เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7
  พิมพ์  
อ่าน: 29855 นิพพานวังหน้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 60  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 10:48

ขอบคุณคุณหนุ่มสยามนะครับ ที่ช่วยทำให้ผมโล่งใจขึ้นนิดนึงว่าความจำเก่าๆยังพอใช้ได้อยู่ แปลกนะ พออายุมากขึ้น ความจำก็เริ่มเสื่อม โดยเฉพาะเรื่องใหม่ๆ แปร๊บเดียวก็นึกไม่ออกแล้ว แต่ความจำเก่าๆนี้ หลายเรื่องมันยังชัดแจ๋วอยู่

คุณเพ็ญฯ ไปญี่ปุ่นแวะซื้อแปะก๊วย มาฝากคุณ Navarat.C สักตัน ...อิอิ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 61  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 10:50

โฮ้ย ที่บ้านมีเยอะ จะกิน ๆ แต่ลืมทุกที
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 62  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 10:54

ความยากอีกอย่างคือ อ่านๆไปเจอคำพรรณนาเข้า  โดยไม่บอกว่าใคร เรื่องอะไร ที่ไหน ทำไม      เพราะท่านผู้นิพนธ์เองเมื่อเขียนเรื่องนี้ก็คงไม่ได้คิดเผยแพร่  อาจจะเอาไว้อ่านเอง  หรืออย่างมากก็อ่านกันสองสามคนที่ใกล้ชิด ไม่ได้เผื่อแผ่คนอ่านอีกสองร้อยปีหลังจากนั้นให้รู้เรื่องไปด้วย
เผอิญเรื่องนี้เหลือรอดกาลเวลามาได้  เรื่องส่วนตัวจึงกลายเป็นปริศนาให้ต้องตีความ    บางตอนอ่านแล้วก็ตาเหลือก อึ้งไปพักใหญ่   ไม่รู้จะตีความยังไง  บรรดาครูบาอาจารย์แถวหน้าที่เคยอ่านเรื่องนี้ก็ข้ามกันไป ไม่ได้พูดถึง  เหลือครูแถวหลังในเว็บเรือนไทยต้องมานั่งกอดเข่าตีความเอง

ตอนหนึ่งก็คือ หลังจากทรงเล่าเรื่องนักองอีว่าจบลงด้วยดี  ก่อนวันจะเชิญพระบรมศพกรมพระราชวังหน้าขึ้นถวายพระเพลิง     ท่านก็บรรยายอารมณ์วิปโยคที่จะต้องพลัดพรากจากคนรักขึ้นมา    ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า ทำไมต้องจากกัน   จากไปไหน  และคนรักที่อาลัยอาวรณ์กันใจจะขาดนั้นเป็นใคร

ยิ่งยลมิตรคิดอาลัยใจจะขาด                    แสนสวาทหวั่นหวามถึงทรามสงวน
จึงกุมกรช้อนคู่ประคองชวน                     ถนอมนวลนุชขึ้นบนเพลาตรอม
เจ้าซบพักตร์ลงกับตักทั้งสะอื้น                 ทั้งเที่ยงคืนเปลี่ยนให้สไบหอม
ไหนจะโศกถึงพระมิ่งมงกุฏจอม                 ไหนจะผอมเพื่อนยากจะจากวัง


คำพรรณนาทุกข์ที่จากคนรัก  ถ้าคนเขียนเป็นสุนทรภู่หรือนายมีก็ไม่แปลกอะไร    เพราะกวีทั้งหลาย เมื่อต้องจากนางผู้เป็นที่รักก็รำพันอาลัยใจจะขาดกันทั้งนั้น  
แต่นี่...คนเขียนคือพระองค์เจ้าหญิงกัมพุชฉัตร    ท่านอาลัย "นาง" เป็นไปได้ยังไง?
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 63  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 11:03

ยุ่งแล้ว


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 64  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 11:09

ถึงว่าซีคะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 65  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 11:41

