เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 11
  พิมพ์  
อ่าน: 57314 ชีวิตจริงเบื้องหลังวรรณกรรมชุด "บ้านเล็ก" (ตอนจบ)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 26 ม.ค. 14, 13:15

บ้านไม้ซุงไม่มีหน้าต่างที่แอลแมนโซและลอร่าย้ายเข้าไปอยู่ในตอนแรก   มีลักษณะแบบนี้ค่ะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 27 ม.ค. 14, 10:11

    พื้นที่ในที่ดินใหม่แห่งนี้ มีแนวหินเป็นสันอยู่ด้วย     ลอร่าจึงตั้งชื่อฟาร์มของเธอว่า Rocky Ridge Farm   ในปีแรก ทั้งคู่ต้องหักร้างถางพง ปราบพื้นให้เรียบ ด้วยการตัดต้นไม้เล็กใหญ่ในบริเวณนั้นให้เหลือที่ว่างพอจะปลูกพืชไร่ได้     ลอร่าตั้งใจจะทำสวนแอปเปิ้ลจากกล้าแอปเปิ้ล 400 ต้น    เลี้ยงวัวนม และเป็ดไก่    เธอขนเอาแม่ไก่ใส่กรงห้อยท้ายเกวียนมาด้วยเพื่อจะมีไข่สดกินระหว่างทาง  มันอยู่รอดมาถึงที่หมายโดยปลอดภัย     ต้นไม้ที่โค่นล้มแล้วก็นำมาทำรั้วไม้ซุงรอบบ้าน     
    ลอร่าเป็นผู้หญิงที่ทำงานแข็งเท่าๆกับผู้ชาย   เพราะฝึกมาตั้งแต่เล็ก     แอลแมนโซมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นก็จริง แต่เขาก็ยังเดินเขยกๆอยู่เพราะเท้ายังใช้งานไม่ได้เท่าเดิม    เธอตัดธรรมเนียมอเมริกันที่ว่าผู้หญิงจะต้องทำงานอยู่แต่ในบ้านออกไป  ออกไปช่วยเป็นลูกมือสามีทุกอย่างแม้แต่เลื่อยไม้ โค่นต้นไม้ในป่ารอบบ้าน   เพราะทั้งสองไม่มีเงินพอจะจ้างแรงงานได้   ถ้าลอร่ารับงานนี้เสียเองก็ตัดปัญหาไป     
    แอลแมนโซตัดไม้ เลื่อยไม้มาทำฟืน  ขนใส่เกวียนเอาไปขายในเมืองได้กองละ 75 เซนต์ บวกกับไข่สดที่ลอร่าใส่ขึ้นเกวียนไปด้วย  เงินจำนวนน้อยนิดนี้เมื่อสะสมกันก็พอจะซื้อของชำและน้ำมันก๊าดเติมตะเกียงได้       ตอนนั้นโรสอายุ 8 ขวบ ไปโรงเรียนแล้ว   กลับมาเธอก็ช่วยแม่เก็บไข่ที่แม่ไก่แอบไปไข่ซุกซ่อนตามที่ต่างๆ   ช่วยแม่ปลูกพืชผลสวนครัว  และเก็บลูกฮัคเกิลเบอรี่และแบล็คเบอรี่ป่าไปขายในเมือง แกลลอนละ 10 เซ็นต์
   พ่อแม่ลูกมาตั้งถิ่นฐานใหม่ในฤดูใบไม้ร่วง   ล่วงมาถึงฤดูใบไม้ผลิปีต่อมา  ที่ดินสี่สิบเอเคอร์ก็ถูกหักร้างถางพงไปได้ครึ่งหนึ่ง คือ 20 เอเคอร์    บ้านไร่ในฝันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
บันทึกการเข้า
tita
พาลี
****
ตอบ: 253


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 27 ม.ค. 14, 12:19

ติดตามอยู่ค่ะ

/แอบคุยหน่อย  ดิฉับชอบดูรูปภาพสมัยโบราณ  ดูภาพผู้คน ภาพชีวิตสมัยก่อน  บางทีดูๆ แล้วก็คิดอยู่ว่าขณะที่คนๆ นั้น ถ่ายภาพ  เขาจะรู้บ้างไหมว่าชีวิตข้างหน้าของเขาจะเป็นอย่างไร 

