เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 11
  พิมพ์  
อ่าน: 57337 ชีวิตจริงเบื้องหลังวรรณกรรมชุด "บ้านเล็ก" (ตอนจบ)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 01 ก.พ. 14, 10:51

เกรซในวัยรุ่นสาว


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 02 ก.พ. 14, 19:41

     มาถึงชีวิตบุคคลสำคัญที่สุด 3 คนในครอบครัวของลอร่า คือพ่อ แม่และแมรี่ พี่สาวที่สนิทที่สุดของเธอ
     เมื่อลอร่าย้ายไปอยู่มิสซูรี่อย่างถาวร   ชาร์ลส์ อิงกัลส์ก็ยังปักหลักอยู่ที่เดอสเม็ตตามเดิม  ไม่ย้ายไปไหนอีก เพราะถึงเวลาที่ลูกๆโตพอจะได้รับการศึกษาเล่าเรียนกันแล้ว       นอกจากอาชีพช่างไม้ที่ทำเป็นงานประจำ  ชาร์ลส์ยังได้รับความเชื่อถือจากชาวเมืองให้ทำหน้าที่สำคัญหลายอย่างเช่นเป็นตุลาการท้องถิ่น  เป็นผู้ช่วยนายอำเภอ  และเป็นกรรมการโรงเรียน  อีกด้วย
     แม้ว่าลูกสาวคนโปรดต้องไปตั้งถิ่นฐานอยู่ไกล  ชาร์ลส์ก็ไม่ว้าเหว่ เพราะมีภรรยาและลูกสาวอีกสามคนอยู่ด้วย  ต่อมาแครี่โตเป็นสาว ย้ายออกจากบ้านไปทำงานในรัฐอื่น    เกรซก็แต่งงานไป   พ่อก็ยังมีแม่และลูกสาวคนโตอยู่เป็นเพื่อนกัน
     หนึ่งปีหลังเกรซแต่งงาน       และแปดปีหลังจากลอร่าย้ายไปอยู่มิสซูรี่    วันหนึ่งในเดือนพฤษภาคม ปี 1902เธอก็ได้รับจดหมายจากทางบ้านให้กลับไปด่วน   เพราะพ่อป่วยหนัก    ลอร่าทิ้งแอลแมนโซไว้กับโรสซึ่งตอนนั้นเป็นเด็กสาวอายุ 15    ตัวเธอขึ้นรถไฟจากมิสซูรี่ไปตามลำพัง  ต่อจากสายนั้นไปสายนี้จนกระทั่งถึงเมืองเดอสเม็ต
    เมื่อไปถึงบ้าน   ไม่มีเสียงซอไวโอลินและเสียงหัวเราะของพ่อคอยต้อนรับเธออยู่อีก     แต่ลอร่าก็ทันกลับไปดูใจพ่อ   พี่น้องทุกคนและแม่กลับมารวมกันอีกครั้ง  จนถึงวาระสุดท้ายของพ่อในวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 1902   อายุได้ 67 ปี 5 เดือน

    ในพิธีศพของพ่อ  เพลงสวดที่ร้องกันในพิธีคือเพลงโปรดของพ่อชื่อ Sweet By and By   ลอร่าอดคิดไม่ได้ว่าในวันหนึ่งเมื่อเธอสิ้นใจ   พ่อคงจะมารออยู่พร้อมด้วยซอของพ่อ  เล่นเพลงนี้ให้เธอฟัง

    
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 02 ก.พ. 14, 19:43

ในหนังสือไม่ได้บอกว่าพ่อป่วยด้วยโรคอะไร    บอกแต่ว่าล้มป่วยลง อาการหนักอยู่หลายสัปดาห์  จนสิ้นใจด้วยอาการหัวใจล้มเหลว

