เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
อ่าน: 24433 เครื่องมงคลราชบรรณาการในสมัยรัชกาลที่ 4 ที่ประเทศฝรั่งเศส
nutty
อสุรผัด
*
ตอบ: 9


 เมื่อ 06 ก.พ. 14, 11:44

เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้เข้าไปร่วมฟังการบรรยายความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส ในสมัยรัชกาลที่ 4 ที่ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เค้าเปิดให้เข้าร่วมฟรีคับ (แต่กว่าจะไปถึงใช้เวลาเลยล่ะคับ รถติดมากกก ไหนจะม็อบอีกที่ปิดถนน) แต่ก้คุ้มกับที่มาจิงๆคับ เพราะก่อนทางเข้าห้องประชุมที่ฟังบรรยายมีการจัดแสดง เกี่ยวกับเครื่องมงคลราชบรรณาการที่ทางสยามได้นำไปถวายพระเจ้านโปเลียนที่ 3 มีทั้งรูปภาพราชทูต หนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวคณะราชทูตในสมัยนั้น มีชาวฝรั่งเศสมาดูเค้ายังตกใจเลยว่ามีภาพพระเจ้านโปเลียนที่ 3 ด้วย




บันทึกการเข้า
nutty
อสุรผัด
*
ตอบ: 9


ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 06 ก.พ. 14, 11:48

อันนี้เป็นรายนามและตำแหน่งของผู้อยู่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์การต้อนรับคณะราชทูตจากสยาม
พิมพ์เมื่อพุทธศักราช ๒๔๐๗


บันทึกการเข้า
nutty
อสุรผัด
*
ตอบ: 9


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 06 ก.พ. 14, 11:58

ภาพคร่าวๆ ด้านหน้าที่จัดแสดงนะคับ





บันทึกการเข้า
nutty
อสุรผัด
*
ตอบ: 9


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 06 ก.พ. 14, 12:02

เข้าไปดูบรรยากาศด้านในที่ฟังบรรยายก่อนนะคับ ปาฐกถาพิเศษโดยพลตรีหม่อมราชวงศ์ศุภวัฒย์ เกษมศรี



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 06 ก.พ. 14, 12:25

ขออนุญาตเสริม

หนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวคณะราชทูตในสมัยนั้น


หนังสือพิมพ์ Le Monde Le Monde Illustré  ฉบับวันที่ ๖ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๘๖๑ บรรยายว่า บาทหลวงลาร์โนดี นำนายชาย บุดรอุปทูตมาให้เจ้าชายหลุยส์ นโปเลียน องค์รัชทายาททรงจับมือ (ภายหลังนายชายได้เข้ารับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาประภากรวงศ์วรวุฒิภักดี ตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารเรือในสมัยรัชกาลที่ ๕)  ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 06 ก.พ. 14, 12:35

หน้าตานายชายชัด ๆ  ยิงฟันยิ้ม

ภาพเขียนสีน้ำมันชื่อ พ่อชาย (Pho Xai) เป็นรูปเด็กชายไว้ผมจุก เขียนโดย ฌอง เลอง เฌอโครม (Jean Leon Gerome) ศิลปินชาวฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1861 มุมบนด้านขวามีอักษรไทย  "นายชาย" อยู่ด้วย (และภาษาฝรั่งเศสจับความได้ - บุตรชายของทูตสยาม) กลางๆ มีอักษรย่อของผู้วาดเขียนภาพ JL Gerome และปีที่วาด  

ปัจจุบันอยู่ในการสะสมของตระกูลTanenbaum ประเทศแคนาดา



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 06 ก.พ. 14, 12:43

            ส่วนอีกหนึ่งภาพ เป็นภาพคณะราชทูตสยามภายใต้การนำของเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี
(แพ บุนนาค) ทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสาส์นเจริญพระราชไมตรี พร้อมเครื่องมงคลราชบรรณาการ ของ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งประกอบด้วยพระมหาพิชัยมงกุฎ พระราชสุพรรณบัฏ และ
เครื่องประกอบราชอิสริยยศ เช่น พระราชยาน พระกลด แด่จักรพรรดินโปเลองที่ 3 แห่งฝรั่งเศส ณ พระราชวังฟงแตนโบล
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2404 (1861) ฝีมือของ ฌอง เลอง เฌอโครม เช่นกัน

