เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 45 เมื่อ 03 ก.ย. 13, 09:04
|
|
ส่วนผสมมันก็ทำนองเดียวกันละค่ะ บางทีหน้าตาก็ออกมาเหมือนกัน คือทำในชามเป็นรูปกลมแล้วตัดแบ่งเป็นชิ้นแบบเดียวกัน
แต่ว่าคิช ซึ่งมีส่วนผสมเป็นแป้งใส่ไส้เนื้อสัตว์ เนยแข็ง ผัก กินเป็นอาหารคาว ส่วนพายมีหลายประเภท ถ้าไส้เป็นเนื้อสัตว์อย่างพายไก่ หรือพายเนื้อ ก็กินเป็นของคาว ถ้าไส้เป็นผลไม้หวานๆปรุงรสให้หวาน เช่นพายบลูเบอรี่ ก็ถือว่าเป็นของหวาน ข้างล่างนี้คือคิช ไม่ใช่พาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อ 03 ก.ย. 13, 09:29
|
|
ส่วนมากคนที่นี่เรียก quiche ครับ หรือว่าเป็นการตลาดเรียกให้เป็นภาษาฝรั่งเศษเพื่อให้ดูโก้เก๋ จะได้อร่อยขึ้นครับ
ที่นี่ของคุณโฮโบนี่อยู่ต่างประเทศหรือเปล่าหนอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 48 เมื่อ 03 ก.ย. 13, 10:31
|
|
โหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ เห็นแล้วสลดใจ กลุ่มคนที่ทำได้แบบนี้น่าจะทำเพราะคึกคะนอง มากกว่าอดอยากไม่มีอะไรกิน หงส์ที่นั่นมันเชื่อง น่าจะล่อมาใกล้ๆแล้วฆ่าได้ไม่ยาก จากนั้นลากหงส์มาถอนขน ถลกหนัง แล่เนื้อย่างกินกันสนุกสนาน เสร็จแล้วขนเตาย่างจานชามขึ้นรถกลับไป จึงไม่เหลือร่องรอยอื่น ทิ้งซากหงส์ไว้เย้ยตำรวจ
บาบิคิวโหดครั้งนี้ น่าจะกินเวลานานพอสมควร อย่างน้อยก็เป็นช.ม. ทำไมไม่มีใครเห็นบ้างเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
hobo
|
ความคิดเห็นที่ 49 เมื่อ 03 ก.ย. 13, 15:38
|
|
ที่นี่ของคุณโฮโบนี่อยู่ต่างประเทศหรือเปล่าหนอ [/quote] ผมอยู่บ้านนอกครับ แค่สะกดคำว่าฝรั่งเศส สันสกฤต ยังผิดเลยครับ ไม่มีความสามารถขนาดนั้นครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อ 03 ก.ย. 13, 17:04
|
|
ของกินที่เป็นเอกลักษณ์ของอังกฤษอีกอย่างคือ ชา ส่วนกาแฟเป็นของอเมริกัน เมื่อก่อนนี้ คนอังกฤษเป็นเจ้าแห่งการกินน้ำชา เช้าสายบ่ายเย็นเรียกมากินได้เสมอ หนาวก็กิน เครียดก็กิน ทำงานหนักก็กิน เบื่อขึ้นมาไม่มีอะไรทำก็กิน แต่ที่กินเป็นธรรมเนียมแบบแผนในสังคมคือมื้อบ่าย ระหว่างสี่โมงเย็นถึงหกโมง กินน้ำชาร้อนๆกับขนมและของว่าง ซึ่งแม้แต่ในบ้านก็ยังจัดมาแบบมีให้เลือกหลายชนิด เช่นเค้ก และแซนด์วิช ถ้าหากว่าเชิญแขกมาคุย ก็มากินน้ำชากันในช่วงนี้ ในยุคที่แม่บ้านอังกฤษยังมีเวลาอยู่บ้านดูแลบ้าน การทำขนมกินกับน้ำชา ถือเป็นการอวดฝีมืออย่างหนึ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 51 เมื่อ 03 ก.ย. 13, 17:15
|
|
คนไทยไฮโซสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเฉพาะพวกที่ไปเรียนในอังกฤษ(อเมริกายังมีคนไปเรียนน้อยมาก) นำความเคยชินกลับมากินน้ำชาตอนบ่ายเหมือนกัน สมัยนั้น อากาศในกรุงเทพตอนนั้นยังไม่ร้อนเท่าตอนนี้ เพราะยังไม่มีอาคารสูงๆ มีแต่บ้านคนปลูกห่างๆกัน มีต้นไม้ล้อมรอบบ้าน ลมพัดผ่านได้ การกินน้ำชาจึงทำได้สบาย ไม่ร้อนเหงื่อแตก แต่คนไทยมีนิสัยชอบประยุกต์ จึงเปลี่ยนชาฝรั่งเป็นชาจีนบ้างเหมือนกัน หรือไม่ก็กินชาฝรั่งกับของว่างแบบไทย
ไม่ทราบว่าคุณชายประกอบเทพดื่มชาบ้างหรือเปล่าคะ ตอนว่างจากขับแท็กซี่ ดิฉันไม่ดื่มชา แต่ไปอังกฤษทีไรก็ต้องหอบหิ้วชากระป๋องเล็กๆขายเป็นแพคกลับมาเป็นของฝาก ไม่งั้นมันเหมือนไม่ได้ไปอังกฤษ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อ 03 ก.ย. 13, 23:36
|
|
ช่วงนี้ยุ่งหัวหมุน ผลุบๆ โผล่ๆ ไปหน่อย ต้องขออภัยครับ ว่าจะมา update โน่นนี่แต่ไม่มีเวลา ได้แค่แวะเข้ามาแว่บๆ เรื่องชากาแฟนี่ผมเด็กดีไม่แตะเลยครับ เหล้า บุหรี่ การพนัน เรื่องเจ้าชู้ผมไม่มีทั้งนั้น ข้อเสียผมมีแต่ขี้โม้และไม่ชอบพูดความจริงเท่านั้น พูดถึงชานี่ ที่อังกฤษมีมากมายหลายแบบให้เลือกจริงๆ ตามซูเปอร์มาเก็ตนี่แถวที่ขายชากินพื้นที่ไม่น้อย มีชาแบบต่างๆ มให้เลือกลานตาไปหมด แต่เรื่องจากผมไม่กินชาเลยบอกความแตกต่างไม่ได้ว่าแบบไหนดีหรือไม่ดีกว่ากันยังไง แต่เห็นคนที่นิยมชาเคยบอกว่าชาหลายตัวที่นี่หอมมาก กินแล้วติดใจ นอกจากแค่กินชาแล้ว ธรรมเนียมกินชายังเป็นวิถีชีวิตของคนอังกฤษจำนวนไม่น้อยอยู่ อย่างภาควิชาที่ผมมานั่งอ้วนอยู่ พอตอน 11 โมง เจ้าหน้าที่ผู้หญิงฝ่ายต่างๆ จะมาล้อมวงกินชาแล้วก็นั่งคุยกันที่โซฟาเป็นกลุ่มเป็นกิจวัตรประจำวันเลยครับ นานๆ ครั้งจะเห็นหัวหน้าภาควิชามาร่วมวงด้วย ก็เป็นภาพที่แปลกตาดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 53 เมื่อ 04 ก.ย. 13, 13:01
|
|
คุณประกอบไม่แตะชากาแฟ เลยอดกินชากุหลาบ (rose tea) ดิฉันเคยกินหนหนึ่ง เจ้าภาพเชิญไปเลี้ยง ชงชากุหลาบมาให้ ดูๆก็ชาอังกฤษนี่แหละ แต่ว่าเวลาดื่มแล้วรสออกเปรี้ยวหน่อยๆ คงจะรสชาติของกลีบกุหลาบที่ผสมลงไป และมีกลิ่นกุหลาบอบอวลขึ้นมาจากถ้วย วิธีทำคือผสมกลีบกุหลาบตากแห้งกับใบชาป่นละเอียด ตากแห้งจนได้ที่แล้วมาชงเป็นชา นอกจากชากุหลาบก็ยังมีชาผสมดอกไม้แห้งอีกหลายชนิด แต่ไม่ได้ติดตามว่ามีอะไรบ้างค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 54 เมื่อ 05 ก.ย. 13, 15:17
|
|
