ภาพ 663 ของคุณหนุ่มสยาม คือ ร้านขายยาหมอเหล็ง ศรีจันทร์ อดีตผู้ก่อกบถ ร.ส.130 (ร่วมกับน้องชายร้อยตรี เหรียญ ศรีจันทร์) หลังได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว ได้มาเปิดร้านขายยาที่นี่
ที่เห็นนี้คือ "อาคารศรีจันทร์" ที่ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกสะพานเหล็กบน " (สะพานดำรงสถิตย์) ถนนมหาชัย ซึ่งสันนิษฐานว่า ภาพโบราณภาพนี้น่าจะถ่ายขึ้นในสมัยต้นรัชกาลที่ ๖ ดังปรากฏในหนังสือ เส้นทางการค้าไทย ๘๐ ปี กระทรวงพาณิชย์" (กระทรวงพาณิชย์, ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๓, หน้า ๗๘.) ว่า "อาคารหลังนี้สร้าง-ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๕๕" (อันเป็นปีที่ ๓ ในสมัยรัชกาลที่ ๖)
และ
อาคารหลังนี้เมื่อแรกสร้างนั้น, มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นที่ทำการของบริษัทไฟฟ้าสยาม ทุนจำกัด ที่นักธุรกิจชาวเดนมาร์กเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ๒๔๔๑ (แต่จะมีที่ตั้ง
อยู่ที่ใดมาก่อนไม่ปรากฏหลักฐาน) โดยนักธุรกิจชาวเดนมาร์กได้รับช่วงสัญญาต่อมา
จากนายลอเรนซ์ ยูจีนเบนเน็ต ซึ่งได้ทำสัญญาเอาไว้กับรัฐบาลสยามเมื่อปี ๒๔๔๐ โดย
ในครั้งนั้นบริษัทไฟฟ้าสยาม ได้แต่งตั้งให้นายเวสเตนโฮสช์ เป็นผู้จัดการ และได้มีการขอแก้ไขสัญญาต่างๆ กับรัฐบาลสยามหลายเรื่อง
พร้อมทั้งได้สร้างโรงไฟฟ้าขึ้นที่ข้างวัดราชบุรณะ (วัดเลียบ) เพื่อผลิตไฟฟ้า เพื่อการจัดการจำหน่ายให้แก่ประชาชนในพระนคร อีกทั้งยังได้เปิดกิจการเดินรถรางขึ้นในพระนครด้วย โดยในเวลาต่อมาจึงได้ย้ายที่ทำการไปอยู่ที่ข้างวัดราช
และ
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ จึงได้เปลี่ยนชื่อจากบริษัทไฟฟ้าสยาม ทุนจำกัด มาเป็นบริษัทไฟฟ้าคอร์ปปอเรชั่น จนกระทั่งเมื่อครบกำหนดสัมปทานที่ทำไว้กับรัฐบาลสยาม จึงได้โอนกิจการให้กับทางรัฐบาลเมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๙๓
เมื่อบริษัทไฟฟ้าสยามฯ ได้ย้ายออกไปแล้ว อาคารหลังนี้ได้เป็นที่ตั้ง "ห้างขายยาหมอเหล็ง" ของหมอเหล็ง ศรีจันทร์ (นายร้อยเอก ขุนทวยหารพิทักษ์
นายร้อยเอก ขุนทวยหารพิทักษ์ (เหล็ง ศรีจันทร์) เป็นนายแพทย์ทหารในสังกัดกรมแพทย์ทหารบก ซึ่งในปี พ.ศ. ๒๔๕๔ ได้ถูกจับและดำเนินคดีในคราวที่เกิดการก่อการกบฏ ร.ศ. ๑๓๐ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าขบวนการ ร.ศ. ๑๓๐ โดยศาลถูกตัดสินให้ประหารชีวิต แล้วจึงลดลงเหลือจำคุกตลอดชีวิต แต่ท่านถูกจำคุกอยู่ได้ ๑๒ ปี ๖ เดือน กับเศษ ๖ วัน ก็ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๔๖๗
ซึ่งหลังจากพ้นโทษนี่เองที่หมอเหล็งได้ตั้งห้างขายยาหมอเหล็งขึ้นที่อาคารหลังนี้ และกิจการได้สืบต่อมาจนถึงบุตรชายของท่านเป็นรุ่นที่สอง หลังจากนั้นที่นี่จึงได้กลายมาเป็นบริษัทจเร อิเล็คทรอนิคส์สืบมาจนทุกวันนี้