เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 8 9 [10]
  พิมพ์  
อ่าน: 34324 ตามรอยการค้นพบ พระบรมสารีริกธาตุ ณ สถูป Piprahwa
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 135  เมื่อ 17 เม.ย. 19, 14:27



บรรทัดที่จารึก "ยานะ" บนผอบนี่ภาพถ่ายมองไม่ชัดนะครับ 



บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 136  เมื่อ 17 เม.ย. 19, 17:19


ขอบคุณครับ  ยิงฟันยิ้ม
จากรูปที่คุณเพ็ญชมพูกรุณานำมาลง
"ยานะ" อยู่บน "สุกิติ" และ เยื้องกับ "สากิ"
ลายจารึกเป็นการขูดอย่างไม่ประณีต เหมือนกับรีบทำ

ถ้าจะให้หมายถึง "ศากยะ" ทำไมไม่เขียน สมาส "สากยะ" ไปเลย


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 137  เมื่อ 17 เม.ย. 19, 17:31

The casket found inscribed in Mauryan Brahmi script reads, 'Sukitibhatinam sabhaginikanam saputadalanam yam salilanidhane Budhasa Bhagavate Sakiyanam'.

According to Buhler, it means that the casket containing the relics of Lord Buddha was donated by Sukirti brothers along with their sisters, sons and wives belonging to the Sakya clan.

But in the opinion of J.F. Fleet, this is the collection of relics of Sukirti brothers, the relatives of lord Buddha and those of their sisters, sons and wives too.

จาก http://www.museumsofindia.gov.in/repository/record/im_kol-19737A-B-10420


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 138  เมื่อ 19 เม.ย. 19, 13:41


http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=14&p=3

  
พระเจ้าวิฑูฑภะฆ่าพวกศากยะ        
   
               ก็พระญาติทั้งหลายของพระสัมมาสัมพุทธะชื่อว่าไม่ฆ่าสัตว์ แม้จะตายอยู่ก็ไม่ปลงชีวิตของเหล่าสัตว์อื่น.
               เจ้าศากยะเหล่านั้นคิดว่า "พวกเราฝึกหัดมือแล้ว มีเครื่องผูกสอดอันทำแล้ว หัดปรือมาก, แต่พวกเราไม่อาจปลงสัตว์อื่นจากชีวิตได้เลย, พวกเราจักแสดงกรรมของตนแล้วให้หนีไป." เจ้าศากยะเหล่านั้นทรงมีเครื่องผูกสอดอันทำแล้ว จึงเสด็จออกเริ่มการยุทธ. ถูกศรที่เจ้าศากยะเหล่านั้นยิงไปไปตามระหว่างๆ พวกบุรุษของพระเจ้าวิฑูฑภะ, ออกไปโดยช่องโล่และช่องหูเป็นต้น. พระเจ้าวิฑูฑภะทอดพระเนตรเห็น จึงตรัสว่า "พนาย พวกเจ้าศากยะย่อมตรัสว่า ‘พวกเราเป็นผู้ไม่ฆ่าสัตว์’ มิใช่หรือ? ก็เมื่อเช่นนี้ ไฉนพวกเจ้าศากยะจึงยิงบุรุษของเราให้ฉิบหายเล่า." ลำดับนั้น บุรุษคนหนึ่งกราบทูลพระเจ้าวิฑูฑภะนั้นว่า "ข้าแต่เจ้า พระองค์ตรวจสอบดูแล้วหรือ?"
               พระเจ้าวิฑูฑภะ. พวกเจ้าศากยะยังบุรุษของเราให้ฉิบหาย.
               บุรุษ. บุรุษไรๆ ของพระองค์ ชื่อว่าตายแล้ว ย่อมไม่มี, ขอเชิญพระองค์จงรับสั่งให้นับบุรุษเหล่านั้นเถิด.
               พระเจ้าวิฑูฑภะ เมื่อรับสั่งให้นับดู ไม่ทรงเห็นหมดไปแม้คนหนึ่ง. ท้าวเธอเสด็จกลับจากที่นั้นแล้ว ตรัสว่า "พนาย คนเหล่าใดๆ บอกว่า ‘พวกเราเป็นเจ้าศากยะ’ ท่านทั้งหลายจงฆ่าคนเหล่านั้นทั้งหมด; แต่จงให้ชีวิตแก่คนที่ยืนอยู่ในสำนักของเจ้าศากยะมหานาม ผู้เป็นพระเจ้าตาของเรา.
               เจ้าศากยะทั้งหลายไม่เห็นเครื่องถือที่ตนพึงถือเอา บางพวกคาบหญ้า บางพวกถือไม้อ้อ ยืนอยู่, ถูกเขาถามว่า "ท่านเป็นเจ้าศากยะหรือไม่ใช่? เพราะเหตุที่เจ้าศากยะเหล่านั้น แม้จะตายก็ไม่พูดคำเท็จ; พวกที่ยืนคาบหญ้าอยู่แล้ว จึงกล่าวว่า "ไม่ใช่เจ้าศากยะ, หญ้า." พวกที่ยืนถือไม้อ้อก็กล่าวว่า "ไม่ใช่เจ้าศากยะ, ไม้อ้อ." เจ้าศากยะเหล่านั้นและเจ้าศากยะที่ยืนอยู่ในสำนักของท้าวมหานาม ได้ชีวิตแล้ว.
               บรรดาเจ้าศากยะเหล่านั้น เจ้าศากยะที่ยืนคาบหญ้า ชื่อว่าเจ้าศากยะหญ้า, พวกที่ยืนถือไม้อ้อ ชื่อว่าเจ้าศากยะไม้อ้อ
.
               พระเจ้าวิฑูฑภะรับสั่งให้ฆ่าเจ้าศากยะอันเหลือทั้งหลาย ไม่เว้นทารกแม้ยังดื่มนม ยังแม่น้ำคือโลหิต ให้ไหลไปแล้ว รับสั่งให้ล้างแผ่นกระดาน ด้วยโลหิตในลำคอของเจ้าศากยะเหล่านั้น.
               ศากยวงศ์อันพระเจ้าวิฑูฑภะเข้าไปตัดแล้ว ด้วยอาการอย่างนี้. พระเจ้าวิฑูฑภะนั้นรับสั่งให้จับเจ้าศากยมหานาม เสด็จกลับแล้ว ในเวลาเสวยกระยาหารเช้า ทรงดำริว่า "เราจักเสวยอาหารเช้า" ดังนี้แล้ว ทรงแวะในที่แห่งหนึ่ง, เมื่อโภชนะอันบุคคลนำเข้าไปแล้ว, รับสั่งให้เรียกพระเจ้าตามา ด้วยพระดำรัสว่า "เราจักเสวยร่วมกัน."
บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 139  เมื่อ 19 เม.ย. 19, 15:14


ผู้จารึกเริ่มจาก "สุกิติ" ก่อน แล้ว จารึก เวียนไปจนครบรอบจบที่ "สะกิ-ยะนัง"
ตรง "ยะนัง" ยกไปจารึกบน "สุกิติ"

สุกิติ ภะตินัง สะภะคินิ กะนัง สะปุตะ ทะละนัง  =  (สกุล)สุกิติ พี่น้องชาย พี่น้องหญิง ธิดา บุตร อุทิศ

อิยะ สะลิละ นิทธะเน พุทธะ สะภะคะวะเต สะกิยะนัง = นี้ สรีระ บรรจุ พระพุทธ ภควัต ศากยะ

ดังนั้น "ศากยะ" จึงไม่ได้ขยาย "สุกิติ'


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 140  เมื่อ 19 เม.ย. 19, 17:21

เป็นประเด็นที่สำคัญเลยนะครับทีนี้
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 141  เมื่อ 19 เม.ย. 19, 20:00

ดังนั้น "ศากยะ" จึงไม่ได้ขยาย "สุกิติ'

แต่ "สุกิติ" ขยาย "ศากยะ"  ยิงฟันยิ้ม

"สุกิติ" สุ = ดี งาม   กิติ  บาลีว่า กิตติ = คำสรรเสริญ

ราชสำนักสยามสร้างความมั่นใจให้ตนเองด้วยการให้พระชินวรวงษ์ คัดลอกจารึกอักษรพราหมี ส่งกลับมายังดินแดนสยาม เพื่อให้กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส ทำการศึกษาเทียบเคียงกับอักษรพราหมีที่ปรากฏในจารึกอโศก ที่ขุดค้นพบก่อนหน้านั้นโดยตรง ซึ่งกรมหมื่นวชิรญาณวโรรส สรุปความได้ว่า

