เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 ... 29
  พิมพ์  
อ่าน: 141371 พืชพันธุ์แปลกประหลาด (2)
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



 เมื่อ 13 มิ.ย. 12, 09:00

มะละกอคาราบาวที่โรงแรมห้วยขาแข้งเชษฐศิลป์ จังหวัดอุทัยธานี  ถ่ายโดย คุณ lotte01 เมื่อ ๓ ปีที่แล้ว

ธรรมชาติมีอะไรให้ดูเล่น      มิใช่เห็นแปลกไปใช้แทงหวย
คนจะมั่งจะมีจะร่ำรวย          ก็คงด้วยใช้สมองและสองมือ

 ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 27 ก.ย. 13, 20:58

เรื่องนี้ คนที่ตอนนี้อยู่ที่อังกฤษคงสนใจ

อังกฤษ ๒๗ ก.ย. - บริษัทในอังกฤษประสบความสำเร็จในการสร้างพืชชนิดใหม่ ซึ่งเป็นการผสมระหว่างมันฝรั่งกับมะเขือเทศ มีชื่อว่า ทอมเตโต้

บริษัท ทอมป์สัน แอนด์ มอร์แกน ในเมืองอิปสวิช คิดค้นวิธีการเพาะพันธุ์พืชชนิดใหม่ เป็นการผสมระหว่างมันฝรั่งกับมะเขือเทศ ตั้งชื่อว่า “ทอมเตโต้” ซึ่งมาจากคำว่า โทเมโต้ หรือ มะเขือเทศ กับ โปเตโต้ หรือ มันฝรั่ง เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ระบุว่า แม้เป็นต้นไม้ลูกผสมชนิดใหม่ แต่ทอมเตโต้ไม่ได้เกิดจากการตัดต่อทางพันธุกรรมระหว่างมะเขือเทศกับมันฝรั่งแต่อย่างใด แต่เกิดจากการใช้วิธีทาบกิ่ง ซึ่งเป็นวิธีการขยายพันธุ์พืชแบบธรรมดานั่นเอง

ต้นทอมเตโต้มีลักษณะพิเศษ คือ ผลด้านบนเป็นมะเขือเทศ แต่ใต้ดินเป็นหัวมันฝรั่ง แต่ละต้นจะให้ผลมะเขือเทศมากกว่า ๕๐๐ ลูก และให้หัวมันที่มีความสมบูรณ์ ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ เตรียมวางจำหน่ายในท้องตลาดในอังกฤษ และเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ เนื่องจากทำให้ลูกค้าปลูกพืชได้ผล ๒ ชนิดในต้นเดียว และว่า บริษัทฯ ทดลองปลูกต้นทอมเตโต้มากว่า ๑๕ ปีแล้ว แต่เพิ่งจะพัฒนาจนได้ผลที่มีรสชาติดี

ข่าวจาก สำนักข่าวไทย



ที่มันฝรั่งกับมะเขือเทศสามารถทาบกิ่งกันได้เพราะว่าต่างอยู่ในสกุลเดียวกันคือ Solanum

คุณประกอบสนใจซื้อมาปลูกไว้รับประทานบ้างไหม

ภาพข้างล่างจาก the Guardian



บันทึกการเข้า
mrpzone
มัจฉานุ
**
ตอบ: 89


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 28 ก.ย. 13, 00:27

ส่งมะพร้าวแฝดที่หายากใกล้สูญพันธุ์ และมีความแปลกประหลาดเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร เข้าคอลเลคชั่นครับ


(ดูจากต้นและผลแบบเผินๆ ก็เหมือนมะพร้าวทั่วไป)

มะพร้าวแฝด มีชื่อเรียกหลายชื่อ ได้แก่ มะพร้าวทะเล ตาลทะเล มะพร้าวตูดนิโกร มีชื่อในภาษาฝรั่งเศสว่า Coco de mer (แปลว่า มะพร้าวทะเล) และมีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับที่มาของชื่อ มะพร้าวทะเล ว่า พวกเดินเรือในอดีตพบลูกมะพร้าวแบบนี้ลอยในทะเลแต่ไม่มีใครเห็นพบเห็นต้นของมัน คิดว่าคงมีต้นอยู่ใต้ทะเล จึงเรียกชื่อว่ามะพร้าวทะเล (บางตำนานครีเอทสุดๆ ว่า เจ้านี่แหละคือลูกที่อีฟถูกหลอกให้กินไปโน่น แหม.. ช่างคิดเนอะ)


