เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 75 เมื่อ 15 ก.ย. 13, 12:42
|
|
เฮลก้าสามารถตบตาเจ้านาย รับเงินหลวงเข้ากระเป๋ามาใช้จ่ายสบายๆอยู่หลายปี รวมทั้งเงินจากผู้หลงเชื่ออีกหลายรายด้วย ทั้งๆที่แผนของหล่อนเองก็ใช่ว่าจะเนียนเสียจนไม่มีช่องโหว่ นายกรัฐมนตรีสวีเดนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศไม่เชื่อถือผู้หญิงคนนี้เลย แต่ก็ยังหาหลักฐานมาหักล้างไม่ได้ จนกระทั่งความแตกขึ้นมาในปี 1870 จากบทความของผู้หลงเชื่อคนหนึ่งชื่อนาย ซี คอร์รี่ที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ น่าเสียดายที่ดิฉันหารายละเอียดในเน็ตไม่เจอว่าเขาเขียนว่าอะไร แต่น่าจะเป็นว่าเขาเกิดสงสัยขึ้นมาก็เลยรวบรวมรายละเอียดเอาลงตีพิมพ์ถึงประวัติตามที่องค์หญิงอ้าง สื่อก็เลยเริ่มหันมามอง เป็นเหตุให้เกิดการขุดคุ้ยสืบหาข้อเท็จจริงกันเป็นการใหญ่ แผนของเฮลก้าก็เลยแตกดังโพละในครั้งนี้เอง สื่อตามติดคดีเจ้าหญิงกำมะลออย่างไม่ละลด ตื้นลึกหนาบางทั้งหลายก็ถูกแฉขึ้นมา เป็นเหตุให้เฮลก้าถูกนำตัวขึ้นศาล ในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร และปลอมแปลงชื่อเสียงเรียงนาม เงินหลวงที่จ่ายให้หล่อนก็ถูกงดไปในตอนนั้น ผลที่สุด ศาลตัดสินว่ามีความผิดตามฟ้อง แต่โทษของเฮลก้าเบามาก คือถูกปรับเท่านั้นเอง ไม่ถูกติดคุก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 76 เมื่อ 15 ก.ย. 13, 17:42
|
|
สิ่งที่ตามมาคือการลงโทษทางสังคม แน่นอนว่าเฮลก้ากับเพื่อนหญิงก็ต้องถูกเฉดหัวออกจากบ้านที่เจ้าของหลงเชื่อหล่อนมาหลายปี ถูกขับไล่ออกจากสังคมชั้นสูงที่เคยต้อนรับหล่อนในฐานะองค์หญิง เฮลก้าไปเช่าอพาร์ตเม้นท์เล็กๆอยู่กันสองคนกับเพื่อนคู่หู ใช้ชีวิตเงียบเชียบ ซ่อนเร้นตัวเองจากเพื่อนบ้าน ไม่คบหากับใคร แต่ก็แปลกที่เฮลก้ายังมีรายได้พอใช้จ่าย ว่ากันว่าอื้อฉาวขึ้นมาขนาดนี้ ก็ยังมีคนหลงเชื่อหล่อน ส่งเงินมาให้อยู่นั่นเอง แต่มันก็ไม่มากพอที่จะดำเนินชีวิตได้สุขสบายเหมือนก่อน
ครั้งหนึ่งหล่อนไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ เป็นเวลาเดียวกับกับพระเจ้าออสคาร์ที่ 2 เสด็จประพาสสวนพอดี ก็รับสั่งให้ทหารมาคุมตัวทั้งสองออกไปจากสวนแห่งนั้น เฮลก้ารีบย้ายที่อยู่ทันที เพราะกลัวว่าทางการจะส่งคนมาจับกุม
