เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
เปิดเพลงนำกระทู้ไว้ก่อนค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 27 ก.ย. 13, 13:09
|
|
คุณ Crazy HOrse แห่งเรือนไทยเคยเล่าถึงท่านเอาไว้ในกระทู้เก่า เมื่อปี 07 http://www.reurnthai.com/index.php?topic=2180.0ขอลอกมาให้อ่านกันค่ะ พระยาโกมารกุลมนตรี (ชื่น โกมารกุล ณ นคร) นอกจากจะเป็นเสนาบดีที่มีบทบาทในช่วงก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว ยังมีผลงานในทางการประพันธ์อีกด้วย ส่วนหนึ่งของผลงานเหล่านี้คือการประพันธ์เพลง ร่วมกับท่านผู้หญิงพวงร้อย อภัยวงศ์ โดยพระยาโกมารกุลมนตรีเป็นผู้ประพันธ์คำร้อง และท่านผู้หญิงพวงร้อยประพันธ์ทำนองเพลง เพลงที่พระยาโกมารกุลมนตรีประพันธ์นั้น นอกจากจะมีความสวยงามทางภาษาแล้วยังมีเสียงวรรณยุกต์ที่เข้ากับทำนองเพลงเป็นอย่างดี ทำให้มีความไพเราะเป็นอย่างมาก เท่าที่ค้นหาได้ มีอยู่ 3 เพลง คือ - จันทร์เอ๋ย - เงาไม้ - ตาแสนกลม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 27 ก.ย. 13, 13:11
|
|
(ต่อ) จากที่คุณม้าโพสต์ไว้
เพลง จันทร์เอ๋ย
ประพันธ์ขึ้นในปี ๒๔๘๒ เพื่อประกอบภาพยนตร์เรื่องปิดทองหลังพระ มีคำร้องดังนี้
จันทร์เอ๋ยเคยสว่างไยจางแสง หรือจันทร์แกล้งเย้าว่าน้องอกหมองไหม้ ลมเจ้าเอ๋ยเคยโชยชื่นชื่นหัวใจ เป็นอะไรจึงสงัดไม่พัดเลย
ดาวเอ๋ยดาวพราวฟ้าไกลเห็นไหวยิบ ดาวกระพริบตาเยาะเราหรือดาวเอ๋ย จั๊กกระจั่นสนั่นเพรียกเรียกคู่เชย เหมือนจะเย้ยว่าเราไม่มีใครปอง
ฟังคุณรัดเกล้า อามระดิษนำมาขับร้องใหม่ร่วมกับ BSO ได้ที่นี่ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 27 ก.ย. 13, 13:12
|
|
(ต่อ) เพลง เงาไม้
ประพันธ์ขึ้นในปี ๒๔๘๑ เพื่อประกอบภาพยนตร์เรื่องลูกทุ่ง มีคำร้องดังนี้ครับ
แสงจันทร์วันนี้นวล คล้ายชวนให้น้องเที่ยว จะให้เลี้ยวไปแห่งไหน ชลใสดูในน้ำ เงาดำนั้นเงาใด อ๋อ ไม้ริมฝั่งชล
สวยแจ่มแสงเดือน หมู่ปลาเกลื่อนดูเป็นทิว หรรษ์รมย์ลมริ้ว จอดเรืออาศัยเงาไม้ฝั่งชล
ฟังคุณรัดเกล้า อามระดิษนำมาขับร้องใหม่ร่วมกับ BSO ได้ที่นี่ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 27 ก.ย. 13, 13:16
|
|
(ต่อ) เพลง ตาแสนกลม ประพันธ์ขึ้นในปี ๒๔๘๒ เพื่อประกอบละครเรื่องจุดไต้ตำตอ มีคำร้องดังนี้ครับ ตาแสนกลมแต่คมนักเจียวเจ้า เหลื่อมแหลมเงาเป็นประกายวาม แหลมเกินศรแหลมหล่อนชายคร้าม สุกดาวงามแม้มาเทียบเปรียบแพ้ตาเจ้าเอย เรียบเรียงจาก http://th.wikipedia.org ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 27 ก.ย. 13, 13:18
|
|
คุณนริศ อารีย์ขับร้องเพลง ตาแสนกลม ไว้ด้วย หาฟังยาก เลยนำมาลงให้ฟังกันด้วยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นางมารน้อย
พาลี
   
ตอบ: 306
ทำงานแล้วค่ะ
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 27 ก.ย. 13, 16:27
|
|
เพลงจันทร์เอ๋ยนี่ชอบมากเลยค่ะ จำได้ว่าเคยมีการเอากลับมาขับร้องทำดนตรีใหม่แล้วประกอบละครสักเรื่อง แต่จำไม่ได้ว่าละครเรื่องอะไร น่าจะเป็นละครหม่อมน้อย ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล ไม่แน่ใจว่าซอยปรารถนา 2500 หรือเปล่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สวัสดีทุกๆท่านค่ะ
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 28 ก.ย. 13, 14:11
