ก่อนจะไปเที่ยววัด วัง และบ้านเมืองของพม่าต่อ มาทำความรู้จักกับชื่อเรียกชนชาติ ภาษา และประเทศก่อนดีกว่า
คนไทยรู้จักเพื่อนบ้านทางทิศตะวันตกของเรามานานแล้วในนาม "พม่า" แต่ชื่อที่เจ้าตัวใช้เรียกตนเอง มีหลักฐานตั้งแต่สมัยอาณาจักรพุกามคือ "เมียนมา" หรือ "มยันมา"
ส่วนฝรั่งเรียกชื่อ "เมียนมา" เพี้ยนเป็น "Burma" เหตุที่ฝรั่งเรียกไปอย่างนั้น มีข้อสันนิษฐาน ๓ ประการคือ๑. มาจากชื่อที่แขกอินเดียที่เรียกพม่าว่า บระมา
๒. มาจากสำเนียงยะไข่ที่อยู่ในรัฐอาระกัน (รัฐยะไข่) เพราะเมื่อชาวโปรตุเกสเข้ามาติดต่อกับพม่าในปลายคริสตศตวรรษที่ ๑๗ ได้จ้างชาวยะไข่เป็นล่ามภาษาพม่า ฝรั่งจึงเรียกพม่าตามสำเนียงท้องถิ่นยะไข่ และเมื่ออังกฤษเข้ามาสัมพันธ์กับพม่าในต้นศตวรรษที่ ๑๙ จึงอาจจะเรียกพม่าตามฝรั่งโปรตุเกสอีกทอดหนึ่ง
๓. มาจากภาษาพม่าสำเนียงปักษ์ใต้ ที่เมืองทะวายในจังหวัดตะนาวศรี ชาวพม่าที่นั่นมักจะพูดแบบแปรเสียงและกร่อนเสียง พยัญชนะควบกล้ำ มร/มย มักจะออกเสียงเป็น บย/บ เมื่อฝรั่งมาติดต่อค้าขายกับชาวพม่าทางแถบตะนาวศรีจึงเรียกเมียนมาเพี้ยนไปเป็น Burma
และทำไมไทยเราจึงเรียก "เมียนมา" เป็น "พม่า"สันนิษฐานได้อีก ๒ ประการคือ๑. มาจากภาษาพม่าสำเนียงปักษ์ใต้ ซึ่งมีการแปรเสียงกร่อนเสียง ทำให้คำว่า เมียนมา กลายมาเป็น บะมา แต่เหตุที่ไทยเลือกใช้ พ แทนที่จะเลือกใช้ บ ตามสำเนียงของพม่าปักษ์ใต้นั้น อาจเพราะเรารับชื่อพม่าผ่านทางภาษาเขียนของฝ่ายมอญ เพราะมอญปัจจุบันเขียนพม่าเป็นอักษรมอญเทียบอักษรไทยได้ว่า พมา (ไม่มีไม้เอก) แต่ทางมอญจะอ่านคำนี้ว่า เปียะเมี่ย
๒. มาจากภาษาเขียนของพม่าโดยตรงในสมัยที่พม่าได้ติดต่อกับชาวยุโรปบ้างแล้ว คือหลังจากที่เมียนมาเพี้ยนเป็น Burma แล้ว
นอกจากชื่อพม่าที่เรารู้จักกันดีแล้ว ไทยทางฝ่ายเหนือมักคุ้นเคยกับชื่อพม่าในนาม "ม่าน" ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกตามชาวไทใหญ่ คำว่า "ม่าน" จึงอาจเพี้ยนมาจากพยางค์แรกของคำว่า "เมียนมา"
เมื่อพิจารณาความหมายของคำว่า เมียนมา หรือ มยันมา นักปราชญ์ของพม่าก็ได้พยายามตีความหารากเดิมของศัพท์ไปต่าง ๆ กัน บ้างก็ว่าคำว่าเมียนมาน่าจะมาจากคำว่า พรหมา บ้างก็ตีความว่าเมียนมาน่าจะเป็นคำประสมระหว่างคำว่า "มรน์ หรือ เมียน" กับ คำว่า "มา" คำว่า มรน์ อ่านว่า มยัน แปลว่า "รวดเร็ว" หรืออาจเพี้ยนมาจากคำว่า มรง์ อ่านว่า มยีง์ แปลว่า "ม้า" ความหมายนี้สอดคล้องกับคำว่า กอล์ ที่พวกฉิ่นใช้เรียกพม่า