เฮลก้ามีชีวิตอับเฉา ไร้คนเหลียวแล ไร้สังคม ยาวนานต่อมาอีกเกือบ 20 ปีหลังจากถูกเปิดโปง แล้วถึงแก่กรรมไปในวัย 68 ปี หล่อนก็ยังปากแข็งยืนกรานว่าหล่อนเป็นเจ้าหญิงอยู่จนวาระสุดท้าย อาจเป็นได้ว่าเฮลก้าหลอกคนอื่นได้สนิท ก็เพราะหล่อนหลอกตัวเองได้สนิทด้วยเช่นกันค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 77 เมื่อ 16 ก.ย. 13, 18:33
|
|
รายที่สี่นี้เคยนำเรื่องมาลงในกระทู้เก่าแล้ว แต่จะเล่าแบบรวบรัดอีกครั้งหนึ่ง นำรูปมาลงเรียกเรตติ้งไว้ก่อนนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 78 เมื่อ 17 ก.ย. 13, 08:57
|
|
องค์หญิงกำมะลอรายต่อไปนี้ เป็นของเก๊ที่ดังกระจายที่สุดในโลกก็ว่าได้ วัดได้จากความแพร่หลายเรื่องราวหล่อนที่มีผู้คนเอาไปทำหนัง ทำการ์ตูน ทำสารคดี และหนังสือ อาจเป็นเพราะสีสันของเรื่องเข้มข้นจุดจินตนาการผู้คนที่ชอบเรื่องจักรๆวงศ์ๆฝรั่ง ให้บรรเจิดยิ่งกว่าเรื่องราวขององค์หญิงกำมะลอรายก่อนๆนี้
หล่อนคือแอนนา แอนเดอร์สัน ผู้แอบอ้างว่าตัวเองคือเจ้าฟ้าหญิงแห่งราชวงศ์โรมานอฟ แกรนด์ดัชเชสอะนัสตาซียา นีคะลายีฟนา แห่งรัสเซีย อเมริกันออกเสียงว่า อนัสเตชา ส่วนไทยเรียกแต่เดิมว่า อานัสตาเซีย เจ้าฟ้าหญิงองค์นี้เป็นพระธิดาของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย พระเจ้าซาร์ทรงมีสัมพันธ์ไมตรีที่ดีกับสยามมาตั้งแต่ทรงดำรงตำแหน่งซาร์เรวิชหรือมกุฎราชกุมาร เคยเสด็จมาเยือนถึงสยาม ต้อนรับกันใหญ่โตมาก ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป พระเจ้าซาร์ก็ทรงรับรองด้วยดี ถึงกับฉายพระบรมฉายาลักษณ์ด้วยกัน พระเจ้าซาร์พระองค์นี้เองที่ทรงรับสมเด็จเจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถของสยามไปศึกษาในราชสำนักรัสเซีย จนสำเร็จการศึกษาเป็นนายทหารราชองครักษ์ก่อนเสด็จกลับสยาม ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าซาร์มีจุดจบที่น่าเศร้า เมื่อราชบัลลังก์ถูกโค่นด้วยกบฏบอลเชวิค เป็นเลนินเป็นหัวหน้า พวกกบฏจับพระเจ้าซาร์ พระมเหสีและพระราชโอรสธิดาจับกุมคุมขังไว้เป็นนักโทษทั้งหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 79 เมื่อ 17 ก.ย. 13, 09:07
|
|
