srisiam
|
คุณหนูหัวหน้าแก๊งค์หนีไปนอนแหล๋ว.... เสริม......ภาพสวยๆ..ผลงานของCarlo Allegri อยู่ในบล็อคนี้ครับ... http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=haiku&month=08-07-2010&group=20&gblog=3และถ้ายังไม่เครียด....ลองคิดดูว่าแม่น้ำสะโตงที่ท่านมุ้ยเพิ่งไปถ่ายภาพมาเมื่อ2-3 ปีนี้...กว้างสัก 5 เท่าของสะโตงที่สมเด็จพระนเรศวรฯทรงพระแสงปืนต้นได้ไหม?? เช่นกัน....สภาพถนนเจริญกรุงเมื่อ 120 ปีที่แล้วอาจมีตรอกส่วนบุคคลหรือถนนแยกอีกหนึ่งเส้นก็ได้?แต่ถูกสร้างเป็นอาคารไปหมด ถ้างั้นลองดูว่าแบบนี้เป็นไปได้ไหม?.....เพราะตรงดาวแดงสองดวงนั้นคือมุมเดียวกันของรั้ว...อย่าไม่น่าต้องสงสัย? 
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 11 ก.ย. 10, 22:22
|
|
ทำกราฟฟิคสวยมากเลยครับ คุณ srisiam  เรื่อง Siam Free Press จะหันหน้าเข้าซอย คงไม่ได้ เพราะว่าดูจากถนนหน้าอาคารนั้นเป็นถนนสายใหญ่ และมีเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่ (คงไม่ไปปักให้ซอยเล็กขนานนั้นครับ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
srisiam
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 11 ก.ย. 10, 22:36
|
|
ขอบพระคุณครับ...... นี่คือ.....ชอยต้องสงสัย/หรือถนนส่วนบุคคลที่ถูกเปลี่ยนไป..  (ยังดื้ออยู่อีก)...ซึ่งไม่น่าจะเป็นเจริญกรุงหรือสุรวงศ์...น่าคิดนะครับ เพราะมีแต่ต้นไม้ครึ้ม..ไม่มีตึกแถวเลย...... น่าคิด.......ผิดถูกอีกเรื่อง? 
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 11 ก.ย. 10, 22:57
|
|
หลอนอีกแล้วเรา ไม่น่าเปิดดูจนกระทั่งดึกเลย  รูปถนนสายเล็กที่ผู้ไม่ยอมเป็นประธานแก๊งค์ลูกน้ำ ซูมมาให้ดู ลักษณะเหมือนเป็นถนนสายเล็กหรือซอยที่ตัดผ่านบ้านคนอยู่อาศัย ไม่ใช่ถนนใหญ่ที่มีห้องแถวพาณิชย์ บ้านสมัยโน้นปลูกต้นไม้หน้าบ้านทั้งนั้น ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้กินได้ อย่างมะม่วง ถนนสายเล็กเส้นนี้น่าจะสำคัญ เทศบาลลาดถนนเสียเรียบทีเดียว น่าจะเป็นถนนเชื่อมระหว่างถนนสำคัญสองสายก็เป็นได้ ไม่น่าจะเป็นถนนหรือซอยตัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 11 ก.ย. 10, 23:07
|
|
ข้อสรุปของผมเป็นอย่างนี้ครับ
1-บ้านสองหลังนี้ ผมเอามาจากหนังสือเล่มเดียวกัน ถ่ายรูปในปลายรัชกาลที่6 จะเป็นหลังเดียวกันไม่ได้เพราะบรรยายภาพว่าเป็นที่ทำการคนละบริษัทกัน British Dispensaryหนึ่ง และSiam Free Pressอีกหนึ่ง
2-คุณร่วมฤดีค้นมาได้ว่าBritish Dispensaryอยู่ที่แยกปลายถนนสุรวงศ์ชนกับถนนเจริญกรุง ในหนังสือของผมบอกว่าอยู่บนถนนเจริญกรุง แสดงว่าบริษัทนี้หันหน้าออกเจริญกรุง และด้านข้างอยู่สุรวงศ์ และถนนสุรวงศ์พ.ศ.นั้นก็คงมีต้นไม้เยอะอย่างนั้นเอง ตึกแถวมาที่หลัง