กลับมาเรื่องบ้านอีกครั้งค่ะ สังเกตว่าบ้านในอังกฤษ มักจะสร้างค่อนมาทางด้านหน้าของเนื้อที่ บางบ้านอย่างบ้านคุณประกอบก็ติดบาทวิถีเลยทีเดียว เนื้อที่ว่างที่เขามีคือเนื้อที่หลังบ้าน จะทำกิจกรรมต่างๆ เช่นปลูกดอกไม้ไว้ชมเล่น หรือนั่งกินน้ำชา หรือทำโรงเก็บรถ ก็เอาจากเนื้อที่หลังบ้านนี่แหละ ส่วนบ้านไทยตรงกันข้าม ถ้าหากว่ามีบริเวณบ้าน จะสร้างบ้านลึกเข้าไปติดด้านหลัง ปล่อยด้านหน้าเอาไว้เป็นสนาม เนื้อที่สนามนี้สังเกตมาหลายครั้งแล้วว่าไม่ได้ใช้เอาไว้ทำอะไรนอกจากปลูกหญ้า ปลูกดอกไม้(ถ้าบ้านไหนเจ้าของขยันปลูก) แต่ไม่ค่อยมีประโยชน์ด้านใช้สอย ไม่เคยเห็นเจ้าของบ้านเอาสนามเป็นที่นั่งเล่นประจำ หรือพักผ่อนพร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูก ถ้าเชิญเพื่อนฝูงมาบ้านก็ไม่จัดปาร์ตี้บนสนาม แต่จะจัดเลี้ยงกันภายในบ้าน อาจเป็นเพราะอากาศบ้านเราร้อนจัดจนไม่เป็นใจให้อยู่กลางแจ้งได้นานๆ อยู่ในห้องแอร์สบายกว่า แต่ถ้าบ้านไหนมีบริเวณ ก็จะทำสนามหน้าบ้านอยู่ดี ไม่ทำสนามหลังบ้าน
รูปข้างล่าง ซ้ายบนกับซ้ายล่างเป็นบ้านอังกฤษ ส่วนขวาบนกับขวาล่างเป็นบ้านในไทยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อ 05 ก.ย. 13, 20:39
|
|
สำหรับคนไทยที่คุ้นเคยกับบ้านใหญ่ๆ เมื่อมาอยู่บ้านในอังกฤษใหม่ๆ อาจต้องปรับตัวนึดนึง เพราะบ้านคนอังกฤษทั่วไปจะมีขนาดเล็กกว่าบ้านคนไทยในระดับเดียวกัน ขนาดที่ว่าคือขนาดของตัวบ้าน ไม่รวมสวน โดยเฉพาะบ้านของชนชั้นกลางที่มักมีลักษณะเป็น Terrance house หรือเหมือน townhouse บ้านเรา คือใช้ผนังสองด้านร่วมกัน เพียงแต่ส่วนใหญ่อาจมีพื้นที่สวนหลังบ้านเยอะหน่อยแบบภาพที่ให้ดูในต้นๆ กระทู้
เรื่องที่ต้องอึดอัดอย่างแรกคือจำนวนห้องน้ำจะน้อยกว่าบ้านเรา บ้านสองชั้นขนาด 2-3 ห้องนอนที่มีห้องน้ำเดียวเป็นเรื่องธรรมดา บางบ้านดีหน่อยอาจจะมีห้องน้ำเล็กๆ สำหรับขับถ่ายเพิ่มมาอีก 1 ห้อง แต่โดยทั่วไปจะมีห้องน้ำไม่เยอะ บางบ้านเป็นกึ่งบ้านเดี่ยว 3 ห้องนอนหลังใหญ่ แต่ดันมีห้องน้ำห้องเดียวก็มี ห้องน้ำส่วนใหญ่มักอยู่ชั้น 2 ของตัวบ้าน คือชั้นเดียวกับห้องนอน ดังนั้นอาจต้องมีการวิ่งขึ้นวิ่งลงบ่อยๆ ถ้าชอบใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ชั้นล่าง
เรื่องอึดอัดที่สองคือ ห้องน้ำส่วนใหญ่ เอาเป็นว่าห้องน้ำทั้งหมดที่ผมเคยเห็นมา จะไม่มีช่องระบายน้ำที่พื้นห้องน้ำครับ ! ! ! นั่นคือถ้าเราทำพื้นห้องน้ำเปียกเราต้องใช้ผ้าถูกให้แห้งอย่างเดียว พื้นห้องน้ำจะไม่ได้ปูกระเบื้องเปียกได้ล้างได้ ระบายน้ำได้แบบบ้านเรา แต่มักจะแค่ปูประเบื้องยาง ลามิเนท หรือเสื่อน้ำมันแทน บางบ้านหนักขึ้นไปอีกคือปูพรมที่พื้นห้องน้ำ ที่สุดยอดน่ากลัวไปอีกคือปูพรมจนสูงเสมอขอบอ่างอาบน้ำก็มี เห็นแล้วน่ากลัวเชื้อโรคหมักหมมจริงๆ
เวลาอาบน้ำฝรั่งเค้าจะไปอาบในอ่างอาบน้ำกันแทน ดังนั้นพื้นห้องน้ำจึงไม่จำเป็นต้องเปียกและไม่ต้องระบายน้ำได้ ผมมาใหม่ๆ ไม่รู้ล้างห้องน้ำเทน้ำลงพื้นขัดอย่างดี สุดท้ายต้องร้องแย่เลี้ยววว มันไม่มีทางระบายน้ำ ต้องไปหาผ้าขี้ริ้วมานั่งซับ ไม่งั้นมันจะรัวซึมลงฝ้าเพดานแทน อีกหนพี่สาวมาจากเมืองไทยมาเยี่ยม หวังดีช่วยล้างพื้นห้องน้ำให้ กว่าผมจะรู้ตัวก็เห็นน้ำซึมผ่านฝ้าชั้นล่างหยดแหมะๆ ลงมาข้างล่างใส่หลอดไฟติ๋งๆๆๆ แล้ว ดีกว่าฝ้ายังไม่พัง