(ตอนร่วงหล่นจากต้นไปลอยทะเลหรือเกยตื้น ก็น่าจะคล้ายแบบนี้ฮะ)

ส่วนที่ได้ชื่อว่า มะพร้าวตูดนิโกร ก็เพราะว่าตอนแกะเปลือกมะพร้าวออก จะได้แก่นกะลามะพร้าวเป็นสีดำๆ รูปทรงที่คล้ายก้นมนุษย์ (ตูด) และลักษณะสีของมัน ก็เลยได้ชื่อเรียกดังนี้แล


(คล้ายตูดคนผิวดำเลยเนาะ)

ประวัติความเป็นมาก็ใช่ย่อย ขนาดที่ว่ากษัตริย์ในมาลดีฟออกกฎว่า ผู้ใดพบเห็นมะพร้าวทะเลแล้วไม่เอามาถวายจะโดนประหารชีวิตเลยทีเดียว และเนื่องจากเจอแถวหมู่เกาะมัลดีฟมากกว่าที่อื่น จึงได้ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Lodoicoa maldivica

เรื่องมูลค่าราคานั้นหายห่วงเพราะได้รับความนิยมจากชนชั้นปกครองที่ชอบของแปลก มีบันทึกเป็นสถิติเอาไว้ว่า จักรพรรดิโรมัน รูดอล์ฟที่สอง จ่ายเป็นทองคำน้ำหนักกว่า 15 กก. เพื่อซื้อมะพร้าวทะเลใบเดียวมาแล้ว

ส่วนราคาปัจจุบันในอีเบย์มีขายใบละหลายร้อยจนถึง 1,500 ปอนด์  ขยิบตา


(ประกาศขายในอีเบย์ ใบนี้ 1,500 ปอนด์ ครับ)

สิ่งหนึ่งที่นักสะสมทั่วไปหรือที่ชอบศิลปะเรือนร่างผู้หญิง โดนใจกันมาก เพราะเจ้ามะพร้าวตูดนิโกร (ที่ปอกเปลือกแล้ว) บางลูกส่วนโค้งส่วนเว้านี่ให้จินตนาการเหมือนจริง ยิ่งถ้าขัดให้มันแว๊บ ใช้เป็นเครื่องประดับหรือเป็นงานศิลปะได้เลยครับ


(ภาพวาดแสดงการปอกเปลือกมะพร้าวทะเลบางส่วน)


(รูปร่างลักษณะคล้ายบั้นท้ายผู้หญิงตอนโก้งโค้ง)


(มะพร้าวทะเลขัดเงาชิ้นนี้คริสตี้ส์ประกาศขายราคา 1,500 ปอนด์)

พยายามเลือกรูปที่มันไม่โจ่งแจ้งแล้วครับ  อายจัง   บางรูปนี่ถ้าเอามาลงเกรงว่า อ.เพ็ญชมพู และอาจารย์ใหญ่ เห็นแล้วจะเอาไม้บรรทัดตีมือ อิอิ แนบปิดท้ายด้วยรูปมะพร้าวทะเลใบใหญ่ กะด้วยสายตาน่าจะน้ำหนัก 15-20 กก. (หารูปใบขนาดเป็นสถิติใหญ่สุดกว่า 40 กก. ไม่เจอครับ)


บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 28 ก.ย. 13, 00:59



คุณประกอบสนใจซื้อมาปลูกไว้รับประทานบ้างไหม



ตอนนี้อยากได้ Venus Fly trap มากกว่าครับ  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม  ยิงฟันยิ้ม เอามาจับแมลงวัน


