เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 9
  พิมพ์  
อ่าน: 46944 ชีวิตจริงเบื้องหลังวรรณกรรมชุด "บ้านเล็ก"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 02 ม.ค. 14, 16:09

ชีวิตในบ้านโพรงดินดำเนินไปอย่างเรียบง่าย    พ่อหว่านข้าวสาลีบนพื้นดินที่เป็นทุ่ง ไม่ใช่ป่าอย่างในวิสคอนซิน    ดินที่มินเนโซตาดีมาก ทำท่าว่าข้าวสาลีจะได้ผลอย่างงาม   ขายก็ง่ายเพราะสถานีรถไฟอยู่ใกล้ๆ ขนส่งได้สะดวก       แม่พอใจที่อยู่ใกล้เมือง แม้เป็นเมืองเล็กแต่ก็ยังได้ชื่อว่าเมืองอยู่ดี  มีโรงเรียนให้ลูกๆได้มีโอกาสเล่าเรียน   ส่วนโบสถ์เพิ่งก่อตั้ง พ่อกับแม่ก็ไปช่วยก่อตั้งโบสถ์ในเมืองด้วย
ในหนังสือไม่ได้บอกว่าลอร่านับถือคริสต์ศาสนานิกายอะไร  แต่ในความเป็นจริง  พ่อแม่สังกัดอยู่ใน Union Congregational Church    โบสถ์ในสมัยนั้นสร้างง่ายๆอย่างในรูปข้างล่างนี้ค่ะ



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 02 ม.ค. 14, 16:25

ชีวิตโรงเรียนเริ่มขึ้นเป็นจริงเป็นจังสำหรับลอร่าเมื่อมาอยู่ในรัฐมินเนโซตานี่เอง     ในดินแดนห่างไกลความเจริญ  โรงเรียนสร้างง่ายๆ นักเรียนเรียนรวมกันหมดในห้องเดียว    หนังสือเรียนก็แล้วแต่ใครจะมี  ส่วนใหญ่ก็เป็นของตกทอดจากพ่อแม่   ไม่จำเป็นต้องเรียนเหมือนกันหมดอย่างนักเรียนสมัยนี้    ครูก็สอนหนังสือแต่ละเล่มที่นักเรียนมีไปจนจบแต่ละบทหรือแต่ละเล่ม     เพราะนักเรียนทั้งร.ร.มีอยู่เพียงไม่กี่คน

ลอร่าเพิ่งได้ประสบสังคมใหม่ที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน คือสังคมของเด็กในเมือง    แม้เป็นเมืองเล็กๆชายแดน   ก็ยังไม่วายมีการแบ่งชั้นวรรณะกันในนั้น    แมรี่กับลอร่าถูกดูถูกจากเด็กหัวสูงในเมืองว่าเป็น "เด็กบ้านนอก"  เดินมาร.ร.โดยไม่มีรองเท้าจะสวมในฤดูร้อน เพราะต้องเก็บไว้สำหรับเวลาอากาศหนาว
เด็กผู้หญิงหัวสูงจอมหยิ่งคนนั้นชื่อเนลลี่ โอเวนส์ เป็นลูกเจ้าของร้านชำในเมือง  ถือว่ามีสะตุ้งสตางค์มากกว่าชาวบ้าน      เธอเป็นคู่แข่งกลายๆของลอร่าผู้ไม่ยอมลงให้ใครง่ายนัก     เมื่อเริ่มเขียนนิยายชุดบ้านเล็กมาถึงตอนนี้    เนลลี่ โอเวนส์ก็ถูกดัดแปลงเป็นเนลลี่ ออลิสัน  ยัยตัวร้ายคู่ปรับของลอร่า
รูปนี้คือเนลลี่ ถ่ายเมื่อโตเป็นสาวแล้วค่ะ  


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ม.ค. 14, 08:11 โดย เทาชมพู » บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 02 ม.ค. 14, 16:27

สมุดหนังสือในสมัยนั้นหน้าตาเป็นแบบนี้  ซ้ายคือสมุด   ขวามือหนังสือแบบเรียนชั้นประถม 5  (Grade 5)


