เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 15 16 [17] 18 19 ... 29
  พิมพ์  
อ่าน: 191249 สัตว์ประหลาด 3
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 240  เมื่อ 27 ต.ค. 14, 17:23

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9570000123576

ตื่น!พบหอยกาบยักษ์ในน้ำน่าน-โตกว่าฝ่ามือ 3 ตัวหนักเป็นกิโลฯ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 241  เมื่อ 28 ต.ค. 14, 07:28

คุณประกอบ ได้เวลา "หอยจานเด็ด" แล้วกระมัง  ยิ้มเท่ห์

ภาพจาก บล็อกคุณฝน


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 242  เมื่อ 30 ต.ค. 14, 10:41

ปลาไหลนา Monopterus albus ปรกติก็พบได้หลายสีทั้งดำ ด่าง ทอง ก็ไม่ใคร่แปลกประการใด

แต่ที่คนมาจุดธูปไหว้ปลาไหลนี้ นี่ซิแปลก
 ยิ้มเท่ห์

พบปลาไหลสีทองที่อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง  ถูกนำมาเลี้ยงไว้ภายในกะละมังพลาสติกสีดำ โดยด้านหน้ามีการนำธูปเทียนมาจุดกราบไหว้บูชา และมีชาวบ้านมานั่งห้อมล้อมกันตามความเชื่อ พร้อมทั้งใช้มือลูบคลำตามลำตัวปลาไหล ตลอดจนถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

นางจิดาภา เพ็งเผา ผู้พบปลาไหลดังกล่าวเล่าว่า การตรวจสอบข้อมูลทางกูเกิ้ล พบปลาไหลสีทองในประเทศไทยแค่ ๒ ตัวเท่านั้น คือ ที่จังหวัดอ่างทอง กับ เชียงใหม่ ขณะเดียวกันปลาไหลสีทองตัวนี้ ยังมีขนาดใหญ่และยาวมาก รวมทั้งยังมีผิวที่นิ่มกว่าปลาไหลทั่วไป มีแก้มโปนออกมาเห็นชัดเจน และมีดวงตาสีดำเข้มด้วย นับเป็นความแปลกประหลาดอย่างมาก จึงอยากจะเลี้ยงเอาไว้แบบนี้จนถึงที่สุด แม้ล่าสุดจะมีผู้มาติดต่อขอซื้อในราคาถึง ๕ หมื่นบาท แต่ตนก็จะไม่ยอมขายอย่างเด็ดขาด เพราะถือเป็นสิ่งที่เป็นมงคลของครอบครัว

ด้านนายอนันต์ สี่หิรัญวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดตรัง กล่าวว่า ปลาน้ำจืดชนิดไม่มีเกล็ดจะเกิดความผิดปกติของยีน หรือที่เรียกกว่าเกิดการผ่าเหล่าได้ง่ายกว่า ปลาน้ำจืดชนิดไม่มีเกล็ด เหมือนอย่างเช่นปลาไหลซึ่งเคยพบเห็นเป็นสีเผือก หรือสีทองมาบ้างแล้ว และตามธรรมชาติจะมีโอกาสเกิดขึ้นแบบนี้ได้ประมาณ ๕-๑๐ เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ทางวิชาการจึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไร แต่สำหรับชาวบ้านที่นาน ๆ จะเจอปลาไหลสีทอง จึงแห่กันไปมุงดูด้วยความตื่นเต้น ทั้งนี้ ผู้ที่พบสามารถนำปลาไหลตัวนี้ไปเลี้ยงในตู้ปลาได้ โดยให้อาหารสด เช่น เนื้อปลา เนื้อหอย เพียงแต่ต้องระวังเรื่องน้ำเสียเท่านั้น

จาก ข่าวสด

ใกล้วันสำคัญของคนไทย ปลาไหลสีทองก็ออกมาให้โชคลาภ อาจารย์ประกอบมองเห็นเลขอะไรบ้าง  ยิงฟันยิ้ม
 


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 243  เมื่อ 30 ต.ค. 14, 11:26