ดิฉันดูรูปของลอร่าแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอดูเหมือนเต็มไปด้วยพลังความมุ่งมั่นมาตั้งแต่เด็กๆ  ดูแววตาของเธอน่ะค่ะ  ดูบึกบึน ไม่ย่อท้อ

หนังสือบ้านเล็กเล่มสุดท้าย These Happy Golden Years  ฉากจบที่คู่สมรสใหม่นั่งเคียงข้างเฝ้ามองดวงจันทร์งดงามในยามค่ำคืนฤดูร้อน  ดูสวยสงบงดงาม  แต่ในความเป็นจริงเส้นทางชีวิตที่ขรุขระยังทอดรออยู่อีกยาวไกล


ถ้าจบเรื่องนี้คุณเทาชมพูนำเที่ยวบ้านเรือนชาวอเมริกันยุคบุกเบิกด้วยนะคะ  ดูรูปบ้านแล้วสงสัยจริงๆ  เพราะจากที่อ่านเหมือนจะหลังเล็กนิดเดียว  บางหลังไม่มีหน้าต่าง  ตั้งเตียงเข้าไปก็เต็ม  ทำครัวก็ทำกันหน้าเตียงเลย  แล้วห้องน้ำล่ะคะ  สรุปเอาเองจากที่ลอร่าบรรยายว่าเช้าๆ จะแค่ล้างหน้าล้างตา  อาบน้ำกันเฉพาะวันอาทิตย์ที่จะไปโบสถ์ใช่ไหมคะ 

ดูแม่จะเข้มงวดเรื่องกิริยามารยาทของลูกสาว  จำได้คลับคล้ายว่าในเล่มฤดูหนาวที่ยาวนาน  ลอร่าจะลงมาทั้งในชุดนอนได้เมื่อพ่อออกจากบ้านไปแล้ว  เวลาทานข้าวจะมาครึกครื้นหัวเราะกันก็ไม่ได้  อันที่จริงแม่ก็ท่าทางไม่ค่อยเห็นด้วยที่ลอร่าต้องออกไปทำงานนอกบ้าน  แต่คงไม่มีทางเลือกอื่นเพราะครอบครัวไม่มีลูกชาย

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 28 ม.ค. 14, 08:49

คำแนะนำของคุณ tita  ทำให้เขียนเป็นกระทู้ได้อีกเรื่องหนึ่งทีเดียวค่ะ    ดิฉันเคยไปดูกระท่อมไม้ซุงของจริงที่เขาแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง     เห็นแล้วกลุ้ม มันอึดอัดเหมือนเข้าไปอยู่ในห้องเก็บของ    ไม่มีอะไรสวยงามอย่างในหนัง

จะเก็บคำถามของคุณ tita เรื่องการดำเนินชีวิตของคนอเมริกันยุคบุกเบิกไว้เป็นเนื้อหาในกระทู้ใหม่ เมื่อกระทู้นี้จบแล้ว  ว่าเขากินอยู่ อาบน้ำเข้าส้วมกันยังไง   
ถ้าดิฉันลืม กรุณาเตือนด้วยนะคะ

เห็นด้วยค่ะ ลอร่าเป็นผู้หญิงตัวเตี้ยนิดเดียว (สูงประมาณ 150ซ.ม.)  แต่ความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจของเธอมีมากกว่าสามี   ดูๆเธอน่าจะเป็นผู้นำแอลแมนโซมากกว่าผู้ตาม อย่างแม่เป็นฝ่ายตามใจพ่อ

**************************
     ชีวิตใหม่ที่แมนสฟิลด์ มิสซูรี่มีผลดีต่อโรสมาก    ในวัย 8 ขวบ เธอเป็นนักเรียนที่เก่งที่สุดในชั้นเรียน เพราะมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาจากการสอนหนังสือของยายและป้าแมรี่    โรสอ่านหนังสือแตกฉาน   สะกดคำศัพท์เก่งจนกระทั่งได้ยืนอยู่หัวแถวในการแข่งขันตัวสะกดทุกวันศุกร์    เธอชอบเข้าห้องสมุดเล็กๆของโรงเรียน  แล้วยืมหนังสือดีๆในนั้นกลับมาอ่านในแสงตะเกียงน้ำมันที่บ้าน
   