ซึ่งพบความหมายเฉพาะในภาษานาคาแปลว่า "ม้า" เช่นกัน ส่วนคำหลังคือ มา แปลว่า "แข็งแรง" หรือ "เก่ง" หรือ "ชำนาญ" ความหมายของเมียนมาจึงเป็น "ชำนาญปราดเปรียว" หรือ "เข้มแข็งฉับไว" หรือไม่ก็อาจมีความหมายว่า "ม้าที่องอาจ" จึงนับเป็นความหมายที่สอดคล้องกับความเก่งกล้าของพม่าในการสงคราม และชื่อเสียงของกองทัพม้าอันเกรียงไกรในอดีต ถือเป็นความสำเร็จของนักปราชญ์พม่าที่หาความหมายในด้านดี ตรงกับความภาคภูมิใจของชนร่วมชาติที่มีต่อนักรบผู้เก่งกล้าของตน ผู้เริ่มจำแนกคำเมียนมาเพื่อหารากศัพท์เดิมเป็นสงฆ์พม่า นามว่า ทุติยจ่ออ่องซังทาซยาด่อ (พ.ศ. ๒๓๑๒) ส่วนผู้กล่าวถึงความหมายของคำดังกล่าวในเชิงชาตินิยมคือ อูโพลัต (พ.ศ. ๒๕๐๖) เหตุผลในการเปลี่ยนนามประเทศของพม่านั้น จึงดูคล้ายกับการวิจารณ์ถึงชื่อสยามว่าเป็นคำที่ต่างชาติใช้เรียกแผ่นดินไทย ขณะเดียวกันก็ตีความหมายของคำว่า "ไทย" ให้เป็นนามมงคล ว่าหมายถึง "อิสระเสรี" หรือ "ไม่เป็นทาส" นับเป็นการสะท้อนการรับใช้อุดมการณ์ชาตินิยม ที่สร้างความรู้สึกภาคภูมิใจในชาติตนเช่นเดียวกับพม่า
ในปัจจุบันคำว่า Myanmar หรือ เมียนมาร์ หรือ เมียนมา (ไม่มี ร์) หมายถึง ประเทศและประชาชนทั้งปวงทุกเผ่าพันธุ์ อันได้แก่ พม่า ฉาน กะฉิ่น ฉิ่น ยะไข่ คะยา กะเหรี่ยง มอญและชนส่วนน้อยอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศนี้ และกำหนดคำว่า Bamar หรือ บะมา จะใช้บ่งชี้เฉพาะชนเชื้อชาติพม่าแท้ ๆ เท่านั้น ซึ่งเดิมทีนั้นเคยใช้คำว่า Burman ส่วนภาษาพม่าให้เขียนว่า Bamar Language, Myanmar Language หรือ Myanmese Language โดยเปลี่ยนจากเดิมที่ใช้ว่า Burmese Language ดังนั้นคำที่พม่าขอให้เลิกใช้ คือ Burma Burman และ Burmese ให้ใช้เฉพาะ Myanmar และ Bamar แทน
ข้อมูลจากบทความเรื่อง
เมียนมา : นามใหม่ของพม่าในทัศนะเชิงชาตินิยม ของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิรัช นิยมธรรม ผู้อำนวยการศูนย์พม่าศึกษา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
สรุปว่าชื่อประเทศ Myanmar หรือ เมียนมาที่ "พม่า" ใช้อยู่เป็นทางการในขณะนี้เทียบได้กับชื่อประเทศสยามที่เราเคยใช้เรียกชื่อประเทศเราในอดีต คือหมายถึงประชาชนทุกเผ่าพันธุ์ในประเทศ ในขณะที่ชื่อ Bamar หรือ บะมา เทียบได้กับ "ไทย" ซึ่งเราใช้เรียกชื่อประเทศในขณะนี้ซึ่งเป็นชื่อเผ่าพันธุ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศนั่นเอง