เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11
  พิมพ์  
อ่าน: 57183 ชีวิตจริงเบื้องหลังวรรณกรรมชุด "บ้านเล็ก" (ตอนจบ)
kulapha
มัจฉานุ
**
ตอบ: 96


ความคิดเห็นที่ 135  เมื่อ 17 มี.ค. 14, 20:42

พวกเราผู้ห่างไกลจากวงจรของ Wall Street
ไม่เคยสนใจตลาดหุ้น ไม่เคยแม้แต่คิดจะซื้อจะขายด้วยซ้ำ
เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นขณะนั้น

มันเหมือนเมืองทั้งเมืองถูกถล่มด้วยระเบิดลูกแล้วลูกเล่า
เพียงชั่วข้ามคืน โศกนาฎกรรมปรากฏทั่วทุกครัวเรือน
จากหายนะหนึ่งไปสู่อีกหายนะหนึ่ง
เหมือนเกมส์โดมิโนที่ล้มกลิ้งไปสู่ถนนอเวจี
 
คนที่จ้างให้พ่อทำงานปูพื้น สูญเสียเงินทั้งหมด ไม่สามารถจ่ายเงินพ่อได้
พ่อเองก็ติดหนี้ร้านค้าวัสดุก่อสร้างท่วมท้น
อีกทั้งติดหนี้เงินกู้จากแบ็งก์ก้อนใหญ่ซึ่งตามทวงไม่ลดละ
พูดอีกนัยหนึ่ง พ่อล้มละลาย และน่าเสียดาย ไม่ได้ฟื้นกลับมาอีกเลย

สะพานจอร์ช วอชิงตัน ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ
ปกติจะเป็นสถานที่เดินเล่นชมวิวของชาวมหานครที่อยากจะหลีกลี้ใต้เงาตึกสูงใหญ่
แต่ ณ วินาทีคือสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์สำหรับจบชีวิตของบรรดาผู้คนที่เกี่ยวข้องกับ Wall Street
พวกคนที่เล่นหุ้นด้วย Margin และไม่สามารถจ่ายหนี้คืนได้

Margin คืออะไรนะ เป็นศัพท์ใหม่ที่เราเพิ่งเคยได้ยินในตอนนั้น
ใครๆก็พูดกันหนาหูมาก เขาคนนั้น คุณคนนี้ตายเพราะมาร์จิ้น
มันร้ายแรงเหมือนโรคระบาดชนิดหนึ่งหรือเปล่านะ

หลายคนที่ไม่อาจอยู่สู้หน้าใครได้อีก
ก็เลือกหนทางสุดท้ายคือ ฆ่าตัวตาย
ด้วยหวังว่าอย่างน้อยก็พอมีเงินประกันสักก้อนหนึ่ง
จ่ายให้ภรรยาและลูกๆที่อยู่ข้างหลังได้
ไม่น่าเชื่อ การจบชีวิตเยี่ยงนี้
กลายเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง สมเกียรติ
ในสังคมและอารมณ์ของผู้คน ณ ห้วงเวลานั้น

นักธุรกิจผู้เคยมีหน้ามีตาในสังคม
เดินแบกตะกร้าขายผลแอปเปิ้ลสีแดงก่ำตามท้องถนนลูกล่ะ 5 เซนต์
ช่างเป็นเรื่องหดหู่เสียจริงๆ

และที่หดหู่ยิ่งกว่าก็คือ
แม้แต่เงิน 5 เซ็นต์ เราก็ยังไม่มีเลย ร้องไห้
บันทึกการเข้า
kulapha
มัจฉานุ
**
ตอบ: 96