     ตอนค่ำเป็นเวลาพร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูก อย่างสุขสงบเหมือนอย่างที่ลอร่าเคยมีเมื่ออยู่พร้อมหน้าพ่อแม่     แอลแมนโซนั่งพักผ่อนจากงานหนักตลอดวัน  โรสทำการบ้าน   ลอร่าทำให้เวลาผ่านไปอย่างเพลิดเพลิน ไม่เงียบเหงา  ด้วยการอ่านหนังสือออกเสียงดังๆให้พ่อและลูกให้ฟังด้วย ล้วนเป็นหนังสือวรรณกรรมดังๆที่ยืมมาจากห้องสมุด    นอกจากนี้ เธอยังอ่านเรื่องนิยายสนุกๆที่ลงพิมพ์เป็นตอนๆในหนังสือพิมพ์ให้ฟังอีกด้วย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 28 ม.ค. 14, 09:39

โรสติดนิยายที่ลงเป็นตอนๆในหนังสือพิมพ์เดอสเม็ตนิวส์แอนด์ลีดเดอร์ ชื่อ The Rockanock Stage   อย่างงอมแงม     เมื่อคุณยายแคโรไลน์อ่านหนังสือพิมพ์ให้ป้าแมรี่ฟังดังๆจบแล้ว  ก็จะส่งหนังสือพิมพ์ทางไปรษณีย์มาให้หลานสาวที่มิสซูรี่อ่านเป็นประจำ     มีอยู่สัปดาห์หนึ่ง  หนังสือพิมพ์เกิดไม่มา จะด้วยอะไรก็ไม่รู้      โรสเขียนถึงคุณยายทันที    ร้อนถึงน้าเกรซต้องออกตระเวนตามบ้านเพื่อนบ้านตลอดถนนสายที่สามเพื่อดูว่าใครยังเก็บหนังสือพิมพ์เก่าฉบับนี้ไว้บ้าง  จนกระทั่งเจอก็ส่งมาให้หลานที่รอคอยอยู่

ภาพข้างล่างคือสำนักงานหนังสือพิมพ์เดอสเม็ตนิวส์ เมื่อรวมเข้ากับหนังสือพิมพ์อีกฉบับหนึ่งในปี 1891   ผู้หญิงแต่งชุดดำซ้ายสุดคือแครี่ น้องสาวของลอร่าที่ทำงานอยู่ที่หนังสือพิมพ์นี้


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 29 ม.ค. 14, 09:49

หลังจากความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าในรัฐดาโกต้าใต้     ชีวิตของลอร่าและแอลแมนโซก็เริ่มลืมตาอ้าปากได้ในมิสซูรี่     ผลจากทำงานตัวเป็นเกลียว  เก็บเล็กผสมน้อยทุกเหรียญทุกเซ็นต์ตลอด 1 ปี พืชผลที่ปลูกก็ส่งผลให้ครอบครัวเล็กๆเริ่มมีเงินพอจะจ่ายค่าที่ดินให้ธนาคารรวมทั้งดอกเบี้ย 8% ด้วย
ปีที่สอง ทั้งสองมีเงินพอจะซื้อที่ดินเพิ่มอีก 6 เอเคอร์ด้วยเงิน 18 ดอลล่าร์   ซื้อแม่วัวและหมูมาเพิ่มในโรงนา   เมื่อมีนมวัว ลอร่าก็ปั่นเนยเอาไปขายในเมืองปอนด์ละ 10 เซ็นต์  สวนครัวที่ลอร่าปลูกไว้ข้างบ้านเริ่มงาม มีผักสดให้เอาไปขายในเมืองสำหรับชาวเมืองที่ต้องการผักสดมากเพราะในเมืองไม่มีที่ปลูกของตัวเอง
ลอร่ามองเห็นอีกอย่างว่า ที่ดินตรงนี้เหมาะจะปลูกผลไม้   กล้าแอปเปิ้ลบัดนี้เติบโตเป็นต้นแอปเปิ้ลให้ลูกมากพอจะเอาไปขายได้แล้ว  เธอก็เลยปลูกสตรอเบอรี่และราสเบอรี่เพิ่มขึ้นด้วย     ส่วนที่ดินที่หักร้างถางพงบัดนี้ก็กลายเป็นไร่โอ๊ต ข้าวโพดและข้าวสาลีที่เจริญเติบโตให้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย   จนแอลแมนโซออกปากเมื่อมองเห็นไร่นาเขียวสดล้อมรอบเขาอยู่ว่า ไม่อยากเชื่อว่าที่แห่งนี้เป็นที่เดียวกับพื้นดินรกเป็นป่า มีแต่หินขรุขระอย่างที่เคยเห็นเมื่อมาถึงที่นี่ครั้งแรก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 29 ม.ค. 14, 16:13

