เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9
  พิมพ์  
อ่าน: 36412 สิบสี่ตุลาครานั้น กับความทรงจำของแต่ละท่านในเรือนไทย
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12564



ความคิดเห็นที่ 105  เมื่อ 06 ต.ค. 20, 11:30

ร่วมรำลึก ๔๔ ปี เหตุการณ์ ๖ ตุลา ๒๕๑๙

ยิ่งไม่ตาย

ยังเจ็บปวดรวดร้าวคราวรำลึก
ยังอักอึกแน่นในไม่รู้หาย
ยังจำภาพติดตาไม่คลาคลาย
ยังสะท้อนยังเปล่าดายในใจตน

ผ่านมาแล้วเนิ่นนานเป็นกาลกัปป์
แต่ทุกอย่างยังเงียบหับเท่ากับต้น
ไม่มีปลายให้คลายคลี่มีแต่วน
เอาโน่นชนเอานี่แปะแพะทั้งมวล

เป็นไปได้อย่างไรประวัติศาสตร์
ทั้งแหว่งขาดวิ่นโหว่โชว์ปลายด้วน
ไม่มีใครหาญลบหรือทบทวน
ทุกสิ่งล้วนเป็นจริงสิ่งไม่ตาย

เธอตายแล้วตายลับดับแต่ร่าง
แต่ภาพจำยังสืบสร้างไม่เลือนหาย
ไม่เขียนให้เราใหม่ ไม่เสียดาย
เรายิ่งจำ ยิ่งไม่ตาย ไม่มีวัน
เรายิ่งจำ ยิ่งนิรันดร์ ยิ่งไม่ตาย

ชมัยภร แสงกระจ่าง
๖ ตุลาคม ๒๕๖๓
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33477

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 106  เมื่อ 06 ต.ค. 20, 13:50

    ในเหตุการณ์ ๖ ตุลานี้ นายธรรมนูญ เทียนเงินนับว่ามีบทบาทสำคัญด้วยผู้หนึ่ง เพราะเป็นผู้อำนวยการลูกเสือชาวบ้านเขตพระนคร ด้วยเหตุนี้เมื่อมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงมีรับสั่งให้นายธรรมนูญเข้าเฝ้าในช่วงเย็นของวันที่ ๖ นั้น และรับสั่งให้นายธรรมนูญไปชี้แจงกับลูกเสือชาวบ้านให้สลายตัว ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จไปพร้อมกับนายธรรมนูญ ยังที่ประชุมของลูกเสือชาวบ้าน และมีพระราชดำรัสให้ลูกเสือชาวบ้านสลายการชุมนุม มีความว่า

     "ข้าพเจ้าขอให้ทุกคนยิ้มแย้มและใจเย็นๆ ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ แต่ต้องค่อยแก้ค่อยไป บ้านเมืองตอนนี้กำลังต้องการความสามัคคีและกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่สำคัญ ฉะนั้นขอให้ทุกคนสลายตัวเสีย ถือว่าให้ของขวัญกับข้าพเจ้า ท่านเหนื่อยกันมามากแล้ว ขอให้กลับไปหลับนอนเสียให้สบาย ทุกคนโปรดทราบว่า สองล้นเกล้าฯทรงเป็นห่วง ไม่มีอะไรที่สองล้นเกล้าฯจะเสียใจเท่ากับพวกเราฆ่ากันเอง ขอให้ทุกคนโชคดี"

    นี่ก็เป็นบทบาทหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯ ในขณะทรงดำรงพระยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร และประเทศชาติได้เกิดวิกฤติการณ์ร้ายแรงขึ้น


บันทึกการเข้า
กะออม
พาลี
****
ตอบ: 222


ความคิดเห็นที่ 107  เมื่อ 06 ต.ค. 20, 14:52

เสียดายแต่ชีวิต
ยังน้อยนิดอุษาใส
เพียงรุ่งอรุณวัย
ก็มืดดับลงฉับพลัน

กวีบทนี้อยู่ในความทรงจำมาตั้งแต่เดือนตุลา 19
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12564



ความคิดเห็นที่ 108  เมื่อ 06 ต.ค. 20, 18:55

“ประมาณตีสี่กว่า ระเบิดลูกแรกลงในธรรมศาสตร์” วิโรจน์ ตั้งวาณิชย์ ในวัย ๗๐ ปี เริ่มต้นเล่าเหตุการณ์ ด้วยระเบิดเอ็ม ๗๙ ลูกแรก ซึ่งระเบิดลูกนั้นปลิดชีวิตผู้ชุมนุม ๔ คน

https://buff.ly/2MhFOaV

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33477

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 109  เมื่อ 07 ต.ค. 20, 07:37

.