ความคิดเห็นที่ 136  เมื่อ 17 มี.ค. 14, 20:45

ฉันมีกระปุกออมสินอยู่ใบหนึ่ง สะสมเศษเหรียญมากกว่า 5 ปี
ใส่ทั้งเหรียญนิคเกิ้ล เพ็นนีและไดม์ปะปน
ทุกครั้งที่หยอดกระปุกเสร็จ ฉันมักจะเขย่าๆ
เพื่อฟังเสียงเหรียญกระทบกันหนักแน่น
ฟังซิ เสียงแห่งความมั่งคั่งในอนาคต
ฉันไม่รู้หรอกว่า จำนวนเหรียญเล็กเหรียญน้อยที่อยู่ในกระปุกนั้นมีเท่าไหร่
หากอยากรู้ก็ต้องแคะให้เหรียญตกลงมาทีละเหรียญๆ
หรือไม่ก็ทุบกระปุกออก

วันหนึ่งฉันกลับมาถึงบ้าน
ตรงไปหยิบกระปุกขึ้นมาเขย่า ปรากฏว่าเบาโหวง
เกิดอะไรขึ้นกับกระปุกออมเงินของฉัน
เหรียญทั้งหมดถูกแคะไปเกลี้ยง

ขณะที่ฉันนั่งตะลึงแล้วร้องไห้
แม่เดินมาที่ประตู บอกว่า พ่อขอยืมเงินในกระปุกไปทั้งหมด
เพื่อใช้เป็นค่าเดินทางออกไปหางานทำในเมือง
ฉันถามว่า เงินทั้งหมดมีเท่าไหร่ แม่ตอบว่า สิบดอลล่าร์
โอ้โฮ พ่อเอาเงินจากกระปุกออมสินของฉันไปหมดตั้ง 10 ดอลล่าร์เลยเชียวหรือ
“ เมื่อพ่อกลับมา อย่าพูดอะไรทั้งสิ้น แค่นี้พ่อก็เสียใจมากพอแล้ว” แม่กำชับ

พ่อกลับถึงบ้าน รอยหมองคล้ำเต็มดวงหน้า ตาแห้งอิดโรย ปากสั่นซีดเซียว
พ่อสัญญาจะคืนเงินที่เอาจากกระปุกให้ฉันทั้งหมด
แต่จนแล้ว จนเล่า พ่อก็ไม่ได้คืน

เป็นช่วงวันคืนที่เลวร้ายที่สุดของครอบครัวเรา
เป็นช่วงวิกฤตแห่งชีวิตของคนผู้เป็นพ่อ
ที่ไม่สามารถนำแสงสว่าง ความอบอุ่น
ไม่สามารถนำครอบครัวฝ่าความหิวโหยออกไปได้

พ่อทำผิดอะไรหรือถึงต้องมาประสบชะตากรรมแบบนี้

บันทึกการเข้า
kulapha
มัจฉานุ
**
ตอบ: 96


ความคิดเห็นที่ 137  เมื่อ 17 มี.ค. 14, 20:46

ไม่มีใครอยู่นิ่งเฉย พ่อออกเดินไปหางานทำทุกวัน
แม่ก็เช่นกัน ฉันเองก็หางานพิเศษทำ
รับเล่นเปียโนที่โรงเรียนสอนเต้นรำด้วยค่าจ้าง ชั่วโมงล่ะ 50 เซนต์
เศษตังค์ที่เหลือติดก้นกระเป๋าเพียงพอที่เราจะไปตลาดตอนวาย
ซื้อมันฝรั่งแคะแกร็นหรือแคร็อทที่เริ่มนิ่มเอามาต้มกินเป็นมื้ออาหาร
ซื้อข้าวบาร์เลย์มาต้มเป็นน้ำซุปอิ่มได้ 3-4 มื้อ
พอประทังความอดอยากให้ผ่านพ้นไปทีละวัน

วันหนึ่งฉันกลับจากโรงเรียน
เห็นเฟอร์นิเจอร์รูปลักษณ์คุ้นตาวางเรียงรายข้างทางเดิน
จึงรู้ว่า เราถูกไล่ออกจากอพาร์ทเม้นท์
ไม่มีแล้วบ้านที่คุ้มหัวอีกต่อไป
สายตาที่ปวดร้าวของพ่อ แม่ ขณะดูพวกเขายกเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นออกมา
ทำให้ฉันไม่กล้าแม้แต่จะสบตาท่าน

