เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 24 25 [26] 27
  พิมพ์  
อ่าน: 154210 โครงกระดูกในตู้ โดยคึกฤทธิ์ : ข้อเท็จจริงจากการชันสูตร
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 375  เมื่อ 24 ก.พ. 16, 22:20

ไกรทอง ที่เป็นพระราชนิพนธ์ละครนอก ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ระบุไว้ในเรื่องว่า เหตุเกิดที่เมืองพิจิตร
เห็นได้จากตอนที่ไกรทองตัดสินใจจะพานางจระเข้วิมาลาขึ้นไปอยู่ด้วยกันที่บ้านของไกรทอง ในเมืองพิจิตร

ลื่องลืออื้ออึงพี่จึงมา              หวังจะพาไปชมคารมใหญ่
ให้ฟุ้งเฟื่องทั้งเมืองพิจิตรไว้      เขาจะได้ชมรสวาจา
จะชมทั้งกิริยามารยาท      เชื้อชาติโฉมนางต่างภาษา
เจ้าจะได้เห็นหัวผัวกุมภา      อยู่ที่ศาลเทวาอารักษ์บน
รำลึกถึงเมื่อไรจะไปเยือน      ก็พอเคลื่อนคลายได้ไม่ขัดสน
ล้วนหนุ่มหนุ่มประชุมชอบกล      เขาเคยไปบวงบนบูชา

ก็แสดงว่าเมืองพิจิตรเป็นฉากหลังมาตั้งแต่รัชกาลที่ ๒   ไม่ใช่มาเป็นในสมัยนายพานดุรี
อีกอย่างหนึ่ง ไม่เคยเห็นหลักฐานว่านายพานดุรีเป็นนักเล่านิทาน    มีแต่ว่าเป็นหมอสักยันต์ค่ะ
บันทึกการเข้า
แมวเซา
อสุรผัด
*
ตอบ: 44


ความคิดเห็นที่ 376  เมื่อ 24 ก.พ. 16, 23:06

ขอบพระคุณครับอาจารย์ เป็นอันว่าชาละวันเขมรคงไม่ได้ย้อนกลับมาแพร่พันธุ์ในไทย  แต่นายนุดนี่แกตัวแสบไม่เบาและแกต้องขึ้นมาถึงวัดท่าทอง เมืองอุตตรดิตถ์(บางโพธิ์) เพราะแม่ชีฉวีวาดนั้นท่านถูกลูกชายแกมาขโมยเอาโฉนดที่ท่านสามารถเอาไปแลกเป็นเงินทองเพื่อใช้สอยและทำบุญของท่านได้(ชาวบ้านเล่าว่าเป็นกระดาษแบบโฉนด)
เล่ากันว่าท่านเสียใจมากหลังจากนั้นจึงมีหลานท่านมารับกลับมาอยู่กรุงเทพฯ
ส่วนนายนุดนั้นยังพอมีได้ยินเรื่องหมอสักยันต์จอมขมังเวทย์เขมรอยู่บ้าง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 377  เมื่อ 25 ก.พ. 16, 09:40

ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง  ขอปะติดปะต่อดังนี้ค่ะ
๑   ยังนึกทางอื่นไม่ออกว่านายพานดุรีนุด เอาโฉนด(ที่ดิน?) ของท่านแม่ไปแปรสภาพเป็นเงินทองได้ยังไง  นอกจากปลอมลายเซ็น เอาไปจำนอง   โดยไม่ต้องพาแม่ไปหาเจ้าหนี้
๒  ท่านหญิงคงจะเขียนจดหมายไปบอกถึงความคับแค้นใจ ให้หลานทางกรุงเทพทราบ    คุณชายคุณหญิงคนใดคนหนึ่งจึงมารับกลับไปอยู่ด้วยกัน   
๓  ในช่วงเวลานั้นไม่แน่ใจว่าม.ร.ว.คึกฤทธิ์อยู่ที่ไหน   น่าจะอยู่คนละบ้าน   จึงไม่ได้พบท่านป้า ในช่วงคุณชายหลานเป็นหนุ่มแล้ว
๔  ขอเดาว่า ท่านป้าฉวีวาดคงปกปิดเรื่องลูกชายตัวแสบไม่ให้หลานอื่นๆรู้   เพราะมีแต่ผลเสียกับท่าน    ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ก็เลยไม่รู้เรื่องเจ้าเก๊รายนี้ว่าตามมารังควานแม่ถึงพิจิตร
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 378  เมื่อ 25 ก.พ. 16, 14:38