“นี้ ที่บรรจุพระสรีระของพระผู้มีพระภาคพระพุทธเจ้า ของศากยพี่น้องผู้ชายผู้มีเกียรติงาม พร้อมทั้งพี่น้องผู้หญิง พร้อมทั้งลูกเมีย

ในขณะที่ฝ่ายอินเดีย เมื่อแปลมาเป็นภาษาอังกฤษ และถอดความเป็นภาษาไทยอีกครั้งหนึ่งได้ความว่า

“อัฐซึ่งฝังเก็บไว้นี้ เป็นอัฐิของสมเด็จพระผู้ทรงพระภาคสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นส่วนของผู้มีเกียรติคุณ อันเป็นภาดาและภคินี กับทั้งบุตรและบุตรสะใภ้ แห่งวงศ์สกยราช
บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 142  เมื่อ 19 เม.ย. 19, 20:23


Sukit​i​ family donate this​ relic​ burying Budha​ Bhagawata Sakaya.

รูปประโยคนี้​ สุกิติ​ขยาย​ประธาน​ ส่วน​ ศากยะขยายกรรมครับ
แต่ถ้า​ ประโยคขึ้นด้วย​ อิยัง​ อาจแปลได้ตามนั้น
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 143  เมื่อ 20 เม.ย. 19, 08:21

The casket found inscribed in Mauryan Brahmi script reads, 'Sukitibhatinam sabhaginikanam saputadalanam yam salilanidhane Budhasa Bhagavate Sakiyanam'.

According to Buhler, it means that the casket containing the relics of Lord Buddha was donated by Sukirti brothers along with their sisters, sons and wives belonging to the Sakya clan.

But in the opinion of J.F. Fleet, this is the collection of relics of Sukirti brothers, the relatives of lord Buddha and those of their sisters, sons and wives too.

คำแปลเปลี่ยนไปเมื่อเปลี่ยนลำดับของข้อความ  ยิงฟันยิ้ม

จากหนังสือ The Life of Buddha : As Legend and History โดย Edward J. Thomas หน้า ๑๖๑ - ๑๖๒




บันทึกการเข้า
world
อสุรผัด
*
ตอบ: 1


ความคิดเห็นที่ 144  เมื่อ 03 พ.ค. 19, 21:47

หายไปนาน นึกว่าไม่กลับมาตอบเสียแล้ว

ขออภัยครับ    ปกติไม่ค่อยได้เล่นที่นี่พอโพสต์แล้วก็ลืมไป     นี่บังเอิญเมื่อวานอ่านเดลินิวส์แล้วเจอข้อมูลที่พาให้นึกถึงคุณ Navarat.C เลยนึกถึงกระทู้นี้ได้


แต่ในกรณีพี่น้องศากยะนี้ผมคิดว่าก็อาจมีกรณีที่เป็นทายาทของเจ้าหญิงศากยะที่ไปแต่งงานกับกษัตริย์อื่นเช่นกัน     กลุ่มนี้ถึงแม้จะเป็นราชวงศ์อื่นไปแล้วก็ยังถือได้ว่ามีสายเลือดศากยะอยู่


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 145  เมื่อ 04 พ.ค. 19, 08:42

ก็เป็นไปได้ค่ะ   
เจ้านายเชื้อสายราชวงศ์อื่น(ทางพ่อ) แต่มีทางแม่เป็นวงศ์ศากยะ ก็สามารถนับตัวเองเป็นเชื้อสายศากยะได้  ถ้าอินเดียนับการสืบสายสกุลวงศ์ทางแม่ด้วย
ถ้านับแบบนี้  ย่อมจะมีเจ้านายศากยะเหลือเชื้อสายมาอีกจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว  เพราะเจ้าหญิงในราชวงศ์ศากยะที่ไปเสกสมรสกับเจ้าชายในราชวงศ์อื่น ย่อมมีหลายองค์ และหลายรุ่นด้วยกัน
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.067 วินาที กับ 20 คำสั่ง