ภาพนี้คือหลุมศพของพ่อในสุสานเมืองเดอสเม็ต


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 03 ก.พ. 14, 15:39

   เมื่อพ่อจากไปแล้ว  แครี่กับเกรซก็แยกบ้านออกไป   บ้านจึงเหลือแคโรไลน์และแมรี่อยู่เป็นเพื่อนกันสองคน      ทั้งสองหารายได้เล็กๆน้อยๆเพิ่มเติมด้วยการให้เช่าห้องชั้นบน เพราะบ้านนี้มีห้องนอนถึง 5 ห้อง    ห้องของแมรี่อยู่ชั้นล่างมาแต่แรกแล้ว     หลังบ้าน มีเชือกขึงเอาไว้เป็นเส้นทาง เพื่อแมรี่จะได้เดินออกไปและกลับเข้าบ้านได้สะดวก
   แมรี่เรียนจบหลักสูตรจากวิทยาลัย โดยใช้เวลา 8 ปี  มีอยู่ปีหนึ่งที่เธอว่างเว้นการเรียนไป อาจจะเจ็บป่วยหรือมีเหตุขัดข้องทางบ้าน    เป็นนักเรียน 1 ใน 8 ของรุ่นที่เรียนจบ    เมื่อกลับมาบ้าน แมรี่ไม่ได้อยู่เปล่าๆ  เธอหารายได้ด้วยงานฝีมือที่ฝึกฝนมา  คือถักผ้าห่มคลุมม้า  ถักเปลตาข่ายขาย     วันอาทิตย์เธอก็ไปสอนพระคัมภีร์ไบเบิ้ลให้เด็กๆในเมือง   
   เพื่อนบ้านในเมืองยังจดจำภาพคุณนายอิงกัลส์กับลูกสาวเดินเกาะแขนไปด้วยกันเวลาไปโบสถ์   อย่างใกล้ชิดสนิทสนม   แม่ลูกมีชีวิตเงียบๆแต่ผาสุก    ตัวแคโรไลน์เองเป็นคนเก็บตัว ไม่ใคร่ชอบออกไปสุงสิงกับชาวบ้าน แต่เธอก็เป็นคนเคร่งครัดในด้านศาสนา ไปโบสถ์และสวดมนตร์ประจำ    สาเหตุที่ไม่ออกไปไหนอาจเป็นจากโรคภัยไข้เจ็บ  คือเมื่ออายุมากขึ้นแคโรไลน์เป็นโรคข้ออักเสบ อาจเกิดจากข้อเสื่อม    แม่ลูกจึงต้องไปไหนมาไหนด้วยกันประจำ
   แมรี่เคยพูดว่า "แม่เป็นดวงตาให้ฉัน   ฉันก็เป็นเท้าให้แม่"

  ผ้าห่มม้าคล้ายๆกับที่แมรี่ถักขาย


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 03 ก.พ. 14, 15:39

แมรี่ในวัยสาว และวัยสูงอายุ


บันทึกการเข้า
kulapha
มัจฉานุ
**
ตอบ: 96


ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 03 ก.พ. 14, 20:27

พ่อของลอร่า ถ้าอยู่บ้านเราคงได้เป็นประมาณประธานอบต.
เพราะรู้สึกชอบอาสาทำงานท้องถิ่นไม่รู้เหนื่อย
เสียดายอายุสั้น
อาจเป็นเพราะชีวิตที่กรากกรำทำงานหนักตั้งแต่หนุ่ม เจอโรคภัยต่างๆสะสม
แต่เพราะกำลังหนุ่ม มีพลังต้านเชื้อโรคเหล่านั้นได้
ต่อเมื่อหมดพลังก็เลยต้องพ่ายไป

ครอบครัวทางอิงกัลล์ส์ก็เลยไม่มีผู้สืบสกุลฝ่ายชายเลย

ไปๆมาๆแครี่น้องน้อยที่เคยบอบบางและขี้โรค
กลับกลายเป็นผู้หญิงเก่งแบบ Indy
ชีวิตผู้สื่อข่าวนักหนังสือพิมพ์หญิงสมัยนั้น
น่าจะถือเป็นอาชีพที่ก้าวหน้ามากสำหรับผู้หญิง
อีกทั้งต้องทำงานอึดเยี่ยงบุรุษและอยู่ในแวดวงของสังคมชายทั้งนั้น