3-แต่เราช่วยกันพิสูจน์แล้วว่าจุดที่ถ่าย ไม่ได้อยู่หน้าBritish Dispensary แต่อยู่หน้าSiam Free Press ดังนั้นSiam Free Pressจึงต้องหันหน้าออกเจริญกรุงด้วย วิวหน้าบริษัทจึงจะเป็นดังภาพ ซึ่งด้านข้างก็ติดถนนหรือซอยด้วย แต่อาจจะไม่ใช่ หรือใช่สุรวงศ์ก้ได้ ขึ้นอยู่กับสถานีพักพลตระเวนบางรักเดิมว่าอยู่ตรงไหนของเจริญกรุง ทว่าอย่าลืม อัสสัมชัญที่อยู่ตรงนั้นก็เรียกอัสสัมชัญบางรักเหมือนกันนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
natadol
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 12 ก.ย. 10, 02:25
|
|
เอาจิ๊กซอล์มาต่อให้อีกตัวครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 12 ก.ย. 10, 06:11
|
|
ข้อความโดย: natadol เอาจิ๊กซอล์มาต่อให้อีกตัวครับ ขออนุญาตลอกมาลงไว้เลย ตามคำบอกเล่า (บันทึกไว้เป็นข้อเขียน) ของ 'เสถียร-โกเศศ' เมื่อถนนสุรวงศ์สร้างใหม่ ๆ นั้น ปากถนนด้านเจริญกรุงสร้างเป็นเรือนตึก 2 ชั้น รูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ฟากละ 3 หลัง แต่ละหลังมีรั้วโปร่งทำด้วยไม้กั้นเป็นสัดส่วยของบริเวณบ้าน
หลังแรกทางขวามือ เป็นห้างจำหน่ายยาฝรั่งยาฝรั่งตรางู ของ นายแพทย์โธมัส เฮาเวิร์ด (Dr. Thomas Howard Hays) ซึ่งเป็นหมอสอนศาสนาชาวเอมริกัน ที่มาสอนที่ศิริราชพยาบาลยุคแรก และย้ายมาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางรัก (ต่อมาเปลี่ยนโรงพยาบาล 'เลิดสิน' อยู่บนถนนสีลม)
หมอเฮส์เป็นผู้ให้กำเนิด 'ห้างขายยาอังกฤษตรางู' ซึ่งต่อมาเปลี่ยนมือหลายครั้งจนถึงตระกูล 'ว่องวานิช' ในปัจจุบันหมอเฮส์ผู้นี้ได้ร่วมกับภรรยาซึ่งเป็นมิชชั่นนารีชาวอเมริกัน เช่นเดียวกันคือ เจนนี เนียลสัน (Jenny Neilson) ก่อตั้งห้องสมุด 'เนียลสัน เฮส์' ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสุรวงศ์มาจนถึงทุกวันนี้ (จะได้กล่าวถึงต่อไป)
บ้านหลังที่สองเคยเป็นที่อยู่ของ 'หมอปัวส์' (Poix) ชาวฝรั่งเศส ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอัศวินอำนวยเวช บ้านหลังนี้ต่อมาเป็นภัตตาคารอาหารอิตาเลียน ชื่อ 'ทรอกาเดโร' ดำเนินงานโดยสุภาพสตรีชาวอิตาเลียนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ขณะนั้นชื่อ มาดามสตาโร (Madame Staro) ซึ่งได้พัฒนาภัตตาคารมาเป็น 'โรงแรมทรอกาเดโร' ในเวลาต่อมา
บ้านหลังที่สามถัดมา เป็นที่อยู่ของ หมอยอน คาริงตัน (John Carrington) ซึ่งเป็นหมอมิชชั่นนารีอเมริกันเช่นเดียวกับหมอเฮส์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 12 ก.ย. 10, 06:51
|
|
หมายถึงแบบนี้ถูกไหม
1.หลังแรกทางขวามือ เป็นห้างจำหน่ายยาฝรั่งยาฝรั่งตรางู ของ นายแพทย์โธมัส เฮาเวิร์ด (Dr. Thomas Howard Hays) ซึ่งเป็นหมอสอนศาสนาชาวเอมริกัน ที่มาสอนที่ศิริราชพยาบาลยุคแรก และย้ายมาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางรัก (ต่อมาเปลี่ยนโรงพยาบาล 'เลิดสิน' อยู่บนถนนสีลม)
