เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 24 25 [26] 27 28 ... 30
  พิมพ์  
อ่าน: 127114 เรื่องเล่าชาวกรุงเทพรุ่นทวด
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 375  เมื่อ 16 ก.ย. 13, 22:19

ไม่ทราบครับ
 
แล้วใบชะครามใส่เท่าที่เห็น หรือจมอยู่ใต้น้ำแกงหมดล่ะครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 376  เมื่อ 16 ก.ย. 13, 22:35

เห็นแค่นี้ละค่ะ  สงสัยใบชะครามหายาก
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 377  เมื่อ 16 ก.ย. 13, 22:57

^ผักชีโรยหน้าแท้ๆ^

ไหนๆลุงไก่ก็พามาถึงนาเกลือแล้ว ผมก็ขอพาเลยไปหาดบางแสนอีกที รู้สึกว่ายังไม่ได้เอ่ยถึงเรือใบ ใครมาบางแสนสมัยนั้นต้องเช่าเรือใบไปลอยในทะเลกันจึงจะครบเครื่อง แต่ไม่ยักมีผู้ใหญ่คนไหนตามใจพาผมลงเรือใบสักครั้ง แต่ก็ไม่ได้ติดใจเท่าไหร่ เพราะผมก็ค้นพบตัวเองทีหลังเหมือนกันว่าผมเป็นสัตว์บกไม่ใช่สัตว์น้ำ

ความจริงเรือใบบางแสนไม่ได้หรูเริ่ดอะไร เป็นเรือประมงนั่นเอง พอถนนสุขุมวิทดีขึ้นคนหลั่งไหลกันมา ชาวประมงก็หันมาจับนักท่องเที่ยวแทนการจับปลา เหนื่อยน้อยกว่าแต่รายได้ดีกว่า ได้ค่าสปอนเซ่อร์โฆษณาด้วย


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 378  เมื่อ 16 ก.ย. 13, 23:03

ลงรูปข้างบนไปแล้วจึงได้คิดว่า ทำไมบางแสนเรือใบมันน้อยจัง มีตั้งรูปละลำ
ความจริงมันมีเยอะอยู่นี่นา


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 379  เมื่อ 16 ก.ย. 13, 23:08

ความทรงจำในวัยเด็กที่หาดบางแสน  อีกเรื่องคือลงเล่นน้ำทะเล จะขาดห่วงยางเสียมิได้     ในยุคนั้นห้างร้านในกรุงเทพยังไม่สั่งห่วงพลาสติคเป่าลมสีสวยมาขายเด็กๆ      เด็กที่ว่ายน้ำยังไม่เป็นจึงต้องอาศัยห่วงยางในของรถยนต์ สีดำมอๆ สวมตัวลงไปลอยคอโต้คลื่น
ไม่ต้องขนจากกรุงเทพให้ลำบาก    เพราะแถวชายหาด  มีเด็กชาวบ้านเอามาให้เช่าครั้งละ 5 บาท  
ยางรถยนต์ไม่ได้ผลิตมาให้เด็กเล่น   ด้านในของห่วงจึงมีท่อเล็กๆโผล่ออกมาสำหรับสูบลม   คลื่นซัด โดนท่อกระแทกตัวเข้าบ่อยๆก็เจ็บตัว   ต้องคอยหมุนให้มันไปอยู่ข้างหลัง  ทุลักทุเลหน่อย  แต่สนุกเข้าก็ลืมไปได้เหมือนกัน


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 380  เมื่อ 16 ก.ย. 13, 23:19

เห็นด้วยครับ ม่วนชื่นกว่าเรือใบเป็นไหนๆ


บันทึกการเข้า
ลุงไก่
สุครีพ
******
ตอบ: 1281



ความคิดเห็นที่ 381  เมื่อ 17 ก.ย. 13, 05:48

ใครได้ไปเที่ยวบางแสนในยุคโน้นนี่ กลับบ้านกรุงเทพฯ คุยได้สามวันไม่จบจริงๆ
พี่ชายผมชอบขับรถจักรยานเสือหมอบขี่จากบ้านที่ซอยุดมสุขบางนาไปเที่ยวที่บางแสนในวันโรงเรียนหยุด ตอนที่ถนนบางนาตราดก่อสร้างเสร็จใหม่ๆ .. เก่งแฮะ