เพลงสวดส่งพ่อลอร่าเพราะมากค่ะ

ติดตามต่อนะคะ ยิ้มเท่ห์

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 03 ก.พ. 14, 21:11

เห็นด้วยมากๆทุกอย่างค่ะ     พ่อของลอร่าเป็นคนที่มีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่าง อย่างน่าอัศจรรย์     และเชื่อว่าลอร่าไม่ได้เขียนเกินจริง
เขาเล่นไวโอลินได้เก่งมากโดยไม่ปรากฏว่าเรียนที่ไหน    ชอบอ่านหนังสือ เขียนหนังสือราชการได้   สะกดศัพท์ได้ชนะคนทั้งเมืองแม้แต่ครูโรงเรียน  ทำงานได้ทุกชนิด   ตั้งแต่ทำไร่ ทำนา ล่าสัตว์  งานช่างไม้  ขายของ ขายเนื้อ   เข้มแข็งพอจะโอบอุ้มครอบครัวมาได้ตลอดรอดฝั่ง   ไม่ว่ายากจนแค่ไหนก็ไม่เคยกินเหล้าเมายา ไม่แตะการพนัน  เป็นพ่อที่ฉลาดพอจะสอนลูกสาวสี่คนให้เก่งและอดทนต่ออุปสรรคทุกชนิด   เป็นพ่อบ้านที่รักเมียและลูกเป็นแก้วตา
บ้านของเขาถึงยากจน และลำบากลำบนขนาดไหน   ก็ไม่เคยขาดเสียงหัวเราะของพ่อ และเสียงเพลงจากไวโอลิน   คลอด้วยเสียงร้องของลูกๆ
น่าเสียดายที่เขาเกิดในสถานที่ห่างไกลเมืองใหญ่   ไม่มีโอกาสจะเอาทักษะที่มีติดตัวมาแต่เกิดไปใช้ในวงกว้างกว่านี้  ชาร์ลส์ อิงกัลส์ก็เลยเป็นได้แค่ชาวบ้านธรรมดา   เกิดและตายไปอย่างเงียบๆในวัยไม่มากนักด้วยซ้ำ
แต่สวรรค์ก็ยังมีตา  จึงบันดาลให้ชื่อและชีวิตของเขาอมตะมาจนบัดนี้   โดยเจ้าตัวไม่มีโอกาสรู้ตัวว่าชื่อเขาแพร่หลายไปหลายสิบประเทศทั่วโลกไม่เฉพาะแต่อเมริกาเท่านั้น


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 04 ก.พ. 14, 12:52

   แคโรไลน์มีชีวิตยืนยาวกว่าสามีมาก   เธออยู่มาอีก 22 ปี  จนอายุ 84  จึงถึงแก่กรรมในค.ศ. 1924  หลังจากป่วยกะทันหันแล้วก็จากไปในชั่วเวลาสั้นๆไม่กี่วัน     ลอร่าในวัย 57  อยู่ที่มิสซูรี่  ไม่มีโอกาสกลับมาดูใจแม่อย่างที่เคยกลับมาดูใจพ่อ   จริงๆก็คือลอร่าไม่ได้กลับมาที่เดอสเม็ตอีกเลยหลังพ่อจากไป
   บ้านที่แม่กับลูกสาวคนโตเคยอยู่กันสองคนอย่างสบาย  แม้ว่ามีคนเช่าอยู่ชั้นบน กลับเป็นบ้านที่อ้างว้างเมื่อไม่มีแม่อยู่อีก   เกรซกับสามีซึ่งอาศัยอยู่ที่ฟาร์มนอกเมืองตัดสินใจย้ายมาอยู่ในบ้านเพื่อเป็นเพื่อนของแมรี่    เพราะพี่สาวคนโตไม่สามารถอยู่ตามลำพังได้   แต่แมรี่ก็ไม่ได้เก็บตัวเงียบเหงาอยู่กับบ้าน   เธอเดินทางคนเดียวไปเยี่ยมเพื่อนฝูงต่างเมือง  วันอาทิตย์ก็ไปเล่นออร์แกนในโบสถ์ และสอนพระคัมภีร์ให้เด็กๆ  รวมทั้งเขียนบทกวีลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นด้วย  
   แมรี่เคยเดินทางไปไกลถึงชิคาโกหนหนึ่ง เพื่อรับการผ่าตัดรักษาโรค neuralgia ( อาการปวดตามเส้นประสาท โดยเฉพาะบริเวณหน้า/ศีรษะ)   มาถึงตรงนี้ก็ต้องฝากคำถามไว้ให้คุณหมอ CVT หรือผู้รู้ท่านอื่นๆว่าโรคนี้คืออะไร และผ่าตัดรักษาได้หายขาดหรือไม่
เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันเกี่ยวข้องกับอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงที่แมรี่เป็นเมื่ออายุ 14  ทำให้สายตาเธอมัวลงจนมืดสนิท 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 04 ก.พ. 14, 12:53

