เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 27 ส.ค. 13, 16:46
|
|
พอจะหยิบยืมหนังสือจากเจ้าของได้ แต่ไม่ต้องเอาตัวอะไรนั่นมาให้ก็ได้ค่ะ ดิฉันมีงานอดิเรกคนละอย่างกับคุณเพ็ญชมพู เอาไว้คุณประกอบเรียนจบเมื่อไหร่ บอกมา จะส่งไปให้ ตอนนี้อย่ามัวแต่อ่านนิยาย เดี๋ยวไม่เป็นอันขับแท็กซี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 27 ส.ค. 13, 16:56
|
|
พอจะหยิบยืมหนังสือจากเจ้าของได้ แต่ไม่ต้องเอาตัวอะไรนั่นมาให้ก็ได้ค่ะ ดิฉันมีงานอดิเรกคนละอย่างกับคุณเพ็ญชมพู เอาไว้คุณประกอบเรียนจบเมื่อไหร่ บอกมา จะส่งไปให้ ตอนนี้อย่ามัวแต่อ่านนิยาย เดี๋ยวไม่เป็นอันขับแท็กซี่
โกหกแบบเหนือชั้นคือต้องโกหกให้เหมือนไม่โกหก มีโกหกซ้อนในโกหกหลายชั้นจนโกหกเล็กบดบังโกหกใหญ่ ไหนๆ ตอนนี้ก็ขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้  เมื่อท่านอาจารย์เข้าใจว่าผมเป็นเด็กนอกจริงก็ไว้ผมหาปริญญาไปยืนยันซัก 2 ใบ เดี๋ยวนี้ปริญญาเอกหาไม่ยากครับ เสียดายว่า ม สันติภาพโดน DSI ปราบไปซะแล้ว แต่แหล่งอื่นยังพอมีอยู่ เมื่อท่านอาจารย์ไม่นิยมฟอสซิล ไว้ผมจะซื้อเครื่อง EMF Meter ตรวจจับสนามแม่เหล็กให้แทน เวลาไปพักตามโรงแรมต่างๆ จะได้ไว้ชี้ตามซอกมุม ห้องน้ำ ประตู ตู้ เตียง ว่าตรงไหนมีพลังงานลึกลับนะครับ เผื่อจะได้เลี่ยงๆ หรือขอเปลี่ยนห้องใหม่ได้ ว่าแล้วไปทำงานต่อดีกว่า เดี๋ยวเรียนไม่จบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 27 ส.ค. 13, 17:16
|
|
degrees for sale มีเยอะแยะไป จะเอาประเทศไหนก็ได้ค่ะ เพียงแต่ก.พ. ไม่รับรอง และเผลอๆไปทำงาน ถูกจับได้ก็จะได้ถูกไล่ออกไปวิจัยฝุ่นกันต่อจากนั้น รอคุณชายรุศฑ์ษมาศร์เรียนจบ Ph.D เสียก่อน จะเอาดีกรีอื่นๆไปทำวอลเปเปอร์ ดิฉันหาให้สักโหลนึงก็ยังได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 27 ส.ค. 13, 18:11
|
|
เมื่อท่านอาจารย์ไม่นิยมฟอสซิล ไว้ผมจะซื้อเครื่อง EMF Meter ตรวจจับสนามแม่เหล็กให้แทน เวลาไปพักตามโรงแรมต่างๆ จะได้ไว้ชี้ตามซอกมุม ห้องน้ำ ประตู ตู้ เตียง ว่าตรงไหนมีพลังงานลึกลับนะครับ เผื่อจะได้เลี่ยงๆ หรือขอเปลี่ยนห้องใหม่ได้ ไม่รู้จักเครื่องที่ว่านี้เลยค่ะ ไปค้นในกูเกิ้ลก็ยังไม่เข้าใจ มันทำงานได้ผลดีพอๆกับ GT200 หรือเปล่าคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 28 ส.ค. 13, 11:44
|
|
ขอพักก่อน เดี๋ยวจะมีท่านหญิงกำมะลอ 2 มาให้รู้จักกันค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 29 ส.ค. 13, 20:59