  ในปีที่สอง  แอลแมนโซสร้างบ้านใหม่ขึ้น มีห้องหับเพิ่ม ใส่หน้าต่างกระจกให้บ้านสว่างน่าอยู่ รวมทั้งก่อเตาผิงใหม่จากหินที่อยู่ในที่ดินนั่นเอง    ส่วนกระท่อมไม้ซุงเก่าเก็บเอาไว้เป็นโรงนาสำหรับวัวและไก่ที่เลี้ยงไว้     แต่ถึงกระนั้นรายได้จากฟาร์มก็ยังน้อยอยู่ดีกว่าจะเห็นผลเป็นกอบเป็นกำ
   แอลแมนโซจตัดสินใจไปเช่าบ้านเดือนละ 5 ดอลล่าร์ในเมือง    เพราะที่นั่นมีหนทางหาเงินได้มากกว่าอยู่ในฟาร์ม   เขาทำงานเป็นคนขนส่งสินค้าจากสถานีรถไฟ   และเปิดบ้านเป็นร้านอาหารเล็กๆ มีลอร่าเป็นแม่ครัว  โรสก็ได้เข้าเรียนในเมืองจนอายุ 11  เมืองแมนสฟิลด์ไม่มีโรงเรียนชั้นมัธยม   ถ้าโรสเรียนจบจากร.ร.นี้แล้ว  เธอก็รู้ว่าพ่อแม่ไม่มีเงินพอจะส่งลูกไปเรียนสูงกว่านี้ได้    แต่เธอก็ไม่ย่อท้อต่อการเรียน    โรสอ่านหนังสือเก่งมาก  เพื่อนบ้านคนหนึ่งมีตู้หนังสือล้วนแต่หนังสือดีๆ  โรสก็ขอยืมมาอ่านจนหมดทั้งตู้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 30 ม.ค. 14, 12:21

