เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15 16 ... 28
  พิมพ์  
อ่าน: 26259 รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 9
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 195  เมื่อ 04 ก.ย. 12, 13:37

ด้วยความขอบคุณคุณพี่สมชัยฯ ที่ช่วยอนุเคราะห์บอกสถานที่ให้ จึงดั้นด้นไปถ่ายทำไว้เป็นที่ระลึก

เอ้า .. อยู่ถัดบ้านคุณพี่ไปนิดเดียวเอง ... วัดปทุมคงคา เขตสัมพันธวงศ์




หลงคิดว่าเป็นถนนตรีเพชร ด้วยมีเจดีย์เหมือนกันเลย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 196  เมื่อ 04 ก.ย. 12, 16:59

เจ้านายน้อยๆพระองค์นี้น่ารักน่าเอ็นดู   ไม่รู้ว่าพระองค์ไหน
ภาพโดย Wilhelm Birger


บันทึกการเข้า
V_Mee
สุครีพ
******
ตอบ: 1436


ความคิดเห็นที่ 197  เมื่อ 04 ก.ย. 12, 19:36

คือชื่อกรมทหารนั้นมีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายครั้งครับ
กรมทหารราบที่ ๑๑ นั้น  เดมเรียกว่า กรมทหารล้อมวัง  แล้วเปลี่ยนมาเป็นกรมทหารบกราบที่ ๒
เมื่อจัดระเบียบเป็น ๑๐ กองพลในตอนปลายรัชกาลที่ ๕ ต่อต้นรัชกาลที่ ๖  เปลี่ยนเป็นกรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์
พอยุบรวมกระทรวงทหารเรือเข้ากับกระทรวงกลาโหมในสมัยรัชกาลที่ ๗  มีการเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรจำไม่ได้ครับ
ครั้นเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว  มีการแปรสภาพกรมทหารอีกครั้งโดยยุบกองพล และกรมทิ้งไปหมด
คงเหลือแต่หน่วยระดับกองพัน  ตอนนี้ละครับที่ชื่อหน่วยเปลี่ยนเป็นกองพันอะไรต่อมิอะไรวุ่นวายไปหมด
กรมทหารรักษาวัง ว.ป.ร. ก็ถูกแปรสภาพมาเป็น ร.พัน ๙ ในคราวนี้

ถึงสงครามอินโดจีนมีปัญหาในการสนธิกำลังเข้าปฏิบัติการสนาม  จึงมีการตั้งกองพลและกลับขึ้นมาใหม่
และหน่วยที่ย้ายไปจากท่าพระจันทร์ไปอยู่ที่บางเขนก็กลับได้ชื่อว่า กรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์
ตามประวัติศาสตร์ของหน่วยครับ  ส่วนกองพันทหารราบที่ ๑ ที่สวนเจ้าเชตุที่เดิมเคยเป็นกองพันที่ ๑ กรมทหารราบที่ ๑
มหาดเล็กรักษาพระองค์ จ.ป.ร. ก็กลับคืนสถานภาพเดิม  ส่วน ร.พัน ๙  ก็กลายมาเป็นกองพันที่ ๓  กรมทหารราบที่ ๑
มหาดเล็กรักษาพระองค์ จ.ป.ร. ด้วยประการฉะนี้
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 198  เมื่อ 06 ก.ย. 12, 11:50

เจ้านายน้อยๆพระองค์นี้น่ารักน่าเอ็นดู   ไม่รู้ว่าพระองค์ไหน
ภาพโดย Wilhelm Birger

พระองค์เจ้านารีรัตนา ครับผม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 199  เมื่อ 06 ก.ย. 12, 12:10

คำตอบจากคุณหนุ่มจินนี่ ณ ตะเกียงวิเศษทำให้ต้องรีบไปค้นพระประวัติพระองค์เจ้านารีรัตนามาอ่าน

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านารีรัตนา ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2404 สิ้นพระชนม์เมื่อวันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2468 พระชันษา 65 ปี เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาดวงคำ ซึ่งเป็นหลานปู่ของ เจ้าอนุวงศ์ ผู้ครองนครเวียงจันทน์ แต่เป็นหลานตาของ เจ้าอุปราชด้วย
เมื่อเจ้าอนุฯ ก่อการวุ่นวายขึ้นในรัชกาลที่ 3 เจ้าอุปราชไม่ได้ร่วมด้วย ได้พาครอบครัวเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ เจ้าจอมมารดาดวงคำจึงเกิดที่กรุงเทพฯ
พระองค์เจ้านารีรัตนา สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 6 พ.ศ. 2468 พอดีสิ้นรัชกาล


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 200  เมื่อ 06 ก.ย. 12, 12:12

ขออีกภาพเถอะค่ะ คุณหนุ่มสยาม
พระรูปนี้ มีคำอธิบายว่าเป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์   ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ใช่ท่านไหมคะ


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 201  เมื่อ 06 ก.ย. 12, 13:33

