เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15 16 ... 30
  พิมพ์  
อ่าน: 116218 มาทายภาพบุรุษ และสตรีปริศนากันเถอะ (2)
ลุงไก่
สุครีพ
******
ตอบ: 1281



ความคิดเห็นที่ 195  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 05:39

ฝากชาวต่างประเทศสักท่านหนึ่งครับ  ยิงฟันยิ้ม




บันทึกการเข้า
Mr.Fame
มัจฉานุ
**
ตอบ: 61


ความคิดเห็นที่ 196  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 07:19

 อายจัง อายจัง

ขออภัยคุณครูที่เข้ามาตอบการบ้านภาพปริศนาในความเห็นที่ 194 ช้าครับ

ดังนั้นขอแก้ตัวโดยการส่งการบ้านแต่เช้าตรู่อย่างมั่นอกมั่นใจ โดยขอตอบว่าสตรีในภาพปริศนาคือ...

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศศิพงศ์ประไพ พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาจันทร์ ครับ

.............................................................................................

 ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
 

บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 197  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 07:39

ภาพนี้รับรองยากแน่ ๆ

บุคคล ๒ ท่านในภาพคือใคร  และใครเป็นถ่ายภาพนี้   ยิงฟันยิ้ม



น่าจะเป็นรัชกาลที่ ๕ ทรงถ่าย และถ่ายที่หน้าพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร พระราชวังบางปะอิน

คุณหนุ่มตอบเรื่องสถานที่ถูก  ยิงฟันยิ้ม


ส่วนผู้ที่ถ่ายภาพนี้เป็นเจ้านายฝ่ายใน หรือเจ้าจอมท่านใดท่านหนึ่้งของรัชกาลที่ 5 ใช่หรือไม่ครับ ? (เพราะคิดว่าผู้ชายใส่หมวกตรงมุมขวาของภาพที่นั่งตั้งกล้องถ่ายภาพเด็กชายอยู่นั้นคือรัชกาลที่ 5)

ใช่


ผู้ตั้งกล้องถ่ายรูปคือ สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 198  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 07:40

ฝากชาวต่างประเทศสักท่านหนึ่งครับ  ยิงฟันยิ้ม


เห็นชาวต่างประเทศ + พระพุทธรูป และศิลปะวัตถุพร้อมหนังสือมาก ๆ คำตอบคือ ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ (George Coedes)
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 199  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 08:25



ผู้ตั้งกล้องถ่ายรูปคือ สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ

ไม่ใช่

สำหรับผู้ที่ถ่ายภาพนี้ ผมขอเดาว่าเป็นหนึ่งในบุคคลสามคนนี้ ได้แก่
 1. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา
หรือ
2. เจ้าจอมเอิบ (จากสกุล บุนนาค) ในรัชกาลที่ 5
หรือไม่ก็เป็น
3. เจ้าจอม ม.ร.ว.สดับ (จากราชสกุล ลดาวัลย์) ในรัชกาลที่ 5 (ท่านนี้ผมคิดว่าเป็นไปได้น้อยที่สุด)
..............................................................................................
  ลังเล ลังเล ลังเล

จะถูกมั๊ยหนอ... 

ก่อนจะบอกใบ้คำตอบ อยากให้คุณ Fame กรุณาให้เหตุผลว่าทำไมนึกว่าเป็นบุคคลทั้ง ๓ ท่านนี้

บันทึกการเข้า
Mr.Fame
มัจฉานุ
**
ตอบ: 61


ความคิดเห็นที่ 200  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 10:02


สำหรับผู้ที่ถ่ายภาพนี้ ผมขอเดาว่าเป็นหนึ่งในบุคคลสามคนนี้ ได้แก่
 1. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา
หรือ
2. เจ้าจอมเอิบ (จากสกุล บุนนาค) ในรัชกาลที่ 5
หรือไม่ก็เป็น
3. เจ้าจอม ม.ร.ว.สดับ (จากราชสกุล ลดาวัลย์) ในรัชกาลที่ 5 (ท่านนี้ผมคิดว่าเป็นไปได้น้อยที่สุด)
..............................................................................................
  ลังเล ลังเล ลังเล

จะถูกมั๊ยหนอ... 

