น่าจะชวนคุณร่วมฤดีไปลุยตลาดน้อยกันดูบ้าง

รูปนี้ถ่ายห่างไกลบางกอกไปมาก เป็นรูปหายาก นึกออกไหมคะว่าผู้ชายทางซ้ายเป็นใคร
(ควรรีบตอบ ก่อนที่คุณ siamese จะกวาดคะแนนไปหมดอีก)

ไม่ถึงกับกวาดคะแนนหรอกครับ อาจารย์เทาชมพู

งั้นมาร่วมทายกันต่อว่า อาคารหลังงามหลังนี้ แถวไหน ทำหน้าที่อะไร
สถานที่แห่งนี้คือ "ธนาคารแห่งอินโดจีน" ครับซึ่งก่อสร้างติดกับบริษัท อีสฑ์เอเซียติ๊ก จำกัด (มหาชน) ด้านกลังจะไปเชื่อมกับพื้นที่ของโบสถ์อัสสัมชัญและโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์
สำหรับอาคาร "บริษัท อีสฑ์เอเซียติ๊ก จำกัด (มหาชน)" ปัจจุบันนี้เป็นอาคารอนุรักษ์ มีตราสัญลักษณ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ติดไว้ด้านหน้า อนุรักษ์ไว้ตั้งแต่ราวปี 2528 เป็นต้นมา และได้ขายตึกนี้ให้กับเจ้าพ่อน้ำเมา ไปเมื่อ 20 ปีก่อนแล้วย้ายไปที่ทำการใหม่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามบ่อนไก่ ปัจจุบันนี้ 2553 ทราบว่าบริษัทได้ขายให้กับคนอื่นไปแล้วโดยเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นไป อันเป็นการปิดตำนาน 100 กว่าปี
บริษัท อีสฑ์เอเซียติ๊ก จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่มีความชำนาญด้านการเดินเรือสมุทร และเข้ามาก่อตั้งกิจการในประเทศไทย โดยตั้งทำการอยู่ที่ตรอกโอเรียนเต็ล ทำกิจการค้าไม้สักจนร่ำรวย และควบคู่กับกิจการเดินเรือระหว่างประเทศ บริษัทรับใช้ระดับพระราชวงศ์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลปัจจุบัน
ผมเองก็ผูกพันกับตึกแห่งนี้บ้าง ไม่มากก็น้อย อาคารประกอบด้วยกลุ่มอาคาร 2 หลัง และเชื่อมกันด้วยสะพานเชื่อมกันบริเวณชั้นสองของตัวตึก อาคารมีสามชั้น พื้นชั้นล่างเทปูนหินขัด ส่วนชั้นบน และชั้นสาม ตลอดจนบันได ทำด้วยไม้สักทั้งสิ้น โดยเฉพาะบันไดมีขนาดใหญ่ แข็งแรง ลูกกรงกลึงรูปทรงแจกัน เป็นไม้ทั้งท่อน ส่วนพื้นชั้นสองและชั้นสาม เป็นไม้สักที่เป็นชิ้นโตสัก 50 ซม ได้วางขัดกันไป
ผนังอาคารแบบโบราณ ก่ออิฐและผนังมีความหนามาก เหมือนอย่างวัดโบราณ และเคยทราบมาว่า การวางเสาเข็มของทั้งสองอาคาร ก็เป็นแบบเอาไม้ซุงมาวางขัดกัน รองไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแข็งแรงและอยู่ริมน้ำมาจนทุกวันนี้ ถนนรอบตึกได้ถมสูงขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ก่อนเวลาเข้าอาคารต้องเดินขึ้นบันได 3 ขั้นแล้วเข้าสู่ตัวอาคาร
ด้านหน้าเป็นบันไดปีกสองข้าง เดินเข้าไปจะเป็นห้องที่ทำงานของ "นายห้าง" ซึ่งเป็นฝรั่งชาวเดนมาร์ค และลึกเข้าไปก็เป็นพนักงานฝ่ายบัญชี ริมอาคารมีทางเดินเล็กๆ ลงไปห้องน้ำชั้นล่าง ซึ่งห้องน้ำมีความเก่าแก่พอกับอายุตึก คือ กรุด้วยกระเบื้องดินเผาสีแดง สุขภัณฑ์โถนั่งที่ชักโครกเป็นถังสูงอยู่เหนือหัวเรา เวลากดน้ำก็กระตุกโซ่ให้น้ำไหลลงมา
ลานหน้าอาคารเป็นลานคอนกรีตขนาดเล็ก ติดกับท่าเรือโอเรียนเต็ล มีแขกยามเฝ้า ซึ่งเป็นวัฒนธรรมแบบเก่า ใช้แขกปาทาน ห่มขาว นุ่งโสร่งขาว หนวดปั้นน้ำมันเรียวแหลม คอยเฝ้ายามอย่างดี เคยล้อว่า "บาบู" ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด้วยรั้วติดกันแต่เปิดโล่งถึงกัน ก็เป็นอาคารของธนาคาร อินโดจีน แต่สมัยที่ผมกล่าวนี้ คงเปลี่ยนเป็นที่ทำการของคริสจักรไปแล้ว ซึ่งหน้าอาคารมีต้นไทรขนาดใหญ่ นั่งเล่นบนหลังเขื่อนได้ ดูน้ำเจ้าพระยาซัดหาตลิ่งมิรู้เบื่อ
ต่อด้วยท่าเรือที่ยื่นด้วยโป๊ะลงในแม่น้ำ แต่ก่อนมี สองโป๊ะ ภายหลังยุบเหลือโป๊เดียว ซึ่งโป๊ะเรือนี้จะมีบริการเรือข้ามฟากของบริษัท ข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ที่ทำการของนมดูเม็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ และติดกับบริษัท ดูเม็กซ์ จะเป็นลานพักสินค้าของบริษัท เสริมสุข (เป็บซี่) กองขวดไว้มากมาย ท่าเรือหน้าบริษัท อีสเอเซียติ๊ก นี้ได้รับเกียรติจากเจ้านายเชื้อพระวงศ์เดนมาร์คมาหลายพระองค์ รวมทั้งโป๊บสันตะปาปาจอนห์ปอลที่ 2 ก็เสด็จมาขึ้นที่ท่าน้ำแห่งนี้