นอกจากอึดอัดพื้นห้องน้ำแล้ว ในอ่างล่างหน้าก็มักจะมีก๊อกแบบแยกร้อนเย็นจากกัน เพราะธรรมเนียมโบราณเค้าจะเปิดน้ำร้อนเย็นผสมกันใส่อ่างล้างหน้า แล้วจะเช็ดล้างอะไรก็วักเอาตามอัธยาศัย ปัญหาคือไอ้น้ำร้อนก็ร้อนจุด น้ำเย็นก็เย็นเจี๊ยบ จะล้างมือทีต้องคิดหนัก ล้างนานไม่ได้ ไม่ลวกมือก็มือแข็ง แทนที่จะทำก๊อกแบบน้ำร้อนเย็นเปิดที่หัวก๊อกแต่ช่องออกเดียวกันให้ผสมเป็นน้ำอุ่นได้ นี่ดันแยกกันทำไมก็ไม่รู้ บ้านสร้างใหม่กิ๊กๆ เลยก็ยังมีธรรมเนียมใช้ก๊อกอ่างน้ำแบบนี้อยู่
ส่วนของยอดเยี่ยมแสนจำเป็นในบ้านเราอย่างสายฉีดล้างก้นนี่ อย่าหวังครับ ฝรั่งอังกฤษบอก ไอม่ายรูจั่กกก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 56 เมื่อ 05 ก.ย. 13, 20:54
|
|
มีอยู่หนนึงมีวาสนาได้ไปอิตาลี ถึงโรงแรมพักกับเพื่อนไนจีเรีย เปิดเข้าไปในห้องน้ำเจออ่างหน้าตาประหลาด เห็นแล้วสงสัยว่ามันมีไว้ทำไมกันนี่ เพราะที่เมืองฝรั่งอังกฤษไม่เคยเห็น เจ้าไนจีเรียบอกว่าเอาไว้ซักผ้า แล้วมันก็ใช้ซักผ้าจริงๆ ด้วย จะว่าไว้ล้างหน้าก็ดูว่ามันต่ำไป เวลาเปิดก๊อกแล้วน้ำมันจะพุ่งสูงเหมือนน้ำพุ ผมเดาเล่นๆ ว่าเป็นก๊อกน้ำพุสำหรับดื่ม เวลาหิวน้ำก็คุกเข่าก้มหน้าลงไป เปิดก๊อกให้น้ำพุ่งสูงขึ้นมาแล้วก็ดื่มน้ำได้เลย แต่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงจะมีไว้ทำไมนั้น อาจต้องรอท่านผู้รู้มาเฉลย ไม่กี่วันก่อนไปช่วยเพื่อนย้ายบ้าน ได้มีโอกาสเจอไอ้เจ้าอ่างแบบนี้ในบ้านของคนอังกฤษเป็นครั้งแรก ตื่นเต้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 58 เมื่อ 05 ก.ย. 13, 21:08
|
|
คุณชายประกอบเทพอำได้หน้าตายมากค่ะ ป่านนี้คงรู้แล้วว่าเอาไว้ทำอะไร bidet ทับศัพท์ว่า บิเดต์ อ่านว่าบิเด้ ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 59 เมื่อ 05 ก.ย. 13, 22:08
|
|
ห้องน้ำของคนอังกฤษกระเบียดกระเสียรเนื้อที่สุดๆ แม้แต่บ้านที่สร้างใหม่ เขาก็ไม่เผื่อเนื้อที่ห้องน้ำไว้เกินจำเป็น ก้าวเข้าไปกางแขนเอามือยันผนังฟากตรงข้ามได้สบายๆ ขนาดห้องน้ำบางแห่ง แคบพอๆกับห้องเก็บเสื้อผ้าของอเมริกาที่เรียกว่า closet อีกอย่างคือไม่ทำหน้าต่าง ต้องอุดอู้อยู่ในนั้น ถ้าหน้าหนาวก็ยังพอไหว แต่หน้าร้อนเข้าไปแล้วอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออกค่ะ
มาสนับสนุนคุณประกอบอีกเสียงหนึ่ง ว่าห้องน้ำในอังกฤษเขาไม่ได้ทำพื้นห้องไว้ให้ล้าง เขาทำไว้ให้ถูหรือเช็ดเท่านั้นเอง ล้างแต่เฉพาะอ่าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|