ก่อนจะบอกใบ้คำตอบ อยากให้คุณ Fame กรุณาให้เหตุผลว่าทำไมนึกว่าเป็นบุคคลทั้ง ๓ ท่านนี้


[/quote]

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

เหตุผลที่ผมคิดว่าผู้ถ่ายภาพเป็นท่านใดท่านหนึ่งในสามท่านนี้เนื่องจาก

1. หากเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารี ทรงถ่าย - เนื่องจากสมเด็จหญิงน้อยทรงเป็นพระราชธิดาของรัชกาลที่ 5 ที่ประสูติแต่พระวิมาดาเธอฯ โดยที่พระวิมาดาเธอฯ ทรงเป็นผู้ที่รัชกาลที่ 5 มอบให้เป็นผู้เลี้ยงดู อบรมคะนัง คะนังจึงเรียกพระวิมาดาเธอว่าคุณแม่ และพลอยนับเอาพระราชโอรสธิดาที่ประสูติจากพระวิมาดาเธอฯ ว่าเป็นพี่ไปด้วย จึงคงจะทรงสนิทคุ้นเคยกับคะนัง อีกประการหนึ่งผมคิดว่าในบรรดาพระราชโอรสธิดาที่ประสูติแต่พระวิมาดาเธอฯ องค์ที่น่าจะมีพระปรีชาในการถ่ายรูปก็น่าจะเป็นสมเด็จหญิงน้อยพระองค์นี้ (ทรงเป็นราชเลขานุการิณีของรัชกาลที่ 5)

2. หากเป็น เจ้าจอมเอิบ เป็นผู้ถ่าย - เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าคุณจอมในกลุ่มเจ้าจอมก๊กออท่านนี้มีความสนใจ และมีความสามารถในการถ่ายภาพ โดยอาจถือได้ว่าเป็นฝ่ายในท่านแรกๆ ที่สามารถถ่ายภาพได้ จนอาจกล่าวได้ว่าท่านเป็นช่างภาพมือสมัครเล่นประจำราชสำนักฝ่ายใน

3. หากเป็น เจ้าจอม ม.ร.ว.สดับ เป็นผู้ถ่าย - เนื่องจากคุณจอมสดับท่านมีศักดิ์เป็นหลานสาว และอยู่ในพระอุปการะของพระวิมาดาเธอฯ และต่อมาก็ได้ถวายตัวเป็นเจ้าจอมในรัชกาลที่ 5 ด้วย คงจะมีความสนิทคุ้นเคยกับคะนังซึ่งอยู่ในพระอุปการะของพระวิมาดาเธอฯ เช่นกัน ประกอบกับผมเคยทราบเลาๆ  (อันนี้ไม่แน่ใจว่าข้อมูลถูกหรือไม่) มาว่าคุณจอมสดับเองก็พอมีความรู้ในการถ่ายภาพเช่นกัน
แต่ผมก็ยังคิดว่ามีความเป็นไปน้อยที่สุดที่จะเป็นท่านผู้นี้ เนื่องจากคุณจอมสดับน่าจะมีอายุไล่เลี่ยกับคะนัง คืออาจมากกว่าประมาณ 3-4 ปีเท่านั้น และจากในภาพหากเด็กชายที่กำลังถีบจักรยานเป็นคะนังจริงขณะนั้นคงยังเด็กมากอาจอายุประมาณไม่เกิน 10 ขวบ ซึ่งคุณจอมสดับก็คงอยู่ในวัยประมาณ 13 - 14 ปีเท่านั้น ยังไม่น่าจะเรียนรู้การถ่ายภาพในช่วงนั้น (แต่ก็ไม่แน่เช่นกัน)

ครับ นี่คือเหตุผลที่ผมเดาว่าทั้งสามท่านนี้เป็นผู้ถ่ายภาพปริศนานี้ครับ....