ตัวอย่างบทกวีที่แมรี่เขียนลงหนังสือพิมพ์เดอสเม็ตนิวส์  บรรยายถึงเสียงเพลงจากซอไวโอลินของพ่อ    แมรี่เองก็รักเสียงเพลงจากฝีมือของพ่อเท่าๆกับลอร่าเหมือนกัน

     My Father's Violin"
Sweeter by far to my loving heart
Than minstrels of cultured art
Was music from those mystic strings
My father's hand to give it wings.

The Old Home  เป็นอีกบทหนึ่งที่แมรี่เขียนถึงทุ่งกว้างที่เธอจดจำไว้แม่นยำจากวัยเยาว์  ที่เคยท่องเที่ยวไปในทุ่งหญ้ากับน้องสาว

The prairie rose is blushing
The sun's kiss on her cheek:
The wind with glee is rushing
In merry hide-and-seek.

The tiger lily's stalking
The gaudy goldenrod,
The meadowlark is talking
Of shadows on the sod .


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 04 ก.พ. 14, 13:06

    สี่ปีหลังจากแม่จากไป   แมรี่ไปเยี่ยมแครี่ในเมืองที่น้องสาวอาศัยอยู่ ไม่ห่างจากเดอสเม็ตนัก    ระหว่างพักที่บ้านน้องสาว  เธอมีอาการหลอดเลือดสมองอุดตัน  (stroke)   และเสียชีวิตที่นั่น 
    มรณกรรมของแมรี่เป็นไปอย่างเงียบเชียบ     หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลงข่าวเพียงสั้นๆในหน้ากระดาษส่วนที่แจ้งถึงการเกิดการตายของชาวเมืองว่า  มิสแมรี่ อิงกัลส์ ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 1928  ศพฝังในสุสานของเมืองเดอสเม็ต   นอกจากน้องสาวสองคนแล้วก็ดูเหมือนกับว่าผู้คนจะลืมเลือนเธอไปในเวลาไม่นาน
   แต่สี่ปีให้หลัง  เมื่อนิยาย "บ้านเล็กในป่าใหญ่" ตีพิมพ์ออกมา    ชื่อของแมรี่ อิงกัลส์ก็เป็นอีกชื่อหนึ่งที่จารึกอยู่ในประวัติศาสตร์และวรรณกรรมเยาวชนของอเมริกา   ยั่งยืนอยู่จนปัจจุบัน

   แมรี่ไม่เคยเศร้าโศกตีโพยตีพาย หรือแสดงความน้อยเนื้อต่ำใจที่เธอกลายเป็นคนสายตาพิการ   จนไม่มีโอกาสหลายๆอย่างในชีวิตอย่างคนตาดีทั้งหลาย   ในจดหมายที่เธอเขียนถึงน้องสาว สะท้อนทัศนะต่อชีวิตของเธอไว้อย่างน่าชมเชย

     "How good it is to be alive!" she exclaimed in a letter to Laura in 1914. "Let us be thankful that we were born. Let us fold away our fears and put by our foolish tears through the coming year and just be glad."
     
