ข้อสรุปของคุณtitaชัดเจน ผมขออนุญาตแสดงความเห็นเพิ่มเติม
๑.. เหตุการณ์ที่ มจ. ฉวีวาด ลอบหนีออกจากพระนครไปกับนายเวรผึ้ง (สันนิษฐานว่าเป็นชาวเขมร) เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๒ อนุมานจากข้อมูลโครงกระดูกในตู้โดยเทียบจากอายุของ มจ. คำรบ ที่เล่าว่าอายุ ๘ ปี ขณะเกิดเหตุ
๒. เข้าใจว่าขณะเกิดเหตุ มจ. ฉวีวาด ยังประทับอยู่ที่วังของพระสวามี คือกรมหมื่นวรวัฒน์สุภากร อนุมานจากข้อมูลที่พระองค์เจ้ามาลิกาเล่าว่าทรงถามว่าทิ้งผัวทิ้งแม่ ประการหนึ่ง อีกประการคือถ้าประทับที่วังวรจักรเมื่อเกิดเหตุ มจ. คำรบ น่าจะมีข้อมูลเรื่องนี้เล่าประทานโอรสด้วย
๓. เมื่อเหตุเกิดที่วังของกรมหมื่นวรวัฒน์สุภากร กรมวังน่าจะมาเกาะกุมตัวญาติใกล้ชิดของ มจ. ฉวีวาด คือมารดา – ม.ร.ว. ดวงใจ ไปสอบหาข้อเท็จจริง จนถึงขั้นลงทัณฑ์ อาจจะรับโทษโบย (ตั้ง ๓๐ ที หนักพอสมควรสำหรับหญิงกลางคน) หรือติดสนมจองจำ
เมื่อชายาหายไป และเป็นไปได้อีกว่าหายไปกับนายเวรผึ้ง โดยนายเวรผึ้งนั้นเป็นข้าราชการวังหน้า หรืออาจจะเป็นข้าในวังของกรมหมื่นวรวัฒน์สุภากรนั่นเองแหละ ท่านก็จำเป็นต้องแจ้งกรมวัง มิฉะนั้นท่านเองก็นั่นแหละที่จะมีความผิด
เมื่อสืบเสาะหาตัว ก็แน่นอนที่คนทางวังวรจักร โดยเฉพาะหม่อมแม่หรือหม่อมย่าของผู้เขียนจะต้องทราบ และน่าจะเตรียมตัวเตรียมใจเผื่อจะต้องรับโทษทัณฑ์ตามกฎมณเฑียรบาลจริงๆ ลูกๆทั้งหลายน่าจะได้รับการฝากฝังกันแล้วล่วงหน้า
แม้เมื่อถูกคนของหลวงมาเกาะตัวไปลงทัณฑ์จริงๆ ผมเชื่อว่าในพ.ศ.นั้น ในวังคงไม่ได้ใช้วิธีทารุณกรรมที่ป่าเถื่อนแล้ว หลังสนธิสัญญาบาวริ่ง และข้อตกลงเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ก็แสดงว่าฝรั่งเห็นว่าคนไทยยังไม่เป็นอารยะก็ด้วยกฎหมายนี้แหละ ท่านจึงพยายามจะแก้ไขอยู่ ดังนั้น แม้กฎมณเฑียรบาลยังคงมีอยู่และต้องผดุงไว้เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ การเฆี่ยนก็คงจะมี แต่ว่ากันไปตามพิธีไม่กะให้ถึงเจ็บถึงตาย ยิ่งมีเงินมีทองเป็นสินน้ำใจให้พะธำมะรงด้วย เผลอๆเค้าก็จะเฆี่ยนให้หวายลงพื้นเป็นส่วนใหญ่อย่างชำนิชำนาญ
ส่วนที่ว่ายึดทรัพย์ ก็อาจเป็นแค่โทษปรับเอาเงินชดเชยให้กรมหมื่นวรวัฒน์สุภากร ก็เล่นเอาสินสอดทองหมั้นท่านมาแล้ว วันดีคืนดีกลับหนีตามไอ้หนุ่มหน้ามลไปเฉย กฎหมายไทยสมัยโน้นให้ค่าผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ภรรยาทำอย่างนี้กับสามีเป็นโดนแน่
แล้วผมเคยอ่านเรื่องที่เจ้านายฝ่ายในหรือเจ้าจอมในสมัยรัชกาลที่๔ถูกจำสนม พนักงานจะเชิญสร้อยทองคำใส่พานมาคล้องข้อมือ และนำไปกักบริเวณไว้ จนถึงกำหนดปล่อยก็มิได้ชอกช้ำ แต่ถือว่าเป็นความซวยมากกว่า ออกมาได้ต้องทำบุญรดน้ำมนต์ล้างเสนียดจัญไรกันยกใหญ่
ถ้าเฆี่ยนกันจริงๆ ๓๐ ทีนี่ หม่อมย่าซาโยนาระแน่ และม.จ.ฉวีวาดคงไม่มีวันกลับมาดูหน้าญาติพี่น้องได้ แต่นี่ ท่านกลับมารับมรดกด้วยนะ ไม่ยักกะถูกตัดหางปล่อยวัดไปแล้ว แสดงว่าหม่อมแม่มีความเป็นอยู่ดีพอสมควร ลูกสาวที่อยู่ในวังคงผลัดกันส่งอาหารไม่ขาดสักมื้อ ไม่นานก็พ้นโทษ