..................................................................
 อายจัง อายจัง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 201  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 10:06

การบ้านที่ส่งตอนเช้าตรู่ได้ A ไปอีกครั้งแล้ว
หลังตอบคำถามคุณครูเพ็ญชมพูแล้ว   ค่อยมาทำการบ้านง่ายๆข้อนี้อีกครั้งนะคะ
พระราชกุมารีและพระราชกุมารน้อยในรูปเหล่านี้มีพระนามว่าอะไร


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 202  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 10:38

^
ไม่ยากหนอ  ยิ้มเท่ห์

อ่านเหตุผลที่คุณ Fame ตอบมาน่านับถือในความเป็นนักอ่านผู้รอบรู้  คำใบ้ที่จะให้สำหรับชื่อผู้ถ่ายภาพคือ คนังเรียกท่านผู้นี้ว่า "ดาบ"

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 203  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 11:18

มาใบ้เพิ่ม   ดูในกระทู้เก่าก็มีนะคะ ว่า"ดาบ" คือใคร
ลองใช้ "ค้นหา" ของเรือนไทยดูค่ะ

ภาพที่ส่งมาให้คราวนี้   ง่ายที่สุด


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 204  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 13:18

พ.ศ. ๒๔๑๑  ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 205  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 14:05

พ.ศ. ๒๔๑๑  ยิงฟันยิ้ม

พ.ศ. ๒๔๑๗  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
visitna
นิลพัท
*******
ตอบ: 1724


ความคิดเห็นที่ 206  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 14:07

ปัญหาภาพนี้
มาจากหนังสือศิลปวัฒนธรรมเล่มเก่า
มีภาพนี้จากคอลัมของคุณเอนก

(ประมาณปี 2531  อาจารย์เทาชมพู
เขียนเรื่องนามสกุลพระราชทานไว้ด้วย)



คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
Mr.Fame
มัจฉานุ
**
ตอบ: 61


ความคิดเห็นที่ 207  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 14:28

 ตกใจ ขยิบตา

กลับเข้ามาอีกที การบ้านจากคุณครูทั้งสองกองพะเนินเลย ยังไงจะรีบเคลียร์ให้ไวที่สุดนะครับคุณครู

ก่อนอื่นๆ ต้องขอตอบการบ้านของคุณเพ็ญชมพูที่ถามถึงผู้ถ่ายภาพปริศนาที่ 188 ว่าเป็นผู้ใด ซึ่งท่านก็ได้ช่วยใบ้มาให้ว่าเป็นผู้ที่คะนังเรียกว่า "ดาบ"

ซึ่งท่านผู้นั้นก็คือ เจ้าจอม ม.ร.ว.สดับ (จากราชสกุล ลดาวัลย์) ในรัชกาลที่ 5 นั่นเองครับ....

.................................................................
 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม  ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์  ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 208  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 14:31

คำบรรยายภาพปริศนาภาพนี้บอกว่าประมาณค.ศ.  1898 คือพ.ศ. 2411
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 209  เมื่อ 23 ม.ค. 14, 14:59

ก่อนอื่นๆ ต้องขอตอบการบ้านของคุณเพ็ญชมพูที่ถามถึงผู้ถ่ายภาพปริศนาที่ 188 ว่าเป็นผู้ใด ซึ่งท่านก็ได้ช่วยใบ้มาให้ว่าเป็นผู้ที่คะนังเรียกว่า "ดาบ"

ซึ่งท่านผู้นั้นก็คือ เจ้าจอม ม.ร.ว.สดับ (จากราชสกุล ลดาวัลย์) ในรัชกาลที่ 5 นั่นเองครับ....

ขอแสดงความยินดีที่คุณ Fame สามารถไขปัญหาข้อสุดท้ายของภาพนี้ได้ถูกต้อง  ภาพนี้อยู่ในหนังสือ "ศรุตานุสรณ์"



ประกอบอยู่ในบทความ "เรื่องของนายคนังมหาดเล็ก" เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ในรัชกาลที่ ๕ เรียบเรียง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓  คุณศรีเวียงปิงได้คัดบทความนี้จากวารสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๓ ม.ค. พ.ศ. ๒๕๒๗  ตอนที่กล่าวถึงชื่อที่คนังเรียกชาววังมีดังนี้

นายคนังตื่นนอนเวลาราว ๆ ๐๘.๐๐ น. เมื่อตื่นแล้วจะต้องลงไปเล่นน้ำในคลองหลังพระที่นั่งอัมพร เลิกเล่นน้ำแล้วอาบน้ำสะอาด แต่งตัวรับประทานอาหารเช้า เสร็จแล้วเข้าเฝ้าฯ สมเด็จหญิงพระองค์เล็ก (สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าเยาวมาลย์นฤมลพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงที่ประสูติแต่พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอัครวรราชกัลยา พระเชษฐภคินีของพระวิมาดาเธอฯ)