เราย้ายมาอยู่ร่วมกับอีกครอบครัวหนึ่งซึ่งมีอพาร์ทเม้นท์อยู่ 2 ห้อง
พวกเขาอยู่ห้องเดิม พวกเราอยู่รวมกันในห้องนั่งเล่น พร้อมเฟอร์นิเจอร์เครื่องเรือนเก่า
ซึ่งหลายชิ้นถูกขโมย สูญหายระหว่างการเคลื่อนย้าย
หากชิ้นหนึ่งที่ยังความสว่างสดใสแก่ห้องเล็กๆก็คือ พรมเชอรี่สีแดงผืนนั้น

ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พ่อ ถึงเงินในกระปุกไม่อยู่แล้ว
แต่เรายังอยู่
อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันครบทั้ง 3 คน  ร้องไห้

ก็หวังว่า คลาร่าได้มีโอกาส อ่านหนังสือชุดบ้านเล็ก ของลอร่า
แล้วฮึดสู้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งนะคะ  ยิ้มเท่ห์
 
บันทึกการเข้า
tita
พาลี
****
ตอบ: 253


ความคิดเห็นที่ 138  เมื่อ 17 มี.ค. 14, 20:57

So sad.

สมัยเรียนประวัติศาสตร์  พอถึงการเกิด Great Depression  เราก็จะไม่เข้าใจว่า  เหตุการณ์นี้มันร้ายแรงอย่างไร  ทำไมหุ้นตกคนถึงต้องฆ่าตัวตาย  ทำไมเศรษฐกิจจึงเซซวนล้มพังพาบทั้งระบบ  ทั้งประเทศ  และทั้งโลก

จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๔๐ นั่นแหละค่ะ  จึงเข้าใจถึงความรุนแรงนั้น

ขอบคุณทั้ง อจ. เทาชมพู และคุณ kulapha นะคะ  สำหรับกระทู้ที่เปี่ยมไปด้วยข้อมูลนี้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 139  เมื่อ 18 มี.ค. 14, 12:29

ขอบคุณค่ะคุณ tita   
ทุกท่านที่แวะเข้ามาส่งเสียงทักทาย ทำให้ดิฉันไม่เซ็งที่คุยอยู่คนเดียวค่ะ

ขอต่อนิดหนึ่ง เมื่อได้อ่านข้อเขียนของ Clara Hancox

คุณ Kulapha    ได้ข้อสังเกตอย่างหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบระหว่างลอร่ากับคลาร่าไหมคะ
ทั้งสองเขียนถึงความลำบากยากแค้นของครอบครัว ที่ประสบภัยจากเศรษฐกิจเหมือนกัน      แตกต่างกันแต่ว่า หนูน้อยคลาร่าเขียนถึงความลำบากยากแค้นด้วยน้ำเสียงขมขื่นเป็นทุกข์   
ส่วนลอร่าเขียนถึงความลำบากยากแค้นด้วยน้ำเสียงเป็นสุข   แม้แต่ในบางตอนที่ประสบภัยพิบัติเกินกว่าจะสุขได้ น้ำเสียงที่เล่าเรื่องก็ไม่ขมขื่นเจ็บปวดจนบีบคั้นอารมณ์คนอ่าน