 หลังจากมาอยู่ที่แมนสฟิลด์ได้ 4 ปี   พ่อแม่ของแอลแมนโซก็เดินทางมาเยี่ยมเป็นครั้งแรก    เราคงจำได้ว่าลอร่าและแอลแมนโซเคยไปอยู่มินเนโซต้ากับพ่อแม่ของเขามาครั้งหนึ่งแล้ว   ก่อนอพยพไปฟลอริดาและกลับไปดาโกต้าใต้      ตอนนี้พ่อแม่เป็นฝ่ายอพยพบ้าง  พร้อมกับลอร่าลูกสาวคนโต
สาเหตุที่อพยพทั้งๆพ่อของแอลแมนโซอายุปาเข้าไป 85 ปีแล้ว  เกิดจากลูกชายคนเล็กที่เป็นน้องชายของแอลแมนโซ ชื่อพาร์ลีย์ และพี่สาวชื่ออีไลซ่า ซึ่งตั้งหลักแหล่งอยู่ที่รัฐหลุยเซียน่าคะยั้นคะยอให้พ่อขายฟาร์มที่เดิม แล้วมาสร้างฟาร์มใหม่อยู่ใกล้ๆเธอ    ตอนนั้นเธอแต่งงานแล้วกับเจ้าของไร่ผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง     
อีไลซ่าอยากให้พ่อแม่พี่น้องทุกคนย้ายมาอยู่รวมกันที่หลุยเซียน่าทั้งหมด    แต่รอยัลพี่ชายของแอลแมนโซซึ่งไปเอาดีทางค้าขายไม่อยากจะเปลี่ยนถิ่นฐานจากมินเนโซต้า     ส่วนพ่อเสียแรงรบเร้าจากลูกสาวไม่ได้ ก็เลยขายฟาร์มเดิมได้เงินมาหลายพันดอลลาร์ แล้วอพยพพาภรรยาและลูกสาวคนโตเดินทางไปหลุยเซียน่า   ผ่านมาทางมิสซูรี่ก็แวะเยี่ยมลูกชายและสะใภ้กับหลานสาว เพื่อชวนไปอยู่หลุยเซียน่าด้วยกัน
แอลแมนโซปฏิเสธ  เขาบุกเบิกที่นาที่นี่ ลงทุนลงแรงไปถึง 4 ปีแล้ว ไม่อยากจะไปเริ่มต้นใหม่     อยู่ที่เมืองแมนสฟิลด์ถึงต้องดิ้นรนทำงานตัวเป็นเกลียว แต่รายได้ตอบแทนก็ดีพอจะมองเห็นอนาคต       ดีกว่าไปหาที่ใหม่ลมๆแล้งๆในรัฐใหม่ที่เขาเองก็ไม่รู้จัก  อีกอย่างแอลแมนโซก็ไม่อยากพาลอร่าไปอยู่ใกล้ๆพี่สาว  เพราะรู้ว่าเธอไม่ชอบอีไลซ่า มาตั้งแต่อีไลซ่ามาเป็นครูอยู่ที่เมืองเดอสเม็ต
เหตุการณ์ขัดแย้งกับระหว่างครูกับนักเรียนสาว ลอร่าเล่าเอาไว้ใน เมืองเล็กในทุ่งกว้าง Little Town on the Prairie
พ่อแม่มาพักด้วยระยะหนึ่งก่อนเดินทางต่อ    แต่ก่อนไป พ่อก็ 'เซอร์ไพร้ส์' ลูกชายด้วยการซื้อบ้านที่เขาเช่าอยู่ที่เมืองแมนฟิลด์ แล้วโอนโฉนดให้ลูกชายเรียบร้อย 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 30 ม.ค. 14, 12:32

  เมื่อพ่อแม่ของแอลแมนโซไปปักหลักใหม่อยู่ที่หลุยเซียน่า ถ้าเป็นตอนจบของนิยายก็เป็นตอนจบที่น่าเศร้า   ลอร่าไม่เคยเขียนถึงตอนนี้เลย   เพราะปรากฏว่าการปลูกข้าวในที่นาใหม่ไม่ดีอย่างที่อีไลซ่าคุยเอาไว้    พ่อสูญเงินไปแทบสิ้นเนื้อประดาตัวกับการลงทุน  แล้วพ่อเองก็ตรอมใจคิดถึงบ้านเดิมที่ขายไปแล้ว    อยู่หลุยเซียน่าได้ไม่กี่เดือนพ่อก็ถึงแก่กรรม  ส่วนแม่ของแอลแมนโซอยู่มาอีก 6 ปีก็จากไปอีกคนหนึ่ง

   ข้างล่างนี้คือภาพพ่อแม่ของแอลแมนโซ ที่เล่าไว้ในตอน Farmer Boy   ส่วนบ้านหลังโอ่อ่านี้คือบ้านนาของพ่อแม่ที่สปริงแวลลีย์ รัฐมินเนโซต้า    ที่พ่อจำใจต้องขายตามคำเกลี้ยกล่อมของอีไลซ่า
  ลอร่ากับแอลแมนโซเคยพาโรสไปอยู่ที่นี่ด้วย ปีกว่าๆ



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 30 ม.ค. 14, 21:46

ย้อนกลับมาเล่าถึงพ่อแม่ของลอร่าบ้าง  ว่าชีวิตในเมืองเดอสเม็ตเป็นอย่างไร หลังจากลอร่าย้ายไปอยู่มิสซูรี่แล้ว