|
|
ฉากแรกของท่านหญิงกำมะลอคนนี้ เปิดขึ้นในนิวยอร์ค เมื่อค.ศ. 1897 ในสำนักงานทนายความแห่งหนึ่ง เจ้าของสำนักงานชื่อดิลลอน แขกคนที่มาเยือนออฟฟิศของเขาเป็นหญิงวัย 40 ปี แต่งกายงามและภูมิฐาน หล่อนเป็นภรรยาของนายแพทย์ผู้มีชื่อเสียงน่านับถือคนหนึ่งที่ทนายความดิลลอนรู้จัก ชื่อดร.ลีรอย แช็ดวิค เป็นเศรษฐีพ่อม่าย ซึ่งขณะนั้นอยู่ระหว่างมาธุระในนิวยอร์ค เขาพาภรรยาใหม่ซึ่งสมรสกันไม่นานมาด้วย คุณนายแช็ดวิคขอให้ทนายความดิลลอนพาหล่อนไปธุระหน่อย ทนายความก็ยินดีจะทำตามที่หล่อนขอร้อง หล่อนขอให้เขาพาไปที่คฤหาสน์ของแอนดรูว์ คาเนกี มหาเศรษฐีเจ้าของอุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งคนทั้งนิวยอร์คหรือจะเรียกว่าทั้งอเมริกาก็รู้จักดี เพราะเป็นมหาเศรษฐีใจบุญซึ่งบริจาคเงินทีละมากๆ เพื่อสาธารณกุศล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 29 ส.ค. 13, 21:16
|
|
คุณนายแช็ดวิคมีธุระอะไรกับคาเนกี ทนายดิลลอนไม่รู้ เพราะหล่อนไม่ได้ให้เขาตามเข้าไปในบ้านด้วย หล่อนหายเข้าไปในบ้านพักใหญ่ก็กลับออกมา ระหว่างนั้นหล่อนก็บังเอิญทำกระดาษที่ถือมาตกลงบนพื้น เมื่อดิลลอนเก็บให้ เขาก็ตาเหลือกเมื่อเหลือบเห็นว่ามันเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวนถึง 2 ล้านดอลล่าร์ ประทับตราลายเซ็นของแอนดรูว์ คาเนกี หราอยู่บนนั้น แน่นอนว่าเงินจำนวนนี้มหาศาลจนไม่มีใครหุบปากทำไม่รู้ไม่ชี้เอาไว้ได้ ถึงไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นมาก่อน ก็ต้องอยากรู้ขึ้นมา ว่ามันเรื่องอะไรกัน ผู้หญิงคนนี้จึงได้เงินมหาศาลจากแอนดรูว์ คาเนกี แค่เดินเข้าบ้านเขาไปไม่กี่นาที เป็นเงินที่บริจาคเพื่อกิจการอะไร หรือลงทุนอะไร ทนายความดิลลอนอดปากไม่อยู่ต้องซักถาม ซักกันไปซักกันมา ในที่สุดคุณนายแช็ดวิคก็ยอมเปิดปากเล่า โดยคาดคั้นว่า ทนายความจะต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามบอกใครเป็นอันขาด เมื่อดิลลอนรับปากอย่างเต็มใจ หล่อนก็ยอมเปิดเผยความลับว่า แท้จริงแล้วหล่อนเป็นลูกสาวแท้ๆของแอนดรูว์ คาเนกี หากแต่เกิดนอกสมรส พ่อหล่อนรู้อยู่เต็มอกว่าหล่อนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา แต่ด้วยความจำเป็นหลายๆอย่างเขาไม่อาจเปิดเผยต่อสังคมได้ว่าเขาดอดไปมีเมียมีลูกนอกกฎหมายแอบเอาไว้ ด้วยความรักและรู้สึกผิดต่อลูกสาวคนนี้ เขาก็ชดเชยด้วยการให้เงินหล่อนอย่างไม่อั้น " เงินแค่สองล้านเรื่องเล็กค่ะ พ่อให้ดิฉันไว้เจ็ดล้าน เก็บไว้ที่บ้านเดิมของดิฉันที่คลีฟแลนด์" หล่อนแถมท้าย นอกจากนี้ พ่อยังสัญญาว่าตายลงเมื่อไหร่ ลูกสาวจะได้ส่วนแบ่งมรดกเป็นจำนวนเงินถึง 400 ล้านดอลล่าร์ สบายไปทั้งชาติ