|
|
จะลองค้นให้นะคะ
ได้ยินชื่อพระยาโกมารกุลมนตรีครั้งแรก ไม่ได้เกี่ยวกับตำแหน่งการงานของท่าน แต่ได้ยินเมื่อฟังเพลงของท่านผู้หญิงม.ล.พวงร้อย หลายเพลงเป็นเพลงโปรด พบว่าหนึ่งในผู้ประพันธ์เนื้อร้องชื่อพระยาโกมารกุลมนตรี ยังนึกแปลกใจว่าทำไมไม่เคยได้ยินชื่อท่านรวมอยู่ในสาขาดนตรีไทยอย่างคุณพระเจนดุริยางค์ หรือหลวงประดิษฐไพเราะ
ต่อมา อินทรเนตรก็สอดส่องไปหาประวัติของท่านมาให้ อ่านแล้วก็นึกทึ่งในสติปัญญาของเนติบัณฑิตอังกฤษจากสยามท่านนี้ นอกจากนี้เส้นทางราชการของท่านก็เริ่มต้นห่างไกลจากศิลปะอยู่มาก
ประวัติของสกุล ณ นคร เล่าไว้ว่า มหาอำมาตย์เอก พระยาโกมารกุลมนตรี (ชื่น โกมารกุล ณ นคร) เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 9 ปีเถาะ จุลศักราช 1253 ตรงกับวันที่ 16 สิงหาคม พุทธศักราช 2434 เป็นบุตรชายคนเดียวของนายพลพ่าย (ชวน โกมารกุล ณ นคร) และคุณจวง บุนนาค หลังจากที่ได้เข้าศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนสุขุมาลัย (พ.ศ. 2444) และที่โรงเรียนอุดมวิทยายน วัดอนงคาราม ท่านได้ขึ้นไปเชียงใหม่กับท่านเจ้าพระยาพลเทพ ฯ ซึ่งเป็นอาของท่าน และได้เริ่มฝึกราชการที่พระคลังมณฑลพายัพ เมื่อกลับจากเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2449 ท่านได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนราชวิทยาลัย ซึ่งครั้งนั้นยังอยู่ที่ตึกสายสวลีย์ คือที่โรงเลี้ยงเด็ก ถนนบำรุงเมือง ในปัจจุบันและในปี พ.ศ. 2451 เมื่อมีอายุ 17 ปี ท่านได้เข้าฝึกราชการในกรมตรวจและกรมสารบาญชี กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ต่อมาใน พ.ศ. 2452 ได้เป็นเสมียนในกรมตรวจและกรมสารบาญชี รับพระราชทานเงินเดือน ๆ ละ 25 บาท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 29 ก.ย. 13, 11:54
|
|
คนสมัยหนึ่งร้อยปีก่อน เป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าสมัยนี้มาก จะเห็นได้ว่าพระยาโกมารกุลฯเมื่อครั้งเป็นนายชื่น หนุ่มวัย 17 ก็เข้าฝึกงานในกระทรวงแล้ว พออายุ 18 ก็บรรจุเป็นเสมียนในกรมตรวจและกรมสารบาญชี เรียกว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว มีเงินเดือนถึงเดือนละ 25 บาท ในยุคที่ข้าวแกงจานละสตางค์เดียว ปีต่อมาเมื่อท่านอายุได้ 19 กระทรวงพระคลังมหาสมบัติส่งท่านไปศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ ในชั้นต้นได้เข้าศึกษาที่ Travis’ Commercial School, Southampton ต่อมาได้ย้ายไปศึกษาที่ Pitman’s School, London ท่านได้ศึกษาวิชากฎหมายในสำนักศึกษา Gray’s Inn, London ซึ่งเป็นสำนักกฎหมายมีชื่อเสียงที่สุดในอังกฤษ ได้สำเร็จวิชากฎหมายเป็นเนติบัณฑิตอังกฤษแห่งสำนักนั้น เมื่อ พ.ศ. 2460 อายุได้ 26 ปี ถือว่าเก่งอย่างน่าอัศจรรย์ทีเดียว พอเรียนจบ พระยาโกมารกุลมนตรีก็เดินทางกลับสยาม คราวนี้ย้ายจากกระทรวงพระคลังมหาสมบัติไปเป็นพนักงานอัยการ ตามความรู้ทางกฎหมาย สมัยนั้นกรมอัยการสังกัดอยู่กระทรวงยุติธรรม สองปีต่อมา ในพ.ศ. 2462 จึงโอนกลับไปรับราชการในกระทรวงพระคลังมหาสมบัติตามเดิม จากนั้นตำแหน่งราชการก็ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆตามที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในวิชาการอย่างสูงผู้หนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 6 นอกเหนือจากตำแหน่งราชการโดยตรง ก็มีตำแหน่งสำคัญอื่นๆเช่นเป็นเลขานุการสภากรรมการกำกับตรวจตราข้าว (เนื่องจากอุทกภัยในปี พ.ศ. 2460 ซึ่งเป็นเหตุให้ข้าวมีราคาแพง) เป็นเลขานุการและที่ปรึกษากฎหมายสภาเผยแผ่พาณิชย์ กรรมการในสภากรรมการรถไฟ อธิบดีกรมทะเบียนการค้า อธิบดีกรมเงินตรา นายกกรรมการธนาคารสยามกัมมาจล จำกัด ฯลฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 30 ก.ย. 13, 13:45