ขอบพระคุณครับอาจารย์ เป็นอันว่าชาละวันเขมรคงไม่ได้ย้อนกลับมาแพร่พันธุ์ในไทย  แต่นายนุดนี่แกตัวแสบไม่เบาและแกต้องขึ้นมาถึงวัดท่าทอง เมืองอุตตรดิตถ์(บางโพธิ์) เพราะแม่ชีฉวีวาดนั้นท่านถูกลูกชายแกมาขโมยเอาโฉนดที่ท่านสามารถเอาไปแลกเป็นเงินทองเพื่อใช้สอยและทำบุญของท่านได้(ชาวบ้านเล่าว่าเป็นกระดาษแบบโฉนด)
เล่ากันว่าท่านเสียใจมากหลังจากนั้นจึงมีหลานท่านมารับกลับมาอยู่กรุงเทพฯ
ส่วนนายนุดนั้นยังพอมีได้ยินเรื่องหมอสักยันต์จอมขมังเวทย์เขมรอยู่บ้าง

ข้างบนนี้ คุณแมวเซาไปเอามาจากไหนครับ
บันทึกการเข้า
แมวเซา
อสุรผัด
*
ตอบ: 44


ความคิดเห็นที่ 379  เมื่อ 25 ก.พ. 16, 22:57

เรื่องแม่ชีฉวีวาด แม่เล่าให้ฟังและญาติๆหลายคนยืนยันได้(แม่ผมอายุ 91ปีทันได้เจอและเข้ากราบไหว้แม่ชี)  ส่วนเรื่องหมอเขมรได้ฟังจากพ่อซึ่งเป็นเด็กวัดท่าทองตั้งแต่เล็กๆครับ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 380  เมื่อ 26 ก.พ. 16, 07:13

ขอบคุณที่นำมาเล่าต่อครับ
บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 381  เมื่อ 26 ก.พ. 16, 09:24


สวัสดีครับ คุณแมวเซา
เรื่องเกร็ดประวัติศาสตร์ สงครามระหว่างไทย ญวน เขมร น่าจะนำมาเล่าต่อในเรือนไทยได้นะครับ
บันทึกการเข้า
แมวเซา
อสุรผัด
*
ตอบ: 44


