Jalito
|
ความคิดเห็นที่ 105 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 00:34
|
|
เสาตะเกียบ หน้าตาแบบนี้หรือเปล่าคะ
นึกถึงคำถามที่อาจารย์ ฯ ฝากไว้ .. วันนี้นั่งเรือข้ามฟากจากฝั่งพระสมุทรเจดีย์มาทางฟากปากน้ำ ได้เห็นเสาตะเกียบพอดีที่ท่าเรือพระสมุทรเจดีย์ จึงนำมาฝากอาจารย์ฯ ครับ คุณลุงไก่ลงทุนไกลเลยนะครับ แม่น้ำตรงหน้าเมืองสมุทรปราการกว้างน่าดู ประมาณ 1 กม.แต่พอพ้นหน้าน้ำหลากไปแล้ว วันที่น้ำแห้งสุดนี่ถ้ามองจากทางฝั่งเจดีย์ จะเห็นหาดเลนยื่นออกไปไกลจนเหมือนว่าจดฝั่งตรงข้าม ใจหายเลย เห็นว่ามีโครงการจะทำสะพานแขวน(เฉพาะคนเดิน)ข้ามจากฝั่งเจดีย์ไปเกาะป้อมผีเสื้อสมุทรมาสัก 2 ปีแล้ว จนต้องย้ายท่าเรือข้ามฟากเขยิบไปจากที่เดิม ตามรูปของคุณลุงไก่ก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเชื่อมสองฝั่งนั้นเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลุงไก่
|
ความคิดเห็นที่ 106 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 06:52
|
|
แม่น้ำตรงหน้าเมืองสมุทรปราการกว้างน่าดู ประมาณ 1 กม.แต่พอพ้นหน้าน้ำหลากไปแล้ว วันที่น้ำแห้งสุดนี่ถ้ามองจากทางฝั่งเจดีย์ จะเห็นหาดเลนยื่นออกไปไกลจนเหมือนว่าจดฝั่งตรงข้าม ใจหายเลย
ภาพแรก - บริเวณนี้หละครับที่คุณ Jalito เอ่ยถึง ยามน้ำลดจะเห็นชายเลนกินไปถึงครึ่งแม่น้ำ บรรดานกน้ำจะพากันมาเดินย่ำเลนหาอาหารกัน ร่องน้ำลึกสำหรับการเดินเรือจะอยู่ทางด้านฝั่งซ้ายของแม่น้ำหรือทางด้านทิศตะวันออก
ภาพที่สอง - ที่ผมวงกลมไว้ในภาพ อาคารที่เห็นลิบ ๆ ฝั่งตรงข้าม คืออาคารโรงเรียนนายเรือครับ ได้ข่าวมาว่าทางกองทัพเรือมีแผนจะย้ายไปอยู่ที่สัตหีบ ชลบุรี ในพื่นที่ของ สอ รฝ ด้านหนึ่งติดทะเล อีกด้านหนึ่งติดสุขุมวิท
ภาพที่สาม - ดังนั้นจึงต้องมีกระโจมไฟสัญญานไว้กลางแม่น้ำ เพื่อให้เรือรู้ว่าร่องน้ำลึกอยู่ตรงไหน ชายเลนน้ำตื้นอยู่ตรงไหน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลุงไก่
|
ความคิดเห็นที่ 107 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 07:02
|
|
ตรงที่รุ่นผมมายืนให้รุ่นพี่ทำน้ำตกมาล้างตัวให้นั้น เค้าเปลี่ยนมาให้น้องใหม่ยืนรับใบจามจุรีที่รุ่นพี่ขึ้นไปยืนโปรยปรายมาให้ ก็คงซาบซึ้งดีครับ ตอนนี้
หวังว่ารุ่นพี่สถาปัตย์คงไม่ได้แอบรูดใบจามจุรีจากต้นในรั้วจุฬาฯ มาโปรยรับน้องนะครับ รุ่นพี่วิศวะฯ สมัยก่อน แอบไปตัดเอาจากริมถนนพหลโยธินแถวหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์โน่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 108 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 07:14
|
|
เอ ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่สมัยผมคงหาเอาในจุฬานี่แหละยังมีที่ๆเป็นป่าเยอะไป แต่อนาคตไม่แน่ อาจใช้ใบจามจุรีพลาสติก
เลยอดแถมไม่ได้ ว่าจะพอแล้วเชียว
เอารูปสมัยผมที่รุ่นพี่ให้แต่งเป็นอินเดียนแดงเข้าพิธีศีลจุ่มมาให้ชมเพิ่ม และรูปแห่เชือกลงสระหน้าคณะก่อนไปอาบน้ำตกในคอร์ทภายในคณะ ที่เอามาเพื่อให้เด็กๆไม่ต้องกลัวพิธีรับน้องของพวกเราชาวจุฬา สมัยไหนๆก็ไม่มีป่าเถื่อนโหดร้าย แต่เต็มไปด้วยพิธีกรรมที่จะประทับอยู่ในใจน้องใหม่ตราบนานเท่านาน กว่าที่อัลไซเมอร์จะพรากความจำนั้นไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 109 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 07:16
