เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 26 27 [28] 29
  พิมพ์  
อ่าน: 191243 สัตว์ประหลาด 3
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 405  เมื่อ 17 มิ.ย. 15, 16:03

เมื่อ ๖๐ ปีมาแล้ว ขณะที่ Frederick Bang นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ (The Johns Hopkins University) กำลังศึกษาเกี่ยวกับระบบเลือดของ แมงดาทะเลพันธุ์แอตแลนติก Limulus polyphemus มีแมงดาทะเลตัวหนึ่งตายจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Vibrio sp. สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือเลือดทั้งหมดของมันแข็งตัวและจับกันเป็นวุ้น  Bang ศึกษาต่อไปจึงพบว่ามีเฉพาะแบคทีเรียแกรมลบเท่านั้นที่ทำให้เกิดปฏิกิริยานี้ และถึงแม้เอาแบคทีเรียพวกนี้ไป่ต้มในน้ำเดือดก็ยังทำให้เกิดปฏิกิริยาเดียวกันนี้ได้

Bang และเพื่อนได้ศึกษาต่อไปจึงพบว่าสิ่งที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นเกิดจากสิ่งหนึ่งที่อยู่ในเลือดของแมงดาทะเลเรียกว่า  amoebocyte (หมายถึง เซลล์ที่มีการเคลื่อนที่คล้ายอมีบา)  หน้าที่ของมันคือเป็นทหารคอยจับและทำลายผู้บุกรุก (คือตัวแบคทีเรียเอง และสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียแกรมลบถูกทำลายด้วยความร้อนคือชิ้นส่วนของตัวมันเองเป็นสารพิษที่เรียกว่า  endotoxin  อันเป็นสาเหตุของการเป็นไข้  หนาวสั่น ช็อก หรือ เสียชีวิต) และแข็งตัวเป็นวุ้น

ทุกวันนี้ในมาตรฐานการผลิดยาฉีดระบุว่าเภสัชภัณฑ์หรืออุปกรณ์การแพทย์ใดๆ ที่สัมผัสกับของเหลวในร่างกาย หรือระบบไหลเวียนของเลือด ต้องไม่มีสารพิษ endotoxin ตัวนี้ สิ่งที่จะใช้ทดสอบเรื่องนี้ได้ก็คือสิ่งที่สกัดมาจาก amoebocyte ในเลือดแมงดาทะเล และการทดสอบนี้เรียกว่า  Limulus Amebocyte Lysate (LAL)

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 406  เมื่อ 18 มิ.ย. 15, 11:37

จะไม่เปิดเข้ามาในกระทู้นี้อีก  จนกว่าตัวกินปูนมันจะตกหน้า อำลากระทู้ไปก่อน

ตัวเก่าก็จากไป     มีตัวใหม่เข้ามาแทน
แม้ว่าขี้เหร่แสน    แต่มีบุญคุณต่อเรา




บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 407  เมื่อ 18 มิ.ย. 15, 14:09

คุณครูคับ แล้วไอ้ที่เวลาเราด่าผู้ชายบางจำพวกว่าเป็นแมงดาเนี่ย  มันมาจากแมงดาทะเลนี้ หรือแมงดาแบบที่เอามาใส่น้ำพริกครับ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 408  เมื่อ 18 มิ.ย. 15, 15:04

น่าจะแมงดาทะเลนะคะ

                                                            อกเอ๋ยโอ้เอ็นดูหมู่แมงดา
                     ให้สามีขี่หลังเที่ยวฝั่งแฝง           ตามหล้าแหล่งเลนเค็มเล็มพฤกษา
                     เขาจับเป็นเห็นสมเพชเวทนา       ทิ้งมารดาผัวเสียเอาเมียไป
                    ฝ่ายตัวผู้อยู่เดี่ยวเที่ยวไม่รอด        เหมือนตาบอดมิได้แจ้งตำแหน่งไหน
                     ต้องอดอยากจากเมียเสียน้ำใจ      ก็บรรลัย แล กลาดดาษดา
                     แม้นเดี๋ยวนี้มีหญิงไม่ทิ้งผัว          ถึงรูปชั่วฉันจะรักให้หนักหนา
                     โอ้อาลัยใจอย่างนางแมงดา        แต่ดูหน้าในมนุษย์เห็นสุดแล

                                                            จาก นิราศเมืองเพชร ของ สุนทรภู่
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 409  เมื่อ 18 มิ.ย. 15, 15:21

คุณกาละแมร์เธอตอบไว้อย่างนี้



ฟังเธอตอบแล้ว คุณประกอบคงไม่ได้คำตอบที่ต้องการอยู่ดี ไม่แน่ใจว่าคุณกาละแมร์ทราบหรือไม่ว่า "แมงดา" ที่เธอพูดถึงหน้าตาเป็นอย่างไร  ยิงฟันยิ้ม