ความคิดเห็นที่ 382  เมื่อ 26 ก.พ. 16, 09:27

ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง  ขอปะติดปะต่อดังนี้ค่ะ
๑   ยังนึกทางอื่นไม่ออกว่านายพานดุรีนุด เอาโฉนด(ที่ดิน?) ของท่านแม่ไปแปรสภาพเป็นเงินทองได้ยังไง  นอกจากปลอมลายเซ็น เอาไปจำนอง   โดยไม่ต้องพาแม่ไปหาเจ้าหนี้
๒  ท่านหญิงคงจะเขียนจดหมายไปบอกถึงความคับแค้นใจ ให้หลานทางกรุงเทพทราบ    คุณชายคุณหญิงคนใดคนหนึ่งจึงมารับกลับไปอยู่ด้วยกัน  
๓  ในช่วงเวลานั้นไม่แน่ใจว่าม.ร.ว.คึกฤทธิ์อยู่ที่ไหน   น่าจะอยู่คนละบ้าน   จึงไม่ได้พบท่านป้า ในช่วงคุณชายหลานเป็นหนุ่มแล้ว
๔  ขอเดาว่า ท่านป้าฉวีวาดคงปกปิดเรื่องลูกชายตัวแสบไม่ให้หลานอื่นๆรู้   เพราะมีแต่ผลเสียกับท่าน    ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ก็เลยไม่รู้เรื่องเจ้าเก๊รายนี้ว่าตามมารังควานแม่ถึงพิจิตร
เรื่องแม่ชีฉวีวาด เป็นเรื่องที่รู้กันดีในกลุ่มญาติพี่น้องใกล้ชิดของหลวงตาทองดำอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าทอง(คือบ้านป่ายาง) เพียงแต่ไม่เคยทราบที่มาที่ไปของแม่ชีนักเพราะท่านก็ปกปิดตัวเองเหมือนกัน แต่เป็นที่ยืนยันกันว่าท่านเป็นเจ้าจริงๆ
 วัดท่าทองนั้นเป็นวัดใหม่ในสมัยนั้นเจ้าอาวาสแต่ละองค์ก็เป็นพระหนุ่มๆและเป็นทหารม้าประจำเมืองอุตรดิตถ์(อยู่ข้างๆสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตั้งขึ้นมาเมื่อเกิดกบฏเงี้ยวเมืองแพร่)การที่แม่ชีมาอยู่ที่วัดนี้ในสมัยนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับพระองค์เจ้าคำรบที่เป็นผบ.ทหารทางเหนืออยู่ด้วย ส่วนมรว.คึกฤทธิ์ท่านยังเด็กมาก
ตอนนั้นการเดินทางมีรถไฟสายเหนือถึงอุตรดิตถ์แล้วครับ การที่มีข่าวว่าแม่ชีท่านไปถึงเมืองอุดรฯและบางโพ(อุตรดิตถ์)ก็คงเดินทางด้วยรถไฟความสัมพันธ์ของอุตรดิตถ์กับอุดรธานีผมคิดว่าอยู่ตรงที่กลุ่มของผู้คนครับ
เรื่องโฉนดที่แม่ผมพูดถึงนั้นอาจจะเป็นตั๋วแลกเงินก็ได้นะครับ และน่าจะเกี่ยวข้องกับการขายที่ดินบริเวณตลาดคลองถมครับ(เรื่องในกรุงต้องขอความกรุณาจากท่านผู้รู้ละครับ)
บันทึกการเข้า
ninpaat
ชมพูพาน
***
ตอบ: 167


ความคิดเห็นที่ 383  เมื่อ 26 ก.พ. 16, 09:48

ขอขอบคุณ คุณแมวเซา ที่กรุณาเล่า ที่มาที่ไปในเรื่องต่างๆ ทำให้เกิดความเชื่อมโยงต่อเนื่องของเหตุการณ์ ได้ดีจริงๆครับ
บันทึกการเข้า
แมวเซา
อสุรผัด
*
ตอบ: 44


ความคิดเห็นที่ 384  เมื่อ 26 ก.พ. 16, 09:57

สวัสดีครับคุณKoratian ผมมีปัญหากับคอมพิวเตอร์ติดไวรัสเลยไปหลงไหลกับเฟสบุ็คน่ะครับ ยิงฟันยิ้ม 
แต่ยังไม่ลืมจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสงครามสมัยร.3นะครับโดยเฉพาะเส้นทางการเดินทางเดินทัพของสมัยนั้นเวลาไปถึงสถานที่แต่ละแห่งเพียงแค่เห็นว่าชื่อเดิมยังคงอยู่นี่ผมก็รู้สึกถึงประวัติศาสตร์รู้สึกถึงผู้คนที่เคยเกี่ยวข้องในสมัยนั้น(ด้วยความเคารพนะครับ พวกเขาล้วนเป็นบรรพชนของคนไทยสมัยนี้)
ช่วงนี้ผมก็จะตระเวณไปทางอีสานบ่อยๆถ้าได้เก็บรูปภาพไว้พอควรแล้วจะเอามาเขียนและคุยเป็นเพื่อนครับ ยิ้มกว้างๆ