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 28 ก.ย. 13, 07:11

ขอบพระคุณคุณพีและคุณประกอบมาก ที่มาร่วมด้วยช่วยเสริม

กระทู้นี้ภาคแรกมีพืชพันธุ์แปลกประหลาดอยู่หลายชนิด ลองแวะเข้าไปชมก่อนต่อที่กระทู้ภาคสอง

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=4904.0


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 28 ก.ย. 13, 10:37

มีภาพจาก งานแสดงพันธุ์ไม้ที่พัทยาเมื่อ ๓ ปีที่แล้ว มาเสริมเรื่องของคุณพี  ยิงฟันยิ้ม

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 28 ก.ย. 13, 10:44

Wolffia Angusta
รู้แต่ว่าเป็นพืชพันธุ์จิ๋วชนิดหนึ่งของโลกค่ะ  ใครจะขยายความให้  ก็จะขอบคุณมาก


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 28 ก.ย. 13, 11:27

เป็นพืชที่มีอยู่มากในเมืองไทย มีคุณค่าทางอาหารสูงทีเดียว

รายละเอียด คุณพีคงจะเข้ามาขยายความได้ดีที่สุด  ยิงฟันยิ้ม

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 28 ก.ย. 13, 18:39

ดอกหรือใบ เอ่ย?


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 28 ก.ย. 13, 18:42

เหมือนใครใช้เครื่องมือเจาะรูบนใบ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 28 ก.ย. 13, 18:45

Mexican cardboard plant or palm


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 28 ก.ย. 13, 20:29

ขอขานชื่อพืชประหลาดของคุณเทาชมพูดังนี้

๑.


ไข่แหน หรือ ไข่น้ำ หรือ ไข่ขำ หรือ ผำ (Water Meal หรือ Swamp Algae; Wolffia angusta หรือ Wolffia arrhiza หรือ Wolffia globosa)

๒.


กล้วยแดงอะบิสซิเนีย (Red Abyssinian banana หรือ Red false banana ; Ensete ventricosum 'Maurelii' หรือ Musa maurelii)

๓.


พลูฉลุ (Window Leaf; Monstera obliqua (Miq.) Walp. 'Expilata')

๔.


ปรงเม็กซิกัน (Cardboard palm หรือ Cardboard Cycad หรือ Cardboard Plant หรือ Cardboard Sago หรือ Jamaican Sago หรือ Mexican Cycad หรือ Mexican cardboard; Zamia furfuracea )
 

ที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นเบอร์หนึ่ง "ไข่น้ำ" เพราะเป็นพืชบ้านเราและมีประโยชน์มาก รอคุณพีช่วยขยายความ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 ก.ย. 13, 11:30 โดย เทาชมพู » บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 28 ก.ย. 13, 21:02

มาช่วยคุณพีทำการบ้านค่ะ
รูปนี้คือไข่เจียวผำ 
เครดิตพันทิป


บันทึกการเข้า
mrpzone
มัจฉานุ
**
ตอบ: 89


ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 29 ก.ย. 13, 11:58

Wolffia Angusta รู้แต่ว่าเป็นพืชพันธุ์จิ๋วชนิดหนึ่งของโลกค่ะ  ใครจะขยายความให้  ก็จะขอบคุณมาก

ไข่แหน หรือ ไข่น้ำ หรือ ไข่ขำ หรือ ผำ (Water Meal หรือ Swamp Algae; Wolffia angusta หรือ Wolffia arrhiza หรือ Wolffia globosa) ที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นเบอร์หนึ่ง "ไข่น้ำ" เพราะเป็นพืชบ้านเราและมีประโยชน์มาก รอคุณพีช่วยขยายความ

มาช่วยคุณพีทำการบ้านค่ะ รูปนี้คือไข่เจียวผำ เครดิตพันทิป


ได้รับโจทย์การบ้านเรื่องไข่น้ำจากท่านอาจารย์ใหญ่ และจาก อ.เพ็ญชมพู ก็เข้าไปอ่านตามลายแทงที่กรุณาให้ไว้เป็นเบาะแส ดูเมนูไข่น้ำแล้วน่าจะอร่อย เช่น คั่วไข่ผำ, ไข่เจียวผำ เค้าว่ากรุบๆ จืดๆ มันๆ ไม่ขม น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ชิมเลยครับ

