เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 26 ม.ค. 14, 13:15
|
|
บ้านไม้ซุงไม่มีหน้าต่างที่แอลแมนโซและลอร่าย้ายเข้าไปอยู่ในตอนแรก มีลักษณะแบบนี้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 27 ม.ค. 14, 10:11
|
|
พื้นที่ในที่ดินใหม่แห่งนี้ มีแนวหินเป็นสันอยู่ด้วย ลอร่าจึงตั้งชื่อฟาร์มของเธอว่า Rocky Ridge Farm ในปีแรก ทั้งคู่ต้องหักร้างถางพง ปราบพื้นให้เรียบ ด้วยการตัดต้นไม้เล็กใหญ่ในบริเวณนั้นให้เหลือที่ว่างพอจะปลูกพืชไร่ได้ ลอร่าตั้งใจจะทำสวนแอปเปิ้ลจากกล้าแอปเปิ้ล 400 ต้น เลี้ยงวัวนม และเป็ดไก่ เธอขนเอาแม่ไก่ใส่กรงห้อยท้ายเกวียนมาด้วยเพื่อจะมีไข่สดกินระหว่างทาง มันอยู่รอดมาถึงที่หมายโดยปลอดภัย ต้นไม้ที่โค่นล้มแล้วก็นำมาทำรั้วไม้ซุงรอบบ้าน ลอร่าเป็นผู้หญิงที่ทำงานแข็งเท่าๆกับผู้ชาย เพราะฝึกมาตั้งแต่เล็ก แอลแมนโซมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นก็จริง แต่เขาก็ยังเดินเขยกๆอยู่เพราะเท้ายังใช้งานไม่ได้เท่าเดิม เธอตัดธรรมเนียมอเมริกันที่ว่าผู้หญิงจะต้องทำงานอยู่แต่ในบ้านออกไป ออกไปช่วยเป็นลูกมือสามีทุกอย่างแม้แต่เลื่อยไม้ โค่นต้นไม้ในป่ารอบบ้าน เพราะทั้งสองไม่มีเงินพอจะจ้างแรงงานได้ ถ้าลอร่ารับงานนี้เสียเองก็ตัดปัญหาไป แอลแมนโซตัดไม้ เลื่อยไม้มาทำฟืน ขนใส่เกวียนเอาไปขายในเมืองได้กองละ 75 เซนต์ บวกกับไข่สดที่ลอร่าใส่ขึ้นเกวียนไปด้วย เงินจำนวนน้อยนิดนี้เมื่อสะสมกันก็พอจะซื้อของชำและน้ำมันก๊าดเติมตะเกียงได้ ตอนนั้นโรสอายุ 8 ขวบ ไปโรงเรียนแล้ว กลับมาเธอก็ช่วยแม่เก็บไข่ที่แม่ไก่แอบไปไข่ซุกซ่อนตามที่ต่างๆ ช่วยแม่ปลูกพืชผลสวนครัว และเก็บลูกฮัคเกิลเบอรี่และแบล็คเบอรี่ป่าไปขายในเมือง แกลลอนละ 10 เซ็นต์ พ่อแม่ลูกมาตั้งถิ่นฐานใหม่ในฤดูใบไม้ร่วง ล่วงมาถึงฤดูใบไม้ผลิปีต่อมา ที่ดินสี่สิบเอเคอร์ก็ถูกหักร้างถางพงไปได้ครึ่งหนึ่ง คือ 20 เอเคอร์ บ้านไร่ในฝันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
tita
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 27 ม.ค. 14, 12:19
|
|
ติดตามอยู่ค่ะ
/แอบคุยหน่อย ดิฉับชอบดูรูปภาพสมัยโบราณ ดูภาพผู้คน ภาพชีวิตสมัยก่อน บางทีดูๆ แล้วก็คิดอยู่ว่าขณะที่คนๆ นั้น ถ่ายภาพ เขาจะรู้บ้างไหมว่าชีวิตข้างหน้าของเขาจะเป็นอย่างไร
ดิฉันดูรูปของลอร่าแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอดูเหมือนเต็มไปด้วยพลังความมุ่งมั่นมาตั้งแต่เด็กๆ ดูแววตาของเธอน่ะค่ะ ดูบึกบึน ไม่ย่อท้อ