ทนายความดิลลอนไม่ได้สงสัยเลยกับคำบอกเล่าของคุณนายแช็ดวิค หล่อนจะมาหลอกเขาหาอะไร ในเมื่อสามีหล่อนก็เป็นเศรษฐีมั่งมีเงินทองเต็มกระเป๋าอยู่แล้ว ตัวเขาเองก็บันดาลอะไรให้หล่อนไม่ได้แม้แต่สตางค์เดียว อย่างแรกที่เขาทำก็คือกุลีกุจอหาเซฟธนาคารไว้ให้หล่อนเก็บตั๋วสัญญาแลกเงินจำนวนมหาศาลเอาไว้ให้ปลอดภัย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 31 ส.ค. 13, 09:58
|
|
ตามธรรมชาติของมนุษย์ ไม่มีอะไรทำให้มนุษย์เกิดอาการปากโป้งบอกให้คนอื่นรู้ เท่ากับความลับที่เขาสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่บอกใคร ดังนั้นความลับที่ทนายความดิลลอนรู้มาจึงปิดกันให้แซ่ดอยู่ใต้โต๊ะ ในตลาดการเงินของโอไฮโอ นายธนาคารทั้งหลายหูผึ่งตาลุกวาวไปตามๆกัน เมื่อพบว่ามี "เงินลับ" จำนวนมหึมา กองอยู่เต็มหน้าตักเศรษฐินีคนหนึ่ง
ไม่มีใครสงสัยเครดิตของคุณนายแช็ดวิค สามีผู้มั่งคั่งและมีชื่อเสียงเป็นที่นับหน้าถือตาย่อมเป็นเครดิตชั้นดีของหล่อน นอกจากนี้ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปกระแอมกระไอจับเข่าถามแอนดรูว์ คาเนกีว่าท่านแอบไปมีเมียมีลูกลับๆไว้ที่ไหนหรือขอรับ เพราะมหาเศรษฐีผู้นี้เป็นที่เคารพนับถือกันอย่างสูง ในความใจบุญสุนทาน ใครจะกล้าแหย่ให้ประวัติสะอาดของท่านด่างพร้อยไปได้
ด้วยเหตุนี้เอง นายธนาคารหลายแห่งจึงยอมให้คุณนายแช็ดวิคกู้เงินจากแบงค์ไปโดยมีตั๋วสัญญาใช้เงินของคาเนกีนั่นแหละเป็นหลักฐานค้ำประกัน บวกเหตุผลอีกอย่างคือพวกเขาคิดดอกเบี้ยมหาโหด จะรวมใต้โต๊ะหรือไม่เราก็คงพอเดากันได้ สรุปแล้วว่าคุณนายแช็ดวิคก็ได้เงินจากธนาคารปล่อยกูอย่างไม่อั้น ธนาคารเชื่อว่ายังไงเสีย คาเนกีก็ไม่ปล่อยให้ลูกสาวเขาเป็นหนี้เป็นสิน เขาต้องชำระหนี้ให้เธอจนหมด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 02 ก.ย. 13, 11:50
|
|
ด้วยความใจกล้าของแคสซี่ บวกกับเธอรู้จุดอ่อนของสังคมว่า ไม่มีใครกล้าไปซักไซ้ไล่เลียงแอนดรูว์ คาเนกี ทำให้เธอกล้ากู้เงินจำนวนมหาศาลจากแบงค์ ต่อเนื่องยาวนานมาถึง 8 ปี เอาเงินมาซื้อเครื่องเพชร เสื้อผ้าแพงๆ นับไม่ถ้วน จัดงานปาร์ตี้ ทำตัวไฮโซสุดขีดราวกับพิมพ์ธนบัตรได้เอง อาศัยชื่อเสียงและฐานะร่ำรวยของสามีเป็นเครื่องกำบังที่มาของเงินทองพวกนี้ เธอกลายเป็นสตรีชั้นนำขอสังคมเศรษฐีจนได้สมญาว่า "ราชินีแห่งรัฐโอไฮโอ"