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12564



ความคิดเห็นที่ 110  เมื่อ 07 ต.ค. 20, 10:14

ต้นมะขามสนามหลวง
ความจริงร่วงซุกใต้พรม
กระดูกกองร้องระงม
ใครเชื่อชมโลกสวยงาม ?


หมอน สองขา


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33477

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 111  เมื่อ 07 ต.ค. 20, 11:40

หาอ่านหลายๆมุมก่อนจะตัดสินใจ

 " 6 ตุลาคม ในภาพกว้าง กระฎุมพีครองโลกจนถึงปัจจุบัน"
... นักประวัติศาสตร์ไทยส่วนใหญ่มักจะอธิบายและตีกรอบการบอกเล่าเรื่องราวของเหตุการณ์เดือน ตุลาคม ทั้งสองครั้งในแวดวงที่แคบเกินไป จนคนไทยด้วยกันเองยังไม่เห็นภาพที่กว้าง จนนำมาซึ่งความเข้าใจผิดได้
... ในตอนนั้นภาพรวมของโลกของเกิด "สงครามเย็น" หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผู้ชนะสงครามแบ่งแยกเป็นสองฝ่ายและเกิด "ความขัดแย้งทางแนวคิด" ที่ทั้งสองฝ่ายจึงมีแนวคิดที่ต้องการหาเพื่อน สหาย แนวร่วม ลูกน้องมาเข้าเป็นพวกมากมาย ทั้งวิธีการที่ถูกต้อง ใช้เงิน ใช้กำลังหนุนการปฏิวัติในประเทศนั้นๆเลย โดยตามเนื้อผ้าแล้ว ทั้งสองฝ่ายทั้งฝ่าย "เสรีนิยมประชาธิปไตย" ที่นำโดย "อเมริกา" และฝ่าย "สังคมนิยมคอมมิวนิสต์" ก็เลวร้ายและป่าเถื่อนพอกัน
... ทั้งสองใช้สงครามในทุกรูปแบบ ทั้งสงครามการเงิน การทหาร สงครามข่าวสาร เช่น อเมริกาสร้างข่าวลวงโลกว่าเดินทางไปดวงจันทร์ได้ เพื่อจะข่มข่าวและกลบข่าวที่รัสเซียส่งนักบินอวกาศเดินทางไปนอกโลกได้  เพื่อจะเป็นบอกกับเพื่อนที่ยังเป็นกลางอื่นๆว่า เราฝ่าย "เสรีนิยมประชาธิปไตย" นั้นทันสมัยกว่านะ หรือฝ่าย "สังคมนิยมคอมมิวนิสต์" ก็บอกว่าฝ่ายอเมริกานั้นเป็นพวกบูชานายทุน กดขี่คนจน เอาเปรียบคนจน แบ่งชนชั้นปล้นสมบัติคนจน ที่ดินของชาติไปปรนเปรอคนรวย
... ใน "อินโดจีน" ก็เป็นอีกสมรภูมิหนึ่งที่สำคัญ เพราะทั้งหมดนี้เป็นทางผ่านของช่องแคบมะละกา ทางเดินเรือสินค้าสำคัญตั้งแต่โบราณ เป็นฐานทัพทหารที่สำคัญ ที่ต้องการแย่งชิงให้ได้ และในตอนนั้นฝ่ายคอมมิวนิสต์ยึดครอง ลาว เวียตนาม กัมพูชาได้เกือบหมดแล้ว "ไทย" กำลังจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญของฝ่ายคอมมิวนิสต์ ( ตอนนั้นก็เลวร้ายพอๆกัน ) ดังนั้นฝ่าย "อเมริกา" จึงต้องการรักษาพื้นที่เอาไว้ให้ได้นานที่สุด ไม่อยากเสียฐานทัพและประเทศนี้ไป
... ดังนั้น "อเมริกา" จึงยอมเสียอุดมการณ์ "เลือกตั้งธิปไตย" ที่ว่าผู้นำต้องมาจากการเลือกตั้ง จึงเกิดการสนุบสนุนผู้นำอย่าง สลิด ทะนอม ประพาด ล้วนเป็นสมุน หุ่นเชิด ของฝ่ายอเมริกา ที่ให้งบประมาณช่วยเหลือมหาศาล จนช่วงนั้น คนไทยนิยมส่งลูกหลานให้เป็นนายร้อยและตำรวจ เพราะเงินดี จึงกลายเป็นว่า "เสรีนิยมอเมริกา" กลับสนับสนุนฝ่าย "เผด็จการทหารฟาสซิสท์" เสียเอง
... ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามนั้น "คอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย" กลับส่งเสริมฝ่ายนักศึกษาและใช้เป็นเครื่องมือในการเรียกร้องให้เผด็จการลงจากตำแหน่ง กลายเป็นว่า "หลังฉาก" นั้นคอมมิวนิสต์กลับส่งเสริมให้นักศึกษา เรียกร้องประชาธิปไตยเสียเอง ( หนังสือหลายเล่มของคนเดือนตุลาก็บอกได้ชัดเจน เช่นเล่มของ  อ.เสกสรร ที่เขียนเรื่องราวตอนจะออกจากป่า เพราะไปเจอตอกรรมการพรรคที่เผด็จการขนาดใหญ่ที่จีนแดง เลยกระจ่างว่า จีนแดงคุมเกมการก่อการไปทั่วโลก ไม่ต่างจากอเมริกา  เลวพอกัน )
... ที่เป็นเรื่องตลกไม่ออก กลับตาลปัตย์ ที่ นักศึกษาเรียกร้องประชาธิปไตยกลับได้การหนุนหลังจาก "จีนและคอมมิวนิสต์" ขณะที่ผู้นำทหารเผด็จการ กลับได้รับการสนับสนุนจากฝ่าย "เสรีนิยม(จอมปลอม) อเมริกา"
... จุดนี้อาจารย์ นักประวัติศาสตร์ไทยที่อาวุโสทั้งหลาย ไม่กล้าอธิบายให้ละเอียด เพียงเพราะว่า ครั้งหนึ่งตนเองก็เป็นหนึ่งในขบวนการเหล่านั้นด้วย
... อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือการเอาการ "ล้มเจ้า" มาเป็นเครื่องมือ
... หนึ่งในอุดมการณ์หนึ่งของ "จีนและคอมมิวนิสต์"  ที่มีพรรคคอมมิวนิสต์ไทย ( ที่ส่งต่อผ่านทางคนไทยเชื้อสายจีนและเวียตนามเป็นหลัก ) ให้การหนุนหลังมานานก้คือ "การล้มระบบกษัตริย์" ( ที่เป็นสาเหตุแรกๆที่กษัตริย์สีหนุ แห่งกัมพูชาวางตัวเป็นกลาง เพราะถ้าจะเข้ากับฝ่ายคอมมิวนิสต์ จะต้องล้มล้างระบบกษัตริย์ ซึ่งในหลายประเทศก่อนระบบการล่าอาณานิคม ก็มีทั้ง กษัตริย์ที่ดีงาม และ ไม่ดีกับประชาชน )
... ประกอบกับช่วงก่อนนั้น "คนไทยเชื้อสายจีน" ที่เมื่อก่อนยังไม่กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับประเทศที่ตัวเองอยู่ ยังมีความคิดที่จะกลับไปบ้านเกิดเมืองนอน หลายคนยังไม่อยากซื้อที่ดิน สร้างหลักปักฐานในเมืองไทย และยังเอาเงินเก็บอาหารเสื้อผ้า ส่งกลับไปที่เมืองจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อช่วยรบกับทหารญี่ปุ่นอยู่เลย  ช่วงนั้น "คอมมิวนิสต์จีน" จึงมีอิทธิพลต่อคนจีนในไทย และนักศึกษาโดยเฉพาะเชื้อสายจีนอยู่มาก ( เพิ่งจะมีมาหลังจากปี 1949 ที่รัฐบาลไทยให้เลือกเอาแค่สัญชาติเดียว ห้ามถือสองสัญชาติ )
... รัฐบาลจอมพล ป. ที่เป็นลูกเสี้ยวชาวจีน ที่กลับไม่ชอบความมีเลือดจีนในตัวเอง ได้กวาดล้างอิทธิพลจีนในไทย ทั้งโรงเรียนจีน และหนังสือพิมพ์จีน อย่างราบเรียบ จนเป็นที่ว่าของคำว่า "เรียบร้อยโรงเรียนจีน" ที่ไปกวาดล้างฆ่า จับกุมฝ่ายคอมมิวนิสต์มากมาย โดยเฉพาะ "คนไทยเชื้อสายจีน" ทำให้ฝ่ายจีนคอมมิวนิสต์ไม่ชอบเผด็จการทหารจากนั้นมา จนถึงผู้สืบทอดรุ่นต่อๆมา ( ที่ในทางจิตวิทยา อาจจะทำให้อาจารย์ไทยเชื้อสายจีนบางท่านที่พ่อแม่พี่น้องถูกจับกุมในสมัยนั้น เช่นอาจารย์ ส. อาจารย์ จ. อาจจะไม่พอใจทหารมากเป็นพิเศษ จนลืมบอกด้านร้ายของฝ่าย "เสรีนิยมจอมปลอม" นายทุนกระฎุมพี... และพาลไปหาเรื่องกับฝ่าย "เจ้า" )