หนังสือบ้านเล็กเล่มสุดท้าย These Happy Golden Years ฉากจบที่คู่สมรสใหม่นั่งเคียงข้างเฝ้ามองดวงจันทร์งดงามในยามค่ำคืนฤดูร้อน ดูสวยสงบงดงาม แต่ในความเป็นจริงเส้นทางชีวิตที่ขรุขระยังทอดรออยู่อีกยาวไกล
ถ้าจบเรื่องนี้คุณเทาชมพูนำเที่ยวบ้านเรือนชาวอเมริกันยุคบุกเบิกด้วยนะคะ ดูรูปบ้านแล้วสงสัยจริงๆ เพราะจากที่อ่านเหมือนจะหลังเล็กนิดเดียว บางหลังไม่มีหน้าต่าง ตั้งเตียงเข้าไปก็เต็ม ทำครัวก็ทำกันหน้าเตียงเลย แล้วห้องน้ำล่ะคะ สรุปเอาเองจากที่ลอร่าบรรยายว่าเช้าๆ จะแค่ล้างหน้าล้างตา อาบน้ำกันเฉพาะวันอาทิตย์ที่จะไปโบสถ์ใช่ไหมคะ
ดูแม่จะเข้มงวดเรื่องกิริยามารยาทของลูกสาว จำได้คลับคล้ายว่าในเล่มฤดูหนาวที่ยาวนาน ลอร่าจะลงมาทั้งในชุดนอนได้เมื่อพ่อออกจากบ้านไปแล้ว เวลาทานข้าวจะมาครึกครื้นหัวเราะกันก็ไม่ได้ อันที่จริงแม่ก็ท่าทางไม่ค่อยเห็นด้วยที่ลอร่าต้องออกไปทำงานนอกบ้าน แต่คงไม่มีทางเลือกอื่นเพราะครอบครัวไม่มีลูกชาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 28 ม.ค. 14, 08:49
|
|
คำแนะนำของคุณ tita ทำให้เขียนเป็นกระทู้ได้อีกเรื่องหนึ่งทีเดียวค่ะ ดิฉันเคยไปดูกระท่อมไม้ซุงของจริงที่เขาแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เห็นแล้วกลุ้ม มันอึดอัดเหมือนเข้าไปอยู่ในห้องเก็บของ ไม่มีอะไรสวยงามอย่างในหนัง
จะเก็บคำถามของคุณ tita เรื่องการดำเนินชีวิตของคนอเมริกันยุคบุกเบิกไว้เป็นเนื้อหาในกระทู้ใหม่ เมื่อกระทู้นี้จบแล้ว ว่าเขากินอยู่ อาบน้ำเข้าส้วมกันยังไง ถ้าดิฉันลืม กรุณาเตือนด้วยนะคะ
เห็นด้วยค่ะ ลอร่าเป็นผู้หญิงตัวเตี้ยนิดเดียว (สูงประมาณ 150ซ.ม.) แต่ความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจของเธอมีมากกว่าสามี ดูๆเธอน่าจะเป็นผู้นำแอลแมนโซมากกว่าผู้ตาม อย่างแม่เป็นฝ่ายตามใจพ่อ
************************** ชีวิตใหม่ที่แมนสฟิลด์ มิสซูรี่มีผลดีต่อโรสมาก ในวัย 8 ขวบ เธอเป็นนักเรียนที่เก่งที่สุดในชั้นเรียน เพราะมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาจากการสอนหนังสือของยายและป้าแมรี่ โรสอ่านหนังสือแตกฉาน สะกดคำศัพท์เก่งจนกระทั่งได้ยืนอยู่หัวแถวในการแข่งขันตัวสะกดทุกวันศุกร์ เธอชอบเข้าห้องสมุดเล็กๆของโรงเรียน แล้วยืมหนังสือดีๆในนั้นกลับมาอ่านในแสงตะเกียงน้ำมันที่บ้าน