ไม่มีใครล่วงรู้ว่าสตรีผู้หรูหราทำตัวราวกับท่านหญิงบรรดาศักดิ์ทุกกระเบียดนิ้ว แท้จริงในอดีตคือเด็กหญิงเอลิซาเบธ บิ๊กลีย์ ถือกำเนิดมาอย่างยากจน ในบ้านนาเล็กๆแห่งหนึ่งในแคนาดา พ่อทำงานรถไฟ ลูกๆมีชีวิตสามัญ ไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าเด็กชาวบ้านแม้แต่น้อย แต่หนูน้อยเบตซี่ (ในครอบครัวเรียกเธออย่างนั้น) ก็ช่างไม่เหมือนพี่ๆน้องๆอีก 4 คนเสียเลย เธอเป็นเด็กช่างฝัน มาแต่เล็ก ชอบแต่งเรื่องโกหกเป็นตุเป็นตะให้คนอื่นๆฟัง แต่ในเมื่อยังเด็ก ก็เลยไม่มีใครเอาเรื่องเอาราว
พออายุ 14 ลายของเบตซี่ก็ออกเป็นครั้งแรก เด็กสาววัยรุ่นทำสิ่งที่ไม่มีเด็กวัยเดียวกันทำคือไปเปิดบัญชีในเมือง ในนั้นเธอฝากเงินสดจำนวนน้อยนิด แต่มีหลักฐานยืนยันกับนายธนาคารว่า เธอได้รับจดหมายยกมรดกให้เธอจากลุงคนหนึ่งในอังกฤษ เป็นฐานของเงินฝาก เมื่อเปิดบัญชีได้ เธอก็ขอทำสมุดเช็ค แล้วเที่ยวจ่ายเช็คซื้อข้าวของจากร้านค้าในเมือง จนกระทั่งถูกจับได้ในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร แต่ในเมื่อยังอยู่ในวัยผู้เยาว์ ศาลก็เลยเอาผิดไม่ได้ และทนายอ้างว่าเธอสติไม่สมบูรณ์นัก เบตซี่ก็เลยได้รับการปล่อยตัว ไม่ถูกจำคุก แต่ต้องหลบหน้าไปจากบ้านเกิดชั่วคราวเพื่อให้เรื่องอื้อฉาวเงียบลง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 02 ก.ย. 13, 12:26
|
|
แคสซี่หลบหน้าจากถิ่นเดิมไป 3 ปี เมื่อกลับมา เธอพบว่าพี่สาวแต่งงานไปกับช่างไม้ชาวอเมริกัน ทั้งสองโยกย้ายไปอยู่ที่คลีฟแลนด์ โอไอโอ แคสซี่ก็ได้โอกาสที่จะไปตั้งต้นชีวิตใหม่โดยมีพี่สาวพี่เขยเป็นใบเบิกทาง จึงเดินทางตามไปด้วย ขออาศัยอยู่กับสองคนนั่นในระยะสั้นๆ ก่อนจะบินออกมาสร้างโลกใหม่ของเธอเอง ในวัยยี่สิบต้นๆ แคสซี่ปลอมแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ บอกใครต่อใครว่าเธอชื่อมิสซิสลิเดีย เดอแวร์ ใช้นามสกุลแปร่งๆเป็นภาษาต่างชาติ อ้างว่าเป็นแม่ม่ายสามีตายตั้งแต่เธอยังสาว เธอไปเช่าห้องๆหนึ่งจากเจ้าของบ้าน ที่มีห้องแบ่งเช่า แล้วเปิดเป็นสำนักงานเล็กๆ ตั้งตัวเองเป็นแม่หมอตาทิพย์ โดยอาศัยเงินทองที่โกงมาได้สมัยอยู่บ้านเกิดเป็นค่าเช่าห้องและหาอุปกรณ์มาประกอบ ขอบอกเพิ่มว่า อาชีพหมอดูก็ดี คนทรงก็ดี เป็นอาชีพเฟื่องฟูสมัยศตวรรษที่ 19 ไม่ว่าในอังกฤษหรืออเมริกา ชาวบ้านสมัยนั้นที่ฉลาดก็มี ที่งมงายก็มิใช่น้อย เช่นแม่ม่ายจำนวนมากต้องการติดต่อกับวิญญาณของสามีที่ตายไป พ่อแม่อยากติดต่อลูกที่ตายไปก่อนวัยอันควร บางคนก็ของมีค่าหาย อยากรู้ว่าอยู่ไหน