|
|
ล่วงมาถึงรัชกาลที่ 7 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2469 พระยาโกมารกุลได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบาญชีกลาง ซึ่งถือกันว่าเป็นกรมชั้นหนึ่งในราชการบริหารประเทศไทยครั้งนั้น ตำแหน่งอธิบดีกรมบาญชีกลางยังถือกันว่าเป็นบันไดที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติอีกด้วย ข้อนี้ก็เป็นความจริงต่อมา ภายหลังที่ได้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบาญชีกลางอยู่ประมาณ 3 ปี ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้รั้งตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2472 ในขณะที่มีอายุเพียง 38 ปี ซึ่งทั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ความสามารถของท่านอย่างชัดแจ้ง และหลังจากนั้นเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือนก็ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประถมาภรณ์มงกุฎสยาม ด้วยความสามารถในการปฏิบัติราชการ ปีต่อมา (1 เมษายน พ.ศ. 2473) ก็ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงพระคลังสมบัติ ในขณะที่มีอายุเพียง 38 ปี 7 เดือนเศษ นับว่าเป็นเสนาบดีที่มีอายุน้อยที่สุดในสมัยนั้น ท่านได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณในตำแหน่งเสนาบดีจนถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2475 จึงได้กราบถวายบังคมลาออก รับพระราชทานบำนาญต่อมา ด้วยอายุเพียง 41 ปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 30 ก.ย. 13, 13:46
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 30 ก.ย. 13, 14:47
|
|
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 พระยาโกมารกุลมนตรีได้กลับเข้ารับตำแหน่งในกระทรวงพระคลังมหาสมบัติอีกครั้งหนึ่ง คือดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ระหว่าง 29 มิถุนายน พ.ศ. 2475 - 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 จากนั้น ตำแหน่งเปลี่ยนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ท่านก็ได้ดำรงตำแหน่งนี้ต่อมาระหว่าง 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 - 24 มิถุนายน พ.ศ. 2476
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 04 ต.ค. 13, 10:39
|
|
พระยาโกมารกุลมนตรีสมรสกับคุณหญิงโสภาพรรณ ธิดาพระยาประภากรวงศ์ (ว่อง บุนนาค) มารดาชื่อ เรียบ (หรือเลียบ บุนนาค) เป็นธิดาเจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ (โต บุนนาค) คุณหญิงโสภาพรรณเกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๙ แรกเกิดสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๕ ได้พระราชทานชื่อว่า "เสาวภา " ต่อมาภายหลังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เปลี่ยนให้เป็น "โสภาพรรณ " เมื่อเยาว์วัย ท่านไปอยู่กับท่านเจ้าจอมเลียม ในรัชกาลที่ ๕ เพื่ออบรมมารยาทชาววังในวังหลวง