(รูปซ้าย: ไข่ผำ | รูปขวา: คัวไข่ผำ)

ไข่ผำหรือไข่น้ำ เป็นพืชน้ำ ลักษณะเป็นสีเขียวขนาดเล็กคล้ายไข่ปลา กระจายคลุมเหนือผิวน้ำเป็นแพ มีขึ้นอยู่ตามแหล่งน้ำที่เป็นน้ำนิ่ง เช่น บึง และหนองน้ำธรรมชาติทั่วไป โดยปกติจะมีมากในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไม่มีน้ำไหลเวียน เวลาเก็บไข่น้ำ ต้องใช้สวิงช้อนขึ้นมา แล้วล้างให้สะอาดก่อนจะนำไปปรุงทำอาหาร ไข่ผำเป็นพืชผักพื้นบ้านที่ชาวบ้านนิยมนำไปประกอบอาหารกันมานานตั้งแต่สมัยโบราณ

สะดุดตากับประโยค "ชาวบ้านนิยมนำไปประกอบอาหารกันมานานตั้งแต่สมัยโบราณ" ก็เลยลองหาดูว่า อากู๋จะช่วยหาข้อมูลโบราณได้ไกลแค่ไหน น่าจะพอมีประวัติศาสตร์หรือตำนานคำบอกเล่าอะไรบันทึกเอาไว้บ้าง ดูเหมือนว่าเมืองโคราชจะมีข้อมูลอะไรบางอย่างที่ผูกพันกับคำว่าไข่น้ำเป็นพิเศษ

และพบการเผยแพร่้ข้อมูลการเพาะเลี้ยงจาก ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จ.นครราชสีมา (พืชสวน) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน่าจะมีองค์ความรู้หรือความสนใจในแวดวงวิชาการและคนท้องถิ่นอยู่มากพอสมควรครับ

(ภาพแสดงการเพาะเลี้ยงผำในท่อซีเมนต์ จาก www.aopdh06.doae.go.th)

จากการคุ้ยแคะหาข้อมูลเท่าที่พอจะหาได้ในตอนนี้ พบว่า มีการนำชื่อ "ไข่น้ำ" มาใช้เรียกชื่อหมู่บ้านหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ประมาณ 120 ปี มาแล้ว คือ หมู่บ้านหนองไข่น้ำ (ข้อมูลจาก: ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม) มีประวัติว่า เมื่อประมาณปี 2432 ได้มีชาวบ้านย้ายมาปลูกบ้านใกล้หนองน้ำแห่งหนึ่งซึ่งมีไข่น้ำเต็มไปหมด จึงเรียกหนองน้ำนั้นว่า "หนองไข่น้ำ" ต่อมามีผู้คนย้ายตามเข้ามาเรื่อยๆ จนกลายเป็นหมู่บ้านหนองไข่น้ำในที่สุด ส่วนที่ จ.เพชรบูรณ์ ก็มีประวัติการตั้งชื่อหมู่บ้านที่คล้ายคลึงกันครับ แต่เป็นช่วงเวลาประมาณ 50 ปีที่ผ่านมานี้เอง นั่นก็คือ หมู่บ้านหนองไข่น้ำ ซึ่งคนที่มาอยู่เป็นคนแรกก็มาจากโคราช (ข้อมูลจาก: ความเป็นมาเมืองวิเชียรบุรี ซึ่งได้จากการสัมภาษณ์ผู้เฒ่าอายุ 83 ปี) และยังมีอีกหลายแห่งที่มีการใช้ชื่อ "ไข่น้ำ" อาทิเช่น ตำบลหนองไข่น้ำ อ.หนองแค จ.สระบุรี, ตำบลหนองไข่น้ำ อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา เป็นต้น