คนไทยส่วนมากเมื่อพูดถึง "แมงดา"  สัตว์ที่นึกถึงอันดับแรกคือ  Lethocerus indicus ที่เราเอามาใส่น้ำพริก



ตัวนี้ชาวบ้านร้านตลาดเรียกว่า "แมงดา" แต่สังเกตให้ดีมันมี ๖ ขา ท่านรอยอินบอกว่างั้นเรียก "แมง" ไม่ได้ ต้องเป็น "แมลง" ฉะนั้นชื่อที่ถูกต้องคือ "แมลงดา"

แมงดาตัวที่สองที่คนจะนึกถึงคือ แมงดาทะเล  ท่านรอยอินบอกว่าเรียก แมงดา เฉย ๆ ก็ได้ แต่ชาวบ้านบอกเรียกอย่างนั้นจะงง ขอเติมคำว่า "ทะเล" ต่อท้ายอีกว่าจะได้ทราบว่าตัวไหนเป็นตัวไหน

ทีนี้มาถึงคำถามของคุณประกอบ ผู้ชายที่อาศัยน้ำพักน้ำแรงของผู้หญิงโสเภณีดำรงชีพ มาจากแมงดาตัวไหน  กรุณาดูรูปนี้อีกที



ภาพนี้แมงดาทะเลกำลังอยู่ในฤดูผสมพันธุ์ที่เห็นอยู่ข้างบนคือตัวผู้ จะเกาะบนหลังตัวเมียโดยการใช้ตะขอเกี่ยวเอาไว้ตลอดฤดูผสมพันธุ์  นี่แหละคือที่มาของคำเรียกชายโฉดเหล่านั้นว่า "แมงดา"

สุนทรภู่ท่านช่างสังเกตนัก  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 410  เมื่อ 18 มิ.ย. 15, 17:56

มาดูสัตว์ประหลาดกันอีกตัวค่ะ  ไทยเรียกอะไรคะคุณเพ็ญชมพู

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 411  เมื่อ 18 มิ.ย. 15, 20:26

กระเบนธง round fantail  stingray Taenira grabata แห่งเกาะโกเมรา ในหมู่เกาะคานารี ของสเปน



http://youtube.com/watch?v=yiDAHww0Fe4#ws
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 412  เมื่อ 19 มิ.ย. 15, 13:30

ปูทูน่าสีแดงมหาศาลเกยตื่นชายแคลิฟอร์เนีย คาดเป็นผลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ สำนักข่าวต่างประเทศได้เผยแพร่ภาพปรากฏการณ์ธรรมชาติน่าประหลาด เมื่อจู่ๆ เจ้าปูทูน่าจำนวนมหาศาลก็ถูกซัดขึ้นมาเกยตื้นบนตลอดแนวชายฝั่งเมืองซานดิเอโก.......

อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/รอบโลก/ข่าวรอบโลก/371437/แดงทั้งหาด-ปูทูน่ามหาศาลเกยตื้นชายฝั่งสหรัฐ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 413  เมื่อ 19 มิ.ย. 15, 13:59

อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/รอบโลก/ข่าวรอบโลก/371437/แดงทั้งหาด-ปูทูน่ามหาศาลเกยตื้นชายฝั่งสหรัฐ



สำนักข่าวต่างประเทศได้เผยแพร่ภาพปรากฏการณ์ธรรมชาติน่าประหลาด เมื่อจู่ ๆ เจ้าปูทูน่าจำนวนมหาศาลก็ถูกซัดขึ้นมาเกยตื้นบนตลอดแนวชายฝั่งเมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ทำเอาชาวบ้านตื่นตกใจเพราะไม่เคยพบเห็นปรากฏการณ์ลักษณะนี้ในพื้นที่ดังกล่าวมาก่อน

ด้าน'ลินเซย์ ซาลา'นักวิทยาศาสตร์ประจำพิพิธภัณฑ์สถาบันคริพส์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้เผยว่า สาเหตุดังกล่าวน่าจะมาจากเพราะน้ำทะเลบริเวณชายฝั่งบาฮาคาลิฟอร์เนียและอ่าวแคลิฟอร์เนียในเม็กซิโกซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่เดิมของปูทูน่าเกิดมีอุณภูมิสูงเนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ปูทูน่าเหล่านี้จึงต้องว่ายน้ำขึ้นมาเพื่อหากระแสน้ำที่เย็นกว่า

อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาเตือนประชาชนว่า ห้ามนำมารับประทานเนื่องจากมีสารพิษ

ดูรูปต่อที่ posttoday  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 414  เมื่อ 19 มิ.ย. 15, 14:01

สารพิษในตัวของมันเองแบบปลาปักเป้า หรือเหรา หรือมันได้รับสารพิษจากมลภาวะที่อยู่ๆก็อุบัติขึ้นครับ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 415  เมื่อ 19 มิ.ย. 15, 14:21