คุณหญิงโสภาพรรณได้เข้ารับการศึกษาหลายโรงเรียน ได้แก่โรงเรียนศึกษานารี (ปัจจุบันเป็นวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา) เพราะอยู่ใกล้บ้าน ต่อมาศึกษาที่โรงเรียนราชินีปากคลองตลาด เข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนซางตาครูซคอนแวนด์จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๕๖ จึงติดตามท่านบิดาซึ่งเป็นราชทูตประจำประเทศสหรัฐอเมริกา (ต่อจากหม่อมเจ้าไตรทศประพันธ์ กรมหมื่นเทววงศ์วโรทัย) ไปศึกษาต่อที่วอชิงตัน ดีซี ได้ประกาศนียบัตรจากโรงเรียน Holten Arm School สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ ได้ไปเรียนที่ Sacred Heart School และเข้าเป็นพยาบาลอาสาสมัคร
เมื่ออายุ ๒๒ ปี คุณหญิงโสภาพรรณสมรสกับพระยาโกมารกุลมนตรี (ชื่น โกมารกุล ณ นคร) เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๑ ย้ายครอบครัวมาอยู่กับเจ้าพระยาพลเทพ (เฉลิม โกมารกุล ณ นคร) ผู้เป็นอาของสามี ที่บริเวณคลองบ้านสมเด็จ วงเวียนเล็ก ธนบุรี ระหว่างที่พระยาโกมารกุลมนตรีเป็นอธิบดีกรมบัญชีกลาง ต้องออกตรวจราชการคลังจังหวัดต่างๆ หลายแห่ง คุณหญิงโสภาพรรณได้ติดตามไปด้วยทุกครั้ง เช่น ที่มณฑลปัตตานีและนครศรีธรรมราช มณฑลราชบุรี มณฑลพายัพ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ทั้งๆท่านมีบุตรที่ต้องดูแลถึง ๑๐ คน
คุณหญิงโสภาพรรณถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ อายุ ๘๒ ปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 04 ต.ค. 13, 10:52
|
|
ความสามารถพิเศษประการหนึ่งของพระยาโกมารกุลมนตรี ที่หาได้ยากมากในข้าราชการที่เติบโตขึ้นมาทางความรู้สาขาบัญชีและกฎหมาย คือการประพันธ์ ท่านมีใจรักทางด้านภาษาและหนังสือ เขียนบทความแสดงข้อคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ ไว้เป็นจำนวนมาก ท่านเชี่ยวชาญถึงขั้นแต่งบทละครพูดชวนหัว เรื่องสั้น ๆ ชนิดองก์เดียวจบไว้หลายเรื่อง นอกจากนี้ยังมีกวีนิพนธ์ด้วย ท่านได้แต่งโคลงกลอนไว้เป็นจำนวนมากดังที่ปรากฏใน “ประมวลโวหาร” พระยาโกมารกุลมนตรี เป็นผู้ที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และในพระพุทธโอวาท เมื่อ พ.ศ. 2467 ได้เป็นปัจจัยให้ท่านสร้างหนังสือแสดงคำอธิบายของพระพุทธโอวาทโดยเลือกธรรมบางข้อมาผูกขึ้นเป็นโคลงทาย 19 บท แล้วส่งโคลงทายเหล่านั้นไปยังบรรพชิตและคฤหัสถ์ ขอให้ตอบโคลงทาย เมื่อได้รับคำตอบและคำอธิบายวิสัชนาของโคลงทายเหล่านั้นแล้ว ท่านก็ได้รวบรวมจัดพิมพ์เป็นเล่มเรียกว่า “โคลงทาย และวิสัชนา” แจกจ่ายไปยังบรรดาผู้ที่ชอบพอคุ้นเคย เป็นวิทยาทาน “โคลงทาย และวิสัชนา” ภายหลังได้แต่งเพิ่มเติมขึ้นอีก 14 บท และได้พิมพ์ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2503 รวมเป็นโคลงทายทั้งสิ้น 33 บทด้วยกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
han_bing
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 05 ต.ค. 13, 08:29
|
|
ข้าพเจ้าชอบฟังเพลง "ตาแสนกลม" มากกกกกกกกกก ชอบมาตั้งแต่เด็กๆ ดีใจที่ได้เข้ามาอ่านประวัติในครั้งนี้ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|