หมอเฮส์เป็นผู้ให้กำเนิด 'ห้างขายยาอังกฤษตรางู' ซึ่งต่อมาเปลี่ยนมือหลายครั้งจนถึงตระกูล 'ว่องวานิช' ในปัจจุบันหมอเฮส์ผู้นี้ได้ร่วมกับภรรยาซึ่งเป็นมิชชั่นนารีชาวอเมริกัน เช่นเดียวกันคือ เจนนี เนียลสัน (Jenny Neilson) ก่อตั้งห้องสมุด 'เนียลสัน เฮส์' ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสุรวงศ์มาจนถึงทุกวันนี้ (จะได้กล่าวถึงต่อไป)
2.บ้านหลังที่สองเคยเป็นที่อยู่ของ 'หมอปัวส์' (Poix) ชาวฝรั่งเศส ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอัศวินอำนวยเวช บ้านหลังนี้ต่อมาเป็นภัตตาคารอาหารอิตาเลียน ชื่อ 'ทรอกาเดโร' ดำเนินงานโดยสุภาพสตรีชาวอิตาเลียนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ขณะนั้นชื่อ มาดามสตาโร (Madame Staro) ซึ่งได้พัฒนาภัตตาคารมาเป็น 'โรงแรมทรอกาเดโร' ในเวลาต่อมา
3.บ้านหลังที่สามถัดมา เป็นที่อยู่ของ หมอยอน คาริงตัน (John Carrington) ซึ่งเป็นหมอมิชชั่นนารีอเมริกันเช่นเดียวกับหมอเฮส์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 12 ก.ย. 10, 06:53
|
|
ภาพโรงแรม'ทรอกาเดโร' ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 12 ก.ย. 10, 07:17
|
|
ภาพอนุสาวรีย์ควีนวิคตอเรียนในความเห็นที่ ๗๕๗ นั้น ตั้งอยู่ที่หน้าสถานทูตอังกฤษเดิมที่บางรัก เมื่อสถานทูจอังกฤษย้ายไปอยู่ที่เพลินจิตซึ่งเป็นที่ดินของนายเลิด การย้ายสถานทูตอังกฤษนี้น่าจะเป็นการแลกที่ดินกับนายเลิด (พระยาภักดีนรเสรษฐ) เจ้าของปาร์กนายเลิด เพราะเมื่อสถานทูตอังกฤษย้ายไปนั้น ที่ตั้งเดิมที่ติดกับโรงภาษีได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายเลิด แล้วกระทรวงพระคลังมหาสมบัติในสมัยที่พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุภโยคเกษม เป็นเสนาบดีได้ตกลงซื้อที่ดินแปลงนี้จากนายเลิดเพื่อขยายพื้นที่ของโรงภาษีออกไป โดยตกลงซื้อแล้วเรียบร้อยแล้วจึงกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ซึ่งการนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต เมื่อมีพระราชหัตถเลขาพระราชทานพระบรมราชานุญาตนั้นได้มีพระราชวินิจฉัยว่า การที่กระทรวงพระคลังมหาสมบัติดำเนินการไปก่อนได้รับพระบรมราชานุญาตนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยพระราชนิยม เพราะกระทรวงพระคลังมหาสมบัติเคยตำหนิเสนาบดีเจ้ากระทรวงอื่นที่สั่งจ่ายเงินโดยไม่ขออนุญาตกระทรวงพระคลังฯ ก่อน แต่กระทรวงพระคลังฯ กลับมาทำเช่นที่ตำหนิกระทรวงอื่นๆ ถึงแม้ว้าจะเกรงว่าความจะรั่วไหลแล้วจะทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้น ก็ทรงมีพระราชวิจารณ์ว่า ข้าราชการในกรมราชเลขาธิการนั้นล้วนเป็นผู้มีหูมีตาแต่ไม่มีปาก หากผู้ใดไม่รักษาความลับทางราชการก็จะถูกลงโทษไล่ออกและถอดจากยศบรรดาศักดิ์กันเลยทีเดียว