... ก่อนหน้านั้น หลังการปกครอง 2475 ฝ่าย "เจ้าไทย" อำนาจหมดไปมากแล้ว เป็นแค่ระดับที่สองของ โครงสร้างอำนาจ "ศักดินา" ( ศักดินาไทย ตามหนังสือ จิตร ภูมิศักดิ ประกอบด้วย 4 ระดับคือ  "เจ้า กระฎุมพี, ขุนนางอำมาตย์ ,และ ไพร่ทาส" ) "กระฏุมพี" ที่เป็น "จีน" โดยส่วนใหญ่( แขกบ้าง ) ที่ควบคุมอำนาจผ่านนักการเมืองการปกครองที่ล้มเจ้ามา หลังได้อำนาจก็แย่งกันเอง ปรีดี แตกแยกกับ ป. พิบูล จนปรีดีต้องหนีไป จีนและฝรั่งเศส  และตอนหลัง อิงคนละฝ่าย ฝ่าย "กระฎุมพีจับมือกับขุนนางอำมาตย์" ครอบครองประเทศ และก็แบ่งเป็นสองกลุ่ม คือฝ่ายที่นิยม "เส" และ นิยม "ปรี" ที่เป็นเสรีไทยคนละฝั่ง ทั้งสองเป็นหุ่นเชิดให้กับ "อเมริกาและอังกฤษ" ตามลำดับ อ.ปรีนั้น นักประวัติศาสตร์ฝรั่งสมัยใหม่ บอกว่าไ้ด้รับการอุดหนุนจาก "อังกฤษ" ในการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475
... "สถาบันคือแพะ"
... ตอนนั้นเกิดปัญหาเศรษฐกิจมากมายก่อนทหารจะเข้ามายึดอำนาจ ทั้งๆตอนนั้นนักการเมืองที่เป็น  "กระฎุมพีจับมือกับขุนนางอำมาตย์"  ยึดอำนาจการเมืองไทย เศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด แต่พอเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา กลับเอาเจ้ามาเป็น "แพะ" รับบาป ดังนั้นฝ่าย "คอมมิวนิสต์" จีนสมัยนั้นจึงออกมาบอกว่า ปัญหาใหญ่ คือต้องเปลี่ยนโครงสร้างสังคมให้ได้ โดยการ "ล้มเจ้า" แต่กลับไม่มีการพูดถึง "กระฎุมพีจับมือกับขุนนางอำมาตย์"  เลย เพราะว่าทางจีนแดงยังต้องอาศัยการเคลื่อนไหวของ คนไทยเชื้อสายจีน ที่เป็นพ่อค้าอยู่
... ( เปรียบเทียบกับเพื่อนบ้าน พม่า ลาว กัมพูชา ที่ "เจ้า" ถูกล้มไปแล้ว ตามแนวคิดของ  "คอมมิวนิสต์"  และทั้งหลายชาติ ไม่ได้ทำให้ประเทศดีขึ้นมาเลย บางครั้งระบบไม่ได้สำคัญกว่า "คนดีต้องมาก่อนระบบดี" ( เพราะคนดีจะสร้างระบบดีขึ้นมา แต่คนเลวจะทำลายระบบดีให้เลวลง )  เพราะปัจจุบันเพื่อนบ้านหลายคนบ่นว่า พรรคคอมมิวนิสต์ หรือ ผู้นำพวกเขานั้น "รวยกระจุก จนกระจาย" มาตลอด แย่กว่าเจ้าในหลายเรื่องด้วย )
... แม้แต่ในปัจจุบัน "ขบวนการล้มเจ้า" ก็ยังอุตส่าห์เอาเรื่อง "ล้มเจ้า" กลับมาปัดฝุ่นอีกครั้งโดยบอกว่า "เจ้า" คืออุปสรรคในการพัฒนาประเทศ แต่คราวนี้ 2016 นั้นฝ่ายล้มเจ้าได้รับการหนุนโดย "อเมริกา" เพราะเจ้าไทยทรงเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับฝ่าย "จีนใหญ่" อย่างต่อเนื่องผ่านทางสมเด็จเจ้าฟ้าหลายพระองค์ เวลาเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นว่าตอนนี้ "จีนแดง" ได้เปลี่ยนนโยบายใหม่ ไม่ล้มเจ้าแถมค้ำจุนเจ้าไทยด้วย แต่กลายเป็นว่า "อเมริกา" กลับมาล้มเจ้าแทนผ่านนักการเมืองและนักวิชาการหลายสถาบันที่อ้างว่าทำเพื่อรากหญ้าและสอนรากหญ้าและนักศึกษาที่ไร้รากว่า เจ้าคือปัญหา แนวคิดโบราณยังใช้ได้เสมอว่ากับคนไร้ราก