พ่อของลอร่าเมื่อเลิกทำฟาร์มเด็ดขาดเพราะทนความล้มเหลวติดต่อกันหลายปีไม่ไหว  ก็กลายมาเป็นชาวเมืองเต็มตัว    ทำงานหลายอย่างทั้งเปิดร้านค้า เป็นตุลาการท้องถิ่นและขายประกัน      แม่มีความสุขที่ได้มาอยู่ในเมือง ไม่ต้องย้ายถิ่นฐานอีก    แมรี่เรียนจบหลักสูตร 7 ปีจากวิทยาลัย กลับมาอยู่บ้านกับพ่อแม่    เธอใช้เวลาว่างอ่านหนังสือเบรล เล่นออร์แกน ทำงานฝีมือ อย่างมีความสุขตามอัตภาพ    ส่วนแครี่และเกรซก็เติบโตขึ้นเป็นสาว ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อแทนพี่สาวทั้งสอง

แครี่ยึดอาชีพครูต่อจากลอร่า  เธอสอบเอาประกาศนียบัตรครูได้  สอนอยู่ชั่วระยะหนึ่งเพื่อเอาเงินเดือนมาจุนเจือทางบ้าน    แต่พบว่าเธอไม่ชอบอาชีพนี้  แครี่ก็เลยหางานใหม่ สมัครเข้าทำงานเป็นช่างเรียงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น   ต่อมาก็ย้ายไปทำงานในหนังสือพิมพ์อีกหลายฉบับในรัฐอื่นๆ
ในนิยายชุดบ้านเล็ก  ลอร่าเขียนถึงน้องสาวคนนี้ว่าเป็นเด็กบอบบาง ขี้โรค ได้รับผลกระทบกระเทือนจากฤดูหนาวเลวร้ายในรัฐดาโกต้าใต้ในตอน The Long Winter ยิ่งกว่าใครๆ    แครี่มีโรคประจำตัวคือไซนัส(โพรงจมูกอักเสบ)และหอบหืด ทำให้เธอทนอากาศหนาวจัดไม่ได้    เมื่อโตขึ้นเป็นสาว แครี่กลายเป็นสาวทำงาน   และกล้าเสี่ยง   เธอเดินทางไปพำนักอยู่หลายรัฐเพื่อแสวงหาอากาศที่อุ่นกว่า ช่วยฟื้นฟูสุขภาพ   แต่ในที่สุดก็กลับบ้านที่เดอสเม็ตอีก


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 30 ม.ค. 14, 21:47

แมรี่ ในวัยสาว


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 30 ม.ค. 14, 21:50

ห้องรับแขกในบ้านของพ่อแม่ที่เมืองเดอสเม็ต   
เห็นภาพพ่อบนผนังห้องไหมคะ
สตรีในภาพคือแม่ของลอร่า เมื่อเข้าสู่วัยชรา ค่ะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 31 ม.ค. 14, 14:19

  ถึงแม้ว่ามีโรคประจำตัว แครี่ก็เป็นสาวแกร่ง  เธอเดินทางตามลำพังไปพำนักอยู่กับญาติที่วิสคอนซิน  มินเนโซตา  แวะเยี่ยมลอร่าที่แมนสฟิลด์  ไปโคโลราโด และย้ายไปไวโอมิง   ไม่มีรายละเอียดว่าแครี่ไปทำงานอะไรบ้างแต่ก็สันนิษฐานว่าเป็นงานหนังสือพิมพ์ที่เธอถนัด
  เมื่อกลับมาดาโกต้า  แครี่จับฉลากได้ที่ดินจับจองแห่งหนึ่งใกล้ๆเมืองท็อปบาร์ ทางเหนือของเมืองฟิลลิป    เธอไปปลูกเพิงเล็กๆอยู่ที่นั่นปีละ 6 เดือนตามกฎหมายของรัฐที่กำหนดให้ผู้จับจองต้องอยู่บนผืนดินของตัวเองปีละอย่างน้อย 6 เดือน  ส่วนอีก 6 เดือนก็กลับมาอยู่บ้านในเมืองเดอสเม็ต  ทำงานในสำนักงานหนังสือพิมพ์มาตลอด
   งานหนังสือพิมพ์ทำให้แครี่ต้องย้ายเมืองจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง  แล้วแต่ว่านายจ้างจะส่งไปที่ไหน  ในที่สุดก็ไปลงที่เมืองคีย์สโตนเมื่ออายุ 41 ปี  คีย์สโตนเป็นเมืองเหมืองแร่   ที่นี่เธอพบพ่อม่ายเจ้าของเหมืองชื่อเดวิด สวอนซีย์  มีลูกติดสองคนอายุ 8 ขวบ กับ 6 ขวบ  ปีต่อมาแครี่ก็แต่งงานกับเขา    เธออำลาชีวิตทำงานมารับหน้าที่แม่บ้านเพื่อดูแลเด็กสองคนนั้นเหมือนลูกเธอเอง    เพราะแครี่แต่งงานเมื่ออายุมากแล้ว เธอจึงไม่มีบุตรธิดา  เธออยู่กับครอบครัวที่เมืองคีย์สโตนจนถึงแก่กรรมเมื่ออายุ 76 ปี
   แครี่มีอายุยืนยาวพอจะทันเห็นความสำเร็จของพี่สาวในฐานะนักเขียนลือชื่อ    เธอตื่นเต้นมากที่ได้อ่าน บ้านเล็กในป่าใหญ่  เมื่อลอร่าเขียนเรื่องตอนต่อๆมา  แครี่ก็ช่วยอย่างเต็มที่  ทบทวนเหตุการณ์วัยเยาว์กับพี่สาวเพื่อเพิ่มข้อมูลให้ละเอียดสมจริง   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 01 ก.พ. 14, 10:50