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 04 ก.พ. 14, 13:09

ห้องนั่งเล่นในบ้านของพ่อแม่  ที่แมรี่นั่งอยู่ประจำ  เล่นออร์แกนที่พ่อและลอร่าเก็บเงินซื้อให้
บนผนังคือรูปของพ่อกับแม่


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 04 ก.พ. 14, 13:10

รูปของแม่บนผนังในห้องนั่งเล่นในบ้าน


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 04 ก.พ. 14, 13:16

ใครที่เป็นแฟนหนังสืออย่างเหนียวแน่นคงจำได้ว่า แม่ของลอร่ามีของรักของหวงอยู่ชิ้นหนึ่งคือตุ๊กตากระเบื้องทำเป็นรูปหญิงเลี้ยงแกะ   เธอคงได้มันมาตั้งแต่วัยเยาว์ก่อนแต่งงาน     แม่เก็บทะนุถนอมตุ๊กตากระเบื้องไว้อย่างดี  ไม่ว่าเดินทางโยกย้ายไปกี่ร้อยไมล์ มันก็จะถูกเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัย  ไม่แตกหัก   
เมื่อลงหลักปักฐานในบ้านใหม่เรียบร้อย  สิ่งแรกคือแม่จะคลี่ผ้าที่ห่อหุ้มออกเอานางเลี้ยงแกะกระเบื้องมาวางบนหิ้งวางของที่พ่อทำให้  เป็นสัญลักษณ์ว่า บ้านใหม่เข้ารูปเข้ารอยเรียบร้อยแล้ว

หลังแครี่ถึงแก่กรรม    มีผู้ค้นพบตุ๊กตากระเบื้องเก่าแก่ตัวนี้ในบรรดาข้าวของส่วนตัวของเธอ     ลอร่าเคยเขียนถึงแฟนหนังสือเด็กๆของเธอที่ถามเรื่องตุ๊กตากระเบื้องว่า "แครี่เป็นคนได้ไป"    เป็นไปได้ว่าแม่ได้ยกตุ๊กตานี้ให้เป็นสมบัติของแครี่  เมื่อแม่ถึงแก่กรรม แครี่ก็เก็บรักษาไว้จนเธอถึงแก่กรรม
ปัจจุบัน ตุ๊กตากระเบื้องถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ที่ระลึกถึงแครี่ อิงกัลส์ สวอนซีย์


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 05 ก.พ. 14, 08:38

  ชีวิตของคนอเมริกัน  เมื่อเติบโตเป็นหนุ่มสาวก็เหมือนนกบินจากรัง ไม่หวนกลับมาอีก    แม้ว่าลอร่ารักพ่อแม่พี่น้องเธอมากเพียงใดก็ตาม  เมื่อถึงเวลาจะต้องอพยพโยกย้ายไปรัฐอื่น ด้วยความจำเป็นเรื่องหาเลี้ยงชีพ    เธอก็เหมือนว่าวที่ขาดลอยไป   ติดต่อกับพี่น้องเพียงทางจดหมายเท่านั้น   
  ครั้งสุดท้ายที่เธอกลับมารวมกันพร้อมหน้าพี่น้องคือเมื่อพ่อป่วยหนัก     ตอนที่แม่ตายเธอก็ไม่ได้กลับมา  เช่นเดียวเมื่อแมรี่ เกรซ และแครี่ทยอยกันจากไป
   เมื่ออายุแปดสิบกว่า     ลอร่าเคยเขียนเล่าเรื่องครอบครัวให้แฟนๆหนังสือฟังว่า
   Pa, Ma and my sisters are all gone. Of the family I alone am left.

   ถึงแม้ว่าลอร่ากับแอลแมนโซต้องทำงานหนักอยู่ในเมืองแมนสฟิลด์ โดยมิได้ร่ำรวยขึ้น  แต่ก็เรียกได้ว่าชีวิตดีกว่าสมัยอยู่ในดาโกต้าใต้    เมื่อพ่อซื้อบ้านในเมืองให้แอลแมนโซ เขาก็เอาบ้านให้คนเช่าแล้วย้ายกลับไปอยู่ที่ฟาร์มร็อคกี้ริดจ์ตามเดิม    ผลผลิตจากฟาร์มทั้งไร่ข้าวสาลี  ผลไม้และวัวนม ทำให้มีเงินเหลือพอจะจ้างลูกมือมาช่วยได้
   โรสเติบโตเป็นสาวรุ่นอายุ 16     ฐานะทางบ้านไม่ดีพอจะส่งเธอไปเรียนต่อในวิทยาลัย  หรือแม้แต่ร.ร.มัธยมในเมืองใหญ่   นายไปรษณีย์โทรเลขในแมนสฟิลด์ช่วยฝึกวิธีเคาะและส่งโทรเลขให้  โรสก็เห็นเป็นโอกาสดีที่จะฝึกงานที่นี่ จนกระทั่งมีตำแหน่งพนักงานโทรเลขให้สมัครได้ในเมืองแคนซัสซิตี้    มีรายได้สัปดาห์ละ  2.50 ดอลล่าร์  หรือเดือนละ 10 ดอลล่าร์  ซึ่งมากพอจะเลี้ยงตัวเองได้     โรสก็อำลาบ้านนาโบยบินออกสู่โลกกว้างเมื่ออายุ 17 ปี