|
|
^ ลืมใส่โมเสกตามแฟชั่น เอ้า where ๆ is a where ๆ ไหนๆก็ไหนๆ เลยตามเลยก็แล้วกัน
แห่เชือกข้ามคลอง(ซึ่งเหลือแค่เป็นสระ) แล้วมาอาบน้ำตกในคณะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 110 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 07:23
|
|
อีกหนึ่งในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่อัลไซเมอร์นำมาคืนให้ผมหลังการพักผ่อนที่เพียงพอ ก็คือพิธีแห่โคม โคมนี้เสมือนหนึ่งวิญญาณของสถาปนิกที่สืบทอดต่อๆกันชั่วลูกชั่วหลาน ก่อนวันรับน้องใหม่ อาจารย์สอนวิชาพื้นฐานการออกแบบ (Design Fundamental)จะสั่งให้นิสิตปีหนึ่งทำโคมของตนขึ้นเพื่อเก็บเป็นคะแนนสอบ ทุกคนจะตั้งใจประดิษฐ์คิดค้นแบบแปลกๆมาทำโคม ซึ่งจะประกวดชิงรางวัลกันในคืนรับน้องใหม่ด้วย
พออาบน้ำแต่งเครื่องแบบพระราชทานแล้วก็มืดค่ำพอดี น้องใหม่จะถือโคมตั้งขบวนหน้าคณะ แล้วเดินร้องเพลงแห่โคมไปรอบหอประชุมจุฬา ก่อนจะกลับเข้าคณะ ตอนเข้ามาในห้องโถงหน้าตึกใหญ่จะประทับใจสุดๆ เพราะรุ่นพี่เก่าๆที่จบไปแล้วมารอรับแน่นขนัด โปรยใบจามจุรีให้พร้อมร่วมเปล่งเสียงเพลงแห่โคมสะท้อนห้องกึกก้องสะเทือนเข้าไปถึงใจอันเป็นที่ตั้งของจิตวิญญาณ
ดังนั้น ไม่ว่าเป็นงานใดของเหล่าสถาปนิกที่เป็นพิธีรีตอง จะต้องมีการแห่โคมทุกครั้ง
ในคลิปนี้ แห่โคมในวันฉลองสถาปัตย์๘๐ปี อยู่นาทีที่ ๓.๔๔ แต่อย่าลืมย้อนไปฟังเพลงเต็มๆในช่วงต้นด้วยนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 111 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 07:33
|
|
สำหรับชาวจุฬาทุกคนที่เข้ามาอ่านครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 112 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 07:35
|
|
พอละครับเรื่องถาปัด เดี๋ยวนัดเจอกันที่หัวถนนสุขุมวิทนะครับ
แนบแผนที่ประกอบให้ดูว่า เดิมถนนเพลินจิตร ไปหยุดเพียงทางรถไฟที่วิ่งไปยังสถานีแม่น้ำ (ท่าเรือคลองเตย) หากเทียบในปัจจุบันก็บริเวณใต้ทางด่วนเพลินจิตร หรือสถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิตร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 113 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 07:46
|
|
อดีต “ถนนสุขุมวิท” ที่ผมเห็น
เวลานี้ (พ.ศ. 2547) ผมอายุ 82 ปีแล้ว อยากจะเล่าถึงถนนสุขุมวิทที่ผมได้เห็นมา ถ้าเล่าผิดพลาดอะไรบ้างก็อภัยให้คนแก่บ้างนะครับ
เมื่อผมอายุราว 5-6 ขวบ (ราว พ.ศ. 2470) ถนนสุขุมวิทยังไม่มี มีแต่ถนนเพลินจิตร มาสิ้นสุดแค่ทางรถไฟสาย “มักกะสัน-ช่องนนทรี” เท่านั้น มีทางรถไฟกั้นอยู่ที่สุดทางถนนเพลินจิตรนั้น ทางขวามือมีบ้าน 2 ชั้นสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ของพระยาผดุงฯ ซึ่งเป็นบิดาของคุณจำกัด พลางกูร รูปร่างเล็กแบบบาง เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ท่านเป็นเสรีไทยที่เดินทางด้วยเท้าหลบกองทหารญี่ปุ่นจากประเทศไทยไปถึง “จุงกิง” ประเทศจีน เพื่อติดต่อกิจการของเสรีไทย และได้สิ้นชีวิต ณ ที่นั่น เป็นเหตุการณ์ที่น่าสดุดียิ่งนัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 114 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 07:56
|
|