บางคนก็เชื่อว่าบ้านที่อยู่มีปีศาจสิงสู่ ฯลฯ พวกนี้จะมาหาหมอดูทางใน หรือคนทรง จะเป็นหมอดูลูกแก้ว หรือไพ่ หรือนั่งหลับตาภาวนา แบบไหนมีทั้งนั้น ดังนั้น อาชีพนี้จึงเป็นหนทางสะดวกของพวกมิจฉาชีพ ไม่ต้องลงทุนมาก ไม่ต้องมีพื้นฐานทางวิชาชีพ แค่รู้จักพูดจาลื่นไหลหลอกตุ๋นให้คนเชื่อก็พอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 03 ก.ย. 13, 11:39
|
|
หนึ่งในบรรดาเหยื่อที่แคสซี่จับไว้ได้อยู่หมัดคือนายแพทย์คนหนึ่งชื่อหมอวอลเลซ สปริงทีน ไม่มีรายละเอียดว่าสองคนนี้พบกันได้ยังไง แต่จะเป็นวิธีไหนก็ตาม แคสซี่ก็ได้ตัวคุณหมอไปทำพิธีสมรสกันต่อหน้าผู้พิพากษาได้ เมื่อเธออายุ 26 ปี ข่าวแต่งงานของคุณหมอได้ลงสั้นๆในหนังสือพิมพ์ของไอโฮโอ บรรดาเจ้าหนี้ของแคสซี่ที่ถูกเธอติดหนี้สินเอาไว้มากก็แห่มาที่บ้านของคุณหมอทันที เจ้าบ่าวหมาดๆ รู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความงงงันเหมือนถูกตีหัว เมื่อแจ่มแจ้งว่าอะไรเป็นอะไร เขาก็กัดฟันชำระหนี้สินให้เจ้าสาวหมาดๆเพื่อรักษาชื่อเสียงและเครดิตตัวเองเอาไว้ จากนั้นก็หย่าจากภรรยาทันที ชีวิตสมรสครั้งแรกของแคสซี่ มีอายุ 12 วันเท่านั้น ก่อนเธอจะกลายเป็นแม่ม่ายหย่าสามี
แคสซี่ไม่มีท่าทีว่าจะเข็ดกับสภาพมิจฉาชีพที่ถูกจับได้ ตรงกันข้าม เธอก็พัฒนาฝีมือต้มตุ๋นไปอีกขั้นหนึ่ง เธอเดินทางออกจากโอไฮโอไปรัฐเพนซิลเวเนียซึ่งไกลพอที่จะไม่มีใครตามมาจับผิดได้ เที่ยวทำความรู้จักกับชาวบ้านในเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง โดยอ้างว่าตัวเองเป็นหลานสาวของวีรบุรุษแห่งสงครามกลางเมืองชื่อนายพลวิลเลียม เชอร์แมน แล้วทำเป็นล้มป่วยลงอย่างหนัก ไม่มีเงินจะกลับบ้าน ชาวบ้านผู้มีเมตตาจิตก็ลงขันกันหาเงินให้เธอจำนวนหนึ่ง พอเป็นค่าเดินทางกลับบ้านเดิมได้ จากนั้นข่าวคราวของหลานสาววีรบุรุษก็หายต๋อมไป เมื่อเห็นหายไปนานผิดสังเกต เงินที่ยืมไปก็ไม่ส่งคืน ชาวบ้านก็เขียนมาทวงถามถึงตามตำบลที่อยู่ที่ให้ไว้ ก็ได้จดหมายตอบจากสตรีนางหนึ่ง เขียนตอบกลับมาอย่างสุภาพและเศร้าสลดเสียใจอย่างลึกซึ้งว่าหลานสาวท่านนายพลที่ว่านั้นถึงแก่กรรมไปแล้ว มิได้สั่งเสียอะไรไว้ ก็เป็นอันว่าหนี้สูญไป ก็คงไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่าใครเป็นคนแจ้งข่าวมรณกรรมของหลานสาวกำมะลอนั่น ถ้ามิใช่แคสซี่เอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อ 03 ก.ย. 13, 11:52
|
|