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 03 ม.ค. 14, 09:16

ปกติแล้ว ลอร่าเขียนถึงตัวละครในชีวิตวัยเยาว์ของเธอโดยระบุชื่อจริงนามสกุลจริง      ไม่ว่าชื่อเครือญาติหรือเพื่อนฝูง ผู้คนที่เธอรู้จัก     จะเว้นก็แต่ตัวละครที่มีนิสัยร้ายกาจ หรือมีพฤติกรรมไม่ดี  เธอจึงจะดัดแปลงชื่อหรือนามสกุลเสีย   เนลลี่ โอเวนส์จึงกลายมาเป็นเนลลี่ ออลิสัน
ตัวละครในตอนนี้ มีคนหนึ่งที่ลอร่าเอ่ยถึงอย่างนิยมชมชื่นคือ สาธุคุณแอลเดน  นักเทศน์หรือมิชชันนารีผู้ก่อตั้งโบสถ์ Congregation ในเมืองวอลนัท โกรฟ     พ่อกับแม่นับถือยกย่องท่านมาก    ตัวท่านเองก็รักและเอ็นดูลอร่ากับแมรี่มาก       ในวันคริสต์มาส  ลอร่ากับครอบครัวได้ไปร่วมงานคริสต์มาสที่โบสถ์  เป็นครั้งแรกที่ลอร่าได้เห็นต้นคริสต์มาส และได้ของขวัญที่วิเศษสุดจากต้นคริสต์มาส  คือเสื้อคลุมไหล่ตัวเล็กๆทำด้วยเฟอร์สีน้ำตาลและปลอกมือเข้าชุดกัน  อย่างที่เธอเคยเห็นเนลลี่สวม

สาธุคุณแอลเดนเป็นคนจัดงานฉลองคริสต์มาส   หาต้นคริสต์มาสมาประดับงาน และที่สำคัญคือหาของขวัญมาแขวนให้เด็กๆ    ของเหล่านี้ท่านได้รับบริจาคจากผู้ใจบุญ ส่งมาใน "ถังคริสต์มาส"
ต้นคริสต์มาสในเมืองเล็กๆสมัยหนึ่งร้อยกว่าปีก่อน ไม่มีอะไรหรูหราสวยงามอย่างสมัยนี้     เป็นแค่ต้นสนตัดมาจากในป่า  พาดพันด้วยกระดาษสีแถบยาวๆ   แขวนของแจกเอาไว้ตามกิ่งก้าน    แต่สำหรับเด็กน้อยอย่างลอร่า สนคริสต์มาสคือต้นไม้วิเศษที่ทำให้ฝันเป็นจริง


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 03 ม.ค. 14, 09:31

เนลลี่เป็นลูกเจ้าของร้านชำ รายได้ดี จึงมีเสื้อผ้าแพงๆเช่นเสื้อเค้ปคลุมไหล่ทำด้วยเฟอร์สวมในฤดูหนาว     เธอดูออกว่าลอร่าอยากมีเสื้อแบบนี้มาก ก็เลยสวมเสื้อเฟอร์เดินกรายไปกรายมาอวดลอร่า และพูดจาดูถูกว่าพ่อลอร่าจน    ทุกครั้งลอร่าก็ได้แต่อดทน  ทั้งๆแทบกลั้นไม่ไหว
ท่านแอลเดนน่าจะสังเกตเห็นเรื่องนี้   ในวันคริสต์มาสท่านจึงหาของขวัญมาให้ลอร่า เป็นเสื้อเค้ปทำด้วยเฟอร์สีน้ำตาล   สวยกว่าของเนลลี่ และมีปลอกมือเข้าชุดกัน ซึ่งเนลลี่ไม่มีอีกด้วย
ฝันของลอร่าก็เป็นจริงนับแต่นั้น


