อินเดียนแดงที่ดี คืออินเดียนแดงที่ตายแล้วอินเดียนแดงคือเจ้าของทุ่งกว้างและดินแดนอันไพศาลทางตะวันตก
แต่นักบุกเบิกไม่ยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าว
พวกเขาถือว่า อินเดียนแดงคือมารร้ายและอุปสรรคการขยายตัวไปชายแดน
สนธิสัญญาหรือข้อตกลงที่รัฐบาลกลางทำกับอินเดียนแดงในการแบ่งดินแดนทางตะวันตก
เป็นหลักการที่ไม่อาจยอมรับได้
“ชาวคริสเตียน”จะปล่อยดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ให้ตกอยู่ในกำมือของคนป่าเถื่อนได้อย่างไร
ความขัดแย้งระหว่างคนขาวและคนอินเดียนแดงจุดชนวนสงครามครั้งแล้วครั้งเล่า
และดินแดนตะวันตกก็คือที่มาของตำนานนิยายอันเลื่องชื่อของการกดขี่เอาเปรียบที่ชนชาติหนึ่งมีต่ออีกชนชาติหนึ่ง
ลอราไม่อาจอธิบายความขัดแย้ง พื้นฐานและปัญหาที่ซับซ้อนซ่อนเร้นระหว่างอารยธรรมความเจริญของ
คนขาวที่ก้าวหน้าทางเทคนิค อาวุธและความกระหายทางเศรษฐกิจ
กับอารยธรรมรวมหมู่ที่เป็นอิสระของอินเดียนแดงได้
แม้จะมีมนุษยธรรมในหัวใจ แต่การสังกัดในกลุ่มของชาวผิวขาวผู้มุ่งหวังประโยชน์
ก็มีส่วนให้ทัศนะการมองปัญหาของเธอเป็นไปในทำนองคล้ายๆกับที่มิสซิสสก็อตพูดออกมา
“...แผ่นดินย่อมรู้ดีว่า พวกอินเดียนแดงไม่เคยได้ทำผลประโยชน์อะไรเลยกับผืนแผ่นดินนี้
ได้แต่เที่ยวเร่ร่อน พเนจรไปเหมือนสัตว์ป่า
สนธิสัญยงสัญญาอะไรฉันไม่รู้ด้วยละ
แผ่นดินควรจะเป็นของคนที่เขาถากไถทำไร่ทำนาซี
ว่ากันตามเหตุผลและความยุติธรรมมันก็ควรจะเป็นอย่างนี้..”
เธอไม่ทราบว่ารัฐบาลไปทำสนธิสัญญากับพวกอินเดียนแดงทำไม
อินเดียนแดงที่ดีคืออินเดียนแดงที่ตายแล้วเท่านั้นพอนึกถึงอินเดียนแดงขึ้นมาทีไร เธอรู้สึกว่าเลือดเย็นชาวาบไปทั้งตัว เธอบอกว่า
“ฉันลืมการประหัตประหารครั้งใหญ่ที่มินเนโซต้าไม่ได้เลย
พ่อของฉันและพี่ชายของฉันออกไปพร้อมกับพวกอพยพอื่นๆ
ไปรบและยั้งมันห่างจากที่เราอยู่สัก ๑๕ ไมล์เท่านั้น
ฉันได้ยินพ่อเล่าบ่อยๆว่ามัน.....แม่กระกระแอมเสียงแหลมๆอยู่ในคอและมิสซิสสก็อตก็หยุดเล่า
(บ้านเล็กในทุ่งกว้าง หน้า ๔๓๗)
คงเป็นการยากที่จะลืมการประหัตประหารครั้งนั้น (ค.ศ. ๑๘๖๔)
เพราะการประหัตประหารครั้งนั้นมันเป็นปฎิบัติการที่ป่าเถื่อนนองเลือด
และนำมาซึ่งความด่างพร้อยในประวัติศาสตร์ของชาวผิวขาวในสหรัฐฯ
กองทหารภายใต้การนำของพันเอกชิวิงตันเข้าล้อมค่ายอินเดียนและบุกโจมตีค่ายอินเดียนแดง ๕๐๐ คนที่หลับสนิทเมื่ออรุณรุ่ง
มันเป็นการล้อมปราบที่โหดเหี้ยมทารุณเพราะแม้แต่เด็กและผู้หญิงที่หลบหนีเข้าไปในถ้ำก็ถูกกระชากลากออกมายิงและแทง
“พวกเขาถูกถากหนังหัว” พยานที่เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งให้การ “สมองทะลักอออกมาข้างนอก"