หลังจากตกเป็นนักโทษอยู่ระยะหนึ่ง ในย่านยีคาทีรินบูร์ก (Ekaterinburg) ถึงคืนวันที่ 17 กรกฎาคม 1918 พระราชวงศ์โรมานอฟทั้งเจ็ดพระองค์ก็ถูกพวกกบฏเรียกลงไปที่ห้องใต้ดิน แล้วกราดยิงทั้งผู้หญิงและเด็กไม่นับ แบบโหดเหี้ยมอมนุษย์ที่สุด จากนั้นก็เอาพระศพไปทิ้งง่ายๆลวกๆ ราวกับทิ้งสัตว์เลี้ยง ในสถานที่ไม่เปิดเผย ในตอนแรกเมื่อมีข่าวแพร่ออกมาเพียงว่าพระราชวงศ์ท้ั่งหมดหายสาบสูญไป โลกภายนอกก็ได้แต่เดาว่าคงถูกปลงพระชนม์พร้อมกันไปแล้ว ต่อมาเมื่อมีข่าวว่าฝ่ายคอมมิวนิสต์ค้นไม่พบที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าหญิงอะนัสตาซียา ทำให้มีข่าวลือขึ้นมาใหม่ว่าพระองค์อาจทรงรอดพ้นจากถูกสังหารหมู่ และหลบหนีมาได้ บรรดาพระญาติและพระสหายแห่งราชสำนักที่หลบหนีออกจากรัสเซียได้ทันเวลา ไปอยู่ในยุโรปก็เริ่มตั้งความหวังว่า เจ้าฟ้าหญิงอาจรอดตายมาได้ เป็นเหตุให้เกิดสิบแปดมงกุฎมองเห็นหนทาง ปลอมแปลงตนแอบอ้างเป็นเจ้าหญิงกันหลายคนด้วยกัน แต่ไม่มีคนไหนได้รับความสนใจมากเท่าแอนนา แอนเดอร์สัน รูปข้างล่างนี้คือเจ้าฟ้าหญิงอะนัสตาซียา เป็นพระรูปท้ายๆที่ทรงฉายก่อนเกิดกบฏ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 80 เมื่อ 17 ก.ย. 13, 09:28
|
|
จากการค้นคว้าหลักฐานในภายหลัง ระบุว่าพวกกบฏที่ยิงกราดสังหารหมู่ ห่อพระศพที่เลือดแดงฉานด้วยผ้าปูที่นอนอย่างลวกๆ แล้วแบกขึ้นบรรทุกไปโยนลงในบ่อของเหมืองแร่แห่งหนึ่งชื่อว่า หลุมกานิน ( Ganin's Pit) แต่ก่อนจะเอาไปทิ้ง พวกนั้นก็เข้าไปปลดเครื่องเพชรนิลจินดาจากพระศพออกจนหมด รวมแล้วเป็นน้ำหนักเพชรถึงสิบแปดปอนด์ เมื่อโยนพระศพทิ้งลงไปกลบด้วยดินแล้ว ต่อมา พวกนี้ได้ยินชาวบ้านลือกันให้แซ่ดเรื่องมีคนไปพบร่องรอยศพถูกสังหารหมู่ พวกนี้ก็เลยย้อนกลับไปขุดพระศพขึ้นมาแล้วเผาให้สิ้นซาก แล้วราดด้วยกรดกำมะถันซ้ำเพื่อทำลายหลักฐาน ทางเข้าเหมืองก็ปิดตาย เอาดินกลบ ไถซ้ำเพื่อไม่ให้เหลือร่องรอยหลักฐานที่กระทำต่อราชวงศ์โรมานอฟอีก
สองปีต่อมา ในกรุงเบอร์ลิน มีหญิงสาวนิรนามคนหนึ่งพยายามฆ่าตัวตาย แต่ว่าถูกช่วยเอาไว้ได้ ตอนแรกหล่อนก็ไม่ยอมบอกว่าตัวเองเป็นใคร ท่าทางเลอะเลือน จึงถูกส่งเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลประสาท มาถึงตรงนี้ ก็เกิดจุดหักเหขึ้นมาเมื่อมีคนทึกทักว่าหล่อนเหมือนเจ้าฟ้าหญิงองค์หนึ่งของราชวงศ์โรมานอฟ จากนั้นข่าวก็ลือกันปากต่อปากไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดหล่อนเองก็ตอบรับว่าหล่อนคือเจ้าฟ้าหญิงอะนัสตาซียา เรื่องราวที่หล่อนเล่าก็คือ หล่อนถูกสังหารพร้อมกับพระบิดาพระมารดาและเจ้าพี่เจ้าน้องก็จริง แต่ถูกยิงเข้าที่ไม่สำคัญ เพียงแต่สลบไป