สมเด็จหญิงพระองค์เล็กท่านประทับที่มุขขวางพระที่นั่งอัมพรสถานชั้นล่าง เหตุที่ลงมาประทับชั้นล่างนี้ก็เพราะพระอนามัยไม่ค่อยแข็งแรง ท่านไม่อยากจะขึ้นลงอัฒจันทร์ ก็ขอพระราชทานประทับชั้นล่าง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงก็ต้องพระราชทานพระบรมราชานุญาตตามที่ท่านขอ แต่ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดที่ประทับพระราชทานอย่างที่จะให้ประทับอยู่อย่างทรงพระสำราญที่สุด มีพร้อมทั้งห้องรับแขก ห้องทรงพระอักษร ห้องบรรทม ห้องสรง ห้องเก็บของ และห้องพักข้าหลวงแต่ละห้องกว้างขวาง เป็นที่ประทับที่น่าสบายกว่าที่ประทับของพระพี่นางน้องนางของท่านทุกพระองค์ ความที่สมเด็จหญิงพระองค์เล็กไม่ค่อยจะแข็งแรงจึงทำให้พระสิริรูปผอมบาง จนกระทั่งนายคนังเรียกท่านว่า “คุณพี่ผอม”

พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงโปรดทรงงานในเวลากลางคืนกว่าจะได้เข้าที่พระบรรทมก็จวนรุ่ง บางวันก็เข้าที่พระบรรทมเมื่อรุ่งสว่างแล้ว ดังนั้นจึงตื่นพระบรรทมในเวลาราวบ่ายโมง พอได้เวลาที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงตื่นพระบรรทม นายคนังก็ต้องขึ้นไปที่ห้องของตนบนพระที่นั่ง เพื่อแต่งตัวเข้าเฝ้าฯ ในเวลาเสวยพระกระยาหาร ตอนเสวยกลางวันนี้โดยปรกติประทับเสวยกับพื้น เจ้านายชั้นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอและพระเจ้าลูกเธอร่วมโต๊ะเสวยด้วย พระราชวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าที่ทรงชุบเลี้ยงใกล้ชิดเฝ้าปฏิบัติรับใช้ นายคนังมหาดเล็กก็เฝ้าปฏิบัติรับใช้ ใกล้ชิดขนาดพระราชวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าเหมือนกัน โดยปรกติจะรับสั่งให้เข้าไปนั่งชิดพระยี่ภูที่ประทับ ทรงซักถามถึงเรื่องต่าง ๆ เช่นเรื่องความเป็นอยู่ของพวกเงาะป่าที่พัทลุงเป็นต้น และที่จะต้องมีพระราชดำริดำรัสถามอยู่เป็นประจำก็คือถามว่า “เมื่อเช้านี้กินข้าวกับอะไรบ้าง”