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 04 ม.ค. 14, 09:25

 เมื่อฤดูหนาวแรกเข้ามาเยือนครอบครัวอิงกัลส์      ชาร์ลส์ก็พบว่าเขาพาครอบครัวมาอยู่ในดินแดนที่พายุหิมะพัดดุเดือดรุนแรงกว่ารัฐอื่นๆ    เพราะมินเนโซตาเป็นทุ่งกว้างราบเรียบ  จึงไม่มีที่กำบังลมอย่างป่าใหญ่ในวิสคอนซิน    ส่วนแคนซัสก็แห้งแล้งเกินกว่าจะมีหิมะ
   พายุหิมะ (blizzard) ไม่ได้หมายความแค่หิมะตกแล้วมีลมพัดแรงเท่านั้น  แต่หมายถึงพายุที่มีเกล็ดน้ำแข็งแทนสายฝน    ลอร่าเคยให้สัมภาษณ์ว่าเธอไม่รู้ว่าพายุหิมะที่เธอเจอตอนเด็กมีความเร็วของลมเท่าใด   แต่มันเทียบได้กับเฮอร์ริเคนหรือไต้ฝุ่น       
     ดังนั้นในหน้าหนาว ชาร์ลส์ต้องตัดไม้ขนฟืนมาตุนเอาไว้ในบ้านมากๆ เพื่อจะได้มีไฟในเตาผิงพอใช้หลายๆวัน   เวลาเกิดพายุหิมะ  ซึ่งจะมาโดยไม่มีใครทันรู้เนื้อรู้ตัว     ส่วนลอร่ากับแมรี่ก็ไปโรงเรียนไม่ได้เมื่อเกิดพายุ     ในช่วงเวลานั้นแม่จะเป็นคนสอนหนังสือให้ที่บ้าน เพื่อมิให้การเรียนต้องหยุดชะงัก


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 04 ม.ค. 14, 09:26

ที่นี่เมื่อหิมะเริ่มตก พายุก็จะเริ่มพัดกระหน่ำจากทุกทิศทุกทาง   กินเวลาสามหรือสี่วันกว่าจะหยุด   คนที่ออกไปข้างนอกบ้านจะมองไม่เห็นแม้แต่มือตัวเองที่เหยียดอยู่ตรงหน้า    จึงมีข่าวบ่อยๆว่ามีคนแข็งตายอยู่กลางหิมะ ห่างบ้านไปแค่ไม่กี่เมตร  เพราะเจอพายุหิมะกะทันหัน   หลงทางกลับเข้าบ้านไม่ถูก 
สัตว์เลี้ยงถ้าไม่ขังเอาไว้ในคอก มันจะเดินเปะปะหลงทางไปไกลบ้าน แล้วก็ถูกหิมะจับแข็งจนตายอยู่กลางทุ่ง ถ้าเจ้าของไม่ไปช่วยไว้ทัน


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 04 ม.ค. 14, 09:44

      อย่างไรก็ตาม ชาร์ลส์ชอบอากาศแบบนี้ตรงที่ว่า หิมะหมายถึงน้ำที่ซึมลงใต้ผิวดิน   ทำให้ดินชุ่มชื้น  เป็นดินดีเหมาะแก่การเพาะปลูก  ผลก็เป็นอย่างที่เขาคิด  เมื่อหมดฤดูหนาว  เขาหว่านไถข้าวสาลีลงบนที่นา  ต้นข้าวก็เจริญงอกงาม   ในเมื่อมีรถไฟผ่านเมืองวอลนัทโกรฟห่างบ้านแค่ 3 ไมล์  หมายถึงการขนส่งชั้นดี     เขาก็จะขายข้าวสาลีได้ทั้งหมด   เงินที่ได้รับมากมายพอจะทำให้ครอบครัวเขามีฐานะดีขึ้นทันตาเห็น 
     ด้วยความเชื่อมั่นในผืนดินแห่งนี้ ชาร์ลส์จึงตัดสินใจปลูกบ้านก่อนที่จะขายข้าว    พ่อค้าโรงไม้ในเมืองให้เครดิตเขา เชื่อไม้กระดานมาได้ก่อน      ลอร่าเรียกบ้านใหม่ของเธอว่า "บ้านมหัศจรรย์"  เป็นบ้านไม้กระดานสองชั้น    ทุกอย่างใหม่เอี่ยมอ่อง หรูหราโอ่อ่าในสายตาเด็กน้อยวัย 7 ขวบแต่เคยอยู่แต่ในกระท่อมไม้ซุงและโพรงดิน
   