ผมไมทันบางแสนยุคเรือใบ มาเที่ยวครั้งแรกในยุคห่วงยางในรถยนต์ให้เช่าแล้ว ถนนดำราดยาง ร้านอาหารยอดนิยมคือหาบเร่ที่เดินขายไปทั่ว
เที่ยวเล่นน้ำกันเสร็จก็ไปเที่ยวเขาสามมุขกันต่อ ความเชื่อที่ว่าใครไปเที่ยวเขาสามมุขกับแฟนนี่ กลับมาต้องเลิกรากันทุกราย จะเป็นความจริงเช่นใด แต่ที่เห็นตัวอย่างคือแกนนำกลุ่มที่พาผมไปเที่ยวในครั้งแรกนั้นกำลังเป็นแฟนกันอยู่ หลังจากนั้นไม่กี่ปี ต่างคนต่างแยกไปแต่งงานกับแฟนของตัวเอง .. จริงแฮะ

จะพายายเฒ่าที่บ้านไปเที่ยวมั่งวันนี้ จะสำเร็จตามแผนการที่วางไว้ในใจไหมนี่ ? นึกขึ้นได้ว่าเคยไปเที่ยวด้วยกันแล้วนี่นา ทำไมยังติดหนึบอยู่ด้วยกันจนทุกวันนี้




บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 382  เมื่อ 17 ก.ย. 13, 07:39

สงสัยคงไปอธิฐานไว้แล้วแกล้งทำเป็นลืม

อ้างถึง
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ณ หมู่บ้านชาวประมงแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี มีหญิงสาวผู้หนึ่งชื่อว่า สาวมุข หรือ สาวมุก เป็นหญิงสาวสวยชาวเมืองบางปลาสร้อย ผู้กำพร้าบิดามารดา อาศัยอยู่กับยายที่กระท่อมเชิงเขาสามมุขแห่งนี้ ต่อมาสาวมุขได้พบรักกับหนุ่มนามว่า แสน บุตรกำนันบ่าย เศรษฐีแห่งบ้านหิน (อ่างศิลา) ซึ่งอยู่ห่างจากเขาสามมุขไปประมาณ ๕ กิโลเมตร จุดเริ่มต้นของความรักเกิดจาก วันหนึ่งสาวมุกได้เก็บว่าวของหนุ่มแสนที่หลุดลอยมาได้ หนุ่มแสนจึงมอบว่าวนั้นให้เป็นที่ระลึก ทั้งสองต่างสัญญาว่า จะรักกันชั่วนิรันดร และใช้สถานที่บริเวณเชิงผาแห่งนี้นัดพบกัน แต่เมื่อความทราบถึงกำนันบ่าย ผู้ซึ่งรังเกียจความยากจนของสาวมุข จึงบังคับแสนให้แต่งงานกับหญิงสาวที่ตนเลือกให้ด้วยความพึงพอใจ ในวันที่แต่งงานนั้น สาวมุขได้เดินทางมาอวยพรและรดน้ำสังข์แก่คู่บ่าวสาว พร้อมทั้งคืนแหวนที่แสนเคยให้ไว้ กว่าที่แสนจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น สาวมุขก็ได้วิ่งหนีหายไปบนเชิงเขาริมหน้าผา และสาวมุขได้ตัดสินใจโดดหน้าผาบูชาความรักจนถึงแก่ชีวิต ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง แสนจึงโดดหน้าผาตายตามไปอีกคนหนึ่ง จากเหตุการณ์นี้เอง ภูเขาที่เป็นอนุสรณ์แห่งความรักของหนุ่มแสนและสาวมุขจึงชื่อว่า เขาสามมุข    ส่วนชายหาดบริเวณใกล้เคียงได้ชื่อว่า บางแสน ดังที่ปรากฏเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้  เนื่องจากเป็นศาลเจ้าที่เกิดจากความรัก จึงมีหนุ่มสาวนำว่าวที่ตนเองกับคนรักมาถวายเพื่อให้เจ้าแม่อวยพรให้รักสมหวัง
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 383  เมื่อ 17 ก.ย. 13, 09:41


หน้าตาคุ้น ๆ ใช่คนแถวนี้หรือเปล่าน้อ

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 384  เมื่อ 17 ก.ย. 13, 09:46

ถามใครน้อ?