เมื่อถูกยกร่างไปเพื่อไปทำลายหลักฐานพร้อมพระศพอื่นๆ นายทหารหนุ่มคนหนึ่งในจำนวนพวกบอลเชวิคที่ลงมือสังหารเกิดเวทนาขึ้นมา ก็เลยแอบพาไปซ่อนไว้ในสถานที่ลับตา จากนั้นทั้งสองก็ได้ใช้ชีวิตร่วมกันระยะหนึ่งจนมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน ต่อมาสามีหล่อนตายลงในการสู้รบ ลูกชายคนเดียวก็ถูกพรากส่งไปตัวไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ความสิ้นหวังทำให้เจ้าฟ้าหญิงพยายามจะปลงพระชนม์ตนเอง ด้วยการโดดน้ำตาย แต่ถูกช่วยไว้ได้ทัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นางมารน้อย
พาลี
   
ตอบ: 306
ทำงานแล้วค่ะ
|
ความคิดเห็นที่ 81 เมื่อ 18 ก.ย. 13, 11:49
|
|
มาติดตามเรื่องราวเจ้าหญิงอนาสตาเซียปลอมเจ้าค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สวัสดีทุกๆท่านค่ะ
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อ 18 ก.ย. 13, 17:37
|
|
เรื่องของเจ้าหญิงอะนัสตาซียาปลอม เป็นเรื่องแตกต่างจากท่านหญิงกำมะลอคนก่อนๆที่เล่ามาในกระทู้นี้นะคะ เพราะดูรูปการณ์แล้ว ในตอนแรกที่สาวนิรนามเป็นคนไข้โรคจิตประสาทอยู่นั้น หล่อนไม่ได้ตั้งใจจะปลอมตัวเป็นใคร แต่คนที่เห็นหล่อนนี่สิ ไม่รู้ว่าตาฟางหรือตาฝาดขนาดหนัก ไปเหมาเอาว่าหล่อนคือเจ้าหญิง ทึกทักกันไปมาสักพัก สาวนิรนามคนนี้อาจตกกระไดพลอยโจน หรือไม่ก็คงจะสบช่องทางเห็นโอกาส ว่ามีแต่ได้ ไม่มีเสีย ก็เลยเอออวยไปว่าหล่อนคือแกรนด์ดัชเชส อะนัสตาซียา ทีนี้ ข่าวก็ฮือฮากันใหญ่ในยุโรป เพราะว่ามีพระญาติพระวงศ์ตลอดจนข้าราชสำนักจำนวนมากที่หนีรอดจากปฏิวัติครั้งใหญ่ในรัสเซียออกมาได้ทันเวลา พวกนี้แหละที่พอได้ข่าวว่าเจ้านายชั้นสูงองค์ไหนรอดชีวิตมาได้ ก็จะติดตามเสาะหาจนกว่าจะพบ ข่าวของเจ้าฟ้าหญิงไปถึงหูพวกนี้ รวมทั้งสมเด็จย่า และพระอาจารย์ในราชสำนักที่เคยสอนหนังสือเจ้าหญิง พวกนี้ก็แห่กันมาหา พอมาเจอก็ส่ายหน้าไปตามๆกัน ลงความเห็นว่า " แม่คนนี้ไม่ใช่เจ้าหญิงอะนัสตาซียาซักหน่อย" แต่คนที่ออกมายืนยันนั่งยันว่าหล่อนคือเจ้าหญิงตัวจริง ก็มีอิทธิพลสูงอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยก็อิทธิพลในทางให้ประชาชนหลงเชื่อได้ เช่นมาเรีย รัสปูติน ลูกสาวของรัสปูตินนักบวชอุบาทว์ ผู้เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของพระเจ้าซาร์และพระราชินี นักบวชรัสปูตินเคยกุมอำนาจสูงสุดอยู่ในราชสำนัก