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 04 ม.ค. 14, 09:45

ในบ้านยังมีของขวัญที่ชาร์ลส์มอบให้แคโรไลน์ คือเตาอบรุ่นใหม่สุด  นอกจากหุงหาอาหารได้แล้ว ยังอบอาหารและขนมได้อีกด้วย


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 04 ม.ค. 14, 13:18

บ้านแสนสุขริมลำห้วยชื่อพลัมครี้ก ของลอร่า


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 04 ม.ค. 14, 13:44

แต่ความสุขของชาร์ลส์และครอบครัวมีระยะสั้นมาก     เมื่อฤดูร้อนมาถึง ใกล้เวลาอีกไม่กี่วันข้าวสาลีจะสุกได้ที่ พร้อมจะเก็บเกี่ยว    ภัยธรรมชาติอย่างใหม่ที่ร้ายแรงกว่าภัยใดๆที่พวกเขาเคยประสบก็จู่โจมมาถึงในรูปของฝูงตั๊กแตนนับล้านๆตัว  บินมาจากที่ใดไม่มีใครรู้   มันบินลงมากินทุกสิ่งทุกอย่างในทุ่งกว้างอันอุดมสมบูรณ์นี้จนเกลี้ยง  ไม่ว่าข้าว ฟาง หรือแม้แต่หญ้า

ชาร์ลส์ไม่เคยเห็นภัยแบบนี้มาก่อน    ในป่าใหญ่ของวิสคอนซินและในทุ่งกว้างแคนซัสไม่มีตั๊กแตน     แต่ทุ่งนาดินดีปลูกอะไรก็ขึ้นในมินเนโซตากลายเป็นเป้าหมายของแมลง  โดยชาวนาไม่สามารถป้องกันอะไรได้เลย
เงินทองที่หวังว่าจะได้หายสูญไปในพริบตาเดียว   ทั่วท้องทุ่งกลายเป็นดินแห้งแล้งสีน้ำตาล  มีแต่ไข่ตั๊กแตนฝังตัวอยู่ทุกตารางนิ้ว   รอจังหวะจะเติบโตขึ้นมากินทุกอย่างในปีหน้า

ชาวไร่ชาวนารอบนอกเมืองวอลนัท โกรฟ สิ้นเนื้อประดาตัวไปตามๆกัน  รวมทั้งพ่อของลอร่าด้วย

รูปข้างล่างนี้คือชาวนาพยายามจะต่อสู้กับตั๊กแตน แต่ก็ไร้ผล
ภาพล่างคือทุ่งหญ้าที่ตั๊กแตนทำลายหมดสิ้น



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 05 ม.ค. 14, 08:44

ชาวไร่ชาวนาอพยพออกจากเมืองไปหาที่ทำมาหากินที่อื่น    แต่ชาร์ลส์ยังปักหลักอยู่ที่นี่  ในเมื่อยังมีทั้งที่ดินและบ้านช่องอยู่     เขาหาทางชำระหนี้สินค่าไม้กระดานสร้างบ้าน และค่าใช้จ่ายอื่นๆด้วยการอำลาครอบครัวชั่วคราว   ไปทำงานทางตะวันออกของมินเนโซตา   ที่นั่นพืชผลยังอุดมสมบูรณ์อยู่      ชาร์ลส์ต้องเดินทางถึง  200 ไมล์กว่าจะหางานได้
เด็กๆอยู่กันอย่างหงอยเหงาเมื่อขาดพ่อและเสียงซอของพ่อ     แต่ในที่สุดพ่อก็กลับมาพร้อมด้วยเงินเต็มกระเป๋า  พอจะใช้จ่ายไปได้อีกระยะหนึ่ง