           ฝรั่งเศสได้ทำภาพสีน้ำมันบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ 2 ภาพ ๆ หนึ่งปัจจุบันจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์สถาน
พระราชวังฟงแตนโบล ส่วนอีกภาพจัดแสดงอยู่ที่ผนังด้านตะวันออกของพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์
ที่ท้องพระโรงกลาง ในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพระบรมมหาราชวัง



โปรดสังเกตว่า ในภาพมีนายชายหมอบเฝ้าอยู่ด้วย  ยิงฟันยิ้ม

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 06 ก.พ. 14, 13:02

ภาพคร่าวๆ ด้านหน้าที่จัดแสดงนะคับ



รายละเอียดตอนที่น่าสนใจในหนังสือ มีดังนี้

ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๓๐ จดหมายเหตุของพระณรงค์วิชิต (จอน บุนนาค) เรื่องราชทูตไทยไปประเทศฝรั่งเศส ในรัชกาลที่ ๔ เมื่อปีระกา พ.ศ. ๒๔๐๔

ตอนที่ ๖ ว่าด้วยราชทูตเข้าเฝ้าเอมเปอเรอฝรั่งเศส

๔๙ วันจันทร์เดือน ๘ ขึ้น ๑๐ ค่ำเวลาบ่าย ๔ โมงมองติคนีพาราชทูต อุปทูต ตรีทูต นายสรรพวิชัย หลวงอินทรมนตรี ขุนมหาสิทธิโวหาร หลวงชาติสุรินทร์ ขุนสมบัติบดีรวม ๘ คน แต่งตัวตามบันดาศักดินำหนังสือเจ้าพระยารวิวงศมหาโกษาธิบดีที่พระคลังไปให้มินิศเตอทูวแนลผู้สำเร็จราชการต่างประเทศ มินิศเตอทูวแนลว่าออกมารับเชิญทูตานุทูตให้นั่งเก้าอี้ตามลำดับ แล้วราชทูตบอกแก่มินิศเตอทูวแนลว่า ข้าพเจ้าเชิญหนังสือเจ้าพระยารวิวงศมหาโกษาธิบดีที่พระคลัง ผู้ว่าการต่างประเทศคำนับมายังท่านฉบับ ๑ ราชทูตจึงส่งหนังสือให้มินิศเตอทูวแนล ๆ รับหนังสือแล้วถามราชทูตว่าทูตานุทูตมาตามทางสบายอยู่หรือ ราชทูต ตอบว่าเปนสุขสบายอยู่ พูดจาอยู่ประมาณครู่หนึ่งแล้วคนใช้เอาน้ำกาแฟ น้ำองุ่นขนมน้ำแขงมาเลี้ยงทูตานุทูต พูดกันอยู่ประมาณโมงหนึ่งลากลับมาโฮเต็ล วันอังคารเดือน ๘ ขึ้น ๑๑ ค่ำเวลาบ่าย ๔ โมง มินิศเตอทูวแนลกับมองติคนีมาหาทูตานุทูตที่โฮเต็ล แล้วมินิศเตอทูวแนลถามว่า ทูตานุทูตมาอยู่ที่โฮเต็ลสบายดีอยู่หรือ เดือนนี้เปนระดูร้อน ราชทูต ตอบว่ามีความสบายอยู่มิสู้ร้อนนัก แล้วราชทูตถามมินิศเตอทูวแนลว่าท่านกำหนดจะให้ทูตานุทูตเฝ้าสมเด็จพระเจ้าแอมเปอเรอวันไร มินิศเตอ