อ่านครั้งแรก   เห็นมีบทอุ้มขึ้นนั่งตัก   ก็นึกแก้ตัวให้ว่าอาจทรงหมายถึงพระองค์เจ้าหญิงวงศ์มาลาพระขนิษฐาร่วมเจ้าจอมมารดา วัย 10 ขวบ  แต่อ่านต่อ  มีบทอีโรติคเปลี่ยนสไบให้เสียด้วย   ก็ชัวร์ว่าไม่ใช่เด็ก 10 ขวบซึ่งยังไม่โกนจุกจึงยังสวมเสื้อ ไม่ห่มสไบแน่ๆ
คำพรรณนารำพันอาลัยรักยาวเหยียดหลายบท  บางบทแต่งเป็นกลบทครอบจักรวาลเสียด้วย แสดงถึงฝีมือผู้แต่ง และความตั้งพระทัยบรรจงจะแต่งกลอนพรรณนาในส่วนนี้

กลบทครอบจักรวาล บังคับคำแรกในวรรคให้ซ้ำเสียง(และรูป)กับคำหลังสุดของวรรค

โฉมวิไลล้ำนางสำอางโฉม                          ไขแขเด่นโพยมเด่นแขไข
ไกลรักเรียมยิ่งรานด้วยการไกล                      นวลโหยนำพี่ไห้เมื่อสั่งนวล
สายเนตรชลนัยน์ไม่ขาดสาย                        หวนกระหายนึกนุชคะนึงหวน
จวนอรุณส่องฟ้าเวลาจวน                           กันแสงหวนทนทุกข์ที่จากกัน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 66  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 12:18

เมื่ออ่าน  นึกว่า...น่ากลัวตัวเราจะอ่านผิดเสียแล้ว  คนแต่ง "นิพพานวังหน้า" ต้องเป็นชายหนุ่ม   ไม่ใช่หญิงสาว      ถ้าไม่ใช่พระองค์เจ้าหญิงกัมพุชฉัตรก็ต้องเป็นพระองค์เจ้าชายก้อนแก้วหรือพระองค์เจ้าช้างองค์ใดองค์หนึ่ง    เพราะพระอนุชาที่รองลงไปจากนี้ก็ยังพระชันษาน้อยๆกันทั้งนั้น    ยังไม่เข้าขั้นแต่งกาพย์กลอนโคลงฉันท์ได้คล่อง และเขียนงานนิพนธ์อย่างผู้หลักผู้ใหญ่

แต่ย้อนกลับไปอ่านอีกที   เมื่อผู้นิพนธ์ทรงเท้าความถึงคดีนักองอี ถูกกรมพระราชวังบวรฯทรงใช้ให้ไปสืบลาดเลาวังหน้าเอาปืนใหญ่ขึ้นตั้งบนป้อมกำแพง  ทรงเรียกนักองค์อีว่า "มาตุรงค์"  ความก็บอกชัดๆว่า ท่านเป็นพระองค์เจ้าอันประสูติแต่นักองอี     นักองอีท่านมีแต่พระธิดา ไม่มีพระโอรส     คนแต่งเรื่องนี้จึงเป็นใครไม่ได้นอกจากพระองค์เจ้าหญิงกัมพุชฉัตร

เมื่อหลักฐานชี้ว่าเป็นพระองค์เจ้าหญิงกัมพุชฉัตร    หลักฐานอีกแห่งก็ชี้เหมือนกันว่า ผู้นิพนธ์มีสัมพันธ์รักกับสาวงามในวังหน้าอย่างคนรัก ขั้นอยู่ร่วมห้องกันด้วยซ้ำ  อย่างกลอนข้างล่างนี้บอกว่าอยู่ด้วยกันทั้งคืน

พี่รับขวัญขวัญน้องอย่าหมองโฉม                 ปลอบประโลมจนแจ้งปัจจุสมัย

คำถามก็คือ ถ้าเป็นพระองค์เจ้าชายวังหน้ากับหม่อมสาวๆของท่าน   จะต้องจากกันด้วยเหตุอันใด    นอกจากพระองค์เจ้าลำดวนและอินทปัตแล้ว  เจ้าวังหน้าอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับกบฏวังหน้าก็ไม่โดนพระราชอาญาแต่อย่างใด    ยังอยู่กันได้ตามปกติ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 67  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 14:02

