนกให้ท่านดูทีละส่วนกระผมจะนับให้ท่านดู และจะชี้ให้ท่านทราบว่าจำนวนกระดูกอาจจะไม่เท่ากันได้ ความจริงผมจำไม่ได้เอง เพราะตัวเลขกับผมนั้นเป็นปฏิปักษ์กัน ท่านได้มอบเงินมาให้ผม 300 บาท ซึ่งก็ได้ใช้จ่ายในกิจการเกี่ยวกับหาวัตถุใช้ในการสอน ในการทำพิพิธภัณฑ์กายวิภาคคองดอน บางชิ้นอาจเหลือเป็นประโยชน์ต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ผมจึงรู้สึกในบุญคุณของท่านอยู่ แต่ไม่เคยกลับไปหาท่านอีกเลยจนท่านถึงแก่มรณภาพ เรื่องเกี่ยวกับโครงการดูกนี้ผมได้เล่าให้นักเรีนแพทย์ฟังอยู่หลายรุ่น และมักจะเอ่ยว่าท่านเจ้าคุณเป็นนักศึกษา มีความอยากรู้อยากเห็นในทุกสิ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญมีความกตัญญูเป็นเลิศ ควรถือท่านเป็นแบบอย่าง คนมีความกตัญญู ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ แม้จะมีอุปสรรคภัยอันตรายอย่างไรก็อาจพ้นอุปสรรคภัยอันตรายนั้นไปได้ ผมพึ่งมาทราบ ความอยากรู้อยากเห็นอยางปรับปรุงแก้ไขกิจการงานที่ท่านได้รับมอบหมายจากหนังสือเล่มนี้เช่นเดียวกัน ตอนที่ทราบว่าท่านได้ไปหาเจ้าคุณดำรงแพทยาคุณ เพื่อขอศึกษาดูการผ่าศพ หาความรู้เส้นเอ็นต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์ เพื่อปรับปรุงในหน้าที่ถวายอยู่งานนวดเวลาล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 บรรทม เนื่องจากล้นเกล้าฯ ทรงมีพระวรกายอ้วน เส้นสายอยู่ลึกจะต้องจับนวดแรง ๆ จึงจะถูกเส้น นับเป็นตัวอย่างอันดีในความประพฤติของท่านอีกประการหนึ่ง ผมต้องขอโทษที่เล่าเรื่องมาเสียไกล นอกออกไปจากเรื่องที่ผมอยากจะได้กระดูกมาไว้เกี่ยวกับประวัติของวิชากายวิภาคศาสตร์ ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ผมขอความกรุณาช่วยติดต่อให้ผมด้วย ในที่สุดนี้ผมขอแสดงความยินดีที่หนังสือต่าง ๆ ที่คุณพิมพ์มีประโยชน์ต่อบุคคลเป็นจำนวนมาก ขอกุศลที่คุณปฏิบัติจงช่วยให้คุณมีความสุข ความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยความนับถือ (ศาสตราจารย์ นายแพทย์สุด แสงวิเชียร) ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
visitna
|
ความคิดเห็นที่ 149 เมื่อ 06 มี.ค. 14, 15:34
|
|
ภาพชุดนี้ไม่บอกว่าที่ไหน บอกแค่ University of Siam Medical College faculty แต่มีภาพคุณหมอชัชวาล โอสถานนท์ (อดีต ผอก.ศิริราช) เลยสรุปว่าเป็นที่ศิริราช
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|