ในตอนที่เข้าไปอยู่ใหม่ ๆ อาหารคือข้าวสุกกับกล้วยน้ำว้า  ต่อมาพระวิมาดาเธอฯ ท่านก็ให้หัดกินอาหารอย่างอื่น ๆ ด้วยก็รู้สึกว่ากินได้ทุกอย่าง แต่ของหวานที่ต้องมีเป็นประจำเพราะชอบเหลือเกินก็คือข้าวเม่าคลุกกับกล้วยน้ำว้าหรือกล้วยไข่ วันไหนมีอาหารอะไรแปลก ๆ กินแล้วก็ถามชื่อไว้ ตอนแรก ๆ ไม่มีใครทราบว่าแกถามทำไม ภายหลังจึงทราบว่าต้องการรู้จักจะได้กราบบังคมทูลตอบได้ ยิ่งอยู่นานเข้าก็เป็นที่ประจักษ์ว่าคนังเป็นเด็กฉลาดมากที่สุด มีไหวพริบทันคน และรู้จักประจบประแจงเก่งที่สุด ทำตัวให้เป็นที่ตลกขบขันได้ต่าง ๆ โวหารปฏิภาณดีโต้ตอบใครไม่มีจนแต้ม ความจำแม่นยำ สังเกตจิปาถะ แม้กิริยาท่าทางของคนคนังก็สังเกตจดจำทำท่าได้เหมือนหมด การเรียกใครว่าอย่างไรก็ไม่มีใครสอนคิดเรียกเองทั้งนั้น จากคำที่แกเรียกใครต่อใคร ทำให้เห็นว่าเข้าใจประจบ เข้าใจเรียก และเรียกอย่างมีเหตุผลอยู่ไม่น้อย แกเรียกพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงว่า “คุณพ่อหลวง เรียกพระวิมาดาเธอฯ ว่า “คุณแม่” เรียกเจ้าพระยายมราชและท่านผู้หญิงว่า “คุณพ่อ-คุณแม่ที่บ้าน” เรียกสมเด็จเจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศร์ว่า “คุณพี่เผือก” เรียกสมเด็จเจ้าฟ้ามาลินีนพดารากรมขุนศรีสัชนาลัยสุรกัญญาว่า “คุณพี่ขาว” เรียกสมเด็จเจ้าฟ้านิภานพดลกรมขุนอู่ทองเขตขัตติยนารีว่า “คุณพี่ดำ” เพราะพระฉวีท่านคล้ำกว่าพระเชษฐาและพระเชษฐภคินีที่กล่าวพระนามมาแล้ว เป็นที่น่าประหลาดใจเหลือเกินที่เฉพาะเจาะจงเรียกคุณพี่แต่พระโอรสพระธิดาในพระวิมาดาเธอฯ  ซึ่งเขาเรียกว่าคุณแม่ กับพระธิดาในพระอัครชายาเธอซึ่งเป็นพระเชษฐภคินีของพระวิมาดาเธอฯ เท่านั้น เจ้านายพระองค์อื่นไม่เรียกคุณพี่สักพระองค์เดียว แล้วยังซ้ำเรียกว่าอ้ายไม่ว่าใครเสียด้วยเช่นเรียก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธว่า“ อ้ายตาขยิบ” เรียกสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ว่า “อ้ายนอ นะ นิว” เรียกกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัยว่า “อ้ายนินนะหับ” เรียก กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินว่า “อ้ายกำแพงหัก” เรียกเจ้าจอมเอิบ เจ้าจอมเอื้อนว่า "อ้ายเอิบ" "อ้ายเอื้อน" เรียก เจ้าจอมเอี่ยมว่า “อ้ายหมอนวด” เพราะท่านมีหน้าที่ถวายงานนวด เรียกหม่อมศิริวงศ์วรวัฒน์  (ม.ร.ว. ฉายฉาน ศิริวงศ์) ว่า “อ้ายอา”

หม่อมศิริวงศ์ฯ ผู้นี้ พระราชโอรสพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทุกพระองค์ ตลอดจนพระโอรสพระธิดาในสมเด็จเจ้าฟ้าร่วมพระราชชนนีเดียวกับพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเรียกว่า “อา” ทั้ง ๆ ที่พระชันษามากกว่าหม่อมศิริวงศ์ฯ มูลเหตุที่ท่านจะเรียกกันอย่างนั้นคือ วันหนึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมีกระแสพระราชดำรัสเป็นเชิงสัพยอกหม่อมศิริวงศ์ฯ เมื่อยังเด็กอยู่ว่า “ตาฉาย เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าเป็นอะไรกับข้า” หม่อมศิริวงศ์ฯ กราบบังคมทูลว่า “เป็นน้อง” ที่กราบบังคมทูลดังนั้นก็เพราะเธอลำดับสายสัมพันธ์ของเธอว่า พระบิดาของเธอคือพระองค์เจ้าฉายเฉิด กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์ทรงเป็นพระอนุชาในสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ พระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ดังนั้นเธอก็ต้องเป็นน้องพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงด้วย แม้ในความจริงสายสัมพันธ์จะเป็นดังนั้น แต่ธรรมเนียมไทยแต่ไหนแต่ไรมายกย่องเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ถ้ามิใช่พระราชวงศ์ที่สูงศักดิ์แล้วก็ไม่มีใครที่อาจเอื้อมไปลำดับญาติกับท่าน ต้องถือว่าตัวเป็นเพียงข้าแผ่นดินของท่าน เมื่อหม่อมศิริวงศ์ฯ กราบบังคมทูลด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ลำดับญาติกับท่านเข้า ก็ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนที่ได้ยินตกอกตกใจกันมาก เกรงว่าจะทรงพระพิโรธในความบังอาจไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของหม่อมศิริวงศ์ฯ แต่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงไม่กริ้วกลับพอพระราชหฤทัยเป็นนักหนา ตรัสชมว่าฉลาด และยิ่งทรงพระเมตตาหม่อมศิริวงศ์ฯ ยิ่งขึ้น ส่วนพระราชโอรสพระราชธิดาของท่านตลอดจนพระโอรสพระธิดาในสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระจักรพรรดิพงศ์ และสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภานุพันธุวงศ์วรเดชก็เลยทรงเรียกหม่อมศิริวงศ์ว่า “อา” กันแทบทุกพระองค์  นายคนังได้ยินเจ้านายท่านเรียก“อา” ก็เลยเดาะ “อ้ายอา” เข้าบ้าง