โรสในวัยสาวรุ่น เริ่มออกทำงานเลี้ยงตัวเอง
   


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 06 ก.พ. 14, 09:16

    ลอร่ากับแอลแมนโซใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแมนสฟิลด์เป็นเวลาถึงสิบกว่าปี  จนลอร่าอายุ 40 และแอลแมนโซ 50  ทั้งคู่จึงขายบ้านในเมือง  กลับไปตั้งหลักอยู่ในฟาร์มร็อคกี้ริดจ์ที่เดียว      ทั้งสองให้เช่าบ้านเล็กๆสองห้องในฟาร์มนั้นมาก่อน   บัดนี้บ้านก็คับแคบไปเสียแล้ว  ลอร่าตั้งใจจะสร้างบ้านใหม่ด้วยสมองและสองมือ     ในป่าหลังบ้านมีต้นไม้ใหญ่ที่จะโค่นนำมาเลื่อยเป็นไม้กระดาน   มีหินในที่ดินที่จะนำมาเรียงเป็นปล่องไฟ  ไม่ต้องซื้อหาทั้งสองอย่าง เพียงแต่ต้องทุ่มเทแรงงานลงไปด้วยตัวเอง
    ลอร่าเป็นคนร่างแบบบ้านเองในสมุด ด้วยดินสอดำ     เธอออกแบบบ้านสองชั้น มีห้องรวม 10 ห้อง  มีห้องใต้หลังคา พร้อมด้วยเฉลียงด้านหน้า   มีปล่องไฟและเตาผิงก่อด้วยหิน    แอลแมนโซเป็นผู้บันดาลแบบบ้านให้เป็นจริงขึ้นมา  เขาจ้างช่างไม้และช่างเรียงอิฐมาทำงานขั้นพื้นฐาน จากนั้นสองคนสามีภรรยาก็ค่อยๆต่อเติมไปทีละอย่างจนครบสมบูรณ์
   ทีแรก แอลแมนโซไม่อยากจะก่อปล่องไฟและเตาผิงด้วยหิน   เขาอยากจะจ้างช่างมาเรียงอิฐอย่างบ้านอื่นๆ จะได้สวยงามเรียบร้อยและง่ายดีด้วย    แต่ลอร่าไม่ยอม  เธอทั้งปลอบทั้งขู่ ทั้งอ้อนวอนถึงขั้นฟูมฟายน้ำตา จะเอาเตาผิงหินให้ได้     ในที่สุด..ผลก็อย่างที่รู้ๆกันคือ แอลแมนโซก็ต้องยอมก่อเตาผิงตามแบบที่ภรรยาต้องการ

   ในที่สุดบ้านในฝันของลอร่าก็เสร็จสมบูรณ์   เป็นความภูมิใจของเธออย่างยิ่งโดยเฉพาะเมื่อมีแขกมาเยือน    บ้านหลังนี้กลายเป็นบ้านนาสวยงามเป็นหน้าเป็นตาหลังหนึ่งในถิ่นโอซาร์คส์

เห็นปล่องไฟและเตาผิงเรียงจากหินในพื้นที่ดินไหมคะ   ถ้าต้องเรียงเองก็พอเข้าใจว่าทำไมแอลแมนโซไม่อยากทำ   


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 11
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.045 วินาที กับ 20 คำสั่ง