อนุสาวรีย์ควีนวิคตอเรียนนั้นมีอยู่ ๒ แบบ คือแบบนั่ง และแบบยืน ชาวอังกฤษในกรุงเทพฯ ได้สั่งพระบรมรูปแบบนั่งเข้ามาประดิษฐานที่หน้าสถานทูตในกรุงเทพฯ แล้วได้กราบบังคมทูลเชิญล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ เมื่อยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จไปทรงเปิดอนุสาวรีย์นี้ มีเอกสารจดหมายเหตุบันทึกไว้เป็นเรื่องราวยืดยาว เพราะทรงเกรงจะกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสยามกับนานาประเทศ สุดท้ายเมื่อเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศถวายความเห็นว่า ไม่น่าจะมีผลอะไรจึงทรงรับเชิญเสด็จไปในงานนี้
เมื่อชาวอังกฤษในกรุงเทพฯ สั่งอนุสาวรีย์ควีนวิคตอเรียเข้ามา ชาวอังกฤษในเชียงใหม่และมณฑลพายัพ ก็สั่งอนุสาวรีย์แบบยืนเข้ามาประดิษฐานที่หน้าสถานกงสุลเชียงใหม่บ้าง แต่เมื่ออาทิตย์อัสดงในแผ่นดินอังกฤษ อิทธิพลของอังกฤษในภูมิภาคต่างเริ่มเสื่อมถอยลง อังกฤษได้ขายสถานกงสุลที่เชียงใหม่ให้เอกชนไทย มีการเปลี่ยนมือกันหลายทอด แล้วอนุสาวรีย์ควีนวิคตอเรียผู้ยิ่งใหญ่ก็ถูกย้ายจากหน้าสถานกงสุลอังกฤษไปไว้ที่มุมหนึ่งใน "สุสานบ้านเด่น" หรือป่าช้าคริสเตียนใกล้สโมสรยิมคานา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 12 ก.ย. 10, 08:11
|
|
แปลจากหนังสือTwentieth Century Impressions of Siam เขียนโดย Arnold Wright และ Oliver T. Breakspear
ห้างขายยา(British Dispensary)นี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ20ปีมาแล้ว(นับจากปี1908หรือพ.ศ.2451 ก็คือประมาณปีพ.ศ.2431)โดยDr. Gowan อายุรแพทย์ในพระเจ้าอยู่หัว ผู้ล่วงลับไปแล้ว ต่อมาจากนั้นได้ตกเป็นของDr. T. Hayward Hays หัวหน้าหน่วยแพทย์ของราชนาวีสยาม และแพทย์ประจำกรมรถไฟ ซึ่งหลังจากเข้าครอบครองได้ไม่นานก็ขยายไปเปิดสาขาอีกหนึ่งสาขาในย่านที่เหมาะสม(ไม่บอกว่าที่ไหน)ของกรุงเทพ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน(ที่เขียน)ยังรุ่งเรืองดีอยู่ ในปี1906(2449) Dr. Haysได้ขายหุ้นทั้งหมดให้แก่ Mr. Macbethซึ่งเป็นผู้ที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี1898 (2441) และมีผู้ช่วยชื่อMr. Davies เภสัชกรปริญญาซึ่งมีประสพการณ์หลายปีทั้งในอังกฤษและแผ่นดินใหญ่(ยุโรป)
ถนนสุริวงศ์ตัดปีอะไรครับ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 12 ก.ย. 10, 08:29
|
|
จิ๊กซอร์มาอีกตัวนึง
ในปี พ.ศ. ๒๔๓๑ เมื่อพระยาสีหราชเดโชชัย ซึ่งต่อมาเป็นเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ (โต บุนนาค) ได้ขอพระบรมราชานุญาตตัดถนนทางฝั่งพระนครขนานกับถนนสีลม ซึ่งในเวลาต่อมาได้รับพระราชทานชื่อว่า ถนนสุรวงศ์ และถนนเดโช ตามชื่อของท่านนั้น บุตรหลานของสมเด็จเจ้าพระยาฯ ได้มาตั้งเคหสถาน ณ ถนนสายนี้ ตั้งแต่บริเวณมุมถนนสุรวงศ์ตัดกับถนนเจริญกรุง เป็น บ้านของพระยาประภากรวงศ์ (ว่อง บุนนาค) กับท่านเรียบ (ซึ่งต่อมาได้สร้างโรงแรมทรอคาเดโรขึ้นในบริเวณนั้น) ถัดลงมาเป็นที่ดินของ พระยาสุริยานุวงศ์ประวัติ (เต็น บุนนาค) กับคุณหญิงนุ่ม พระยาสุรวงศ์วิวัฒน์ (เตี้ยม บุนนาค) เจ้าจอมเลียม พระอดิศักดิ์อภิรัตน์ (เต็มสุริยวงศ์ บุนนาค) ถัดไปทางถนนเดโช เป็นบ้านของศาสตรา-จารย์นายแพทย์เติม บุนนาค ศาสตราจารย์ติดต่อ บุนนาค คุณเดียร์ บุนนาค ภรรยาพระโชติศิลปคุณ (โชติ โชติก-เสถียร) และหม่อมดำริห์ บุนนาค ในหม่อมเจ้าสิทธิยากร วรวรรณ เป็นต้น