เป็นที่เกลียดชังของชาวราชสำนักจนถูกลวงไปสังหารด้วยกลุ่มพระญาติของพระเจ้าซาร์เอง ว่ากันว่าความพินาศของราชวงศ์โรมานอฟก็เกิดจากคำสาปแช่งของนักบวชทุศีลผู้นี้ ในเมื่อมาเรีย รัสปูตินรับรองว่านี่คือเจ้าฟ้าหญิง ประชาชนจำนวนมากก็เชื่อตามหล่อน เพราะพ่อหล่อนเคยเป็นคนสำคัญใกล้ชิดเจ้านาย ลูกสาวก็คงจะรู้จักเจ้าฟ้าทุกพระองค์ดี ไม่ยักมีใครคิดว่ามาเรียก็หลอกคนได้เหมือนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 83 เมื่อ 18 ก.ย. 13, 21:36
|
|
องค์หญิงกำมะลอใช้ชื่อว่า แอนนา ไชคอฟสกี้ ซึ่งหล่อนอ้างว่าใช้นามสกุลของอเลกซานเดอร์ ไชคอฟสกี้ นายทหารหนุ่มที่ช่วยให้หล่อนรอดตายมาได้จนได้อยู่กินเป็นสามีภรรยากัน แต่ถึงหล่อนจะอ้างยังไงก็ตาม หรือใครจะออกมายืนกรานว่าหล่อนเป็นของแท้ขนาดไหน หนึ่งในบรรดาพระญาติสนิทที่ไม่เชื่อเด็ดขาดคือเจ้าชายเออเนสต์ หลุยส์ แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์ เจ้าชายพระองค์นี้เป็นพระเชษฐาแท้ๆของพระราชินีหรือซารีน่าแห่งรัสเซีย พูดอีกทีคือเป็นพระปิตุลาหรือสมเด็จลุงของเจ้าหญิงอะนัสตาซียานั่นเอง เจ้าชายลงทุนจ้างนักสืบมาสืบที่มาของผู้หญิงคนนี้ว่าเป็นใคร นักสืบที่ทรงจ้างก็เก่งเอาการเหมือนกัน หาคำตอบมาให้จนได้ว่าชื่อจริงของหล่อนคือฟรานซิสก้า ซานคอสก้า เป็นคนงานหญิงในโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีประวัติว่าสติสตังไม่สู้ดีนัก มีรายงานว่าหล่อนหายตัวไปในวันเดียวกับที่มีผู้พบคนช่วยหญิงสาวนิรนามขึ้นมาจากโดดน้ำตาย แต่ผลการสืบก็ไม่เป็นที่ยอมรับในสายตาประชาชน เพราะอะไรน่ะหรือ?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อ 18 ก.ย. 13, 21:42
|
|
คำตอบก็คือ... พร้อมกับข่าวสับสนกันไปมาว่าผู้หญิงคนนี้คือตัวจริงหรือตัวปลอม ข่าวใหม่ที่แพร่สะพัดขึ้นมาก็คือข่าวว่าเมื่อพระเจ้าซาร์ยังทรงครองราชย์อยู่ ทรงฝากเงินก้อนใหญ่ไว้ในธนาคารนอกประเทศ แอนนาตอบรับข่าวนี้อย่างเต็มที่ บอกใครต่อใครว่าเป็นเรื่องจริง พระบิดาฝากเงินจำนวน 20 ล้านรูเบิลส์ไว้ในธนาคารอังกฤษไว้สำหรับพระธิดาทุกพระองค์