ขอบคุณ คุณninpaatครับ ผมได้เห็นเรื่องราวที่ทำให้งนงงสงสัยมาตั้งแต่เด็กๆแต่สังคมไทยเดิมๆบ้านนอกไปถามอะไรผู้ใหญ่มากก็ไม่ได้(จะโดนเพ่นกะบานเอา) พอมีโอกาสมาเรียนกรุงเทพจนได้มีโอกาสเลือกสถานที่ทำงานผมเลือกมาทำงานที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติซะเลยครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 385  เมื่อ 26 ก.พ. 16, 10:12

ไม่เคยรู้ว่าไทยมีตั๋วแลกเงินด้วย  นึกว่ามีแต่เช็คกับดราฟต์   
อยากเห็นหน้าตาว่าเป็นยังไง   เหมือนในหนังจีนไหมคะ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 386  เมื่อ 26 ก.พ. 16, 18:35

ตั๋วเงิน หรือหนังสือสัญญาใช้เงินไม่ใช่เรื่องยากครับ บริษัทหรือธนาคารถ้าออกบ่อยๆก็สามารถพิมพ์ตามรูปแบบของตนดังต้องการได้เลย ดังตัวอย่างซ้ายมือ ซึ่งทุกวันนี้มีขายสำเร็จรูป แต่ถ้าเป็นนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดานานๆจะออกทีก็สามารถเขียนหรือพิมพ์ตามตัวอย่างด้านขวามือได้ แต่ต้องระบุถ้อยความสำคัญที่กฏหมายต้องการให้ครบถ้วน

ผมคิดว่าสมัยที่หม่อมเจ้าฉวีวาดยังทรงมีชีวิตอยู่ หัวเมืองไทยคงยังไม่มีโฉนดที่ทางราชการออกให้ น่าจะครอบครองมือเปล่าโดยมีกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านเป็นพยาน รับรู้ว่าที่ดินของใครอยู่ที่ไหน มีอาณาเขตอย่างไร การซื้อขายที่ดินก็แค่ทำหนังสือข้อตกลงซื้อขายกัน แล้วนำไปให้ผู้ใหญ่บ้านลงนามเป็นพยาน

หากนายพานคุลีโขมยหนังสือนี้ไปจริง ก็คงตกลงกับผู้ซื้อไว้ก่อนหน้าแล้ว พอโขมยหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ของแม่มาได้ก็เอาไปผู้ซื้อ พากันไปหาผู้ใหญ่บ้าน เสียเงินเสียทองจิ้มก้องเสียหน่อย ก็คงให้ผู้ใหญ่บ้านลงนามเป็นพยานซื้อขายที่ดินได้ครับ

หม่อมแม่คงไม่มีปํญญาไปฟ้องร้องเอาคืนกับใคร


บันทึกการเข้า
แมวเซา
อสุรผัด
*
ตอบ: 44


ความคิดเห็นที่ 387  เมื่อ 26 ก.พ. 16, 20:38

ตั๋วสัญญาใช้เงินยุคก่อนออกโดยธนาคารเอาไว้แลกเปลี่ยนซื้อขายกันได้ครับที่ภาษาไทยเรียกว่า"หมาย"


บันทึกการเข้า
นางมารน้อย
พาลี
****
ตอบ: 306


ทำงานแล้วค่ะ


ความคิดเห็นที่ 388  เมื่อ 29 ก.พ. 16, 14:36

มาลงชื่อเข้าเรียน ไล่อ่านใหม่ตั้งแต่ต้นจบจบค่ะ

ได้รับความรู้มากมายอีกแล้วสำหรับกระทู้นี้ รวมถึงวิธีการวิเคราะห์งานเขียนของท่านอ.เทาชมพูด้วย ล้ำลึกมากจริงๆ แสดงว่าคนเป็นบรรณาธิการนี่ไม่ใช่งานง่ายๆเลยนะคะคะนี่
บันทึกการเข้า

สวัสดีทุกๆท่านค่ะ
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 389  เมื่อ 29 ก.พ. 16, 15:41

 ยิ้มกว้างๆ


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 24 25 [26] 27
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.076 วินาที กับ 19 คำสั่ง