"พวกทหารใช้มีดจ้วงแทงผู้หญิง ซวกตีเด็กเล็กๆ ตีที่หัวด้วยด้ามปืนเลย”
กรณีสังหารหมู่ชิวิตัน (The Chivington Massacre)จุดชนวนสงครามหนึ่งตลอดฤดูหนาวระหว่างปี ค.ศ. ๑๘๖๕-๑๘๖๗
เรื่องราวเกี่ยวกับอินเดียนแดงที่ลอราเล่า
ทำให้ผู้อ่านระลึกได้ว่า บ้านเล็กตั้งอยู่ในดินแดนของพวกอินเดียนแดง
อินเดียนแดงดังกล่าวคือเผ่าโอเสจและอาณาจักรเดิมของเผ่าครอบคลุมตั้งแต่อ่าวเม็กซิโกถึงแม่น้ำมิสซูรี
และจากแม่น้ำมิสซิสซิปปี้จรดเทือกเขาร้อคกี้
จากสนธิสัญญาข้อตกลงและการหลอกลวงของคนขาว
อาณาจักรอันกว้างใหญ่ของเผ่าโอเสจเริ่มหดแคบลงทีละน้อย
เมื่อกระแสของผู้อพยพทะลักสู่ภาคใต้ของแคนซัสในปี ค.ศ.๑๘๖๙
(ซึ่งมีชาร์ลส์ อิงกัลล์ส รวมอยู่ด้วย)
ดินแดนของเผ่าโอเสจเหลือเพียงส่วนที่เรียกว่า “ดินแดนสงวนที่หดแคบ” (Diminished Reverse)
กระนั้นคนขาวก็ยังรุกล้ำเข้าไปในดินแดนดังกล่าว
และเห็นได้ชัดว่าพวกอินเดียนแดงถูกรุกรานแย่งชิงแผ่นดินที่อาศัย
ค่ายถูกเผาผลาญ ทรัพย์สินถูกยึด สัตว์ป่าหายากลง ฯลฯ
แต่กลับมีฟาร์ม ทุ่งนา โบสถ์ ถนน เข้ามาแทนที่
และมีทางเลือกอยู่ ๒ ทางสำหรับชาวอินเดียนแดง คือ หนีหรือสู้
อินเดียนแดงที่เข้ามาในบ้าน ท้องทุ่งที่ถูกเผา
ซึ่งมิสเตอร์เอ็ดเวิร์ดส์เชื่อว่า เป็นเจตนาของพวกอินเดียนแดงที่จะคลอกฝรั่งให้ตาย
สัตว์เลี้ยงถูกขโมย การประชุมปรึกษาและเสียงโห่ร้องคืนแล้วคืนเล่า และเหตุการณ์อื่นๆ
อาจกล่าวได้ว่าเป็นยุทธศาสตร์ของสงครามประสาท (A War of Nervous)ที่อินเดียนแดงต้องการขู่คนขาวให้กลัว
แต่เมื่อล้มเหลว และจากการพิจารณาอย่างรอบคอบของชาวอินเดียนแดง
การอพยพก็เริ่มต้นขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า
วันแล้ววันเล่าที่พวกอินเดียนแดงเดินทางผ่านท้องทุ่งสีทอง มุ่งหน้าไปตะวันตกอย่างไม่ขาดสาย
ลอรารู้ว่าพวกอินเดียนแดงจะไม่กลับมาอีก
“แต่พ่อจ๊ะ หนูคิดว่าที่นี่เป็นที่ทางของพวกอินเดียนแดงเขา พวกอินเดียนแดงเขาไม่โกรธแย่หรือจ๊ะที่เขาต้อง...”
“ไม่ถามอีกละ ลอรา” พ่อพูดหนักแน่น “นอนเสียเถอะ” (บ้านเล็กในทุ่งกว้าง หน้า ๔๖๓)
หากเราจะถามลอราว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับอินเดียนแดงในดินแดนตะวันตกโน้นอีก
บางทีเธออาจจะไม่ได้ยินหรือหาคำตอบไม่ได้
เพราะประวัติศาสตร์ของชาวอินเดียนแดงหรือคนผิวดำนั่น
คนขาวมักแกล้งทำเป็นลืมหรือพยายามทำให้ถูกลืมไปเสีย
ลอราพูดถึงความ ขัดแย้งของชาวอินเดียนแดงหลายๆเผ่า
โดยตัวเธอเองไม่ทราบรายละเอียดในส่วนนี้เลย
เธอเพียงอาศัยข้อมูลและเรื่องราวที่ได้มาจากพ่อ
ดังนั้น ผู้อ่านจึงอาจสังเกตได้ถึงความคิด ความสงสัย
ที่แย้งกันอยู่ในใจของลอราเกี่ยวกับความรู้ที่เธอมีต่อชาวอินเดียนแดง
แต่เธอมิได้เอาใจใส่กับเรื่องนี้มากนัก