ตอนค่ำเป็นเวลาพร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูก อย่างสุขสงบเหมือนอย่างที่ลอร่าเคยมีเมื่ออยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ แอลแมนโซนั่งพักผ่อนจากงานหนักตลอดวัน โรสทำการบ้าน ลอร่าทำให้เวลาผ่านไปอย่างเพลิดเพลิน ไม่เงียบเหงา ด้วยการอ่านหนังสือออกเสียงดังๆให้พ่อและลูกให้ฟังด้วย ล้วนเป็นหนังสือวรรณกรรมดังๆที่ยืมมาจากห้องสมุด นอกจากนี้ เธอยังอ่านเรื่องนิยายสนุกๆที่ลงพิมพ์เป็นตอนๆในหนังสือพิมพ์ให้ฟังอีกด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 28 ม.ค. 14, 09:39
|
|
โรสติดนิยายที่ลงเป็นตอนๆในหนังสือพิมพ์เดอสเม็ตนิวส์แอนด์ลีดเดอร์ ชื่อ The Rockanock Stage อย่างงอมแงม เมื่อคุณยายแคโรไลน์อ่านหนังสือพิมพ์ให้ป้าแมรี่ฟังดังๆจบแล้ว ก็จะส่งหนังสือพิมพ์ทางไปรษณีย์มาให้หลานสาวที่มิสซูรี่อ่านเป็นประจำ มีอยู่สัปดาห์หนึ่ง หนังสือพิมพ์เกิดไม่มา จะด้วยอะไรก็ไม่รู้ โรสเขียนถึงคุณยายทันที ร้อนถึงน้าเกรซต้องออกตระเวนตามบ้านเพื่อนบ้านตลอดถนนสายที่สามเพื่อดูว่าใครยังเก็บหนังสือพิมพ์เก่าฉบับนี้ไว้บ้าง จนกระทั่งเจอก็ส่งมาให้หลานที่รอคอยอยู่
ภาพข้างล่างคือสำนักงานหนังสือพิมพ์เดอสเม็ตนิวส์ เมื่อรวมเข้ากับหนังสือพิมพ์อีกฉบับหนึ่งในปี 1891 ผู้หญิงแต่งชุดดำซ้ายสุดคือแครี่ น้องสาวของลอร่าที่ทำงานอยู่ที่หนังสือพิมพ์นี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 29 ม.ค. 14, 09:49
|
|
หลังจากความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าในรัฐดาโกต้าใต้ ชีวิตของลอร่าและแอลแมนโซก็เริ่มลืมตาอ้าปากได้ในมิสซูรี่ ผลจากทำงานตัวเป็นเกลียว เก็บเล็กผสมน้อยทุกเหรียญทุกเซ็นต์ตลอด 1 ปี พืชผลที่ปลูกก็ส่งผลให้ครอบครัวเล็กๆเริ่มมีเงินพอจะจ่ายค่าที่ดินให้ธนาคารรวมทั้งดอกเบี้ย 8% ด้วย ปีที่สอง ทั้งสองมีเงินพอจะซื้อที่ดินเพิ่มอีก 6 เอเคอร์ด้วยเงิน 18 ดอลล่าร์ ซื้อแม่วัวและหมูมาเพิ่มในโรงนา เมื่อมีนมวัว ลอร่าก็ปั่นเนยเอาไปขายในเมืองปอนด์ละ 10 เซ็นต์ สวนครัวที่ลอร่าปลูกไว้ข้างบ้านเริ่มงาม มีผักสดให้เอาไปขายในเมืองสำหรับชาวเมืองที่ต้องการผักสดมากเพราะในเมืองไม่มีที่ปลูกของตัวเอง ลอร่ามองเห็นอีกอย่างว่า ที่ดินตรงนี้เหมาะจะปลูกผลไม้ กล้าแอปเปิ้ลบัดนี้เติบโตเป็นต้นแอปเปิ้ลให้ลูกมากพอจะเอาไปขายได้แล้ว