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 385  เมื่อ 17 ก.ย. 13, 10:10

หม่ายช่ายพ้มฮิ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 386  เมื่อ 17 ก.ย. 13, 10:33

เห็นจะหาจำเลยแถวนี้ไม่ได้เสียแล้วค่ะ  คุณเพ็ญ   เห็นจะต้องยกประโยชน์ให้คุณลุงไก่ไปละกัน   


บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
*****
ตอบ: 478


ความคิดเห็นที่ 387  เมื่อ 17 ก.ย. 13, 21:31

ท่านจอมพล ป. พิบูลสงครามได้ใช้เส้นทางสุขุมวิทจากชิดลมถึงคลองใหญ่เป็นเส้นทางลี้ภัย โดยมีนายตำรวจผู้หนึ่งติดตามอารักขาถึงชายแดน เป็นการใช้เส้นทางนี้เป็นครั้งสุดท้ายในวันสุดท้ายบนผืนแผ่นดินไทย ผู้ใหญ่เคยบอกว่าท่านมีบ้านพักตากอากาศที่ริมคลองชลประทานแถวบางปู เวลานั่งรถผ่านถนนสุขุมวิทแถวนั้นเมื่อก่อนจะพยายามมองหาว่าเป็นบ้านหรูริมคลองหลังไหนกันแน่ แทบไม่มีใครนึกว่าท่านผู้นำที่มีเคยอำนาจล้นฟ้าจะมีวันนี้
อะไรหนอที่ทำให้ระดับหัวแถวหลายคนของคณะราษฎรต้องไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศตอนบั้นปลาย หรือจะเป็นประมาณคำพูดที่ว่า'คอยดูไปเถอะพวกแกจะผลัดกันเอากิโยตินตัดหัวกันเอง' เศร้า
บันทึกการเข้า
ลุงไก่
สุครีพ
******
ตอบ: 1281



ความคิดเห็นที่ 388  เมื่อ 17 ก.ย. 13, 21:35

เห็นจะหาจำเลยแถวนี้ไม่ได้เสียแล้วค่ะ  คุณเพ็ญ   เห็นจะต้องยกประโยชน์ให้คุณลุงไก่ไปละกัน  

ขอบคุณครับ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 389  เมื่อ 17 ก.ย. 13, 22:04

ท่านจอมพล ป. พิบูลสงครามได้ใช้เส้นทางสุขุมวิทจากชิดลมถึงคลองใหญ่เป็นเส้นทางลี้ภัย โดยมีนายตำรวจผู้หนึ่งติดตามอารักขาถึงชายแดน เป็นการใช้เส้นทางนี้เป็นครั้งสุดท้ายในวันสุดท้ายบนผืนแผ่นดินไทย ผู้ใหญ่เคยบอกว่าท่านมีบ้านพักตากอากาศที่ริมคลองชลประทานแถวบางปู เวลานั่งรถผ่านถนนสุขุมวิทแถวนั้นเมื่อก่อนจะพยายามมองหาว่าเป็นบ้านหรูริมคลองหลังไหนกันแน่ แทบไม่มีใครนึกว่าท่านผู้นำที่มีเคยอำนาจล้นฟ้าจะมีวันนี้
อะไรหนอที่ทำให้ระดับหัวแถวหลายคนของคณะราษฎรต้องไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศตอนบั้นปลาย หรือจะเป็นประมาณคำพูดที่ว่า'คอยดูไปเถอะพวกแกจะผลัดกันเอากิโยตินตัดหัวกันเอง' เศร้า


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 24 25 [26] 27 28 ... 30
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.064 วินาที กับ 19 คำสั่ง