วิเคราะห์ข่าวปลาไหลสีทองครั้งล่าสุดได้ดังนี้

๑. ขอชมเชยการเสนอข่าวของ "ข่าวสด" เนื้อข่าวให้ความรู้กับประชาชนโดยอ้างคำสัมภาษณ์จากนักวิชาการประมงเรื่องความธรรมดาของปลาไหลสีทอง

๒. ปลาไหลสีทองยังเป็นสิ่งแปลกประหลาดสำหรับชาวบ้าน มีการจุดธูปเทียนบูชา ที่เพิ่มขึ้นมาคือการลูบคลำ โดยมีจุดประสงค์เรื่องโชคลาภแฝงอยู่

๓. ผู้พบพยายามเพิ่มความสำคัญของปลาไหลสีทองตัวนี้ โดยบอกว่าถามคุณกุ๊กแล้วในเมืองไทยพบปลาไหลสีทองเพียง ๒ ตัวคือที่อ่างทองและเชียงใหม่ ซึ่งความจริงพบบ่อยไป ตัวสุดท้ายของคุณเทาชมพูพบที่ราชบุรีไม่เห็นกล่าวถึง

ที่สำคัญหากมีใครมาซื้อในราคา ๕ หมื่นบาทก็ขายไปเถอะ ถือว่าปลาไหลในลาภแล้ว  

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 244  เมื่อ 03 พ.ย. 14, 09:55

ตัวนี้ซิประหลาด  ใช่ งู   มี   ข า เกิดจากการผ่าเหล่าหรือเปล่า ยิ้มเท่ห์


บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 245  เมื่อ 03 พ.ย. 14, 21:47

อยากกินทั้งหอยทั้งปลาไหลเลย  แต่ไอ้ตัวข้างบนขอผ่านครับ หางยาวเกิน


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 246  เมื่อ 03 พ.ย. 14, 21:51

ถ้าสนใจข้างล่างนี้ก็ไปตั้งกระทู้ใหม่ ตามที่คุณเพ็ญชมพูเชิญชวนนะคะ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 247  เมื่อ 04 พ.ย. 14, 11:19

เชียร์คุณประกอบเปิดกระทู้ "หอยจานเด็ด" แล้วจะตามไปชิม  ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 248  เมื่อ 04 พ.ย. 14, 14:29

แต่ไอ้ตัวข้างบนขอผ่านครับ หางยาวเกิน

เจ้าตัวหางยาวข้างบน คงไม่มีใครจับมากิน แต่มีบางคนจับมาเลี้ยงไว้ดูเล่น  ข่าวสด แนะนำสัตว์ประหลาดตัวนี้ไว้ดังนี้

ชาวบ้านต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พบเจอสัตว์ประหลาดอยู่ในห้องน้ำ มีรูปร่างคล้ายกับตัวจิ้งเหลน ลำตัวยาว ๒ นิ้ว ส่วนหางยาว ๙ นิ้ว รวมกันได้ ๑๑ นิ้ว หรือเกือบ ๑ ฟุต

ตรวจสอบจึงทราบว่าสัตว์ประหลาดชนิดนี้ คือ กระห่าง หรือ จิ้งเหลนเล็กหางยาว

กระห่างหางยาว เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีลักษณะผสมระหว่างกิ้งก่ากับจิ้งเหลน มีสีน้ำตาลทอง ใต้คางมีสีเขียวปนขาว ดวงตาทั้ง ๒ ข้างสีดำขนาดเล็ก ลำตัวยาวเหมือนงู มี ๔ ขา แต่ละขาจะมี ๕ นิ้ว แต่จะยาวไม่เท่ากัน

มีลักษณะที่พิเศษ คือ หางจะยาวกว่าลำตัวประมาณ ๔-๕ เท่า สัตว์ชนิดนี้ชอบอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว ส่วนหางจะพันรอบตัว แต่ถ้าเคลื่อนไหวจะเคลื่อนตัวได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว

กระห่างหางยาวเป็นสัตว์หายาก ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่บริเวณพื้นที่ป่าสมบูรณ์ จะพบมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ในปัจจุบันจะพบได้ไม่มากนัก