๕๐ ทูวแนลตอบว่าจะไปกราบทูลสมเด็จพระเจ้าแอมเปอเรอก่อน จะโปรดให้เฝ้าวันไรจึงจะกำหนดให้ทราบ มินิศเตอทูวแนลว่าอยากจะใคร่ดูเครื่องมงคลราชบรรณาการ ราชทูตจึงสั่งผู้กำกับเครื่องมงคลราชบรรณาการให้เชิญหีบเครื่องมงคลราชบรรณาการที่เปนเครื่องทองลงยา เครื่องทองคำ เครื่องอาวุธมาเปิดให้ดู แล้วมินิศเตอทูวแนลชมว่าเครื่องมงคลราชบรรณาการทำที่กรุงสยามงามดี เปนของประหลาทยังไม่เคยเห็น ราชทูตจึงจัดสิ่งของในหลวงซึ่งโปรด ฯ พระราชทานออกไปให้แก่มินิศเตอทูวแนล โต๊ะถม ๑ กาถมกลม ๑ กล่องบุหรี่ถม ๑ รวม ๓ สิ่ง กับ ดาบสันกลมฝักกาไหล่ทองบ้าง หุ้มทองคำประดับพลอยด้ามกาละปังหาฝังดอกไม้ทองคำเล่ม ๑ ราชทูตให้แก่มินิศเตอว่าเปนของพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิทฝากมาพระราชทานแก่มินิศเตอทูวแนล มินิศเตอทูวแนลได้รับสิ่งของทั้งปวงแล้วมีความยินดีเปน อันมาก พูดจาอยู่ประมาณชั่วโมงครึ่ง มินิศเตอทูวแนลแลมอง ติคนีกลับไป. วันพฤหัสบดีเดือน ๘ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เวลาเช้ามองติคนีมาบอกทูตา นุทูตว่า มินิศเตอทูวแนลได้ไปเฝ้ากราบทูลสมเด็ลพระเจ้าแอมเปอเรอแล้วมีรับสั่งกำหนดให้ทูตานุทูต เฝ้าถวายพระราชสาส์นเครื่องมงคลราช บรรณาการที่พระราชวังฟอเตลโปล ณวันพฤหัสบดีเดือน ๘ แรม ๕ ค่ำเวลาบ่าย ๕ โมง จะต้องไปรถไฟ ราชทูตจึงว่ากับมองติคนีว่าขอท่าน ได้ไปหารือมินิศเตอทูวแนลด้วย มินิศเตอจะโปรดให้ทูตานุทูตเฝ้าสัก กี่คน มองติคนีตอบว่าการข้อนี้ไม่ใช่ธุระของมินิศเตอทูวแนล แล้ว

๕๑ แต่ราชทูตจะเห็นควร ราชทูตจะจัดให้เฝ้าสักกี่คนขอให้ข้าพเจ้าทราบด้วยราชทูตจึงให้ทำบาญชีชื่อทูตานุทูตที่จะให้เฝ้านั้น ราชทูต ๑ อุปทูต ๑ ตรีทูต ๑ ผู้กำกับเครื่องมงคลราชบรรณาการ หลวงอินทรมนตรี ๑ นายสรรพวิชัย ๑ ขุนมหาสิทธิโวหาร ๑ หมื่นจักรวิจิตร ๑ สี่คน นายสมบุญบุตรราชทูต ๑ นายชายบุตรอุปทูต ๑ นายเอี่ยมมหาดเล็ก ๑ เสมียน ขุนสมบัติบดี ๑ หลวงชาติสุรินทร์ ๑ ล่าม ขุนจรเจนทเล ๑ นายเปี่ยม มหาดเล็ก ๑ รวม ๑๔ คนนั้นให้เฝ้า แต่หมื่นจินดารักษ์ ผู้กำกับเครื่องมงคลราชบรรณาการ ในพระบวรราชวัง ๑ นายหวาดบุตรพระยาอภัยสงคราม๑ นายเนตร มหาดเล็ก ๑ สามคนนี้หาให้เฝ้าไม่แล้วราชทูตจึงให้จดหมายรายชื่อคน ๑๔ คน ซึ่งจะให้เฝ้ามอบให้แก่ มองติคนี ๆ รับจดหมายแล้วลากลับไป เวลาค่ำมองติคนีพาทูตานุทูตไปดูละคอนโรงใหญ่ในเมืองปารีส ละคอนนั้นเล่นก็คล้ายกันกับที่เมืองไลยอน แต่ที่โรงแลเครื่องเล่นแลฉากเครื่องตั้งแต่งแขงแรงกว่าเมืองไลยอน จะพรรณาไปยืดยาวนัก เวลา ๒ ยามละคอนเลิก แล้วทูตา นุทูตก็กลับมาโฮเต็ล วันศุกร์เดือน ๘ ขึ้น ๑๔ ค่ำเวลาเช้า มองติคนีพาช่างเขียนถ่ายรูปมาที่โฮเต็ล มองติคนีบอกว่ามีรับสมเด็จพระเจ้าแอมเปอเรอให้พาช่างมาขอให้ทูตแต่งตัวอย่างไทย จะให้ช่างถ่ายรูปไว้สำหรับแผ่นดิน ในเวลานั้นช่างได้ถ่ายรูปราชทูต รูปนายสรรพวิชัย ๒ คนแผ่นหนึ่ง รูปอุปทูต รูปนายชาย ๒ คนแผ่นหนึ่ง ตรีทูตแผ่นหนึ่ง หลวงอินทรมนตรี