อ้างถึง
ไหนจะโศกถึงพระมิ่งมงกุฏจอม                 ไหนจะผอมเพื่อนยากจะจากวัง

กลอนวรรคหลัง น่าจะเป็นกุญแจไขปัญหาว่า ทำไมหนึ่งองค์กับหนึ่งนางที่ว่านี้ต้องจากกัน หลังจากกรมพระราชวังบวรฯสิ้นพระชนม์   วันที่จากกันก็มีกำหนดว่า เป็นวันหลังจากมีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพแล้ว
ธรรมเนียมในยุครัตนโกสินทร์มีอยู่ว่า เมื่อวังหน้าสิ้นพระชนม์ไป     บุคคลที่ต้องประสบความเปลี่ยนแปลงโยกย้ายคือข้าราชบริพาร   ขุนนางวังหน้าจะต้องย้ายไปสังกัดวังหลวง      เป็นอย่างนี้ทุกรัชกาล   ส่วนเจ้านายวังหน้าฝ่ายหน้าก็ยังประทับอยู่ในวังขององค์เองตามปกติ  เจ้านายฝ่ายในก็ยังอยู่ในวังหน้าเหมือนเดิม    จนถึงรัชกาลที่ 5  เมื่อสิ้นกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ  หลังจากนั้นพระเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้เจ้านายฝ่ายในของวังหน้าที่เหลือน้อยองค์แล้ว ย้ายไปประทับรวมกับเจ้านายฝ่ายในของวังหลวง

ชาววังหน้าอีกพวกหนึ่งที่ต้องย้ายเมื่อสิ้นเจ้านาย  คือบรรดานางในที่มิได้เป็นเจ้าจอม     ฝ่ายเจ้าจอมในรัชกาลที่ 1-3  ยังคงอยู่ในวังตามเดิม  จนถึงรัชกาลที่ 4 จึงโปรดให้ออกจากวัง กลับไปอยู่กับญาติพี่น้องหรือมีสามีใหม่ได้ หากว่าไม่มีพระองค์เจ้า     แต่นางในอย่างนางข้าหลวง หรือพนักงานหญิงทั้งหลาย (ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่จะขึ้นเป็นเจ้าจอมหม่อมห้ามได้   หากยังมิได้เป็น)   เมื่อไม่มีเจ้านาย   พ่อแม่ก็สามารถมารับกลับไปอยู่บ้าน  เพื่อจัดการให้ออกเรือนมีสามีไปให้เป็นฝั่งเป็นฝา   เพราะไม่มีเจ้านายเป็นที่พึ่งแล้ว

ดิฉันจึงสันนิษฐานว่า "แฟน"ของผู้นิพนธ์  คือนางในที่มิใช่เจ้าจอม    อยู่ในวังหน้ามาได้เพื่อทำหน้าที่สักอย่างตามความรับผิดชอบ จนเสร็จงานพระราชพิธี     หมดหน้าที่แล้ว ก็ต้องออกจากวังกลับไปบ้านพ่อแม่      ไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ด้วยเหตุนี้ จึงล่ำลาอาลัยอาวรณ์กันหนักหนา     ผู้นิพนธ์ยังต้องอยู่ในวังหน้าต่อไป ออกไปไหนไม่ได้  เพราะเป็นเจ้านายฝ่ายใน   ส่วนอีกฝ่ายก็ต้องกลับออกไปอยู่บ้าน   ไม่มีโอกาสอยู่ร่วมกันอีก
บันทึกการเข้า
trijava
อสุรผัด
*
ตอบ: 1


ความคิดเห็นที่ 68  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 14:37

สวัสดีครับ ตามอ่านมานานครับ ไม่เคยเข้ามาร่วมพูดคุยเลย  ขออนุญาต อจ.เทาชมพู เลี้ยวกลับเข้า เรื่องพระสิหิงค์วังหน้า ครับ
พอดีเจอข้อมูล เรื่องการซ่อมนิ้วพระ  พร้อมรูปถ่าย ร่องรอยการซ่อมนิ้วชัดเจน เลยนำมาฝากกันครับ

