คุณยายบางแค
ขออนุญาตนะคะ ดิฉันสมัครสมาชิกมาใหม่เอี่ยม ผิดถูกประการใดก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า
ดิฉันมีหนังสือเล่มนี้ของคุณชายคึกฤทธิ์ฯ อยู่ที่บ้าน เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อน แล้วก็ได้มาอ่านเรื่องนี้ที่เวปนี้อีกครั้ง และก็ได้อ่านบางความเห็นที่ท่าน ๆ ผู้ทรงความรู้ทางประวัติศาสตร์กำลังถกกันผ่านหน้าเวปของเรือนไทย
ดิฉันก็ขอท้วงสักนิดเถอะนะคะว่า สิ่งที่ท่านกำลังพูดถึงขณะนี้ เป็นเพียงสิ่งที่ท่านคิด และคาดการณ์ โดยมีหลักฐานที่ยังไม่อาจเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบนักประกอบการพูดคุย แต่หากว่ามีการพาดพิง กล่าวถึงในด้านที่ไม่ดี หรือ ด้านที่ท่านคิดว่าไม่เหมาะสม ถึงบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว โดยที่เขาเหล่านั้นไม่มีโอกาสกลับมาอธิบายได้เลย มันจะดีหรือคะ
ดิฉันอ่านเวปเรือนไทยวิชาการมานานหลายปี ทั้งนับถือและ นิยมชมชอบทุกท่านที่ช่างวิริยะอุตสาหะ สรรหาความรู้สารพัดสารพันมาให้อ่าน แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกแปลก ๆ จนกระทั่งต้องสมัครสมาชิกมาเพื่อขออนุญาตเขียนความเห็นนี่แหละค่ะ
ประวัติศาสตร์เป็นวิชาว่าด้วยเรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้ว จะว่าไปเกือบจะร้อยละร้อยก็เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับผู้ล่วงลับไปแล้วทั้งนั้น ถ้าเรากล่าวถึงพวกท่านไม่ได้ละก็ คงป่วยการที่จะเรียนรู้ประวัติศาสตร์
อีกคำกล่าวหนึ่งที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆก็คือ ผู้ชนะเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ ความจริงแล้วหลายเหตุการณ์ในอดีตก็มีบันทึกกันไว้ทั้งฝ่ายชนะฝ่ายแพ้นั่นแหละ เพียงแต่ของฝ่ายผู้แพ้ถ้าไม่ถูกทำลายก็ถูกเก็บงำไว้ จนผ่านพ้นอำนาจของฝ่ายชนะแล้วจึงปรากฏขึ้น ทุกวันนี้นักประวัติศาสตร์สามารถหาอ่านได้ทั้งสองฝ่าย แล้วนำมาศึกษาเปรียบเทียบว่าอะไรเท็จอะไรจริง มันน่าสนุกที่จะวิเคราะห์ไตร่ตรองว่าคนอย่างตนควรจะเชื่อใคร
ตัวม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชเอง ท่านก็เป็นบุคคลสาธารณะ(สามารถวิจารณ์ด้วยความเคารพได้)ในประวัติศาสตร์ ที่สำคัญ ท่านเป็นนักเขียนระดับโลกขนาดยูเนสโก้ยังยกย่องไว้ด้วย ข้อเขียนในเชิงประวัติศาสตร์ของท่านอ่านสนุกได้ความรู้ทุกเล่ม แต่สมัยนี้เป็นโลกใหม่ในด้านการสื่อสาร นักศึกษาที่สนใจจริงๆอาจเข้าเวปไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเดินทางไปห้องสมุด ไม่ว่าจะที่วาสุกรีหรือแห่งใดในโลก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ใครจะค้นพบว่า ข้อมูลในหนังสือของท่านนั้นตามความจริงแล้วอาจเป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่เมื่อไม่มีใครเสียหายก็ไม่มีใครโวย
