เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
อ่าน: 29790 นิพพานวังหน้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 04 ส.ค. 13, 21:13

พระองค์เจ้าหญิงทรงเป็นผู้เคาะพระโกศตามธรรมเนียมให้พระราชบิดาทรงสดับพระเทศนา   เสียงพระโกศก็ลั่นขึ้นมา ตรงนี้แปลความว่าอย่างไรหรือครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 05 ส.ค. 13, 08:42

แปลจากกลอนตอนนี้ค่ะ

ต่างนิมนต์ราชาคณะเทศน์                   ถวายองค์อิศเรศวิเศษสิ้น
แล้วเคาะพระโกศกราบสุชลริน             เชิญพระปิ่นเกล้าโลกสดับธรรม
พระโกศลั่นยินแสยงพอแจ้งเหตุ           ถึงสองเชษฐ์ต้องคดีที่ข้อขำ
เขาว่าโทษลึกลับให้จับจำ                  ก็ค้างคำเทศนาเข้ามาฟัง


ธรรมเนียมการเคาะโลงบอกผู้ตาย  ให้ฟังสวด หรือเชิญให้รับประทานข้าวปลาที่จัดใส่สำรับเล็กๆมาให้  ยังมีมาจนถึงปัจจุบันนี้     ในเรื่องนี้  แสดงว่าแม้แต่ในพระราชพิธีก็มีอยู่เช่นกัน

ส่วนเหตุการณ์ประหลาดที่พระองค์เจ้าหญิงกัมพุชฉัตรทรงเล่าไว้ก็คือ ได้ยินเสียงพระโกศลั่น   แต่ท่านมิได้ทรงบอกว่าเสียงจากพระโกศที่ดังขึ้นเป็นเสียงประเภทไหน    เป็นเสียงเปรี๊ยะเหมือนไม้แตก  หรือว่าเสียงเอี๊ยดอ๊าดเหมือนใครเหยียบไม้กระดาน  หรือเสียงเคาะจากในพระโกศตอบกลับมา    
แต่ต้องเป็นเสียงที่ดังพอสมควร  ขนาดทำให้ขนลุกขนพอง  ตามที่ทรงบรรยายว่า
"ยินแสยงพอแจ้งเหตุ                 ถึงสองเชษฐ์ต้องคดีที่ข้อขำ"
คือเป็นลางร้ายบอกเหตุว่า พระองค์เจ้าลำดวนและพระองค์เจ้าอินทปัตถูกจับกุมองค์ข้อหากบฏ   ข้อหานี้โทษสถานเดียวคือประหารชีวิต
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 05 ส.ค. 13, 08:55

ก็ยังสงสัยเหมือนกันว่า เสียงพระโกศลั่นที่ว่านี้ เป็นเหตุธรรมชาติได้ไหม    เช่นเสียงของไม้โก่งตัว หรือหดตัว   ดิฉันไม่ทราบว่าการประกอบพระโกศ ใช้วิธีเรียงไม้เข้าลิ้น หรือว่าตอกตะปู หรือว่าทำด้วยวิธีไหน 
ต้องฝากท่านนวรัตนช่วยวิเคราะห์ด้วยค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 05 ส.ค. 13, 09:42

บรรยากาศในงานสวดตอนนั้นคงจะปั่นป่วนเพราะข่าวร้ายกะทันหันที่ได้รับ    เจ้านายสตรีต่างก็งุนงงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งรู้กันว่า "เป็นกบฏหมดทั้งวัง" คือไม่ใช่องค์ใดองค์หนึ่ง  แต่ว่าสมคบกันมุ่งร้าย ไม่จงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน  
 
ต่างคนึงสุดคะเนสนเท่ห์จิต         ไม่ทราบกิจโอ้ไฉนอย่างไรมั่ง
ครั้นรู้แน่ว่ากบฏหมดทั้งวัง              ชวนกันชังไม่มีภักดีปอง


มาดูกันว่าเจ้านายวังหน้าในรัชกาลที่ 1  มีพระองค์ใดบ้างนะคะ
1     พระราชธิดาพระองค์ใหญ่ คือพระเจ้าราชวรวงศ์วงศ์เธอ เจ้าฟ้าหญิงพิกุลทอง กรมขุนศรีสุนทร เป็นเจ้าฟ้าพระองค์เดียวของวังหน้า เพราะประสูติแต่พระอัครชายาเธอ เจ้าศิริรจจาหรือเจ้าศรีอโนชา พระขนิษฐาในพระเจ้ากาวิละ เมื่อครั้งกรมพระราชวังบวรฯยังดำรงพระยศเป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราช  ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
เมื่อกรมพระราชวังบวรฯสิ้นพระชนม์  เจ้าฟ้าพิกุลทองมีพระชันษา 26 ปี  ทรงเป็นเจ้านายอาวุโสที่สุดของวังหน้า    แต่ในเมื่อทรงเป็นเจ้านายสตรี ก็มิได้ทรงมีบทบาทอย่างใดทางบ้านเมือง