เงินจำนวนนี้ตกอยู่ในมือของพระญาติในฐานะผู้ดูแลกองมรดกหลังจากพระเจ้าซาร์และซารีน่าหายสาบสูญไป ในเมื่ออะนัสตาซียารอดตายมาได้ ก็จะทรงกลายเป็นทายาทแต่ผู้เดียว ดังนั้นพระญาติผู้จ้องจะฮุบมรดกอยู่จึงต้องยืนกรานว่า นี่ไม่ใช่เจ้าฟ้าหญิง เพื่อมิให้เงินมหาศาลนี้หลุดไปจากมือ ข่าวนี้ถ้าพิจารณาให้ดีก็จะเห็นว่า มันเข้าทางขององค์หญิงกำมะลอเอามากๆ คือเงินทองนี่มีจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ ถ้ามีจริงหล่อนจะพิสูจน์ได้หรือไม่ก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันจะรู้อะไรเป็นอะไร หล่อนก็สามารถสาดโคลนพระญาติให้ดำปิี๊ดปี๋ได้สำเร็จ ทำเอาชาวบ้านซึ่งชอบดราม่าอยู่แล้ว หันมาคล้อยตามแอนนา และไม่เชื่อเจ้านายผู้พยายามแทบล้มประดาตาย ที่จะบอกชาวบ้านว่า...ยัยนี่เก๊นะท่าน วิธีแบบนี้สิบแปดมงกุฎชอบกันนัก คือปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมาให้ดำเป็นขาว และขาวเป็นดำ โดยเฉพาะปั้นข่าวว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ถูกใส่ร้าย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 85 เมื่อ 19 ก.ย. 13, 11:10
|
|
เหตุผลอีกอย่างที่แอนนาได้รับแรงสนับสนุนว่าหล่อนคือเจ้าฟ้าหญิงอะนัสตาซียา ก็คือภายในยุโรปขณะนั้น เจ้านายและขุนนางรัสเซียที่ลี้ภัยการเมืองมาได้ หวังว่าในอนาคต พวกเขาอาจจะระดมกำลังตั้ง"รัฐบาลพลัดถิ่น" ขึ้น ตามแบบที่เคยมีก่อนรัสเซียปฏิวัติ เพื่อคงระบอบราชาธิปไตยเอาไว้ ดังนั้นก็ไม่มีใครเหมาะจะเป็นตัวเชิดทางการเมืองได้ดียิ่งไปกว่าพระธิดาของพระเจ้าซาร์ พวกนี้จึงเป็นหัวเรือใหญ่อีกพวกหนึ่งที่ออกมาเชียร์ แสดงความเชื่อมั่นว่าแอนนาคืออะนัสตาซียา ส่วนเรื่องที่ว่าแอนนาคืออะนัสตาซียาตัวจริงหรือไม่นั้น กลุ่มสนับสนุนกลุ่มนี้คำนึงถึงน้อยกว่าความคิดที่ว่า...ถ้าทำให้โลกเชื่อได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือเจ้าฟ้าหญิงโรมานอฟ จะมีผลดีกับเหล่ารัสเซียพลัดถิ่นมากกว่า
ด้วยเหตุนี้แหละ ทำให้แอนนาอยู่ยงคงกระพันท้าทายพระญาติพระวงศ์และข้าราชบริพารใกล้ชิดซึ่งส่ายหน้าว่าหล่อนเป็นองค์หญิงกำมะลอ ไปๆมาๆตัวหล่อนเองก็พบว่า การยืนกรานว่าหล่อนคือเจ้าฟ้าอะนัสตาซียา มีผลดีกว่าออกมายอมรับความจริงเป็นไหนๆ อย่างน้อยหล่อนก็ได้รับการยกย่อง ช่วยเหลือเกื้อกูลอย่างดีจากเจ้านายและขุนนางรัสเซียกลุ่มหนึ่งละเอ้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 86 เมื่อ 20 ก.ย. 13, 20:52
|
|