ในปัจจุบันแต่ละถิ่นก็จะเรียกชื่อแตกต่างกันไป เช่น คนเหนือเรียก "ผำ" (เพชรบูรณ์่), ภาคกลางเรียก "ไข่น้ำ" (สระบุรี) ส่วนคนอีสานเรียก "ไข่ผำ" (นครราชสีมา) ยังไม่พบว่าคนใต้เค้าเีรียกว่าเช่นไรครับ


(ขายที่ตลาดใส่ถุงก๊อปแก๊ปมาเลย ภาพจากพันทิป)

ไข่น้ำจัดเป็นผักพื้นบ้านที่คนชนบทภาคเหนือและอีสานนิยมใช้เป็นอาหารมาเนิ่นนาน และมีโปรตีนสูงมากถึง 40% (ของน้ำหนักแห้ง) แต่มีสารพิษต้านฤทธิ์สารอาหาร ก่อนนำมารับประทานต้องปรุงให้สุกก่อน และยังมีข้อควรระวังในเรื่องสารเคมีที่เป็นอันตรายจากน้ำเสียสะสม อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนั้นจึงต้องล้างให้สะอาด (แช่ในด่างทับทิม) หรือถ้ามั่นใจในแหล่งที่มา ก็ให้ล้างในน้ำสะอาดตักใส่กระชอนหรือผ้าขาวหลายๆ รอบจนกว่าน้ำจะใส


(ล้างซ้ำจนน้ำใส ภาพจากพันทิป)

จากข้อมูลข้างต้นแสดงว่า ที่เมืองไทยรู้จักไข่น้ำกันมาเนิ่นนานนับร้อยปี อาจจะรับประทานเป็นเมนูอาหารขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นก่อนได้ชื่อวิทยาศาสตร์เป็น Wolffia globosa ซะอีก และในปัจจุบันก็ยังเพาะเลี้ยงใช้เป็นอาหารอยู่ อีกทั้งยังมีพ่อค้าหัวใสนำไปอัดเม็ดใส่แคปซูลจำหน่ายเป็นอาหารเสริมราคาแพงด้วย

สรรพคุณและประโยชน์ของไข่น้ำมีหลายประการ เป็นต้นว่า มีโปรตีนสูง มีแคลเซียมและเบต้าแคโรทีนสูงมาก ใช้บำบัดน้ำเสีย เป็นอาหารของคน/สัตว์น้ำ/สัตว์ปีก มีรายงานการวิจัยถึงฤทธิ์ เช่น ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ รักษาอาการท้องผูก ฤทธิ์ต้านการติดเชื้อ ช่วยปรับสภาพร่างกายให้เป็นด่างในคนที่มีสภาวะเครียด หรือร่างกายมีความเป็นกรดจากอาหาร และช่วยรักษาภาวะซีดในคนที่เป็นโรคโลหิตจาง ฯลฯ

รบกวน อ.เพ็ญชมพู ช่วยสอนวิธีค้นหาปีที่ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ Wolffia globosa ให้หน่อยครับ จะได้เดาได้อย่างมั่นใจมากขึ้นครับ  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 29 ก.ย. 13, 12:06

เริ่มเห็นแววว่าเด็กชายพี น่าจะเป็นนักเรียนชั้นเหรียญทองในชั้นของครูเพ็ญชมพู     ตั้งอกตั้งใจตอบการบ้านอย่างดีมาก  ควรได้ A+ ทุกกระทู้
พืชที่นำมาลงต่อจากนี้ ชื่อว่า Skunk cabbage  แปลตรงตัวว่ากระหล่ำสกั๊งค์   ดูเผินๆดอกสวยเหมือนดอกเดหลี เพียงแต่เป็นสีเหลืองไม่ใช่ขาวอย่างเดหลี    แต่ว่าพืชชนิดนี้นอกจากเวลาส่งกลิ่นจะกระจายกลิ่นเหม็นร้ายกาจราวกับเนื้อเน่า เพื่อล่อแมลง   ยังเป็นพืชมีพิษ กินเข้าไปแล้วหวิดตาย หรือถ้ากินมากๆอาจตายได้



บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 ... 29
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.127 วินาที กับ 20 คำสั่ง