กลับไปที่ไอติมกับหวานเย็นหน่อยครับ
ท่านอาจารย์เทาชมพูกับผมก็เป็นเด็กรุ่นเดียวกัน แต่คงเป็นประเภทเด็กดีเชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ อาจจะไม่ได้ค่อยลองขนมแถมเชื้อโรคเหมือนเด็กผู้ชายอย่างผม จึงน่าจะไม่รู้จักหวานเย็น
ขอทบทวนความหลัง
ถ้าเป็นแท่งยาวๆ สีแดงบ้าง เขียวบ้าง มีรสกะทิถั่วดำบ้าง เขาเรียกไอติม
อันนี้ถูกครับ แต่ที่เจ๊กหาบขายจะเป็นแท่งกลมๆยาวๆ มีเชื้อโรคแถม
ส่วนรูปที่ท่านอุตสาห์ไปหามาให้ดูนั้น เป็นแท่งใหญ่ๆแบนๆมีสองขานั้นเป็นไอติมเหมือนกัน แต่ไม่ได้นำเสนอโดยอาเจ๊กอย่างในรูปของคุณหนุ่มสยาม บริษัท Formost ของฝรั่งเป็นผู้ผลิตวางจำหน่ายเป็นล่ำเป็นสัน ประมาณปี๒๕๐๐ แต่พวกเราชอบไปเรียกเขาว่าบริษัทฝ่อหมด เขาจึงเจ๊งไปเสียแล้ว
ส่วนรูปข้างล่างเป็นไอติมหาบเร่เหมือนกัน มีไม้ลูกชิ้นปิ้งเสียบให้ถือไปกัดกินได้สะดวก
ถ้าเป็นหวานเย็น เป็นเกล็ดน้ำแข็งอัดแท่ง ใส่น้ำหวาน ไม่มีนมหรือครีมผสม เหมือน sherbet สมัยนี้ เรียกว่าหวานเย็น
เวลาซื้อหวานเย็น คนขายใส่อะไรมาคะ
หวานเย็นไม่ใช่เกล็ดน้ำแข็งไส ที่อัดด้วยมือลงไปในแก้วจนเป็นก้อนทรงเดียวกับแก้ว แล้วเอาออกมาไปชุบน้ำหวานตามสั่ง จะเอาเขียวด้านนึง แดงด้านนึง หรือเขียวแดงล้วนๆก็ได้ เสร็จแล้วเสียบไม้ มือขวายื่นส่งให้เด็ก มือซ้ายแบมือไปเชคบิล แท่งละสลึง
อันนี้เรียกน้ำแข็งกด ไม่ใช่หวานเย็น จัดเป็นขนมผสมเชื้อโรคเช่นกัน
ส่วนหวานเย็น ก็เหมือนน้ำแข็งก้อนที่เราทำเองในช่องทำน้ำแข็งของตู้เย็น สมัยตู้เย็นยังไม่มีใช้ เจ๊กก็เอาน้ำเขียวน้ำแดงมาทำเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดย่อมๆ เร่ขายข้างถนน พอเด็กซื้อก็เอากระดาษเปล่าที่ตัดเตรียมเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ลงไปจับก้อนหวานเย็นขึ้นมาส่งให้เด็ก อีกมือหนึ่งก็แบบรับสตางค์แบบยื่นหมูยื่นแมว ก้อนละสลึงเหมือนกัน เด็กก็ถือตรงส่วนกระดาษหุ้มไปเลียกิน
หวานเย็นนี้เป็นที่รังเกียจของพ่อแม่มาก เพราะเจ๊กจะแถมเชื้อโรคให้ตั้งแต่ในน้ำที่มาผสมน้ำหวาน และในกระดาษที่ไม่รู้ว่าผ่านอะไรมาบ้าง มือของเด็กที่จับหวานเย็นกินก็สกปรกที่สุด ถึงมีกระดาษรองอยู่ก็เถอะ มันต้องปนเปื้อนกันเข้าบ้าง เด็กถ้าธาตุไม่แข็งจริง ทานแล้วมักจะปวดท้อง ท้องเสียเป็นประจำ แต่ไม่ยักจะเข็ดกัน
ป.ล. ผมเขียนตรงนี้เสร็จแล้วก็เข้าไปsearchหาหวานเย็นในกูเกิลดู รูปในนั้นเป็นน้ำแข็งใสหมดดังที่ท่านอาจารย์เทาชมพูว่า ก็คงเพราะหวานเย็นดั้งเดิมสูญพันธุ์ไปแล้ว น้ำแข็งไสจึงแฮ๊บเอาคำว่าหวานเย็นมาใช้แทน