นิ้วพระหัตถ์พระพุทธสิหิงค์
ตามตำนานพระพุทธสิหิงค์ ของพระโพธิรังษี ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ตอนหล่อพระพุทธสิหิงค์ว่ามีพระราชาองค์หนึ่งทรงพระพิโรธหวดไม้มีนทัณฑ์ถูกนิ้วมือนายช่างหล่อคนหนึ่งซึ่งไม่สามารถทำตามพระอนุมัติของพระองค์ได้ พระพุทธสิหิงค์เมื่อหล่อสำเร็จจึงมีนิ้วพระหัตถ์นิ้วหนึ่งชำรุด พระอรหันต์ ๒๐ รูป ที่อยู่ในที่นั้นได้ทำนายไว้ดังนี้
“ไปภายหน้าพระพุทธรูปนี้จะเสด็จสู่ชมพูทวีป เมื่อพระพุทธรูปจะไปนั้นก็จะไปโดยสายน้ำพัดทวนกระแสขึ้นไปเหนือน้ำจนถึงที่สุดแดนน้ำในประเทศนั้น จะมีพระราชาองค์หนึ่งทรงศรัทธาอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธรูปนี้ และพระราชานั้นจะตัดนิ้วพระหัตถ์พระพุทธรูปนี้ออกเสียแล้วทำให้บริสุทธิ์ดีขึ้น...”
ซึ่งตามตำนานพระพุทธสิหิงค์ ของพระโพธิรังษี ผู้ที่แก้นิ้วพระหัตถ์พระพุทธสิหิงค์นั้น คือ ท้าวมหาพรหม พระอนุชาของพระเจ้ากือนา ในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๐
หากสังเกตนิ้วอังคุฐพระหัตถ์ขวา (นิ้วหัวแม่มือขวา) จะเห็นความแตกต่างระหว่างพื้นผิวที่เรียบกับขรุขระได้อย่างชัดเจน


จาก FB พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ   ครับ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 69  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 17:16

เห็นภาพข้างบนชัดค่ะ ว่านิ้วพระหัตถ์แตกต่างจากพระหัตถ์
แต่ก็แปลกใจว่า  ถ้างั้นส่วนที่กรมพระราชวังบวรฯทรงต่อให้สมบูรณ์ได้คือส่วนไหน  
ถ้าหากว่านิ้วพระหัตถ์ถูกต่อมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 20  โดยท้าวมหาพรหม    ก็มีคำถามว่า
1  น่าจะดูเก่ากว่านี้     นี่ดูใหม่
2  มาชำรุดหักไปต้องต่อใหม่อีกหรืออย่างไร

ในหนังสือ เขียนไว้ว่า
คือจอมหริวงศ์องค์บิตุเรศ                            เรืองพระเดชต่อได้ดังใจหมาย
เทวะทั่วพรหมโลกก็โปรยปราย                      กราบถวายบุปผาสาธุการ
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 70  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 17:25

โฮ้ย ที่บ้านมีเยอะ จะกิน ๆ แต่ลืมทุกที

ระดับซายานวรัตน แปะก๊วยมันธรรมดาไป  สงสัยต้องถั่งเช่าน่าจะเหมาะกว่าครับ  เซนเซเพ็ญอาจต้องแวะเมืองจีนก่อน ไม่ก็ฝากคุณฮาบินซื้อ  รูดซิบปาก  รูดซิบปาก  รูดซิบปาก


กลับมาที่พระพุทธสิหิงห์ ถ้าดูตามศิลปะขององค์พระ น่าจะสร้างแถวๆ ภูมิภาคนี้นี่เองมากกว่าแล้วก็อยู่ในช่วงสุโขทัยหรืออยุธยา  ไม่น่าจะมาจากลังการึเปล่าครับ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 71  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 17:31

    เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในเหตุการณ์ที่พระองค์หญิงกัมพุชฉัตรเล่าไว้  บางเรื่องก็ต้องสารภาพว่าไม่เข้าใจ     เพราะไม่ได้ทรงอธิบายแจ่มแจ้ง   อย่างเช่นเรื่องพระศพกรมพระราชวังบวรฯ เมื่อเผาไหม้เหลือแต่พระอัฐิแล้ว  จะนำไปลอยในแม่น้ำ   พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ทรงเห็นพระอัฐิเป็นสีคล้ำ ก็ระคายพระทัย