ผู้ที่คนังไม่เรียกอ้ายเลยก็มีเหมือนกัน เช่น เรียกสมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตว่า “ตุ๊กกระหม่อมชาย” เข้าใจว่าคงจะได้ยินคนอื่นเขาเรียกท่านว่าทูนกระหม่อมชายคิดไม่ออกว่าจะตั้งฉายาท่านว่ากระไรก็เลยตามเขา เรียกกรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ พระเจ้าน้องยาเธอในพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงว่า “ดุ๊ก” เรียกเจ้าจอมจรวยว่า “นางรวย” เรียกเจ้าจอมมารดาวาดว่า “ปลาไหล” เหตุที่คนังเรียกเจ้าจอมมารดาวาดว่าปลาไหล ก็เพราะท่านมีหน้าที่แต่งพระภูษาประจำวันถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง คือพอจะทรงเครื่องเสด็จออกข้างหน้าท่านก็จะเชิญพระภูษาเข้าไปแต่งถวาย เวลาแต่งพระองค์พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงก็จะมีกระแสพระราชดำรัสกับท่าน บางทีท่านก็กราบบังคมทูลเรื่องราวต่าง ๆ วันหนึ่งทรงพระภูษาต่อหน้าคนัง เผอิญวันนั้นท่านเจ้าจอมมารดาท่านกราบบังคมทูลถึงเรื่องแกงปลาไหล กราบบังคมทูลพลางแต่งพระภูษาไปพลาง นายคนังเลยคิดว่าการแต่งพระภูษา (โจงกระเบน) นั้นเรียกว่าปลาไหลก็เลยตั้งชื่อคุณจอมผู้มีหน้าที่แต่งภูษาว่า “ปลาไหล” ส่วนเจ้าจอมสมบูรณ์ คนังเรียกว่า “ท่านบุญอาคุณ” ดูเต็มยศเต็มอย่างกว่าใคร ๆ หมด ทั้งนี้ไม่ใช่อะไร เป็นความฉลาดช่างประจบประแจงของเขาเอง เจ้าจอมสมบูรณ์ท่านเป็นหลานเจ้าสัวร่ำรวยมากทั้งยังเป็นคนใจใหญ่ใจกว้างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ท่านจึงเป็นเจ้าบุญนายคุณของคนมาก นายคนังอยากได้อะไร พี่เลี้ยงสอนให้ไปประจบขอเอาจากท่าน นายคนังก็เข้าไปประจบแล้วก็ได้อะไรต่ออะไรที่อยากได้เสมอ และเห็นทีแกจะได้ยินใคร ๆ พูดว่า ท่านเป็นเจ้าบุญนายคุณเป็นแน่ จึงเลยเรียก “ท่านบุญอาคุณ” สำหรับตัวข้าพเจ้าเองคนังเรียกว่า “ดาบ” ไม่มีอ้ายไม่มีท่าน ผู้หญิงก็เรียกว่า อ้าย แต่ถ้าเขาเล่าเรื่องของพวกเขา เขาจึงจะใช้ “อี”เช่นเรียก “ลำหับ” ว่า “อีลำหับ” ที่เป็นเช่นนี้จะมีเหตุผลอย่างไรก็ไม่ทราบ"


หมายเหตุ ได้แก้ไขข้อความที่คุณศรีเวียงปิงคัดมาให้ตรงกับบทความในหนังสือแล้ว

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15 16 ... 30
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.072 วินาที กับ 20 คำสั่ง