๕๒ แผ่นหนึ่ง ขุนมหาสิทธิโวหารแผ่นหนึ่ง รวม ๕ แผ่น แล้วเขียนประสานให้สีเหมือนสีตัวด้วย วันพฤหัสบดีเดือน ๘ แรม ๕ ค่ำ เวลาเช้า ๒ โมงมองติคนีพาขุนนางเจ้าพนักงารมารับเครื่องมงคลราชบรรณาการ ไปตั้งที่พระราชวังฟอเตลโปล ราชทูตจึงให้หลวงอินทรมนตรี ขุนมหาสิทธิโวหาร แต่งตัวตามบันดาศักดิ์ ๒ นายกำกับไปจะได้จัดตั้งด้วย ครั้นเวลาบ่าย ๒ โมงครึ่ง มาเชอวายยางขุนนางฝ่ายทหาร ๑ มารอนเตลริศ ขุนนางฝ่ายกรมท่า ๑ มองติคนี ๑ สามคนจักรถมารับทูตานุทูตที่โฮเต็ล ๕ รถ เทียมม้า ๔ ม้า สารถีขับรถใส่หมวกภู่ทอง ใส่เสื้อปักทองขับรถละ ๒ คน ราชทูต อุปทูต ตรีทูต แต่งตัวใส่สนับเพลานุ่งยกทอง คาด เข็ดขัด คาดกรองทอง ใส่เสื้อเยียระบับอย่างน้อยชั้นใน เสื้อกรุยกรองทองชั้นนอก ราชทูตขัดกระบี่ฝักทองคำลงยา ใส่มาลามีพระตราจอมเกล้าประดับเพ็ชร์ อุปทูตขัดกระบี่ฝักนาคบ้างทองคำประดับพลอย ใส่มาลา มีพระตราจอมเกล้าประดับทับทิม ตรีทูตขัดกระบี่ฝักกาไหล่ทอง ใส่ทรงประพาสมีพระตราปิ่นเกล้าทองคำ บาดหลวงลุยวิศลอนนาดีล่าใหญ่ นายสรรพวิชัย หมื่นจักรวิจิตร นายสมบุญบุตรราชทูต นายชาย บุตรอุปทูต ขุนสมบัติบดี หลวงชาติสุรินทร์ ขุนจรเจนทเลล่าม นายเปีย ล่ามมหาดเล็ก นายเอี่ยมมหาดเล็ก แต่งตัวตามบันดาศักดิ์ ๑๒ คน รถที่หนึ่งเปนรถราชทูตเชิญหีบพระราชสาส์นขึ้นรถมีขุนนางไปด้วยในรถมาเชอวายยางขุนนางฝ่ายทหาร ๑ มองติคนี ๑ บาดหลวงลุยวิศ ลอนนาดี๑รถที่สองนั้นอุปทูต ตรีทูต มารอนเตลริศขุนนางฝ่ายกรมท่า ๑ นายชายบุตรอุปทูต ๑ รวม ๔ นาย ผู้กำกับเครื่องมงคลราชบรรณาการ