ถนนเพลินจิต เดิมเขียนว่า "ถนนเพลินจิตร์" ถูกตัดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ โดยได้รับนามจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
เดิมในสมัยปลายรัชกาลที่ ๕ มีเส้นทางดินอยู่ก่อนแล้ว และเรียกว่า "ถนนหายห่วง" เนื่องจากการเดินทางมาตรงนี้มีความยากลำบากในการเดินทาง ลำบากจนหายจากความสบายไปเลย เป็นถนนที่ตัดใหม่เชื่อมต่อระหว่างถนนพระราม ๑ ไปสิ้นสุดที่ทางรถไฟสายตะวันออก เมื่อการตัดถนนเรียบร้อยแล้วบริเวณนี้ในสมัยรัชกาลที่ ๖ เป็นยุคที่บ้านเมืองมีความเจริญกว่ารัชกาลที่ผ่านมา ท้องทุ่ง สายลมเย็นสบายทำให้เกิดการกว้านซื้อที่ดินและจัดสรรปลูกบ้านไว้ชานเมือง บรรดาเศรษฐีและเจ้านายต่างก็มาซื้อที่ดินแถวนี้เพื่อพักอาศัย ในช่วงรัชกาลเดียวกันก็เกิด "ซอยร่วมฤดี" ขึ้นมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 115 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 08:05
|
|
ที่ลูกศรชี้คือวังของสมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรนทร ที่เรียกตำหนักไม้ วังวิทยุ ใช่ไหมครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 116 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 08:15
|
|
ต่อจากนั้น “ถนนสุขุมวิท” จึงได้เริ่มขึ้นตั้งแต่สุดถนนเพลินจิตร และสร้างต่อไปทางทิศตะวันออกไปสุดที่ซอยวัฒนา(สุขุมวิท 19 เดี๋ยวนี้)เท่านั้น เป็นถนนลาดยางกว้างๆ 2 เลน รถสวนกันได้สบายๆ สองข้างถนนเป็นคลอง“บางกะปิ” ทั้งสองข้างถนนส่วนมากเป็นนา และ”กระต๊อบ”ชาวนา บางแห่งก็มีป่า”สะแก” (ชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่งขึ้นเป็นกลุ่มๆ ในที่รกร้าง)ริมทางรถไฟตอนสุดซอยนานา(สุขุมวิทซอย 4 เดี๋ยวนี้) ซึ่งผมแอบขี่ม้าจากบ้านศาลาแพงออกถนน ”สาธร” เข้าสวนลุมพินีข้ามถนนวิทยุซอย”โปโลคลับ” ข้ามทางรถไฟเข้าป่าสะแกเลย ได้อารมณ์ดีมากในป่าสะแก ไปออกถนนสุขุมวิทที่ปลายซอยนานา และขี่ม้าเที่ยวข้างถนนโล่ง ๆ สบายมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 117 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 08:17
|
|
ที่ลูกศรชี้คือวังของสมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรนทร ที่เรียกตำหนักไม้ วังวิทยุ ใช่ไหมครับ
บ่ ใช่ ก๋า วังกรมพระชัยนาทอยู่หลังทิวสน ลึกจากถนนเข้าไป ๗ แปลง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 118 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 08:19
|
|
ที่ลูกศรชี้คือวังของสมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรนทร ที่เรียกตำหนักไม้ วังวิทยุ ใช่ไหมครับ
ไม่ใช่ค่ะ วังของท่านอยู่ลึกจากถนนเพลินจิตไปมากกว่านี้ ไปทางสถานทูตอเมริกา ที่ดินตรงลูกศรชี้น่าจะเป็นบริเวณโรงแรมพลาซ่าแอทธินีค่ะ รูปนี้ถ่ายก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 อาจจะถอยหลังไปถึงรัชกาลที่ 7 ต้นไม้ครึ้มเต็มไปหมด สวยมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 119 เมื่อ 09 ก.ย. 13, 08:22
|
|
หัวมุมถนนวิทยุ เมื่อสมัยจบจุฬาใหม่ๆ มีตึกอพาร์ตเมนต์เป็นแท่งกลมๆ ไม่ใช่ที่ดินของราชสกุลรังสิตหรือครับ
นี่ ดูครับนี่ ไฮโซจริงของกรุงเทพยุคนั้นต้องขี่ม้า เดี๋ยวนี้ขี่รถสปอร์ตก็ได้แค่เต๊ะจุัยอยู่กลางถนน รถติดๆคนเดินถนนก็ไปได้เร็วกว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|