สิบแปดมงกุฎไม่ได้ต้องการถึงขั้นหลอกคนทั้งโลกให้เชื่อ เวลาหลอกต้มชาวบ้าน ถึงมีคนอื่นๆไม่เชื่อ พวกนี้ก็ไม่แคร์ ขอแต่เพียงให้กลุ่มเป้าหมายของพวกเขาเชื่อเท่านั้นก็พอ แอนนาก็คิดเช่นนี้ ถึงเจ้านายและขุนนางส่วนหนึ่งรู้เท่าทันว่าหล่อนเป็นตัวปลอม หล่อนก็ไม่สะท้านสะเทือน เพราะคนที่เชื่อยังมีอยู่ แล้วคนพวกนี้แหละที่แอนนาตั้งใจจะตบตาให้หลงเชื่อหัวปักหัวปำ เขาว่ากันว่าอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้คนหลงเชื่อเอามาก คือแอนนาเผอิญมีเค้าหน้าใกล้เคียงกับเจ้าฟ้าหญิงอะนัสตาซียา ถึงไม่เหมือนกันเป๊ะ หล่อนก็อ้างว่าเพราะอายุที่มากขึ้น บวกกับตกระกำลำบากกลายเป็นคนยากจนเข็ญใจ ทำให้ดูเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มันก็น่าคิดเหมือนกันว่าแอนนาอาจไม่ได้ทำการอยู่คนเดียว แต่มีขบวนการหนุนหลัง เพราะบางเรื่องที่เป็นเรื่องลับเฉพาะรู้กันแต่ในพระราชวงศ์ หล่อนก็รู้กับเขาด้วย แต่บางเรื่องที่ขบวนการไม่สามารถกรอกข้อมูล เช่นไม่สามารถฝึกให้หล่อนพูดภาษารัสเซียได้ แอนนาก็หาทางออกด้วยการทำเป็นซึมเซาไม่ยอมพูดไม่ยอมจา เวลามีพระญาติจากราชวงศ์มาเยี่ยม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 87 เมื่อ 20 ก.ย. 13, 21:09
|
|
ลูกไม้ของแอนนาที่ทำเป็นคนป่วยซึมเซา- หรือซึมเศร้า ได้ผล เพราะทำให้พระญาติที่มาเยี่ยมเกิดความสับสน บอกไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเจ้าหญิงที่เจ้านายเหล่านั้นรู้จักมาแต่ทรงพระเยาว์หรือไม่ มีแต่พระญาติสนิทๆเท่านั้นที่ยืนยันว่า "ไม่ใช่" แต่พวกที่อยู่ห่างๆออกมาก็ลังเล พูดไม่ออกบอกไม่ถูก หล่อนก็เอาความลังเลนี่แหละไปใช้ประโยชน์ฝ่ายตน ทำให้บางองค์ที่หลงเชื่อ ก็ออกเงินจุนเจือหล่อนด้วยความเวทนา
แอนนาทำเรื่องยื่นต่อศาลขอให้ศาลตัดสินว่าหล่อนเป็นทายาท มีสิทธิ์ได้รับเงินฝากที่พระเจ้าซาร์ทรงฝากไว้ในธนาคาร แต่หล่อนไม่สามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ว่าหล่อนคือพระธิดาตัวจริง หลังจากยืดเยื้อมานาน ในค.ศ. 1970 ศาลตัดสินให้หล่อนไม่มีสิทธิ์ในเงินจำนวนนี้ ถึงกระนั้น คดีความกล้าหาญของแอนนาที่นำคดีขึ้นสู่ศาล ก็ทำให้หล่อนกลายเป็นวีรสตรี ได้คะแนนเสียงอยู่กลายๆ ในสายตาประชาชนส่วนหนึ่งที่ชอบดราม่า พวกนี้เห็นว่า "ถ้าไม่จริงละก็ องค์หญิงจะกล้าทำเรื่องถึงศาลได้ยังไง"
เวลาผ่านไปนานหลายปี ในเมื่อแอนนาไม่สามารถจะมีหลักฐานอะไรใหม่ๆมาทำให้คนเชื่อถือได้มากกว่านี้ เรื่องราวของหล่อนก็ชักจะซาลงไป หล่อนก็เลยเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น "แอนเดอร์สัน" ย้ายจากยุโรปมาอยู่อเมริกา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 88 เมื่อ 21 ก.ย. 13, 19:05