... กลายเป็นเรื่องกลับตาลปัตย์กับสมัยเดือนตุลาคมหลายสิบปีก่อน
... ในตอนนั้น ประเทศเราเป็นหนึ่งในสมรภูมิ "สงครามตัวแทน" หรือ Proxy War โดยไม่รู้ตัว เราเหมือนคนในครอบครัวพ่อแม่พี่น้องทะเลาะกันเอง โดยมีมหาอำนาจหนุนหลังอยู่เงียบๆ  และพวกเขาก็ใช้วิธีแบบนี้ตลอดมา แม้แต่ "สงครามเสื้อแดงเผาเมือง" นี่้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ พวกเขาเมกา ต้องการล้มเจ้า เอาเจ้ามาเป็นแพะว่าเป็นตัวขัดขวางความเจริญ โดยไม่ได้พูดถึง  "กระฎุมพีจับมือกับขุนนางอำมาตย์" ที่ครอบครองอำนาจเลยแม้แต่น้อย
... "กระฎุมพีนายทุนใหญ่ครองโลก" ... เพราะอะไร หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจบลง "เจ้า" ในยุโรหายสาปสูญไปจากการหนุนหลังของนายทุนยิวในยุโรป ราชวงศ์ฮับเบิร์ก หรือ เจ้าในฝรั่งเศส เยอรมัน รัสเซีย หายไป "กระฎมพี" โดยเฉพาะตระกูลใหญ่ๆของโลกอย่าง ร็อธไชลด์ วอร์เบิร์ก ร็อกกี้เฟลเลอร์ เข้ามาครอบครองอำนาจแทน โดยเฉพาะ "การเงินโลก"  ตามแนวคิดนโยบาย "ฉันทามติวอชิงตัน" ในช่วงปี 1960s ที่สรุปสั้นๆง่ายๆได้ว่า "รัฐบาลปกครองประเทศและชาวบ้าน  แต่กระฎุมพีนายทุนใหญ่จะปกครองชักใยรัฐบาลอีกที" ( แบบที่หนังเรื่อง "อวาตาร์" ต้องการบอก )
... ตั้งแต่หลังสงครามเย็นจบ มีการพัฒนาเชื่อมโยงเครือข่ายนายทุนกระฎุมพีขนาดใหญ่ไปทั่วโลก จนถึงในตอนนี้แยกเป็นสองเครือข่าย คือฝ่าย "อเมริกา" และลูกสมุน อังกฤษ อียู ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอีกฝ่าย นำโดย "จีน" กลุ่ม บริกส์ รัสเซีย อินเดีย บราซิล ที่ต่างก็ต่อสู้กันในทุกสมรภูมิ และก็กำลังจะเกิด "สงครามเย็นใหม่" รวมทั้ง "สงครามตัวแทนใหม่" ในหลายๆประเทศทั่วโลก
... เราคนไทยได้เรียนรู้ความเจ็บปวด ความสูญเสียจากเหตุการณ์เดือนตุลาคม ในอดีตมาแล้ว ที่เกิดจากการที่มหาอำนาจหลอกใช้พ่อแม่พี่น้องฆ่ากันเอง  เราต้องพยายามรักกันไว้ อย่าทะเลาะรบราฆ่าฟันกันเอง
... "คุกตรวลสะลายแอง" ในพนมเปญ กัมพูชา สมัยทุ่งสังหาร เป็นบทเรียนสอนทั่วโลกได้ดีว่า "คนดีมาก่อนระบบดี" เพราะคนดีจะสร้างระบบดีขึ้นมาจากกองเถ้าถ่าน ขณะที่ถ้าคนเลวปกครองพวกเขาจะใช้ระบบดีทำความเลวสร้างผลประโยชน์ให้แก่ตัวเองและพวกพ้อง  และจะทำลายระบบที่ดีเป็นกองเถ้าถ่านไปในที่สุด และที่สำคัญที่สุด คุกนี้สอนเราว่า "ชีวิตคนเราสำคัญมากกว่าแนวคิดที่ต่างกัน"