  เกรซน้องคนสุดท้องเจริญรอยตามพี่สาวทั้งสอง คือเป็นครู     เกรซมีโอกาสเล่าเรียนมากกว่าลอร่า อาจจะเป็นเพราะในช่วงที่เธอเติบโตขึ้นมา พ่อและพี่สาวมีรายได้สม่ำเสมอพอจะส่งลูกสาวคนเล็กไปเรียนต่อที่วิทยาลัยเรดฟิลด์  เกรซเรียนหลักสูตรวิชาครูก่อนจะกลับมาสอนในโรงเรียนหลายแห่งในถิ่นเดิม
   เมื่อเกรซไปสอนที่ร.ร.ห่างจากเดอสเม็ตไปราว 7 ไมล์ เธอพบเจ้าของฟาร์มหนุ่มใหญ่ชื่อเนท  ดาว  ต่อมาก็แต่งงานกันเมื่อเกรซอายุ 24  และเจ้าบ่าวอายุ 42 ปี   ทำพิธีแต่งงานกันอย่างเรียบๆง่ายๆในบ้านของพ่อแม่นั่นเอง    จากนั้นเกรซก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านฟาร์มของเนท     สามีเธอมีโรคประจำตัวคือหอบหืดและภูมิแพ้หลายชนิดจนทำงานในฟาร์มไม่ได้    ต้องจ้างลูกมือมาทำงานแทน   
   ปัญหาเรื่องโรคประจำตัวของเนททำให้เกรซต้องอุทิศเวลาทั้งหมดดูแลเขา    ทั้งคู่หาทางออกหลายอย่างรวมทั้งย้ายจากดาโกต้าไปอยู่คาลิฟอร์เนีย  ด้วยหวังว่าอากาศร้อนและแห้งจะทำให้อาการเขาดีขึ้น    แต่ก็ไม่ได้ผล  ก็เลยต้องกลับมาอยู่ที่เดอสเม็ตตามเดิม   
   ชีวิตของเกรซไม่ค่อยจะมีอะไรให้เล่าถึงนักค่ะ     เธอกับสามีไม่มีลูกด้วยกัน     เมื่อพ่อตาย เธอเคยคิดจะพาแม่กับแมรี่ไปอยู่ด้วยกันที่ออเรกอน แล้วขายฟาร์มที่อยู่  แต่ก็ล้มเลิกความคิด
  เมื่อแม่ถึงแก่กรรม  เหลือแมรี่อยู่คนเดียวในบ้าน  เกรซกับสามีก็ย้ายมาอยู่ในบ้านเพื่อจะดูแลแมรี่     จนแมรี่ถึงแก่กรรมเมื่อไปเยี่ยมและพักอยู่กับแครี่    เกรซอยู่มาจนอายุ 64  ก็ถึงแก่กรรม   

เกรซกับสามีเมื่อสมรสกันใหม่ๆ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 01 ก.พ. 14, 10:51

เกรซกับสามีเมื่อสูงวัย


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 11
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.073 วินาที กับ 19 คำสั่ง