เมื่อฤดูหนาวมาถึง   ชาร์ลส์โยกย้ายครอบครัวออกจากบ้านนา เพราะเด็กๆไม่อาจเสี่ยงเดินทางไปร.ร.ในเมืองได้เนื่องจากอาจจะเกิดพายุหิมะเมื่อใดก็ได้     เขาไม่อยากให้ลูกๆต้องงดเรียนตลอดเทอม    จึงตัดสินใจย้ายไปเช่าบ้านเล็กๆหลังหนึ่งด้านหลังของโบสถ์ อยู่ในตัวเมืองตลอดฤดูหนาว
ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1875   เมื่อเธออายุ 8 ขวบ     เธอกลับจากโรงเรียนมาพาหญิงเพื่อนบ้านกำลังเตรียมอาหารเย็น     แม่นอนอยู่บนเตียงพร้อมด้วยน้องคนใหม่ -  ลูกชายคนแรกของครอบครัว     ชื่อชาร์ลส์ เฟรดเดอริค อิงกัลส์    ตามชื่อพ่อ และพ่อเลี้ยงของแม่      พ่อหนูน้อยคนใหม่มีชื่อเล่นว่า "เฟรดดี้"  ทุกคนเห่อน้องใหม่คนนี้มาก

ในนิยายชุดบ้านเล็ก  ลอร่าตัดน้องชายและเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวกับน้องคนนี้ออกไปจากหนังสือ      เพราะเป็นเรื่องทุกข์โศกเกินกว่าเธออยากจะบันทึกลงไป
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 05 ม.ค. 14, 09:51

ทุกคนคิดถึงบ้านในทุ่งริมห้วยพลัมครี้กมากกว่าอยากอยู่ในเมือง  จนเมื่อหมดฤดูหนาว  ชาร์ลส์ก็พาครอบครัวกลับมาอยู่บ้านเดิม   เขาหว่านไถข้าวสาลีอีกครั้ง คราวนี้เป็นแปลงเล็ก เพราะไม่แน่ใจว่าตั๊กแตนจะแผลงฤทธิ์อีกหรือเปล่า     ผลก็เป็นอย่างที่กลัวคือตั๊กแตนฝังไข่เอาไว้ตั้งแต่ปีก่อน    พอพ้นฤดูใบไม้ผลิมันก็เติบโตขึ้นเป็นตั๊กแตนตัวใหญ่น่าเกลียดน่ากลัว    ลงกัดกินพืชผล หญ้าและฟางเกลี้ยงทุ่งนาอีกครั้ง    เป็นอันว่าไม่มีอะไรเหลือสำหรับชาร์ลส์และครอบครัว

ชาวเมืองบางคนยอมลงนามในเอกสารแสดงต่อรัฐว่าพวกเขาสิ้นเนื้อประดาตัว   รัฐก็จัดสวัสดิการหาแป้ง เนื้อสัตว์และของกินของใช้จำเป็นให้    แต่ชาร์ลส์กับแคโรไลน์ถือตัวเกินกว่าจะยอมได้ชื่อว่ายากไร้ขนาดนั้น     ชาร์ลส์เขียนจดหมายถึงปีเตอร์พี่ชาย เล่าให้ฟังถึงภัยที่เกิดขึ้น    ปีเตอร์ก็เขียนกลับมาว่าให้ชาร์ลส์เดินทางกลับไปทางตะวันออก ยังเมืองที่ปีเตอร์อาศัยอยู่เพื่อจะไปพักอยู่ด้วยกันจนกว่าจะหาทางขยับขยายได้

เพื่อนที่รู้จักกันในโบสถ์คนหนึ่ง เพิ่งซื้อกิจการโรงแรมเล็กๆในเมืองเบอร์โอ๊ค รัฐไอโอวา     เขาจ้างชาร์ลส์และแคโรไลน์ให้ไปดูแลโรงแรมของเขา ในฐานะผู้จัดการและแม่ครัว   ลุงปีเตอร์ชวนให้น้องชายพาครอบครัวไปพักอยู่ด้วยจนกว่าจะถึงเวลาเดินทางไปไอโอวา   ชาร์ลส์ไม่มีทางอื่นเพราะที่นี่เป็นงานเดียวที่หาได้ในตอนนั้น
ชาร์ลส์ขายบ้านนาและที่นา ที่เขาลงทุนลงแรงมาด้วยความลำบาก    พาลูกเมียขึ้นเกวียน เดินทางกลับไปสู่มินเนโซตาตะวันออกอีกครั้ง
สำหรับนักบุกเบิก   ตะวันตกคือทิศทางเบื้องหน้า   ส่วนตะวันออกคือทิศทางเบื้องหลัง    ถ้าอพยพไปทางตะวันออกคือ"ถอยหลังกลับรอยเดิม"  อย่างที่เรียกกัน  ทั้งพ่อและลอร่าอยากไปทางตะวันตก แต่บัดนี้ก็ไม่มีโอกาส     ทั้งสองจำใจต้อง "ถอยหลังกลับ" ไปตั้งหลักใหม่ที่รัฐไอโอว่า
เหตุการณ์ตอนนี้   ลอร่าตัดออกจากนิยายของเธอทั้งหมด    เป็นได้ว่าเธอไม่อยากจะเก็บไว้ในความทรงจำ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 05 ม.ค. 14, 09:52