นี่คือความแตกต่างระหว่างนักเขียนที่ประสบผลสำเร็จกับนักเขียนทั่วไปค่ะ     นักเขียนที่ประสบความสำเร็จมองเห็นอะไรบางอย่างที่คนทั่วไปไม่เห็น  แล้วสามารถเสนอออกมาได้ตามนั้น
พ่อของลอร่าเจอหนักกว่าเศรษฐกิจตกต่ำ    หลายต่อหลายครั้ง เขาล้มเหลว  ในแคนซัส เขาต้องทิ้งบ้าน เงินและแรงงานที่ลงไปมากมายในทุ่งกว้าง เดินทางออกจากแคนซัสด้วยเกวียนและข้าวของเท่าเดิมที่เดินทางเข้าไป    ในมินเนโซต้า เขาสูญหมดทั้งพืชผลและบ้านช่องทั้งๆปักหลักอยู่หลายปี    ในดาโกต้าใต้ เขาสูญที่ดินที่จับจองเพราะเพาะปลูกไม่ได้ผลติดๆกันหลายปี  ลอร่าเป็นพยานรู้เห็นเรื่องทั้งหมด   พ่อของเธอไม่เคยหยิบยื่นความสมบูรณ์พูนสุขให้ครอบครัวได้เลย
แต่เธอก็ทำให้คนอ่านมองเห็นได้ว่าชีวิตของเธอพร้อมหน้าพ่อแม่พี่น้องเป็นชีวิตที่เป็นสุข    ความสุขนั้นไม่ได้เกิดจากเงินทองหรือความสำเร็จ แต่เกิดจากเสียงซอของพ่อ รอยยิ้มของแม่   น้ำเสียงอ่อนหวานที่คนในครอบครัวพูดกัน  ความห่วงใยผูกพันระหว่างพี่น้องทุกคน   ไม่ว่าจะเป็นพี่สาวตาบอด น้องคนรองที่ขี้โรคบอบบางอย่างแครี่ และน้องเล็กจอมยุ่งอย่างเกรซ   
 
ที่สำคัญคือลอร่ารู้สึกเป็นสุขจริงๆ เธอจึงถ่ายทอดออกมาได้เสมอต้นเสมอปลาย     ถ้าหากว่าใจจริงลอร่ารู้สึกขมขื่นบีบคั้นไม่แพ้คลาร่า แต่แสร้งทำเป็นเขียนในมุมดีเพื่อให้สนุกถูกใจคนอ่าน   มันก็คงมีอะไรหลอกๆ (fake) แทรกให้แปร่งปร่าอยู่ในตอนใดตอนหนึ่งหรือหลายตอนใน 8 เล่มให้คนอ่านจับได้อยู่ดีละค่ะ   เรื่องนี้ก็คงไม่ประสบผลสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่ 
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 140  เมื่อ 18 มี.ค. 14, 14:44

เข้ามาส่งเสียงครับว่าหลังอยู่หลังห้องทุกวัน เพียงแต่ไม่ได้ส่งเสียงเพราะกำลังเคลิ้มกับเรื่องราวและไม่มีความเห็น เมื่อคุณครูไม่ได้เรียกตอบ เลยเลือกเงียบไว้ก่อนตามประสานักเรียนไทยชั้นดี  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 141  เมื่อ 18 มี.ค. 14, 15:22

อนุญาตให้หยิบกินแก้ง่วงได้ค่ะ

กระทู้คงจบแค่นี้  ถ้าท่านใดอยากจะสนทนาต่อก็เชิญออกความเห็นตามอัธยาศัย
กระทู้ใหม่ยังนึกไม่ออกว่าจะเล่าเรื่องอะไรดี   ต้องไปค้นกรุก่อนนะคะ


บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 142  เมื่อ 18 มี.ค. 14, 19:24

คุณครูคับ กระทู้ต่อไปอยากทราบเรื่องศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ครับ ชื่อนี้เห็นตามพิพิธภัณฑ์และหนังสือตำราน่าง่วงบ่อยๆ หลายเล่ม  ผลงานการอ่านหรือแปลจารึกต่างๆ ที่ถูกอ้างถึงของแกเยอะมาก แต่ด้านชีวิตส่วนแก เช่นเป็นสายลับหรือไม่ มีครอบครัวไหมหาไม่ได้เลย  ที่พอหาได้ก็แค่ประวัติสั้นๆ และประวัติการทำงานอย่างย่อเท่านั้น เมื่อเทียบกับชื่อที่เห็นบ่อยแต่เรื่องราวส่วนตัวกลับไม่เป็นที่รู้จักเล่าขานมากนัก ท่านผู้นี้มีคุณูปการแค่ไหน สมควรควรจะถูกยกย่องจดจำหรือไม่ผมไม่ทราบเลย ทราบแต่ว่าชื่อคุ้นมากและเจอบ่อยมาก