เจ้าพระยาพระคลัง(หน)ได้แปลพงศาวดารจีนออกมาสร้างภาพพจน์ให้โจโฉเป็นผู้ร้าย ต่อมาม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชท่านเอาหนังสือที่ฝรั่งแปลจากพงศาวดารจีนที่อีกฝ่ายหนึ่งบันทึก แล้วเขียน“โจโฉ นายกตลอดกาล”ออกมาสร้างภาพพระเอกให้ ส่วนโจโฉผู้วายชนม์ตัวจริงเป็นอย่างไรไม่ทราบ และไม่มีโอกาสกลับมาอธิบายได้เหมือนกัน ปล่อยให้คนอ่านเลือกเอาเองว่าจะเชื่อสำนวนของฝ่ายใด
ผมได้ยกตัวอย่างมาแล้วในคคห.ต้นๆว่า สิ่งที่ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชเขียนใน“โครงกระดูกในตู้”ว่าหม่อมเจ้าฉวีวาดท่านป้าของท่านเข้าร่วมในความตึงเครียดระหว่างวังหลวงกับวังหน้า โดยมีกงสุลน๊อกซ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จนเกิดเหตุระเบิดในวังหลวง เรื่องนี้ผมถือว่าท่านทำให้วังหน้าเสียหาย เพราะเอกสารที่โผล่ในสมัยในสมัยหลังเชื่อถือได้ว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ทั้งอังกฤษทั้งวังหน้าท่านไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชดำเนินเรื่องต่อไปว่า หลังเหตุการณ์นั้นหม่อมเจ้าฉวีวาดได้ลงเรือสำเภาลักลอบหนีไปเขมรโดยนำละครเจ้าจอมอำภาหลายสิบชีวิตไปด้วย โรงละครเขมรก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในดินแดนเขมร เพราะเกี่ยวเนื่องกับหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดหนีไปทั้งโรงละครนั่นเอง เรื่องนี้ก็ไม่จริง เพราะหลักฐานอื่นๆมากมายระบุว่ามีครูละครไทยไปฝึกละครให้เขมรตั้งแต่รัชกาลที่๓ และตลอดรัชกาลที่๔มาแล้ว ดังนั้นการที่ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมชตีขลุมว่าหม่อมเจ้าฉวีวาดท่านป้าของท่านเป็นผู้ทำให้โรงละครเขมรถือกำเนิดขึ้นในดินแดนเขมร ผมว่ามันน่าเกียจเกินไปหน่อย ที่สำคัญมีหลักฐานที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์ โผล่ขึ้นมาใหม่ทางอินเทอเน็ทก็คือ หนังสือกราบทูลที่กรมพระยาดำรงฯมีไปถวายกรมหมื่นลพบุรีฯซึ่งประทับตราหอจดหมายเหตุแห่งชาติ สร้างความชัดเจนว่าสถานภาพของหม่อมเจ้าฉวีวาดในความเป็นจริงแล้วเป็นอย่างไร
จึงเป็นที่มาของการวิเคราะห์ที่ต้องกระทบถึงบุคคลในอดีตที่ล่วงลับไปแล้วอย่างช่วยไม่ได้ ผมเห็นด้วยกับท่านอาจารย์เทาชมพูดังนี้ครับ
อยากให้คุณช่วยยกตัวอย่างค่ะ. ว่าเรื่องไหน หรือตรงไหนที่คุณเห็นว่าไม่สมควร. อ่านแล้วไม่เข้าใจ เพราะคุณยายบางแคพูดคลุมๆกว้างมาก จนดิฉันจับประเด็นไม่ถูกค่ะ
กรุณาบอกมาให้ชัดเจนกว่านี้หน่อยก็จะดี. จะได้อธิบายให้ตรงกับความข้องใจอย่างไรล่ะคะ
เช่นกัน หากคุณยายบางแคหรือท่านใดข้องใจจากข้อเขียนของผมตอนใด ผมขอโอกาสที่จะได้ชี้แจงด้วยครับ จะเป็นพระคุณ