https://www.facebook.com/jeerachart.jongsomchai
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33477

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 112  เมื่อ 07 ต.ค. 20, 13:55

ตัดตอนมาจาก FB ของคุณ Harirak Sutabutr   เฉพาะตอนที่เกี่ยวกับ 14 ตุลา 16  และ 6 ตุลา 19
......................................................
เหตุการณ์ 14 ตุลา 16 เป็นแหตุการณ์ที่นิสิต นักศึกษา นำการประท้วง เรียกร้องประชาธิปไตย จากรัฐบาลทหารที่ทำการรัฐประหารตัวเอง มีการสลายการชุมนุม เหตุการณ์บานปลาย ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จอมพล ถนอม กิตติขจร และ จอมพล ประภาส จารุสถียร ผู้นำรัฐบาล ต้องยอมออกนอกประเทศ ความวุ่นวายจึงสงบลง
เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 เกิดขึ้นจากความแตกแยกของคนไทย ที่แบ่งเป็นฝ่ายซ้ายจัด ฝ่ายขวาจัด และฝ่ายกลางๆ ซึ่งเริ่มแบ่งเด่นชัด หลังจากมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ในปี 2518 เป็นต้นมา
ฝ่ายขวาจัด ด้วยกลัวว่าประเทศจะเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ จึงมีการตั้งกลุ่มต่างๆขึ้นมาต่อต้าน เช่น กลุ่มกระทิงแดง กลุ่มนวพล และกลุ่มลูกเสือชาวบ้าน เป็นต้น โดยมี สโลแกนหลักคือ“ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” นั่นเอง
ฝ่ายขวาจัดยังมีการปฏิบัติการจิตวิทยา ซึ่งสมัยนี้เรียกว่า IO โดยมีสถานีวิทยุยานเกราะ จัดรายการปลุกระดมทุกวันให้คนกลัวคอมมิวนิสต์ และให้เกลียดชังฝ่ายซ้ายจัด มีการอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเกราะกำบัง เพราะหากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นคอมมิวนิสต์จริง สถาบันพระมหากษัตริย์ย่อมต้องถูกกระทบ อย่างแน่นอน
ฝ่ายซ้ายจัด ไม่มีเงิน ไม่มีเครื่องมือ เท่ากับฝ่ายขวาจัด แต่ต้องยอมรับว่า ต่างจากเหตุการณ์ 14 ตุลา ซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์ เพราะหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา มีเหตุที่เชื่อได้ว่า แกนนำ และมวลชน บางส่วนมีการจัดตั้ง แทรกแซง และมีการสนับสนุนจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ไม่ใช่พลังบริสุทธิ์ทั้งหมด
การชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นที่สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นการประท้วงขับไล่ จอมพล ถนอม กิตติขจรที่แอบกลับเข้ามาในประเทศไทยในรูปของสามเณร
เมื่อมีการแสดงละครแขวนคอ มีการจับกุมแกนนำการชุมนุม ต่อมามีการสลายการชุมนุม ประชาชนฝ่ายขวาจัด ถูกป้อนข้อมูลว่า ผู้ที่ชุมนุมไม่ใช่คนไทย เป็นคนญวน และมีอาวุธ ทำให้ประชาชนฝ่ายขวาจัดที่ถูกปลุกจนโกรธแค้น จึงร่วมเข้าไปด้วย การสังหารอย่างโหดเหี้ยมจึงเกิดขึ้น นำไปสู่การทำรัฐประหารของทหารในที่สุด
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คือรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 จึงไม่ใช่การประท้วงรัฐบาลเผด็จการเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย แต่อย่างใด

ถ้าจะอ่านฉบับเต็ม เข้าไปอ่านได้ที่
https://www.facebook.com/harirak.sutabutr
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33477

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 113  เมื่อ 07 ต.ค. 20, 18:26

จาก FB ของ Suvinai Pornavalai
 ·
ผมขอร่วมยืนยันกับอาจารย์สมศักดิ์เจียมอีกคนในประเด็นนี้ครับ
ในเดือนสิงหาคม ปี  พ.ศ. 2519 ตอนนั้นผมเพิ่งขึ้นปี 2 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกียวโต และเพิ่งได้กลับเมืองไทยในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนเป็นครั้งแรก หลังจากได้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นไปเรียนตั้งแต่เดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2517 ... ผมยังได้ไปร่วมชุมนุมประท้วงที่ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ เพื่อขับไล่พลเอกประภาส จารุเสถียรเลย ผมกลับไปญี่ปุ่นตอนต้นเดือนกันยาน  เพราะที่นั่นใกล้จะเปิดเทอมแล้ว
หลังจากนั้นเพียงหนึ่งเดือนก็เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา บรรยากาศของขบวนการนักศึกษาไทยในตอนนั้นคือเป็นซ้ายเต็มตัวแบบเหมาอิสต์ เมื่อเทียบกับขบวนการนักศึกษาช่วง 14 ตุลา 2516 ที่ยังออกแนวลิเบอรัล
จริงๆ ตัวผมก็อยู่ใกล้วงในของสหายคอมฯในช่วงนั้นนะ แต่ผมถูกจัดตั้งเป็นยุวชนคอมฯ (เรียกว่า ย. เป็นสถานภาพก่อนเป็น ส. หรือสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์) ภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา หนึ่งปี

https://www.facebook.com/suvinaip/posts/3319292801441171
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33477

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 114  เมื่อ 08 ต.ค. 20, 07:48

เริ่มออกนอกประเด็น 14 ตุลา ไปโจมตีความเชื่อส่วนตัวของบุคคลแล้ว   
ขอลบนะคะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33477

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 115  เมื่อ 08 ต.ค. 20, 09:20