เส้นทางจากวอลนัทโกรฟ  ไปเมืองที่ลุงปีเตอร์อาศัยอยู่  และลงใต้ไปที่เบอร์โอ๊ค ในรัฐไอโอวา


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 06 ม.ค. 14, 08:07

ญาติๆของชาร์ลส์คอยสดับตรับฟังข่าวของชาร์ลส์กับครอบครัวอยู่เสมอ   แม้ว่าอยู่ห่างไกลกันคนละรัฐ  ทุกคนก็รู้ข่าวคราวกันและกันจากจดหมายที่เขียนถึงและส่งต่อๆกันไป  เพิ่มเติมข่าวคราวของแต่ละครอบครัวตรงท้ายจดหมาย     ทุกคนจึงรู้ว่าชาร์ลส์กับแคโรไลน์กำลังตกระกำลำบาก  คุณย่าเป็นห่วงมากที่ลูกชายลูกสะใภ้ไม่มีบ้านจะอยู่ในตอนนี้   คุณย่าถึงกับเขียนรำพึงรำพันกับญาติๆว่า ไม่รู้ว่าสองคนนี้จะลงหลักปักฐานได้ที่ไหน    ตั้งแต่อพยพจากวิสคอนซิน ก็มีแต่ตกระกำลำบากเรื่อยมา

อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็กน้อยวัย  8 ขวบอย่างลอร่า   ตราบใดที่มีพ่อแม่และพี่ๆน้องๆอยู่พร้อมหน้า  เธอก็ไม่รู้สึกว่าชีวิตลำบากยากแค้นมากนัก  ยิ่งเมื่อเดินทางไปถึงบ้านนาของลุงปีเตอร์ พบญาติๆคืออลิซ เอลลา  ปีเตอร์ อีดิธและแลนซฟอร์ด วัยใกล้เคียงกันอยู่พร้อมหน้า     ชีวิตก็กลายเป็นเรื่องสนุก เมื่อมีพี่ๆน้องๆให้เล่นด้วย

สองครอบครัวจำนวน 13 คนรวมอยู่ในบ้านเดียวกัน   ลุงปีเตอร์ขอให้ชาร์ลส์พักอยู่ด้วยตลอดฤดูร้อน เพราะงานที่โรงแรมจะเริ่มตอนฤดูใบไม้ร่วง    ชาร์ลส์ช่วยปีเตอร์ทำงานในนา  แคโรไลน์กับอีไลซ่าทำงานบ้าน   ลูกสาวโตๆแล้วอย่างอลิซและแมรี่ช่วยแม่ทำงานบ้าน  ส่วนเด็กๆรุ่นกลางอย่างลอร่า เอลลาและปีเตอร์มีหน้าที่ต้อนวัวออกไปกินหญ้าในตอนเช้า และต้อนวัวกลับบ้านในตอนค่ำ   ลอร่ายังจำได้ถึงความสนุกสนานบนทุ่งหญ้าริมห้วยที่มีต้นพลัมขึ้นเกลื่อนกลาด เหมือนพลัมครี้กที่เธอจากมา     เด็กๆเก็บพลัมมากินกัน   เก็บแครปแอปเปิ้ลมาย่างไฟกินกันตามประสาเด็ก  พอเย็นก็ต้อนวัวกลับเข้าโรงนา จากนั้นก็รีดนมวัวก่อนจะกลับเข้าบ้านกินอาหารเย็น
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.054 วินาที กับ 19 คำสั่ง