๕๓ เสมียน ล่ามไป ๓ รถ ออกจากโฮเต็ลทางไมล์หนึ่งถึงที่โรงพักรถไฟ มีขุนนางฝ่ายทหารพลเรือนคอยรับทูตานุทูตอยู่ที่ท่ารถไฟหลายนายแล้วมองติคนีเชิญทูตานุทูตให้เชิญพระราชสาส์นขึ้นรถไฟ ขุนนาง ที่มาคอยอยู่ที่นั้นก็ไปพร้อมกับทูตานุทูต ทาง ๑๒๐ ไมล์ ถึงที่พักรถไฟ ณพระราชวังฟอเตลโปล ทูตานุทูตลงจากรถไฟแล้วเชิญพระราชสาส์นขึ้นรถเทียมม้า ๔ ม้าทุกรถไปตามถนน ราษฏรยกธงตามหน้าต่างทุกตึกไปทาง ๓๐ เส้นถึงพระราชวัง มีปี่พาทย์ประโคมสำรับหนึ่ง ๓๖ คน มีทหารแต่งตัวถือปืนไรแฟนยืนข้างถนนข้างละ๒แถวเปนทหาร ๒,๐๐๐คน ทหารใส่เสื้อเกราะขี่ม้ายืนหลังทหารปืนข้างละ ๒ แถวเปนทหาร๔๐๐ม้า รวมทหาร ๒,๔๐๐ คน กำแพงวังด้านทางทูตเข้านั้นเปนรั้วเหล็กยอดปิดทอง มีประตูใหญ่ ๔ ประตู รถทูตานุทูตเข้าไปในพระราชวังถึง บันไดเกย ทูตลงจากรถแล้ว ขุนนางพาทูตานุทูตขึ้นไปบนตำหนัก เข้าพระทวารลดเลี้ยวไปประมาณเส้นหนึ่ง มีทหารใส่เสื้อเกราะยืน๒ แถวถือดาบถือขวานประมาณ ๕๐๐ คน ครั้นถึงห้องพระตำหนักแห่งหนึ่ง ขุนนางฝ่ายกรมวังออกมารับให้ทูตานุทูตหยุดพัก เปิดหีบพระราชสาส์น ออกแล้ว ราชทูตเชิญพระราชสาส์นในพระบวรราชวังรวมลงในพานพระราชสาส์นใหญ่ มองติคนีกับขุนนางกรมวังนำราชทูตเชิญพระบรมราชสาส์นแลพระบวรราชสาส์น กับทูตานุทูตเข้าไปถึงท้องพระโรง ที่เสด็จออก แล้วคลานตามลำดับเข้าไปถึงพระที่นั่ง ราชทูต ก็วางพานพระราชสาส์นลง ห่างกับที่สมเด็จพระเจ้าแอมเปอเรอเสด็จออกประทับอยู่นั้นประมาณ ๘ ศอก ทูตานุทูตพร้อมกันถวายบังคมครั้งหนึ่ง

๕๔ แล้วหมอบอยู่ ราชทูตอ่านทูลเบิกถวายพระราชสาส์นเครื่องมงคล ราชบรรณาการเปนคำไทยก่อน แล้วบาดหลวงลุยวิศลอนนาดีล่ามอ่านแปลเปนคำฝรั่งเศสถวายจบแล้ว ๆ ทูตานุทูตพร้อมกันถวายบังคมอิกครั้งหนึ่ง สมเด็จพระเจ้าแอมเปอเรอมีรับสั่งตอบว่า ขอบพระทัยสมเด็จพระเจ้ากรุงสยามทั้งสองพระองค์ ที่ได้รับทูตแลขุนนางเรือรบซึ่งเข้าไปกรุงเทพมหานครโดยความยินดี แล้วสมเด็จพระเจ้ากรุงสยามแต่งทูตานุทูตให้เชิญพระราชสาส์นเครื่องมงคลราชบรรณาการมาเจริญทางพระราชไมตรีอิกนั้น ขอบพระทัยสมเด็จพระเจ้ากรุงสยามเปนอันมากแต่ก่อนกรุงฝรั่งเศสกับกรุงสยามอยู่ไกลกัน เดี๋ยวนี้ฝรั่งเศสตีได้เมือง ไซ่ง่อนเขตแดนญวนเปนของฝรั่งเศส แผ่นดินก็ใกล้กันกับกรุงสยาม คอเวอนแมนต์ทั้งสองฝ่ายมีธุระการงารสิ่งใดจะได้ปรึกษาหารือกัน พระราชไมตรีก็จะได้สนิทกันมากทวีขึ้นไป ขอให้สมเด็จพระเจ้ากรุงสยาม ทั้งสองพระองค์ ทรงพระชนมายุยืนยาวให้มาก พระราชไมตรีทั้งสองพระนครจะได้ถาวรวัฒนาสืบไปภายหน้าชั่วฟ้าแลดิน ทูตถวายบังคมพร้อมกันอิกครั้งหนึ่ง แล้วราชทูตเชิญพานพระราชสาส์นเข้าไปถวายสมเด็จพระเจ้าแอมเปอเรอทรงรับต่อพระหัดถ์ แล้วส่งพระราชสาส์นให้มินิศเตอทูวแนลผู้สำเร็จราชการต่างประเทศ ราชทูตคลานถอยออกมาถึงที่เฝ้าทูตานุทูตถวายบังคมอิกครั้งหนึ่ง ขุนนางบอกว่าจะเสด็จขึ้นทูตานุทูตพร้อมกันถวายบังคมคลานถอยหลังออกมา แล้วมีรับสั่ง ให้ทูตานุทูตยืนขึ้นทุกคน สมเด็จพระเจ้าแอมเปอเรอแลแอมเปรศพระ มเหษีพระเจ้าลูกยาเธอเนโปเลียน เสด็จมาไต่ถามทุกข์สุขถึงสมเด็จ