ถ้าท่านอาจารย์พอจะรู้จักเล่าสู่กันฟังได้บ้างจะเป็นพระคุณยิ่งครับ ชั้นเรียนที่นี่ นักเรียนสั่งการบ้านให้คุณครูเรียบร้อยเลย  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 143  เมื่อ 18 มี.ค. 14, 19:40

 ลังเล


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 144  เมื่อ 19 มี.ค. 14, 12:31

ในเมื่อคุณชายรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์ กำลังทำปริญญาเอกใบที่ห้าอยู่   เพราะฉะนั้นการบ้านเล็กๆแค่นี้    ขอสั่งกลับให้เอาไปทำเองแล้วกันค่ะ

http://en.wikipedia.org/wiki/Georges_Coed%C3%A8s
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 145  เมื่อ 19 มี.ค. 14, 14:45

ฮิฮิ  อ่านแล้วครับอันนั้น ทั้งตัวภาษาไทยภาษาอังกฤษ แถมมีแบบประวัติสั้นๆ เป็น pdf ไฟล์ด้วย แต่รู้สึกไม่รู้จักพอ  เหมือนเคยอ่านที่ไหนนานมาแล้วว่ามีการสงสัยว่าแกเป็นสายลับด้วย  ไม่เป็นไร ไว้กลับไทยจะลองไปค้นคว้าดู เผื่อได้ตั้งกระทู้ใหม่ รออีกซักปีสองปีนะคร้าบบบ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 146  เมื่อ 19 มี.ค. 14, 15:02

ไม่เป็นไร ไว้กลับไทยจะลองไปค้นคว้าดู เผื่อได้ตั้งกระทู้ใหม่ รออีกซักปีสองปีนะคร้าบบบ

จะคอยขวัญใจ



จะคอย จะคอย จะคอย จะคอย ขวัญใจ   จะช้าอย่างใด จะนานเท่าไร ไม่หวั่น

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 147  เมื่อ 19 มี.ค. 14, 15:21

ใครจะเข้าคิวรอ   เชิญมาลงชื่อค่ะ


บันทึกการเข้า
kulapha
มัจฉานุ
**
ตอบ: 96


ความคิดเห็นที่ 148  เมื่อ 19 มี.ค. 14, 20:50

น้อมรับข้อสังเกตของอาจารย์เทาชมพูค่ะ  ช่วยชี้แสงสว่างให้อีกแล้วค่ะ

คลารา เป็นเด็กที่ ขาดในสิ่งที่(เคย)มี
ก็เลยเปรียบเทียบช่วงชีวิตที่สุขสบายกับช่วงชีวิตที่ขัดสน
แสดงความคับแค้นใจแบบเด็กๆ

ส่วนลอรา เป็นเด็กที่มีในสิ่งที่ขาด และก็พอใจในสิ่งที่ได้มา
รื่นรมย์กับสิ่งที่ได้รับไม่ว่าเป็นของขวัญคริสตมาสมือสอง
หรือของกระจุกกระจิกที่ผ่านการ Recycle แล้ว
หนังสือพิมพ์ที่ล้าสมัยแล้ว ก็ยังนับเป็นเรื่องทันสมัยสำหรับชีวิตบ้านนอก
หากถึงแม้จะไม่ได้รับเลย ลอร่าก็ไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ

อันนี้คงเปรียบเหมือนกับการเลี้ยงเด็กนะคะ

การค่อยๆเติมในสิ่งที่เขาไม่มี ให้เขาเติมเองบ้าง เราช่วยเติมบ้างหรือแนะบ้าง
จะทำให้คนรับเห็นคุณค่ามากกว่า
กับการที่มีพร้อมทุกอย่าง ใครๆก็เติมให้ไม่อั้น
แล้ววันหนึ่งก็ถูกฉวยดึงออกไปทีล่ะอย่างๆ รูดซิบปาก