กระห่างจัดอยู่ในตระกูลของจิ้งเหลน ส่วนการแพร่กระจายของกระห่างหางยาวชนิดนี้ยังไม่แน่นอน เพราะน่าจะเป็นผลรวมของจิ้งเหลน ๒-๓ ชนิด คาดว่ามีการกระจายจากศรีลังกา อินเดีย บางส่วนของปากีสถาน พม่า เวียดนาม ลาว และไทยลงไปถึงตอนเหนือของมาเลเซียในเขตพื้นที่ป่าสะแกราช พบในสภาพป่าทุกแบบ ในฤดูแล้งพบมีจำนวนไม่มากนักในป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง และป่าปลูก

อุปนิสัยมักจะซุกตัวนอนใต้กองใบไม้แห้ง ใต้ท่อนไม้ล้ม ขอนไม้ผุ ก้อนหิน และในพูพอนไม้ ไม้ต้น ไม้ขนาดใหญ่บางต้น จะหากินโดยการมุดไปตามใต้วัสดุบนพื้นดิน ไม่ค่อยเห็นตัวนัก แต่จะสังเกตได้จากการเคลื่อนไหวของใบไม้และกิ่งไม้ หากถูกรบกวนจะวิ่งมุดไปอย่างรวดเร็วเป็นระยะ ๆ แล้วจะหยุดนิ่ง แต่เมื่อติดตามมันไป มันจะวิ่งหนีไปอีกครั้งหนึ่ง และจะหยุดเป็นระยะ ๆ จนกว่าจะถึงรู หรือโพรงที่อาศัย จึงจะมุดหนีเข้าไป

กระห่างหางยาวที่พบครั้งนี้ คาดว่าอาจะมีคนนำมาเลี้ยงเอาไว้ แต่ได้หลุดออกมา สิ่งที่ดีที่สุดคือควรนำไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ไม่ควรนำไปเลี้ยงซึ่งอาจทำให้มันเสียชีวิตได้



นักข่าวสาย "สัตว์ประหลาด" ของข่าวสดดูขยันขันแข็งในการหาข้อมูลมาก  ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 249  เมื่อ 05 พ.ย. 14, 14:24

หากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของท่านรอยอิน จะไม่พบคำว่า "กระห่าง" ในสารบบ แต่จิ้งเหลนน้อยหางยาวตัวนี้มากในนามว่า "สางห่า"

คนที่อยู่ในวงการ "สัตว์ประหลาด" คงเคยได้ยินคำกล่าวให้ร้ายจิ้งเหลนน้อยตัวนี้

สางห่า มีอันตรายร้ายกาจจริงหรือ ?

          "สางห่า" เป็นชื่อสัตว์ที่กล่าวขานร่ำลือกันว่า มีพิษร้ายกาจรุนแรงน่าสะพรึงกลัว แต่ก็ไม่มีผู้ใดยืนยันได้ว่า เป็นสัตว์ชนิดใด มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่

          เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๓๒ ราชบัณฑิตยสถานได้รับเกียรติจาก น.อ.วิโรจน์ นุตพันธุ์ กรรมการจัดทำอนุกรมวิธานสัตว์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางสัตววิทยาได้มาบรรยายทางวิชาการเรื่อง "เปิดศักราชปีมะเส็ง"   ให้คณะราชบัณฑิต ภาคีสมาชิก กรรมการ อนุกรรมการ และข้าราชการราชบัณฑิตยสถานฟังในโอกาสครบรอบ ๕๕ ปี ราชบัณฑิตยสถาน

          ในตอนหนึ่งของการบรรยาย น.อ.วิโรจน์ได้กล่าวถึงความเข้าใจและความเชื่อผิด ๆ ของคนทั่วไปเกี่ยวกับสัตว์และงูหลายชนิด สัตว์ชนิดหนึ่งที่นำมายกตัวอย่างคือ "สางห่า"

          ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือ กล่าวกันว่า สางห่าเป็นสัตว์คล้ายจิ้งเหลน จิ้งจก หรืองู ชอบอยู่ตามถ้ำหรือแอ่งน้ำในถ้ำ ตัวเล็กนิดเดียวแต่มีพิษแรงมาก บ้างว่าพิษอยู่ที่เล็บซึ่งแหลมคม  บ้างก็ว่ามีเขี้ยวพิษ บางคนว่ามีพิษที่หางเพราะยาวมาก ถ้ามันเอาหางฟาดหรือพันใครก็จะเป็นผื่นไหม้อาจถึงตาย เพียงเอาเส้นหวายไปคล้อง หวายยังถึงกับไหม้เกรียม

          พระภิกษุและพรานป่าแถบนครราชสีมาและอุทัยธานี เล่าว่า สางห่าคืองูชนิดหนึ่ง แต่มีขาเล็ก ๆ อาศัยอยู่ตามป่าหญ้าสูง ๆ เกาะอยู่กับหญ้ากอใด หญ้ากอนั้นก็จะเฉาตาย แล้วมันก็จะย้ายไปเกาะอาศัยหญ้าสดกออื่น ๆ ต่อไป

          ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางท้องที่และภาคตะวันตก เช่น กาญจนบุรี และที่ระนอง มีผู้เข้าใจว่า สางห่า คือ คากคกป่า ซึ่งมีพิษ และส่งเสียงร้องคล้ายเสียงสุนัขเห่า

          นอกจากนี้ยังมีผู้กล่าวถึงสางห่าในลักษณะต่าง ๆ อีกมาก ซึ่งสรุปได้ว่า สางห่าอาจเป็นงู จิ้งเหลน (งูมีขา) หรือคางคก แต่เมื่อขอให้นำตัวจริงมายืนยันกัน ก็มักไม่สามารถหามาให้ได้ เพราะเป็นเพียงการได้ยินเขาเล่าว่า สืบต่อกันมาเป็นส่วนใหญ่ เท่าที่มีผู้นำตัวจริงที่ยังมีชีวิตอยู่ และตัวอย่างจริงที่ดองไว้มาให้ดู ก็ได้รับการยอมรับเป็นส่วนใหญ่ว่า สางห่า คือ จิ้งเหลนหางยาว (Takydromus sexlineatus )

          ในการประชุมคณะกรรมการจัดทำอนุกรมวิธานสัตว์ เพื่อชำระชื่อพรรณสัตว์ในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ที่ประชุมได้พิจารณาคำอธิบาย "สางห่า" กันอย่างรอบคอบ โดยนำตัวจริงซึ่งยังมีชีวิตอยู่มาดูลักษณะกันอย่างใกล้ชิด ในที่สุดได้อธิบายคำ "สางห่า" ไว้ดังนี้

          "สางห่า (ถิ่น-อีสาน) น. ชื่อเรียกจิ้งเหลนหางยาวชนิด Takydromus sexlineatus ในวงศ์ Lacertidae พบทุกภาคของประเทศไทย ตัวเล็ก หางยาวประมาณ ๕ เท่าของความยาวลำตัว ที่เรียกสางห่าเพราะเข้าใจผิดว่ามีพิษร้ายแรง"

          สางห่าเมื่อโตเต็มวัย ลำตัวขนาดประมาณเท่าหลอดดูดกาแฟ ความยาวจากปลายจมูกถึงทวารยาวประมาณ ๓๕ เซนติเมตร หัวค่อนข้างโตเมื่อเทียบกับขนาดลำตัว ปากแหลม เกล็ดหยาบ รอยต่อระหว่างเกล็ดยกเป็นสัน หางแข็งแรง ยาว และไม่ขาดง่าย มองเผิน ๆ จะเห็นว่า สางห่ามีสีน้ำตาล แต่เมื่อสังเกตจะเห็นลายเส้นสีครีมพาดจากท้ายมาถึงโคนหาง และลายเส้นสีน้ำตาลเข้มจากปลายจมูกพาดผ่านตา ช่องหู ปาก ใต้คาง และท้องขาว ขาและหางสีน้ำตาลอ่อนตัวผู้มักมีสีขาวอ่อนบริเวณข้างลำตัว