๕๕ พระเจ้ากรุงสยามทั้งสองพระองค์ แลพระบรมวงศานุวงศท่านเสนาบดีผู้ใหญ่แลทูตานุทูต แล้วรับสั่งให้หาตัวนายชายมาให้พระเจ้าลูกยาเธอเนโปเลียนจับมือนายชาย สมเด็จพระเจ้าแอมเปอเรอนั้นตรัสภาษาฝรั่งเศส แอมเปรศพระมเหษีนั้นตรัสภาษาอังกฤษ แล้วเสด็จเลย ไปทอดพระเนตรเครื่องมงคลราชบรรณาการ รับสั่งว่าฝีมือช่างไทยทำ สิ่งลงยาลายสลักประดับเพ็ชร์ประดับพลอยงามกว่าของในประเทศอื่นแล้วเสด็จขึ้น เมื่อแอมเปรศพระมเหษีเสด็จมานั้น มีหญิงสาวแต่งตัว มีใบไม้เพ็ชร์ผูกฅอ ใส่กำไลมือประดับเพ็ชร์ ถือชายพระภูษา ๔ คนท้องพระโรงที่เสด็จออกนั้น พื้นสองชั้น ๆ บนมีพระแท่นยาวแล้วมีพระพระที่นั่งเรียงกัน ๓ องค์ สมเด็จพระเจ้าแอมเปอเรอเสด็จประทับพระ ที่นั่งองค์กลางมีเศวตฉัตร ทรงพระมาลากอกแฮต ทรงฉลองพระองค์ดำ ทรงพระสังวาลแพรแถบแดงห้อยพระตรา ทรงสนับเพลาแดงริ้วดำสองข้างทรงพระแสงฝักหนังดำ แต่งพระองค์เหมือนอย่างนายทหารแอมเปรศพระมเหษีนั้นทรงเครื่องขาวประดับแล้วไปด้วยเพ็ชร์ ประทับอยู่พระที่นั่งซ้าย พระเจ้าลูกเธอทรงเครื่องดำอย่างทหาร เสด็จยืน อยู่ข้างพระที่นั่งที่ฝ่ายขวา ข้างขวามีทหารแต่งตัวถือกระบองยืนอยู่ ๑๘คน ข้างซ้ายมีหญิงภรรยาขุนนางบ้าง สาวใช้บ้าง ยืนอยู่ ๓๐ คน ชั้นล่างเปนที่ขุนนางเฝ้า มินิศเตอแลขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยแต่งตัวสพายดาบยืนเฝ้าอยู่ข้างละ ๑๙ คน ทูตานุทูตเฝ้าอยู่กลางขุนนาง ถัดออกมา ๒ ข้างท้องพระโรง ตั้งเครื่องมงคลราชบรรณาการ มองติคนีพาทูตานุทูตไปดูห้องแลพระแท่นของแอมเปรศพระมเหษี มีหลายห้องมีเตียงโต๊ะ