ไหนๆอาจารย์เคยเสนอเรื่องอาหารในบ้านเล็กแล้ว
ลองดู ของขวัญคริสตมาสในบ้านเล็กดีมั้ยคะ
เพราะตอนอ่านหนังสือชุดนี้จะมีความสุขที่สุดคือช่วงคริสตมาส
ที่มีอาหารพื้นบ้านแบบอเมริกัน แล้วก็ช่วงเวลามอบของขวัญซึ่งกันและกัน
ดูเหมือนจะเป็นของขวัญทำมือทั้งนั้นเลย สมัยนี้คงจะพบเห็นยาก

อักสักกระทู้หนึ่งค่ะ
อาจารย์เทาชมพูสนใจเรื่อง Little Women มั้ยคะ
ท่วงทำนองการเขียนก็เป็น Series เหมือนกัน
เน้นความรักความผูกพันของพี่น้องในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก
แถมตัวละครเอกของเรื่อง โจ มาร์ช ก็มีบุคลิกที่โดดเด่นจับตา
จนหลายๆคนอดฝันที่จะเป็นแบบเธอไม่ได้ อายจัง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 149  เมื่อ 19 มี.ค. 14, 21:03

ไหนๆอาจารย์เคยเสนอเรื่องอาหารในบ้านเล็กแล้ว
ลองดู ของขวัญคริสตมาสในบ้านเล็กดีมั้ยคะ
เพราะตอนอ่านหนังสือชุดนี้จะมีความสุขที่สุดคือช่วงคริสตมาส
ที่มีอาหารพื้นบ้านแบบอเมริกัน แล้วก็ช่วงเวลามอบของขวัญซึ่งกันและกัน
ดูเหมือนจะเป็นของขวัญทำมือทั้งนั้นเลย สมัยนี้คงจะพบเห็นยาก

อักสักกระทู้หนึ่งค่ะ
อาจารย์เทาชมพูสนใจเรื่อง Little Women มั้ยคะ
ท่วงทำนองการเขียนก็เป็น Series เหมือนกัน
เน้นความรักความผูกพันของพี่น้องในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก
แถมตัวละครเอกของเรื่อง โจ มาร์ช ก็มีบุคลิกที่โดดเด่นจับตา
จนหลายๆคนอดฝันที่จะเป็นแบบเธอไม่ได้ อายจัง

1  ได้เลยค่ะ ของขวัญในบ้านเล็ก  เดี๋ยวจะตั้งกระทู้ใหม่
2  ดิฉันอ่าน Little Women ที่อ.สนิทวงศ์ แปล ให้ชื่อว่าสี่ดรุณี  ตั้งแต่ดิฉันขึ้นม. 2  ก็เท่ากับประถม 6 สมัยนี้   อ่านจนจำได้หมดว่าเป็น series ติดต่อกันหลายเล่ม คือ Little Women(สี่ดรุณี) Good Wives, (เมียขวัญ)Little Men(สี่ดรุณ) และ  Jo's Boys(สี่ดรุณีภาคพิเศษ) เป็นเรื่องสุดท้าย
แสดงชีวิตของสี่พี่น้องตั้งแต่รุ่นสาวไปจนวัยปลาย  มีเด็กรุ่นลูกเข้ามาเป็นตัวเอกหลายคน
แต่ขอบอกนะคะว่า เรื่องตอนหลังๆไม่สนุกเลย   ฝีมือคนแต่งตกลงไปเยอะเมื่อเทียบกับเรื่องแรก 
   ดิฉันไม่ได้เอ่ยถึงสี่ดรุณีในเรือนไทยเพราะรู้สึกว่าได้รับความนิยมน้อยกว่า "บ้านเล็ก"   คนอ่านรุ่นปัจจุบันแทบไม่รู้จักแล้วค่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.079 วินาที กับ 19 คำสั่ง