ย้อนกลับไปถึงฉากสำคัญ ที่ทนายความดิลลอนถูกต้มเสียสุก ในการพาแคสซี่ไปส่งที่บ้านของมหาเศรษฐีแอนดรูว์ คาเนกี หายเข้าไปในบ้านร่วมครึ่งชั่วโมง ก่อนจะกลับออกมาด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินมูลค่ามหาศาล ท่านหญิงกำมะลอของเราก่อไฟสร้างหม้อตุ๋นได้แนบเนียนจนแม้แต่นักกฎหมายเองก็ยังถูกตุ๋นเสียเปื่อย
ภาพที่ดิลลอนเห็นเมื่อรออยู่ในรถม้าคือคุณนายแชดวิคเดินไปเคาะประตูหน้าบ้าน พูดสองสามคำกับหัวหน้าคนรับใช้ที่เปิดประตูรับ แล้วหายเข้าไปในบ้านหลังงามนั้น เป็นเวลานาน แสดงว่ามีธุระปะปังในบ้านนี้จริงๆ จากมุมของหัวหน้าคนรับใช้ก็คือ เมื่อเขาเปิดประตูมาก็พบสุภาพสตรีแต่งกายงาม ดูมีหลักมีฐานน่านับถือ ซึ่งกล่าวกับเขาอย่างสุภาพว่าเธอมีธุระขอพบแม่บ้านใหญ่ ผู้ดูแลบ้านช่องของคาเนกี หัวหน้าคนรับใช้ไม่เห็นมีข้อเสียหายอะไรก็เชิญเข้ามาแล้วไปตามแม่บ้านมาพบ เมื่อแม่บ้านผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ออกมาพบ สุภาพสตรีท่าทีเป็นคุณนายก็แนะนำตัวเองว่า เธอเป็นผู้มีฐานะดีคนหนึ่ง มีหญิงมาสมัครเป็นสาวใช้ ชื่อฮิลดา ชมิดช์ หล่อนอ้างว่าเคยรับใช้ในตระกูลคาเนกีมาก่อน ปกติการทำงานของคนสมัยนั้นจะต้องมีหนังสือรับรองจากนายเก่ามาแสดงต่อนายใหม่ เป็นประกาศนียบัตรรับรองว่าผ่านงานมาจริงๆ มีที่มาที่ไป ถ้าไม่มีใบรับรองจะไม่มีนายใหม่คนไหนยอมจ้าง คุณนายกำมะลออธิบายต่อไปว่า เธอกำลังตรวจสอบหนังสือรับรองของสาวใช้คนใหม่ว่าเป็นของจริงหรือเปล่า จึงต้องตรงมาสอบถามด้วยตัวเอง เพราะใบรับรองพวกนี้บางทีก็ปลอมกันได้ เมื่อได้ฟัง แม่บ้านก็มิได้สงสัยถ้อยคำของคุณนายเลย เพราะตามธรรมดา นายที่จู้จี้ถี่ถ้วนเป็นพิเศษก็อาจจะทำกันแบบนี้ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อ 03 ก.ย. 13, 12:32
|
|
หล่อนเชื่อสนิท ก็เลยตอบตามจริงว่า "ไม่มีค่ะ เราไม่เคยมีสาวใช้ชื่อฮิลดา ชมิดช์ทำงานที่บ้านของคุณคาเนกีมาก่อนเลยค่ะ" คุณนายก็ทำท่าแปลกใจ ย้อนถามว่า...แน่ใจหรือจ๊ะ ไหนเธอนึกดีๆนะ เพราะคนรับใช้บ้านเศรษฐีมีเป็นโหล เข้าๆออกๆกันปีละหลายครั้ง เธออาจลืมไปแล้วก็ได้ แม่บ้านก็ยืนยันว่าไม่มีชื่อนี้ คุณนายก็ไม่ละลด ซักถามต่อโดยอธิบายถึงรูปร่างหน้าตาของแม่สาวใช้ฮิลดานั่นว่าสูงต่ำดำขาว รูปพรรณสัณฐานยังงั้นยังงี้ ตรงกับสาวใช้คนไหนของที่นี่ที่เคยจ้างเอาไว้บ้างไหม แน่นอนว่าแม่บ้านก็ทบทวนความจำ คิดแล้วคิดอีก ก็ไม่มีคนไหนมีรูปพรรณสัณฐานตรงตามที่ถาม เดาแล้วเดาอีก ก็ไม่ตรงกับสาวใช้คนไหนที่เคยลาออกไปจากที่นี่