|
|
เรื่องราวของแอนนา มีสีสันน่าตื่นเต้นถูกใจนักเขียนมาก จึงมีผู้นำไปเขียนเป็นพื้นฐานนิยายออจากนั้นฮอลลีวู้ดก็ยื่นมือเข้ามาเอาไปทำเป็นหนังในปี 1956 เรื่อง Anastasia มีดารานำระดับห้าดาวคืออิงกริด เบิร์กแมน ยูล บรินเนอร์และดาราอาวุโสเฮเลน เฮย์ส์ เนื้อหามีสีสันดราม่ามาก ประกอบกับดาราเล่นกันเก่ง เรื่องนี้ก็เลยกลายเป็นหนังดังประจำปี ส่งให้อิงกริดได้ตุ๊กตาทองดารานำฝ่ายหญิงไปในปี 1957 แม้ว่าบทหนังเขียนขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน 2 คน คือGuy Bolton และ Arthur Laurents ซึ่งก็ถือว่าเขียนเป็นบันเทิงคดี มิได้ตั้งใจจะถอดข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ลงมาเป็นสารคดี แต่มันก็จุดประกายให้คนจำนวนมากในอเมริกา "อิน" กับหนัง จนทึกทักกันไปว่า ฟ้าหญิงอะนัสตาซียายังมีตัวตนจริงอยู่ในยุโรป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 89 เมื่อ 21 ก.ย. 13, 20:02
|
|
แอนนาเดินทางไปตั้งหลักแหล่งอยู่ที่เมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย ที่นี่เอง หล่อนได้พบปลาตัวโตที่สุดที่มาฮุบเบ็ดของหล่อน เขาผู้นั้นชื่อแจ๊ค มานาแฮนเป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์อยู่ในมหาวิทยาลัย แจ๊คเป็นหนึ่งในผู้ที่สนใจชีวิตของแอนนามาก จนเกิดประทับใจในฐานันดรศักดิ์ของหล่อน ดังนั้นเมื่อมีโอกาสใกล้ชิดหล่อนซักถามกันแอนนาก็ยืนกรานว่าหล่อนคือตัวจริง แจ๊คก็หลงเชื่อโดยสุจริตใจว่าผู้หญิงคนนี้คือพระธิดาของพระเจ้าซาร์ อาจเป็นได้ว่าแจ๊คออกจะเพี้ยนๆอยู่บ้างตามที่เพื่อนฝูงว่ากัน หรือไม่เขาก็ "อิน" จนถอนตัวไม่ขึ้น เขาจึงขอแต่งงานกับหล่อน ทั้งนี้หลังจากซักแล้วซักอีกให้แน่ใจ เมื่อหล่อนยืนยันว่าหล่อนคือเจ้าหญิงตัวจริง เขาก็ตัดสินใจแต่งงานกับหล่อน โดยเรียกชื่อหล่อนว่า "อานัสเตเชีย"ตามสำเนียงอเมริกัน และบอกใครต่อใครว่า เขานี่แหละเป็นพระราชบุตรเขยของพระเจ้าซาร์ แจ๊คเพี้ยนจริงหรือไม่ ไม่มีใครรู้แน่ๆ แต่ที่แน่ๆคือเขาเป็นคนฐานะดี ก็เรียกว่ารวยน่ะแหละ แอนนาจึงไม่เดือดร้อนว่าสามีเพี้ยนหรือไม่เพี้ยน ตอนอพยพมาอยู่อเมริกา หล่อนก็กำลังถังแตก ได้อาศัยเงินช่วยจากผู้หลงเชื่อคนละนิดละหน่อย ดังนั้น เมื่อมีโอกาสเป็นคุณนายเศรษฐี ก็คงโง่เต็มทีถ้าจะไม่เอา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|