อย่างที่ผมสันนิฐาน บ้านเหล่านี้เจ้าของต้องเป็นคนไทย ปลูกหลายๆหลังเหมือนๆกัน อาจอยู่เองด้วยให้เช่าด้วย ให้บ้านเช่าอยู่ด้านหน้าที่ติดถนน เพราะทำเลงามจะได้ราคาดีๆ บ้านที่ตนอยู่อาศัยอยู่ในที่รองๆลงไป (ที่เห็นเหมือนกับยังเป็นสวนนั่น)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
srisiam
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 12 ก.ย. 10, 09:13
|
|
ข้อความโดย: natadol เอาจิ๊กซอล์มาต่อให้อีกตัวครับ ขออนุญาตลอกมาลงไว้เลย ตามคำบอกเล่า (บันทึกไว้เป็นข้อเขียน) ของ 'เสถียร-โกเศศ' เมื่อถนนสุรวงศ์สร้างใหม่ ๆ นั้น ปากถนนด้านเจริญกรุงสร้างเป็นเรือนตึก 2 ชั้น รูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ฟากละ 3 หลัง แต่ละหลังมีรั้วโปร่งทำด้วยไม้กั้นเป็นสัดส่วยของบริเวณบ้าน
คุณหลานnatdolหายไปนาน...มาที่เดียวเป็นเรื่องเลย....เยี่ยมมาก...เหมาะกับตำแหน่งเลขาฯแก็งค์ที่สุด...อาจารย์เทาชมพูเมตตาอนุมัติด่วนด้วยครับ... ฟากละสามหลัง...ก็ต้องรวมเป็นหกหลังใช่ไหมครับ..... 
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ruamrudee
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 12 ก.ย. 10, 09:33
|
|
สวัสดีตอนเช้าค่ะทุก ๆ ท่านที่เคารพ
กราบขอบพระคุณที่เกาะติด กัดไม่ปล่อย จนออกมาได้ชัดเจนขนาดนี้ว่า หัวมุมถนนสุรวงศ์ หน้าตาเป็นเช่นไรในสมัยแรก ๆ
พวกเราทำงาานกันตั้งแต่ ค.ค.ห.ที่ 728 มาถึง 793 คุ้มค่ามากค่ะ แฟ้มบุคคลขอปรบมือให้ดัง ๆ
ก่อนหน้านี้ ดิฉันเคยอ่านหนังสือของพระยาอนุมานราชธนทั้งหมดที่กล่าวถึงบริเวณนี้ แต่ก็นึกภาพไม่ออก
ภาพเหล่านี้ จะช่วยให้คนที่ได้อ่านหนังสือรุ่นหลัง ๆ เข้าใจอย่างง่ายดาย
ไม่ทราบมีใครเคยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก เจริญกรุง 43 หรือยังคะ
อาจารย์วราภรณ์ สุรวดี เจ้าของบ้านยกให้ก.ท.ม. ทำเป็นพิพิธภัณฑ์
ท่านเจ้าของบ้านผู้นี้ และ อีกท่านหนึ่งคือ อ.ส.ศิวลักษณ์ เป็นผู้ที่มีถิ่นฐานในละแวกนั้น
ทั้ง 2 ท่านยังมีชีวิตอยู่ และ เป็นผู้ที่ใฝ่รู้ คุ้นเคยกับพระยาอนุมานราชธน
หากได้ท่านมาช่วยยืนยันข้อมูลที่เราสรุปอีกแรงหนึ่งจะดีไม่น้อยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ruamrudee
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 12 ก.ย. 10, 09:44
|
|
เอามาให้ปวดหัวอีกภาพค่ะ เชื่อว่าทุกท่าน เคยเห็นบ้านหลังนี้แน่นอน บ้านใครคะ และใครมีประวัติท่านเจ้าของบ้านเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|