เป็นธรรมดาของการสาธารณสุข ที่ต้องระวังไว้ก่อนไม่รับประทานสัตว์ที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ปูทูน่าแดง พวกนี้อาจจะตายเพราะกินแพลงตอนหรือสาหร่ายมีพิษเข้าไปก็ได้

อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ ibtimes.com


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 416  เมื่อ 19 มิ.ย. 15, 14:26

เห็นคลิ๊ปปลากระเบนที่ท่านอาจารย์เทาชมพูเอามาให้ดูแล้ว คิดถึงสมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ผมเคยพาลูกๆไปเที่ยวอเมริกาและมีโอกาสไป Sea World ที่ซาน ดิเอโก ที่นั่นมีส่วนน้ำที่จัดให้สำหรับการศึกษาชีวิตสัตว์ทะเลของเด็กๆ ที่กระทบใจผมมากคือบ่อเลี้ยงปลากระเบนซึ่งมีขอบบ่อสูงเท่าหน้าอกของเด็ก ทำให้เด็กสามารถเอามือไปสัมผัสกับกระเบนขนาดใหญ่เท่ากระด้งนับสิบๆตัวในอ่างยักษ์นั้นได้

วันนั้น ผมพลอยมีโอกาสได้เรียนรู้พร้อมกับลูกๆว่า ปลาพันธุ์นี้มันฝึกให้เชื่องเป็นสัตว์เลี้ยงได้ เพียงเอามือไปแตะๆน้ำให้เกิดเสียง มันจะพากันว่ายน้ำปร๊าดเข้ามาหา ทำตัวเหมือนหมาเหมือนแมว พยายามเคล้าเคลียมือของเราเพื่อขออาหารเล็กๆน้อยๆ มันน่ารักมากจริงๆ เราอยู่กับมันนานมาก พ่อแม่ลูกหลงรักมันทุกคน

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็สละสิทธิ์การกินปลากระเบนผัดเผ็ด สมัยก่อนร้านขายข้าวแกงมีขายกันแทบจะทุกร้าน แล้วผมเห็นที่ไหนก็ที่นั่น เป็นต้องชี้กินทันที นึกเสียใจอยู่ว่าเราเคยกินเนื้อหนังมังสาของเพื่อนร่วมโลกผู้น่ารักที่เป็นมิตรกับมนุษย์ได้ลงคอ เพราะความไม่รู้ของตนแท้ๆ เห็นแค่ว่าเขาเป็นอาหาร


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 417  เมื่อ 19 มิ.ย. 15, 14:30

เป็นธรรมดาของการสาธารณสุข ที่ต้องระวังไว้ก่อนไม่รับประทานสัตว์ที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ปูทูน่าแดง พวกนี้อาจจะตายเพราะกินแพลงตอนหรือสาหร่ายมีพิษเข้าไปก็ได้

อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ ibtimes.com

แปลว่าปกติก็กินได้ใช่ไหมครับ แต่ดูๆมันหน้าตาเหมือนกุ้งมากกว่าปู ทำไมถึงเรียกว่า crab
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 418  เมื่อ 19 มิ.ย. 15, 15:03

จริง ๆ มันก็เป็นกุ้งชนิดหนึ่งอย่างที่คุณนวรัตนว่า เรื่องเรียกชื่อผิดเผ่าพันธุ์นี่เป็นเรื่องธรรมดาของทั้งไทยและฝรั่ง อย่างแมงดาทะเลฝรั่งยังเรียกว่า ปูเกือกม้า (horseshoe crab) เลย  ปู (ซึ่งความจริงคือกุ้ง) พวกนี้ปรกติก็เป็นอาหารของสัตว์ทะเลทั่วไปอยู่แล้ว ชื่อปูทูน่าก็มาจากมันเป็นอาหารที่ปลาทูน่าชื่นชอบนั่นเอง


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 419  เมื่อ 22 มิ.ย. 15, 14:45

ควันหลงเรื่องแมงดาทะเล (ปูเกือกม้า)

ความเดิมตอนที่แล้ว  เลือดของแมงดาทะเลมีประโยชน์ในวงการแพทย์มหาศาล ดังนั้น......

ทุก ๆ ปีแมงดาทะเล (Limulus polyphemus) จำนวน ๒๕๐,๐๐๐ ตัวจากฝั่งทางตะวันออกของอเมริกาจะถูกนำมาเก็บเลือด ครั้งหนึ่ง ๆ จะเก็บเลือดจากมันจำนวนเพียง ๓๐ % ของปริมาณเลือดในร่างกาย แล้วก็ปล่อยกลับคือนสู่ธรรมชาติ โชคร้ายที่มีราว ๑๐-๓๐ เปอร์เซนต์ที่ตาย เลือดแมงดาทะเลสนนราคาประมาณลิตรละ ๑๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์ ธุรกิจการการค้าเลือดแมงดาทะเลจึงทำเงินมหาศาล ตกประมาณ ๕๐ ล้านดอลลาร์ต่อปี



บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 26 27 [28] 29
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.052 วินาที กับ 20 คำสั่ง