ระหว่างนี้ คุณนายกำมะลอก็คุยจุ๊กๆจิ๊กๆต่อ เล่าสิ่งละอันพันละน้อยเกี่ยวกับแม่สาวใช้ฮิลดาให้อีกฝ่ายฟังเสียยืดยาว ตามประสาผู้หญิง แม่บ้านก็เออๆคะๆ กันไป หล่อนลากยาวเวลาไปจนถึงครึ่งชั่วโมง ก่อนจะตอบว่า...เอาละ น่าจะเกิดการเข้าใจผิด หรือไม่ฉันก็ถูกสาวใช้หลอกเอาเสียแล้ว จะต้องรีบกลับไปไล่หล่อนออก คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้เลยนะจ๊ะ เคราะห์ดีนะฉันเป็นคนละเอียดถี่ถ้วน เกิดเอะใจขึ้นมาจึงมาสอบถามด้วยตัวเอง เอาละ เห็นจะต้องลาซะที ขอบใจเธอมาก ก่อนเดินออกไป คุณนายก็หยอดให้อีกฝ่ายยิ้มแก้มปริ ว่า...แหม ห้องโถงสะอาดหมดจดทุกกระเบียดนิ้ว เธอช่างเป็นแม่บ้านดูแลบ้านได้ดีจริงๆ อยากให้แม่บ้านฉันมาเห็นบ้าง จากนั้นหล่อนก็เดินเฉิดฉายออกไปจากบ้าน ขึ้นรถม้าที่ทนายความดิลลอนนั่งรออยู่โดยมิได้ระแวงสิ่งใดเลย
คงไม่ต้องบอกใช่ไหมคะว่า สาวใช้ชื่อฮิลดาอะไรนั่นไม่มีตัวตน คุณนายกำมะลอสมมุติเรื่องขึ้นมาเพื่อหาเวลาอยู่ในบ้านของคาเนกีให้นานครึ่งช.ม. พอจะทำให้ทนายความเชื่อว่าหล่อนมาพบเจ้าของบ้าน พูดธุระกันจริงๆ ส่วนแอนดรูว์ คาเนกีอาจไม่อยู่บ้าน หรือถ้าหากว่าอยู่บ้านวันนั้น เขาก็มิได้พบหน้าแคสซี่อยู่ดี และไม่รู้เรื่องว่ามีใครมา เรื่องผู้หญิงมาพบแม่บ้านเพื่อสอบถามเรื่องสาวใช้เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยปลีกย่อย จนแม่บ้านไม่เห็นสลักสำคัญพอจะต้องรายงานนาย หรือถ้าหล่อนรายงาน แอนดรูว์ก็เห็นเป็นเหตุการณ์ธรรมดาๆเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ ไม่เก็บมาจำซ้ำสองด้วยซ้ำ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 04 ก.ย. 13, 13:20
|
|
เมื่อกลับไปอยู่ในคลีฟแลนด์ แคสซี่แต่งงาน 2 ครั้ง ครั้งแรกกับเจ้าของฟาร์มคนหนึ่งซึ่งเธอขอหย่าในเวลาต่อมา ครั้งที่สอง สามีคนนี้เป็นพ่อค้าร่ำรวยชื่อนายฮูเวอร์ เธอให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งชื่อเอมิล หลังจากฮูเวอร์ตายทิ้งมรดกไว้ให้ห้าหมื่นปอนด์ ก็ทำให้แคสซี่อู้ฟู่พอจะดำเนินชีวิตเป็นแม่ม่ายทรงเครื่องต่อไปได้พักใหญ่ ส่วนลูกชายก็ถูกส่งไปให้พ่อแม่เธอเลี้ยงอยู่ที่แคนาดา เธอมิได้ไยดีเลือดเนื้อเชื้อไขพอจะเลี้ยงดูเอง แคสซี่กลับไปยึดอาชีพหมอดูตาทิพย์อีกครั้ง คราวนี้เธอเขยิบฐานะขึ้นเป็นหมอดูไฮโซ มีหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในการลงทุนกิจการต่างๆของลูกค้านักธุรกิจ ด้วยคารมของสิบแปดมงกุฏที่อ้างว่าตัวเองมีซิกซ์เซ้นส์มองเห็นอนาคตล่วงหน้าได้ ก็ทำให้มีพ่อค้ารวยๆมาติดเบ็ดหลงเชื่อกันอยู่หลายราย ในเมื่อการลงทุนกิจการ หรือซื้อขายแลกเปลี่ยนล้วนแต่เป็นเรื่องไม่แน่นอน