ขออีกภาพเถอะค่ะ คุณหนุ่มสยาม
พระรูปนี้ มีคำอธิบายว่าเป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์   ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ใช่ท่านไหมคะ

ถูกต้องครับเป็นภาพพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ครับ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 202  เมื่อ 07 ก.ย. 12, 14:18

ขอบคุณค่ะ  ตอนทรงพระเยาว์ น่ารักมาก ดูฉลาดเฉลียว  พระบุคลิกภาพมีสง่าราศีผิดกว่าเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน

มีอีกรูปมาถามค่ะ  อยากทราบว่าวัดพระเชตุพนหรือเปล่าคะ


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 203  เมื่อ 07 ก.ย. 12, 16:16


มีอีกรูปมาถามค่ะ  อยากทราบว่าวัดพระเชตุพนหรือเปล่าคะ

ภาพถ่ายจากวัดอรุณราชวรารามไปยังท่าเตียน เห็นวัดพระเชตุพนฯ และชุมชนท่าเตียน ใน่วนของวัดจะเห็นการก่อสร้างพระเจดีย์ประจำรัชกาลที่ ๔ ยังคงก่อสร้างไม่เสร็จ ด้านหน้าเห็นประตูเมืองสามเหลี่ยมสีขาวสะอาดตา ซึ่งเป็นการดัดแปลงประตูเมืองจากประตูไม้ในสมัยรัชกาลที่ ๑ เป็นประตูเมืองแบบมีหอรบในสมัยรัชกาลที่ ๓ ถัดกำแพงเมืองไปทางขวามือเราจะเห็นหลังคาป้อมพระนคร "ภูผาสุทัศน์" ด้านหน้าเป็นย่านชุมชนท่าเตียนซึ่งพัฒนาเป็นตลาดท่าเตียนในปัจจุบัน
บันทึกการเข้า
konkao
ชมพูพาน
***
ตอบ: 125


ความคิดเห็นที่ 204  เมื่อ 28 ก.ย. 12, 21:40

ภาพนี้ใช่ ขุนฉายาสาทิศกร หรือเปล่าครับ

บันทึกการเข้า
art47
องคต
*****
ตอบ: 739


ความคิดเห็นที่ 205  เมื่อ 28 ก.ย. 12, 21:47

คงไม่ใช่ สวมชุดครุย น่าจะเป็นผู้พิพากษามากกว่า  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
konkao
ชมพูพาน
***
ตอบ: 125


ความคิดเห็นที่ 206  เมื่อ 28 ก.ย. 12, 21:53

คงไม่ใช่ สวมชุดครุย น่าจะเป็นผู้พิพากษามากกว่า  ยิ้มเท่ห์
ขอบคุณครับพี่หน้าแตกเลยเรา  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
V_Mee
สุครีพ
******
ตอบ: 1436


ความคิดเห็นที่ 207  เมื่อ 29 ก.ย. 12, 20:52

น่าจะเป็น ๑ ใน ๒๘ ตุลาการที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ โปรดให้จำหลักชื่อไว้ปลายพระแท่นในคราวคดีพญาระกา
ซึ่งในชั้นนี้พอจะตัดออกไปได้ ๑ รายคือ เจ้าพระยามหิธร (ลออ  ไกรฤกษ์) คงเหลืออีก ๒๗ รายที่จะต้องลองค้นกันดู
ที่สามารถยืนยันได้ว่าเป็น ๑ ใน ๒๗ ตุลาการที่ไม่รวมเจ้าพระยามหิธรนั้น  เพราะเสื้อครุยที่ท่านสวมเป็นเสื้อครุยดำแบบ
ตะวันตกที่เสด็จในกรมราชบุรีฯ ทรงนำมาให้ศิษย์ในพระองค์ที่สอบไล่ได้เป็นเนติบัณฑิตสยามตามหลักสูตรที่ทรงจัดแล้ว
เมื่อทรงพ้นจากตำแหน่งเสนาบดียุติธรรมในตอนปลายรัชกาลที่ ๕ แล้ว  พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร
เสนาบดีกระทรวงยุติธรรมพระองค์ใหม่ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ทรงพระราชดำริแบบ
เสื้อครุยเนติบัณฑิตให้ใหม่  จากนั้นจึงได้ทรงพระราชดำริเสื้อครุยเนติบัณฑิตให้ใหม่เป็นเสื้อครุยแบบไทย  ซึ่งต่อมาได้
เป็นต้นแบบของเสื้อครุยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ซึ่งใช้กันมาถึงปัจจุบัน  ส่วนเสื้อครุยดำนั้นก็เลิกใช้ไป 

จนเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วท่านว่ากันว่า (ไม่ทราบว่าท่านไหน) เสื้อครุยอย่างแบบไทยนั้นไม่ทน  เพราะเป็นผ้าโปร่ง 
การที่สวมบ่อยๆ ทำให้ขาดง่าย  ท่านเลยเปลี่ยนมาเป็นครุยดำแบบฝรั่งเศส  แล้วเอาแถบสำรดที่ขอบเสื้อครุยแบบไทยนั้น
ไปทำเป็นผ้าพาดบ่าแทน  แต่เหตุผลจริงๆ น่าจะเป็นเพราะเสื้อครุยแบบไทยนั้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ เป็นของพระราชทาน
พอถึงรัชกาลที่ ๗ ผู้ที่สอบไล่ได้ต้องตัดเอง  แล้วแถบทองที่สำรดริมขอบเสื้อครุยนั้นเป็นแถบดิ้นทองแท้  ราคาเสื้อครุย
ต่อตัวจึงค่อนข้างสูง  กอปรกับเวลานั้นมีการตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้นมาแล้ว  และธรรมศาสตร์บัณฑิต
จาก มธฏ.นั้นท่านให้ใช้เสื้อครุยดำแบบฝรั่งเศส  เมื่อสอบไล่ได้เป็นเนติบัณฑิตก็เพียงแต่เปลี่ยนผ้าพาดบ่าอันทำให้ประหยัด
ไปได้หลายเงินทีเดียว
   
บันทึกการเข้า
konkao
ชมพูพาน
***
ตอบ: 125


ความคิดเห็นที่ 208  เมื่อ 30 ก.ย. 12, 07:15

น่าจะเป็น ๑ ใน ๒๘ ตุลาการที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ โปรดให้จำหลักชื่อไว้ปลายพระแท่นในคราวคดีพญาระกา
ซึ่งในชั้นนี้พอจะตัดออกไปได้ ๑ รายคือ เจ้าพระยามหิธร (ลออ  ไกรฤกษ์) คงเหลืออีก ๒๗ รายที่จะต้องลองค้นกันดู
ที่สามารถยืนยันได้ว่าเป็น ๑ ใน ๒๗ ตุลาการที่ไม่รวมเจ้าพระยามหิธรนั้น  เพราะเสื้อครุยที่ท่านสวมเป็นเสื้อครุยดำแบบ
ตะวันตกที่เสด็จในกรมราชบุรีฯ ทรงนำมาให้ศิษย์ในพระองค์ที่สอบไล่ได้เป็นเนติบัณฑิตสยามตามหลักสูตรที่ทรงจัดแล้ว
เมื่อทรงพ้นจากตำแหน่งเสนาบดียุติธรรมในตอนปลายรัชกาลที่ ๕ แล้ว  พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญศักดิ์กฤดากร
เสนาบดีกระทรวงยุติธรรมพระองค์ใหม่ได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ทรงพระราชดำริแบบ
เสื้อครุยเนติบัณฑิตให้ใหม่  จากนั้นจึงได้ทรงพระราชดำริเสื้อครุยเนติบัณฑิตให้ใหม่เป็นเสื้อครุยแบบไทย  ซึ่งต่อมาได้
เป็นต้นแบบของเสื้อครุยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ซึ่งใช้กันมาถึงปัจจุบัน  ส่วนเสื้อครุยดำนั้นก็เลิกใช้ไป 

จนเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วท่านว่ากันว่า (ไม่ทราบว่าท่านไหน) เสื้อครุยอย่างแบบไทยนั้นไม่ทน  เพราะเป็นผ้าโปร่ง 
การที่สวมบ่อยๆ ทำให้ขาดง่าย  ท่านเลยเปลี่ยนมาเป็นครุยดำแบบฝรั่งเศส  แล้วเอาแถบสำรดที่ขอบเสื้อครุยแบบไทยนั้น
ไปทำเป็นผ้าพาดบ่าแทน  แต่เหตุผลจริงๆ น่าจะเป็นเพราะเสื้อครุยแบบไทยนั้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ เป็นของพระราชทาน
พอถึงรัชกาลที่ ๗ ผู้ที่สอบไล่ได้ต้องตัดเอง  แล้วแถบทองที่สำรดริมขอบเสื้อครุยนั้นเป็นแถบดิ้นทองแท้  ราคาเสื้อครุย
ต่อตัวจึงค่อนข้างสูง  กอปรกับเวลานั้นมีการตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้นมาแล้ว  และธรรมศาสตร์บัณฑิต
จาก มธฏ.นั้นท่านให้ใช้เสื้อครุยดำแบบฝรั่งเศส  เมื่อสอบไล่ได้เป็นเนติบัณฑิตก็เพียงแต่เปลี่ยนผ้าพาดบ่าอันทำให้ประหยัด
ไปได้หลายเงินทีเดียว
   

ขอบคุณครับพี่สุดยอดจริงๆ มีอีกสองสามภาพถามต่อเลยนะพี่และพี่ๆทุกคน
บันทึกการเข้า
konkao
ชมพูพาน
***
ตอบ: 125


ความคิดเห็นที่ 209  เมื่อ 30 ก.ย. 12, 07:20

เขาเป็นใครกัน ยิงฟันยิ้ม



----------------------------------------------------------------------------------------------

ด้านหลังรูปเป็นทรงชาติช้างภาพด้านหน้าโดนน้ำเสียไปล้วครึ่งเสียดายมากครับ

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15 16 ... 28
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.066 วินาที กับ 19 คำสั่ง