Withawatt Cozy Tansuhaj
6 ตุลาคม 2018  ·
6 ตุลา 2519

ถ้าใครดูหนังเรือง 14 ตุลา สงครามประชาชน จะเห็นซีนหนึ่งที่ ตัวละครของ อ.เสกสรรค์ เดินไปพบแกนนำพรรค พคท. ในวันที่ 6 ตุลา แล้วพบว่ากำลังร้องให้คร่ำครวญกันใหญ่
ไม่ได้ร้องให้เพราะนักศึกษาไทยถูกรุมฆ่านะครับ แต่พวกเขาคร่ำครวญถึงเจียง ชิง
10 ปีก่อนหน้า ประเทศจีนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นาง เจียง ชิง (ภรรยาประธานเหมาเจอตุง) และพรรคพวกของเธอ(ในนามแก๊งค์ออฟโฟร์) ใช้อำนาจนอกรัฐบาลประกาศ การปฎิวัติวัฒนธรรม ว่าด้วยการปฏิวัติวัฒนธรรมศักดินาที่ยังนับถือกันอยู่โดยเรียกรวมว่า
"การทำลายสิ่งเก่า 4 อย่าง" ได้แก่ นิสัยเก่า, ความคิดเก่า, ประเพณีเก่า, และวัฒนธรรมเก่า  มีการปลุกระดมและจัดตั้งพวกวัยรุ่นเป็นเยาวชน "ผู้พิทักษ์สีแดง (Red Guards)"
ครูสอนประวัติศาสตร์ ครูสอนงิ้ว ดนตรีจีน นักสะสมหนังสือ พระ ถูกนำมาประจาน บางคนถึงกับถูกกระทืบจนตาย
ไม่ใช่แม้แต่คนเป็น แม้แต่บรรดาฮวงซุ้ยสวยๆก็ถูกขุดเอาศพขึ้นมาเฆี่ยนประจานและยึดทรัพย์สินในนั้น วัดและโบราณสถานถูกทุบทิ้ง และไม่ใช่แค่ประชาชนสามัญ ทั้งนี้รวมไปถึง หลิว เส้า ฉี (ปธน.คนแรกของจีน) และครอบครัว ถูกเร้ด การ์ด ทรมานจนตาย เติ้ง เสี่ยว ผิง ถูกเนรเทศไปชนบท ลูกชายคนโตของเติ้งกระโดดตึกจะฆ่าตัวตาย (แต่บางกระแสก็บอกโดนพวกเรดการ์ดจับโยนลงมา) พิการตลอดชีวิต เถียน เจีย อิง (เลขาพรรคฯ) ก็ฆ่าตัวตาย เถิ้ง ตั้ว  บรรณาธิการคนแรกของหนังสือพิมพ์ People’s Daily ก็ฆ่าตัวตาย
ว่ากันว่ามีราวๆ 6 แสนชีวิตที่ต้องเสียไปเพื่อลบล้าง"สี่เก่า" ของ เจียงชิง
10 ปีคือช่วง ปี 2509-2519 ที่เจียง ชิง และ Gang of Four เรืองอำนาจ มีอิทธิพลต่อ"ซ้ายไทย" มาก เห็นได้ชัดว่าแยกขาวจัด-ดำจัดชัดเจน  ผมอ่านหนังสืออีกหลายเล่มที่ว่ากันว่านิยมมากในยุคนั้น งานเขียนมีทัศนคติในทาง เจียง ชิง และ จาง ซุง เฉียวไม่น้อย
ที่ประเทศจีน 6 ตุลาคม 2519 หลังประธานเหมาเสียชีวิต 1 เดือน เย่ เจี้ยน อิง นายพลชราวัย 79 เป็นผู้นำร่วมมือกับ หวาง ตง เซิงกรรมการพรรค และเติ้งเสี่ยวผิง เที่ยงคืนวันนั้น ทหารทุกกรมกองถูกเรียกระดมพล พร้อมประกาศจับ เจียง ชิง ข้อหาทรยศพรรค (ซึ่งเธอก็เตรียมจะใช้พวกเรดการ์ดยึดอำนาจจริงๆ) เล่ากันว่า ทหารทุกหมู่เหล่าพอทราบเรื่อง พากันปรบมือยาวนานถึง 2 นาที
เจียง ชิง ถูกตัดสินประหารชีวิต ลดเหลือลงโทษจำคุกตลอดชีวิต สุดท้ายกลับฆ่าตัวตายในคุก
แล้วก็ไม่รู้ว่าดวงมันลงวันนี้หรือเปล่า เพราะที่ไทย 6 ตุลา 2519 ซ้ายไทยในเมืองก็ถูกกวาดเรียบเหมือนกัน คือมันน่าเศร้า แต่กว่าจะเดินมาถึงวันนี้ มันก็เหมือนรถไฟวิ่งเข้าหากันในรางเดียวกันมาระยะหนึ่งแล้ว
42 ปี 6 ตุลา  ที่ประเทศจีนเขาสรุปข้อบกพร่องไปชัดเจน ว่าแนวคิดซ้ายจัด ต่อต้านสถาบันเก่าๆทุกรูปแบบเป็นแนวคิดที่เหลวไหล ล้าหลัง กระทั่งอันตรายต่อประเทศชาติ
ถ้าวันที่ 6 ตุลา เมื่อ 42 ปีก่อน เติ้งและพรรคพวกไม่ยึดอำนาจและกวาดล้างเจียง ชิง ประเทศจีนนี้จะเป็นอย่างไร ก็ยากที่จะคาดเดา
แต่ที่เห็นกันคือ เติ้ง เสี่ยว ผิง กลับคืนสู่อำนาจและประกาศล้มเลิกแนวคิดปฎิวัติวัฒนธรรม (ในขณะเดียวกัน พคท. ก็เริ่มขาดการสนับสนุนลงไปเรื่อยๆจนล่มสลาย) เติ้งประกาศแนวคิด 4 ทันสมัย อันได้แก่ พัฒนาเกษตรกรรม อุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
แมวสีอะไรก็ช่างมัน จับหนูให้ได้ก็แล้วกัน เติ้งบอกไว้ และผลของมันก็ขอให้ดูประเทศจีนตอนนี้
แต่ที่ไทย ช่างเหลือเชือว่าสโลแกน "การทำลายสิ่งเก่า 4 อย่าง" ได้แก่ นิสัยเก่า, ความคิดเก่า, ประเพณีเก่า, และวัฒนธรรมเก่า ของเจียง ชิง เมื่อ 50 ปีก่อน ทุกวันนี้บางพรรคหรือบางคนก็ยังเอามาหาเสียงได้ในประเทศไทย
แล้วที่เหลือเชือกว่าก็คือยังมีคนบูชาว่านี่เป็นความคิดใหม่เอี่ยม ทันสมัย อนาคตใหม่สุดๆ
42 ปี 6 ตุลา ที่ประเทศไทย สำหรับผมน่าจะเป็นวาระการสรุปข้อบกพร่องของทุกฝ่าย มากกว่าที่จะเชิดชูแนวคิดของตัวเอง และชี้นิ้วก่นด่าบุคคลอื่นอยู่ร่ำไป และไม่ใช่คิดจะใช้วันนี้มาหาเสียงแต่เพียงอย่างเดียว ไม่งั้นก็ไม่ต้องไปไหนกันต่อ ทุกวันนี้ก็ช้ากว่าจีนไป 50 ปีแล้ว
.
.
.
ปล.เขียนบันทึกเรื่องนี้ใน Blog เมื่อปี 2555 เอามาแก้หน่อยและบันทึกไว้ในนี้ ....