ไม่มีใครมองเห็นอนาคตว่าจะเจอแจ๊กพ็อทอะไรเข้าบ้าง อาจจะรวยหรือล่มได้เท่าๆกัน แคสซี่ก็เอาจุดอ่อนของความไม่มั่นใจข้อนี้มาเป็นหนทางหากิน แนะนำลูกค้าคนนั้นให้ลงทุนทางนี้ แนะนำลูกค้าคนนี้ให้เอาเงินไปลงทางโน้น จริงอยู่ คำแนะนำของท่านหญิงกำมะลอทำให้ลูกค้าเจ๊งกันไปหลายราย แต่ก็มีบางรายที่เผอิญประสบโชคตามคำแนะนำ เหมือนแทงหวยแล้วถูกหวย ก็มีเหมือนกัน ลูกค้าประเภทหลังนี่แหละที่ทำให้ท่านหญิงของเรายังหากินอยู่บนความไม่รู้เท่าทันของมนุษย์ได้อีกหลายปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33416
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อ 05 ก.ย. 13, 13:58
|
|
หนึ่งในบรรดาลูกค้าที่ถูกหวยเข้าอย่างจังชื่อนายโจเซฟ แลมป์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจชื่อเสียงดีอยู่ในเมืองโทเลโด รัฐโอไฮโอ นายแลมป์หลงเชื่อคารมแคสซี่อย่างโงหัวไม่ขึ้น ถึงกับตกลงจ่ายเงินถึง 10,000 ดอลล่าร์ให้แม่หมอตาทิพย์คนนี้เอาไว้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ชี้ช่องทางให้ลงทุนแบบนั้นเล่นหุ้นตัวนี้ ในที่สุดก็ถูกแม่หมอตอบแทนเสียเต็มรัก วันหนึ่งแม่หมอวิเศษก็ยื่นตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวนหลายพันดอลล่าร์ให้นายแลมป์ จ่ายโดยเศรษฐีคลิฟแลนด์ที่ชื่อเสียงเป็นที่นับหน้าถือตาคนหนึ่งลงลายเซ็นไว้ ขอให้แลมป์ช่วยเอาเข้าบัญชีเขาเพื่อถอนเงินสดออกมาให้หน่อย เพื่อประหยัดแรงของเธอไม่ต้องเดินทางไปถึงเมืองโทเลโดเอง แลมป์ก็เต็มใจทำตามคำขอ เอาตั๋วที่ว่าเข้าบัญชีของเขา เอาเงินสดออกมาให้ได้โดยไม่มีปัญหาอะไร จากนั้นแคสซี่ก็ฝากตั๋วสัญญาใช้เงินแบบเดียวกันไปให้เขาแลกเป็นเงินสดออกมาให้อีก หลายครั้งหลายคราว รวมจำนวนแล้วมียอดถึง 40,000 ดอลล่าร์ ธนาคารที่แลมป์ฝากเงินอนุญาตให้ถอนเงินในตอนแรก ก็เพราะแลมป์เป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากจำนวนสูง ถึงตั๋วสัญญามีเงินหรือไม่มี แลมป์ก็มีเงินในบัญชีพอมีสิทธิ์ถอนเงินสดได้อยู่แล้ว ทีนี้เมื่อเงินไหลออกจากบัญชีเรื่อยๆ จนเกินจำนวนถอน ตั๋วสัญญาก็ถูกค้นพบว่าไม่มีเงินเรียกเก็บได้ซักกะตังค์เดียว ผู้จัดการธนาคารก็ตาเหลือก แจ้นไปแจ้งตำรวจ ตำรวจก็เลยรวบตัวนายแลมป์ นายแลมป์ก็ซัดทอดไปยังแม่หมอวิเศษ แคสซี่จึงตกเป็นผู้ต้องหาหลังจากได้เงินมากมายไปถลุงอยู่เป็นปี ความก็แดงโร่ออกมาว่า ตั๋วสัญญาของเธอเป็นของเก๊ ทำปลอมลายเซ็นเศรษฐีชาวคลีฟแลนด์ซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|