          โดยปรกติสางห่าจะอาศัยอยู่ตามป่าหญ้าและละเมาะไม้พุ่มเตี้ย มักไม่ค่อยขึ้นอาศัยตามต้นไม้สูง ชอบนอนผึ่งแดดอ่อน ๆ ตามยอดพุ่มไม้และกอหญ้าโดยใช้หางพาดระหว่างใบหญ้า และปล่อยตัวแขวนลอยเป็นอิสระ เหวี่ยงตัวแว้งงับกินแมลงได้อย่างรวดเร็ว สางห่าออกไข่ครั้งละ ๒-๔ ฟอง ในประเทศไทยพบทั่วทุกภาค แม้แต่ในกรุงเทพมหานคร

          "สางห่า" ไม่มีพิษ ไม่ดุ ไม่กัด และไม่มีอันตรายแต่อย่างใด แต่กลับมีประโยชน์อยู่บ้างที่ช่วยกินแมลงศัตรูพืชบางชนิด.

ที่มา : จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน  ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๓, กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒

โถ! เจ้าจิ้งเหลนน้อยผู้น่าสงสาร   ยิ้มเท่ห์  แลบลิ้น
 
  


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 250  เมื่อ 06 พ.ย. 14, 13:12

โดยปรกติสางห่าจะอาศัยอยู่ตามป่าหญ้าและละเมาะไม้พุ่มเตี้ย มักไม่ค่อยขึ้นอาศัยตามต้นไม้สูง ชอบนอนผึ่งแดดอ่อน ๆ ตามยอดพุ่มไม้และกอหญ้าโดยใช้หางพาดระหว่างใบหญ้า และปล่อยตัวแขวนลอยเป็นอิสระ เหวี่ยงตัวแว้งงับกินแมลงได้อย่างรวดเร็ว

ชื่อที่ท่านรอยอินเลือกมาใช้เลือกดูจะโหดไปหน่อย และเพราะว่ามันชอบอยู่ตามพื้นหญ้าบางคนจึงเรียกมันว่า "กิ้งก่าหญ้า" ดูน่ารักขึ้นมาหน่อย

"สุขสันต์วันลอยกระทง" แด่ชาวเรือนไทยทุกท่าน  


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 251  เมื่อ 08 พ.ย. 14, 15:21

สื่อสมัยนี้ไม่รู้จักตัวสงกรานต์  ต้องไปหาหนังสือของคุณครูอบ ไชยวสุ มาอ่าน
ท่านบรรยายถึงความสวยของสีสันตัวสงกรานต์เอาไว้น่าทึ่งมาก 

http://www.naewna.com/local/129886



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 252  เมื่อ 08 พ.ย. 14, 15:30

พญานาคมาอีกแล้ว

http://www.posttoday.com/%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A1.-%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%99/329001/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 253  เมื่อ 08 พ.ย. 14, 18:36

สื่อสมัยนี้ไม่รู้จักตัวสงกรานต์  ต้องไปหาหนังสือของคุณครูอบ ไชยวสุ มาอ่าน
ท่านบรรยายถึงความสวยของสีสันตัวสงกรานต์เอาไว้น่าทึ่งมาก  

ตอนเด็ก ๆ บ้านอยู่แถวคลองข้างท่าวาสุกรี เคยเห็นตัวสงกรานต์สีเขียว ๆ แดง ๆ อยู่  ผู้ใหญ่เขาว่าเป็นตัวสงกรานต์ ถ้าเอามือไปจับก็จะหายไป  ไม่เคยจับตัวได้สักที

ตามที่คุณวิกกี้ว่า ตัวสงกรานต์ เป็นไส้เดือนทะเลอยู่ในวงศ์ Syllidae

ตัวอย่างของสัตว์ในวงศ์นี้

Myrianida pachycera



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 254  เมื่อ 08 พ.ย. 14, 21:58

พญานาคมาอีกแล้ว

น่าจะเป็นรอยตะขาบยักษ์เลื้อยบนดินเปียกหมาด ๆ พอแห้งรอยก็ยังปรากฏอย่างที่เห็น   ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 15 16 [17] 18 19 ... 29
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.798 วินาที กับ 20 คำสั่ง