    อันสมเด็จบิตุลาฝ่าพระบาท                              อยู่เหนืออาสน์บัลลังก์แก้วเกิดสนอง
  พระทรงโศกวิโยคถึงฝ่าละออง                             ยลหมองอัฐิคล้ำจำระคาย


   ข้อนี้เห็นทีจะเป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน    พระองค์หญิงกัมพุชฉัตรจึงทรงย้ำไว้ในอีกที่หนึ่งว่า  พระอัฐิของกรมพระราชวังบวรฯที่เป็นสีคล้ำ (แสดงว่าผิดปกติ) ทำให้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ไม่พอพระทัย กริ้วมาถึงเหล่าสนมและพระญาติพระวงศ์วังหน้า

    แต่ซึ่งทรงพระวิตกตรอมถวิล                                              เพราะนรินทร์แรมพงศ์อดิศร
  พระอัฐิคล้ำสีฉวีวร                                                           จึงเคียดแค้นค้อนสนมบรมวงศ์


    ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่า พระอัฐิกรมพระราชวังบวรฯที่เป็นสีคล้ำ  แสดงถึงการผิดปกติทำนองไหน  ถูกวางยาพิษ หรือว่าทรงได้รับการดูแลรักษาไม่ดี     พระเจ้าอยู่หัวจึง "เคียดแค้น" มาถึงเจ้านายและพระสนมของวังหน้า     
   พระองค์เจ้ากัมพุชฉัตรมิได้เล่าว่า เมื่อพระเจ้าอยู่หัวไม่พอพระทัยแล้ว  โปรดให้สอบสวนชำระความเอาผิดกับเจ้านายวังหน้าอย่างไรบ้าง      เหตุการณ์ตอนนี้เล่าลอยๆอยู่แค่นั้น    คนอ่านก็เลยต่อไม่ถูกเหมือนกัน  ต้องขอกลับไปอ่านอีกครั้งเผื่อจะเจอ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 72  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 17:34

ถ้าใครอ่านค.ห. 67 ไม่เข้าใจว่าแฟนคู่นี้เป็นชายหรือหญิง หรืออะไรกันแน่    ขออธิบายสั้นๆก็แล้วกันค่ะ  ว่าเป็นหญิงกับหญิง  สมัยก่อนเรียกว่า "เล่นเพื่อน"   สมัยนี้เรียกอะไรไม่ต้องบอก
บันทึกการเข้า
hobo
พาลี
****
ตอบ: 324


ความคิดเห็นที่ 73  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 18:02

ผมจำได้ว่าเคยอ่านที่สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงนิพนธ์ไว้ ท่านบอกว่าวังหน้าโดนของ มีเส้นผมเป็นต้น แต่ผมจำไม่ได้ว่าเป็นสมเด็จพระปิ่นเกล้า หรือกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทครับ ต้องรอผู้รู้ท่านอื่นมาเฉลย
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 74  เมื่อ 07 ส.ค. 13, 18:04

อ้างถึง
เท่าที่จำได้อีกนะครับ คือประชาชนสามารถไปสรงน้ำได้ถึงองค์ จึงติดตาว่าพระพุทธสิหิงส์องค์แท้นั้นออกสีทองคำเก่าชัดเจน ไปทางแดงๆไม่ใช่เหลือง มีคราบคล้ายจะรานๆหน่อยๆด้วย องค์ที่ผมรู้สึกว่าไม่ใช่นั้นจะผิวจะออกวาวๆ มองแล้วรู้ว่าอายุไม่ถึงโบราณวัตถุ

เห็นภาพนี้แล้วต้องบอกว่าใช่เลย ผิวพรรณเหมือนอย่างที่พระหัตถ์นั่น เต็มไปทั้งองค์พระ ดูเก่า ขลัง และน่าจะชำรุดง่าย ไม่แน่ นิ้วที่ต่อไว้ตามตำนานอาจหลุดให้ต้องซ่อมอีกครั้งหนึ่งเมื่ออัญเชิญลงมาที่กรุงเทพก็ได้ แล้วกรมพระราชวังบวรทรงซ่อมต่อใหม่ตามที่เห็น และเล่าสืบกันมา

พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นในเมืองไทยแน่นอนครับ ไม่ได้มาจากลังกา


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.068 วินาที กับ 19 คำสั่ง