https://www.facebook.com/cozy.kulawatt/posts/10217763693624819
บันทึกการเข้า
ดาวกระจ่าง
มัจฉานุ
**
ตอบ: 89


ความคิดเห็นที่ 116  เมื่อ 09 ต.ค. 20, 10:16

ขอถามหน่อยค่ะว่าส่วนใหญ่ทหารที่ฆ่านักศึกษาได้รับโทษกันไหมคะ หรือพอจบเรื่องก็ไม่มีการไต่สวนอะไร
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33477

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 117  เมื่อ 09 ต.ค. 20, 11:07

ขอถามหน่อยค่ะว่าส่วนใหญ่ทหารที่ฆ่านักศึกษาได้รับโทษกันไหมคะ หรือพอจบเรื่องก็ไม่มีการไต่สวนอะไร
คำถามของคุณเหมือนมีคำตอบอยู่ในใจเรียบร้อยแล้วนะคะ

กลุ่มที่เข้าไปจับกุมนักศึกษาคือตำรวจค่ะ  ไม่ใช่ทหาร   ส่วนกองกำลังที่ทำร้ายนักศึกษาส่วนใหญ่คือพวกนวพลและกระทิงแดง
แต่ในปัจจุบันไ่ม่มีใครเอ่ยถึงสองกลุ่มนี้เลย  


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33477

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 118  เมื่อ 09 ต.ค. 20, 11:13

คุณดาวกระจ่างอ่านข้อเขียนนี้ อาจเข้าใจอะไรได้มากขึ้น

https://www.posttoday.com/world/602790
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12564



ความคิดเห็นที่ 119  เมื่อ 09 ต.ค. 20, 12:55

กลุ่มที่เข้าไปจับกุมนักศึกษาคือตำรวจค่ะ  ไม่ใช่ทหาร   ส่วนกองกำลังที่ทำร้ายนักศึกษาส่วนใหญ่คือพวกนวพลและกระทิงแดง

นอกจากนวพลและกระทิงแดงก็มีลูกเสือชาวบ้านร่วมด้วย คุณดาวลองอ่านรายละเอียดในบทความนี้

http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=ลูกเสือชาวบ้านกับการเมืองไทย
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.046 วินาที กับ 19 คำสั่ง