เธอก็เลยปลูกสตรอเบอรี่และราสเบอรี่เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนที่ดินที่หักร้างถางพงบัดนี้ก็กลายเป็นไร่โอ๊ต ข้าวโพดและข้าวสาลีที่เจริญเติบโตให้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย จนแอลแมนโซออกปากเมื่อมองเห็นไร่นาเขียวสดล้อมรอบเขาอยู่ว่า ไม่อยากเชื่อว่าที่แห่งนี้เป็นที่เดียวกับพื้นดินรกเป็นป่า มีแต่หินขรุขระอย่างที่เคยเห็นเมื่อมาถึงที่นี่ครั้งแรก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 29 ม.ค. 14, 16:13
|
|
ในปีที่สอง แอลแมนโซสร้างบ้านใหม่ขึ้น มีห้องหับเพิ่ม ใส่หน้าต่างกระจกให้บ้านสว่างน่าอยู่ รวมทั้งก่อเตาผิงใหม่จากหินที่อยู่ในที่ดินนั่นเอง ส่วนกระท่อมไม้ซุงเก่าเก็บเอาไว้เป็นโรงนาสำหรับวัวและไก่ที่เลี้ยงไว้ แต่ถึงกระนั้นรายได้จากฟาร์มก็ยังน้อยอยู่ดีกว่าจะเห็นผลเป็นกอบเป็นกำ แอลแมนโซจตัดสินใจไปเช่าบ้านเดือนละ 5 ดอลล่าร์ในเมือง เพราะที่นั่นมีหนทางหาเงินได้มากกว่าอยู่ในฟาร์ม เขาทำงานเป็นคนขนส่งสินค้าจากสถานีรถไฟ และเปิดบ้านเป็นร้านอาหารเล็กๆ มีลอร่าเป็นแม่ครัว โรสก็ได้เข้าเรียนในเมืองจนอายุ 11 เมืองแมนสฟิลด์ไม่มีโรงเรียนชั้นมัธยม ถ้าโรสเรียนจบจากร.ร.นี้แล้ว เธอก็รู้ว่าพ่อแม่ไม่มีเงินพอจะส่งลูกไปเรียนสูงกว่านี้ได้ แต่เธอก็ไม่ย่อท้อต่อการเรียน โรสอ่านหนังสือเก่งมาก เพื่อนบ้านคนหนึ่งมีตู้หนังสือล้วนแต่หนังสือดีๆ โรสก็ขอยืมมาอ่านจนหมดทั้งตู้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 30 ม.ค. 14, 12:21
|
|
หลังจากมาอยู่ที่แมนสฟิลด์ได้ 4 ปี พ่อแม่ของแอลแมนโซก็เดินทางมาเยี่ยมเป็นครั้งแรก เราคงจำได้ว่าลอร่าและแอลแมนโซเคยไปอยู่มินเนโซต้ากับพ่อแม่ของเขามาครั้งหนึ่งแล้ว ก่อนอพยพไปฟลอริดาและกลับไปดาโกต้าใต้ ตอนนี้พ่อแม่เป็นฝ่ายอพยพบ้าง พร้อมกับลอร่าลูกสาวคนโต สาเหตุที่อพยพทั้งๆพ่อของแอลแมนโซอายุปาเข้าไป 85 ปีแล้ว เกิดจากลูกชายคนเล็กที่เป็นน้องชายของแอลแมนโซ ชื่อพาร์ลีย์ และพี่สาวชื่ออีไลซ่า ซึ่งตั้งหลักแหล่งอยู่ที่รัฐหลุยเซียน่าคะยั้นคะยอให้พ่อขายฟาร์มที่เดิม แล้วมาสร้างฟาร์มใหม่อยู่ใกล้ๆเธอ ตอนนั้นเธอแต่งงานแล้วกับเจ้าของไร่ผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง อีไลซ่าอยากให้พ่อแม่พี่น้องทุกคนย้ายมาอยู่รวมกันที่หลุยเซียน่าทั้งหมด แต่รอยัลพี่ชายของแอลแมนโซซึ่งไปเอาดีทางค้าขายไม่อยากจะเปลี่ยนถิ่นฐานจากมินเนโซต้า ส่วนพ่อเสียแรงรบเร้าจากลูกสาวไม่ได้ ก็เลยขายฟาร์มเดิมได้เงินมาหลายพันดอลลาร์ แล้วอพยพพาภรรยาและลูกสาวคนโตเดินทางไปหลุยเซียน่า ผ่านมาทางมิสซูรี่ก็แวะเยี่ยมลูกชายและสะใภ้กับหลานสาว เพื่อชวนไปอยู่หลุยเซียน่าด้วยกัน แอลแมนโซปฏิเสธ เขาบุกเบิกที่นาที่นี่ ลงทุนลงแรงไปถึง 4 ปีแล้ว ไม่อยากจะไปเริ่มต้นใหม่ อยู่ที่เมืองแมนสฟิลด์ถึงต้องดิ้นรนทำงานตัวเป็นเกลียว แต่รายได้ตอบแทนก็ดีพอจะมองเห็นอนาคต ดีกว่าไปหาที่ใหม่ลมๆแล้งๆในรัฐใหม่ที่เขาเองก็ไม่รู้จัก อีกอย่างแอลแมนโซก็ไม่อยากพาลอร่าไปอยู่ใกล้ๆพี่สาว เพราะรู้ว่าเธอไม่ชอบอีไลซ่า มาตั้งแต่อีไลซ่ามาเป็นครูอยู่ที่เมืองเดอสเม็ต เหตุการณ์ขัดแย้งกับระหว่างครูกับนักเรียนสาว ลอร่าเล่าเอาไว้ใน เมืองเล็กในทุ่งกว้าง Little Town on the Prairie พ่อแม่มาพักด้วยระยะหนึ่งก่อนเดินทางต่อ แต่ก่อนไป พ่อก็ 'เซอร์ไพร้ส์' ลูกชายด้วยการซื้อบ้านที่เขาเช่าอยู่ที่เมืองแมนฟิลด์ แล้วโอนโฉนดให้ลูกชายเรียบร้อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 30 ม.ค. 14, 12:32
|
|
เมื่อพ่อแม่ของแอลแมนโซไปปักหลักใหม่อยู่ที่หลุยเซียน่า ถ้าเป็นตอนจบของนิยายก็เป็นตอนจบที่น่าเศร้า ลอร่าไม่เคยเขียนถึงตอนนี้เลย เพราะปรากฏว่าการปลูกข้าวในที่นาใหม่ไม่ดีอย่างที่อีไลซ่าคุยเอาไว้ พ่อสูญเงินไปแทบสิ้นเนื้อประดาตัวกับการลงทุน แล้วพ่อเองก็ตรอมใจคิดถึงบ้านเดิมที่ขายไปแล้ว อยู่หลุยเซียน่าได้ไม่กี่เดือนพ่อก็ถึงแก่กรรม ส่วนแม่ของแอลแมนโซอยู่มาอีก 6 ปีก็จากไปอีกคนหนึ่ง
ข้างล่างนี้คือภาพพ่อแม่ของแอลแมนโซ ที่เล่าไว้ในตอน Farmer Boy ส่วนบ้านหลังโอ่อ่านี้คือบ้านนาของพ่อแม่ที่สปริงแวลลีย์ รัฐมินเนโซต้า ที่พ่อจำใจต้องขายตามคำเกลี้ยกล่อมของอีไลซ่า ลอร่ากับแอลแมนโซเคยพาโรสไปอยู่ที่นี่ด้วย ปีกว่าๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 30 ม.ค. 14, 21:46
|
|
ย้อนกลับมาเล่าถึงพ่อแม่ของลอร่าบ้าง ว่าชีวิตในเมืองเดอสเม็ตเป็นอย่างไร หลังจากลอร่าย้ายไปอยู่มิสซูรี่แล้ว
พ่อของลอร่าเมื่อเลิกทำฟาร์มเด็ดขาดเพราะทนความล้มเหลวติดต่อกันหลายปีไม่ไหว ก็กลายมาเป็นชาวเมืองเต็มตัว ทำงานหลายอย่างทั้งเปิดร้านค้า เป็นตุลาการท้องถิ่นและขายประกัน แม่มีความสุขที่ได้มาอยู่ในเมือง ไม่ต้องย้ายถิ่นฐานอีก แมรี่เรียนจบหลักสูตร 7 ปีจากวิทยาลัย กลับมาอยู่บ้านกับพ่อแม่ เธอใช้เวลาว่างอ่านหนังสือเบรล เล่นออร์แกน ทำงานฝีมือ อย่างมีความสุขตามอัตภาพ ส่วนแครี่และเกรซก็เติบโตขึ้นเป็นสาว ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแทนพี่สาวทั้งสอง