๕๖ เก้าอี้ตั้งแลเครื่องใช้สอยต่างกันทุกห้อง เครื่องทรงของแอมเปรศพระมเหษีที่แต่งพระองค์เมื่ออกรับทูตานุทูตนั้นก็ทรงเปลื้องกองไว้ในห้องให้ทูตานุทูตดูด้วย แล้วมองติคนีกับขุนนางกรมวังก็พาทูตานุทูตออกไปที่ห้องแห่งหนึ่ง แอมเปรศพระมเหษีเสด็จมายืนเสวยขนมอยู่ที่นั้น แล้ว จึงพระราชทานให้ราชทูต อุปทูต ตรีทูต ๆ ได้รับขนมต่อพระหัดถ์ แอมเปรศพระมเหษี แต่ผู้กำกับเครื่องมงคลราชบรรณาการ เสมียน ล่ามรับสั่งให้ขุนนางแจก แอมเปรศพระมเหษีจึงรับสั่งให้หาตัวนายชายไปให้ใกล้แล้วตรัสกับมองติคนีว่าทรงพระเมตตานายชายมาก จะทรงจูบได้หรือไม่ได้ มองติคนีทูลว่าได้ แอมเปรศพระมเหษีก็ทรงจูบ นายชายแล้วประทานขนมให้ต่อพระหัดถ์ แล้วแอมเปรศพระมเหษีรับสั่งแก่ทูตานุทูตว่า สิ่งของซึ่งสมเด็จพระเจ้ากรุงสยามทรงยินดีมานั้นเปน ของงามดี จะเก็บรักษาไว้เปนที่ทรงระลึกถึงสมเด็จพระเจ้ากรุงสยาม ทั้งสองพระองค์ ทูตานุทูตทูลว่าของถวายนั้นเปนเครื่งสำหรับขัติยราชตระกูลของกษัตริย์อย่างสูง ใช้ได้แต่ในหลวง แล้วแอมเปรศพระ มเหษีก็เสด็จขึ้น มองติคนีกับขุนนางกรมวังก็พาทูตานุทูตไปกินโต๊ะ ที่ห้องแห่งหนึ่ง ประมาณครึ่งชั่วโมงมองติคนีก็พาทูตานุทูตขึ้นรถ กลับพระราชวังฟอเตลโปล ขึ้นรถไฟกลับเวลาค่ำทุ่มหนึ่งถึงโฮเต็ล ที่กรุงปารีส

นายชายดูจะแย่งซีนคณะราชทูตไปหลายครั้งหลายคราเทียว  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
nutty
อสุรผัด
*
ตอบ: 9


ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 06 ก.พ. 14, 13:48

ขอบคุณคุณเพ็ญชมพูมากเลยนะคับที่ให้รายละเอียด ผมที่ไปวันนั้นเนื่องจากเพื่อนชวนไปคับก้พอศึกษามาบ้างแต่ก้ยังไม่ถึงขั้นลึกซื้ง เห็นว่าที่งานมีการเปิดตัวหนังสือด้วย เกี่ยวกับหนังสือที่พระราชวังฟงแตนโบลที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นในโอกาสครบ 150 ปีที่คณะราชทูตสยามในสมัยรัชกาลที่ 4 เดินทางไปเข้าเฝ้าพระเจ้านโปเลียนที่ 3  แต่ต้นฉบับเป็นภาษาฝรั่งเศส แล้วทางคุณอรรถดา คอมันตร์(คนขวา) ขอซื้อลิขสิทธิ์จากทางฝรั่งเศสเพื่อแปลเป็นภาษาไทย โดยได้ให้ ผศ.ดร.ปรีีดี พิศภูมิวิถี เป็นผู้แปล(คนซ้าย) โดยภายในเล่มจะเป็นการเปิดเผยถึงรูปภาพเครื่องมงคลราชบรรณาการและรูปราชทูตที่ได้ไปในคราวนั้น เค้าว่าเป็นมรดกศิลป์ของชาติที่คนไทยไม่เคยเห็น


บันทึกการเข้า
nutty
อสุรผัด
*
ตอบ: 9


ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 06 ก.พ. 14, 14:03

หน้าปกหนังสือที่ว่าคับ ผมก้ซื้อมาด้วยเล่มนึง ในเล่มสวยคับโดยเฉพาะภาพเครื่องทอง อ่านแล้วเพลินสนุกมาก มีมุมมองของชาวฝรั่งเศสที่มองคณะราชทูตที่ไปคราวนั้นด้วย แปลกดีคับ พอผมอ่านจบจึงคิดว่าน่าสนใจมาก จึงอยากจะนำมาแชร์ให้พี่ๆ เพื่อนๆได้ทราบ แต่น่าเสียดายที่จัดแสดงแค่วันนั้นวันเดียว คนที่ไปงานนั้นก้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน่าจะจัดแสดงหลายวันๆ เพราะให้ความรู้ ได้ดูของหายาก มีของว่างให้ทานด้วย ที่สำคัญงานนี้ฟรีคับ 555





บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 06 ก.พ. 14, 14:58

มีภาพการเข้าเฝ้าชัด ๆ มาแสดงอีกครั้ง (ขนาดภาพของจริง ๑.๒๘ x ๒.๖๐ เมตร)

           ส่วนอีกหนึ่งภาพ เป็นภาพคณะราชทูตสยามภายใต้การนำของเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาธิบดี
(แพ บุนนาค) ทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสาส์นเจริญพระราชไมตรี พร้อมเครื่องมงคลราชบรรณาการ ของ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งประกอบด้วยพระมหาพิชัยมงกุฎ พระราชสุพรรณบัฏ และ
เครื่องประกอบราชอิสริยยศ เช่น พระราชยาน พระกลด แด่จักรพรรดินโปเลองที่ 3 แห่งฝรั่งเศส ณ พระราชวังฟงแตนโบล
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2404 (1861) ฝีมือของ ฌอง เลอง เฌอโครม เช่นกัน

           ฝรั่งเศสได้ทำภาพสีน้ำมันบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ 2 ภาพ ๆ หนึ่งปัจจุบันจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์สถาน
พระราชวังฟงแตนโบล ส่วนอีกภาพจัดแสดงอยู่ที่ผนังด้านตะวันออกของพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์
ที่ท้องพระโรงกลาง ในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทพระบรมมหาราชวัง



เครื่องมงคลราชบรรณาการทั้งหมดวางอยูข้างหน้าคณะราชทูต  ยิงฟันยิ้ม


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 06 ก.พ. 14, 15:46

ภาพนี้ควรจะเป็น จอกพระสุธารส (น้ำชา) ทองคำลงยาราชาวดี ด้วยสีแดง และ เขียว

เครดิทภาพ เฟสบุ๊ค


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 06 ก.พ. 14, 15:51

ชุดกำไลข้อมือ ถักด้วยลวดทองเป็นรูปมังกรคาบแก้ว อ้าออกได้ แหวนเพชรแบบแถว และแบบล้อมรังแตน ตลับทองคำลงยาราชาวดี กล่องทองคำสลักดุนนูน


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 07 ก.พ. 14, 12:41

ปัจจุบันเครื่องมงคลราชบรรณาการจากสยามประเทศของรัชกาลที่ ๔ จัดแสดงอยู่ที่ ห้องพิพิธภัณฑ์จีนของจักรพรรดินียูเจนี (Salon et Muse'e chinois de l’impe'ratrice Euge'nie) พระราชวังฟงแตนโบล (Chateau de Fontainebleau)  ยิงฟันยิ้ม

๑. พระมหาพิชัยมงกุฎ

๒. พระที่นั่งกง

๓. พระวอสีวิกากาญจน์


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 ก.พ. 14, 08:48 โดย เทาชมพู » บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 07 ก.พ. 14, 12:47

๑. พระมหาพิชัยมงกุฎ หนังสือนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติฟองเตนโบบรรยายว่า

มงกุฎอันเลิศลอยของคิงมงกุฎนี้ ได้รับการประเมินค่าไว้ในราคา ๗๐,๐๐๐ ฟรังก์ (สมัย ร.๔) จัดอยู่ในกลุ่มสิ่งของชิ้นเดียวที่มีราคาสูงที่สุดในพระราชวัง จากการตรวจสอบอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. ๑๘๖๕ (พ.ศ. ๒๔๐๘) พบว่าเป็นทองคำทั้งองค์ ประดับอยู่ด้วยทับทิม ๒,๒๙๘ เม็ด เพชรเหลี่ยมกุหลาบ ๒๓๓ เม็ด มรกต ๔๖ เม็ด และไข่มุก ๙ เม็ด


บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.054 วินาที กับ 19 คำสั่ง