แครี่ยึดอาชีพครูต่อจากลอร่า เธอสอบเอาประกาศนียบัตรครูได้ สอนอยู่ชั่วระยะหนึ่งเพื่อเอาเงินเดือนมาจุนเจือทางบ้าน แต่พบว่าเธอไม่ชอบอาชีพนี้ แครี่ก็เลยหางานใหม่ สมัครเข้าทำงานเป็นช่างเรียงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ต่อมาก็ย้ายไปทำงานในหนังสือพิมพ์อีกหลายฉบับในรัฐอื่นๆ ในนิยายชุดบ้านเล็ก ลอร่าเขียนถึงน้องสาวคนนี้ว่าเป็นเด็กบอบบาง ขี้โรค ได้รับผลกระทบกระเทือนจากฤดูหนาวเลวร้ายในรัฐดาโกต้าใต้ในตอน The Long Winter ยิ่งกว่าใครๆ แครี่มีโรคประจำตัวคือไซนัส(โพรงจมูกอักเสบ)และหอบหืด ทำให้เธอทนอากาศหนาวจัดไม่ได้ เมื่อโตขึ้นเป็นสาว แครี่กลายเป็นสาวทำงาน และกล้าเสี่ยง เธอเดินทางไปพำนักอยู่หลายรัฐเพื่อแสวงหาอากาศที่อุ่นกว่า ช่วยฟื้นฟูสุขภาพ แต่ในที่สุดก็กลับบ้านที่เดอสเม็ตอีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 30 ม.ค. 14, 21:47
|
|
แมรี่ ในวัยสาว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 30 ม.ค. 14, 21:50
|
|
ห้องรับแขกในบ้านของพ่อแม่ที่เมืองเดอสเม็ต เห็นภาพพ่อบนผนังห้องไหมคะ สตรีในภาพคือแม่ของลอร่า เมื่อเข้าสู่วัยชรา ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 31 ม.ค. 14, 14:19
|
|
ถึงแม้ว่ามีโรคประจำตัว แครี่ก็เป็นสาวแกร่ง เธอเดินทางตามลำพังไปพำนักอยู่กับญาติที่วิสคอนซิน มินเนโซตา แวะเยี่ยมลอร่าที่แมนสฟิลด์ ไปโคโลราโด และย้ายไปไวโอมิง ไม่มีรายละเอียดว่าแครี่ไปทำงานอะไรบ้างแต่ก็สันนิษฐานว่าเป็นงานหนังสือพิมพ์ที่เธอถนัด เมื่อกลับมาดาโกต้า แครี่จับฉลากได้ที่ดินจับจองแห่งหนึ่งใกล้ๆเมืองท็อปบาร์ ทางเหนือของเมืองฟิลลิป เธอไปปลูกเพิงเล็กๆอยู่ที่นั่นปีละ 6 เดือนตามกฎหมายของรัฐที่กำหนดให้ผู้จับจองต้องอยู่บนผืนดินของตัวเองปีละอย่างน้อย 6 เดือน ส่วนอีก 6 เดือนก็กลับมาอยู่บ้านในเมืองเดอสเม็ต ทำงานในสำนักงานหนังสือพิมพ์มาตลอด งานหนังสือพิมพ์ทำให้แครี่ต้องย้ายเมืองจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง แล้วแต่ว่านายจ้างจะส่งไปที่ไหน ในที่สุดก็ไปลงที่เมืองคีย์สโตนเมื่ออายุ 41 ปี คีย์สโตนเป็นเมืองเหมืองแร่ ที่นี่เธอพบพ่อม่ายเจ้าของเหมืองชื่อเดวิด สวอนซีย์ มีลูกติดสองคนอายุ 8 ขวบ กับ 6 ขวบ ปีต่อมาแครี่ก็แต่งงานกับเขา เธออำลาชีวิตทำงานมารับหน้าที่แม่บ้านเพื่อดูแลเด็กสองคนนั้นเหมือนลูกเธอเอง เพราะแครี่แต่งงานเมื่ออายุมากแล้ว เธอจึงไม่มีบุตรธิดา เธออยู่กับครอบครัวที่เมืองคีย์สโตนจนถึงแก่กรรมเมื่ออายุ 76 ปี แครี่มีอายุยืนยาวพอจะทันเห็นความสำเร็จของพี่สาวในฐานะนักเขียนลือชื่อ เธอตื่นเต้นมากที่ได้อ่าน บ้านเล็กในป่าใหญ่ เมื่อลอร่าเขียนเรื่องตอนต่อๆมา แครี่ก็ช่วยอย่างเต็มที่ ทบทวนเหตุการณ์วัยเยาว์กับพี่สาวเพื่อเพิ่มข้อมูลให้ละเอียดสมจริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 01 ก.พ. 14, 10:50
|
|
เกรซน้องคนสุดท้องเจริญรอยตามพี่สาวทั้งสอง คือเป็นครู เกรซมีโอกาสเล่าเรียนมากกว่าลอร่า อาจจะเป็นเพราะในช่วงที่เธอเติบโตขึ้นมา พ่อและพี่สาวมีรายได้สม่ำเสมอพอจะส่งลูกสาวคนเล็กไปเรียนต่อที่วิทยาลัยเรดฟิลด์ เกรซเรียนหลักสูตรวิชาครูก่อนจะกลับมาสอนในโรงเรียนหลายแห่งในถิ่นเดิม เมื่อเกรซไปสอนที่ร.ร.ห่างจากเดอสเม็ตไปราว 7 ไมล์ เธอพบเจ้าของฟาร์มหนุ่มใหญ่ชื่อเนท ดาว ต่อมาก็แต่งงานกันเมื่อเกรซอายุ 24 และเจ้าบ่าวอายุ 42 ปี ทำพิธีแต่งงานกันอย่างเรียบๆง่ายๆในบ้านของพ่อแม่นั่นเอง จากนั้นเกรซก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านฟาร์มของเนท สามีเธอมีโรคประจำตัวคือหอบหืดและภูมิแพ้หลายชนิดจนทำงานในฟาร์มไม่ได้ ต้องจ้างลูกมือมาทำงานแทน ปัญหาเรื่องโรคประจำตัวของเนททำให้เกรซต้องอุทิศเวลาทั้งหมดดูแลเขา ทั้งคู่หาทางออกหลายอย่างรวมทั้งย้ายจากดาโกต้าไปอยู่คาลิฟอร์เนีย ด้วยหวังว่าอากาศร้อนและแห้งจะทำให้อาการเขาดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ผล ก็เลยต้องกลับมาอยู่ที่เดอสเม็ตตามเดิม ชีวิตของเกรซไม่ค่อยจะมีอะไรให้เล่าถึงนักค่ะ เธอกับสามีไม่มีลูกด้วยกัน เมื่อพ่อตาย เธอเคยคิดจะพาแม่กับแมรี่ไปอยู่ด้วยกันที่ออเรกอน แล้วขายฟาร์มที่อยู่ แต่ก็ล้มเลิกความคิด เมื่อแม่ถึงแก่กรรม เหลือแมรี่อยู่คนเดียวในบ้าน เกรซกับสามีก็ย้ายมาอยู่ในบ้านเพื่อจะดูแลแมรี่ จนแมรี่ถึงแก่กรรมเมื่อไปเยี่ยมและพักอยู่กับแครี่ เกรซอยู่มาจนอายุ 64 ก็ถึงแก่กรรม
เกรซกับสามีเมื่อสมรสกันใหม่ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33424
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 01 ก.พ. 14, 10:51
|
|
เกรซกับสามีเมื่อสูงวัย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|