๒. พระองค์เจ้าชายลำดวน  เป็นพระโอรสองค์แรกในกรมพระราชวังบวรฯ ประสูติจากเจ้าจอมมารดาขะ     พระนามถูกออกควบคู่ไปกับพระอนุชา พระองค์เจ้าอินทปัต ซึ่งอ่อนพระชันษากว่าเล็กน้อย   ทั้งสององค์ถูกประหารพร้อมกันเมื่อพระชันษาได้ 25 ปี
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 05 ส.ค. 13, 09:52

4  พระองค์เจ้าหญิงเกสร  ประสูติปีเดียวกับพระองค์เจ้าอินทปัต  จากเจ้าจอมมารดาแก้ว  ไม่ปรากฏบทบาทใดๆ
5 พระองค์เจ้าชายก้อนแก้ว  ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาล่า  พระชันษา 23 ปีเมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์    ไม่ปรากฏบทบาทว่าเกี่ยวข้องกับกบฏวังหน้า
6 พระองค์เจ้าชายช้าง   ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาปุย  พระชันษาเท่ากับพระองค์เจ้าก้อนแก้ว     ไม่ปรากฏบทบาทว่าเกี่ยวข้องกับกบฏวังหน้า
ทั้งสองพระองค์มิได้ทรงกรม   แต่มีพระชนม์ยืนยาวมาจนสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3 ด้วยกันทั้งคู่

ทั้ง 6 องค์ถือว่าเป็นพระโอรสธิดารุ่นใหญ่ ประสูติก่อนบวรราชาภิเษก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 05 ส.ค. 13, 10:02

ส่วนเจ้านายวังหน้าที่มาประสูติหลังบวรราชาภิเษกมีอีก 37 องค์  เมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์ องค์ใหญ่สุดคือพระองค์เจ้าหญิงดวงจันทร์ มีพระชันษา 20 ปี    จากนั้นก็ไล่ลำดับลงไปเรื่อยๆ องค์เล็กสุดคือพระองค์เจ้าชายแตน ประสูติเมื่อพ.ศ. 2344  สองปีก่อนพระบิดาสิ้นพระชนม์
ทั้งหมดนี้ เจ้านายที่ได้ทรงกรมมีเพียง 3 องค์ คือ
1   เจ้าฟ้าพิกุลทอง กรมขุนศรีสุนทร   
2  พระองค์เจ้าชายอสุนี กรมหมื่นเสนีเทพ   ต้นราชสกุลอสุนี ณ อยุธยา    เมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์ พระชันษาได้ 20 ปี       
3  พระองค์เจ้าชายสังกะทัต  กรมขุนนรานุชิต   ต้นราชสกุลสังขะทัต ณ อยุธยา       เมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์  พระชันษาแค่ 14 ปี

ส่วนพระองค์เจ้าหญิงกัมพุชฉัตร ประสูติเมื่อพ.ศ. 2329 ประสูติแต่เจ้าจอมมารดานักองค์อี    เมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์ ทรงมีพระชันษา 17 ปี    ทรงมีพระขนิษฐาร่วมเจ้าจอมมารดาอีกองค์ พระชันษาเพิ่งจะได้ 10 ขวบ คือพระองค์เจ้าหญิงวงศ์มาลา   ทั้งสององค์มีพระชนม์ยืนยาวมาจนถึงรัชกาลที่ 4 ถึงสิ้นพระชนม์
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 05 ส.ค. 13, 10:51

เรื่องพระโกศลั่น ถ้าไม่คิดอะไรมาก ผมก็ว่ามาจากการที่ไม้ยืดหดตัวไม่เท่ากัน จากสภาพแวดล้อมนั้น ๆ ยืดหดไม่เท่ากันมันก็ลั่นได้
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 05 ส.ค. 13, 10:52

อ้างถึง
ก็ยังสงสัยเหมือนกันว่า เสียงพระโกศลั่นที่ว่านี้ เป็นเหตุธรรมชาติได้ไหม    เช่นเสียงของไม้โก่งตัว หรือหดตัว   ดิฉันไม่ทราบว่าการประกอบพระโกศ ใช้วิธีเรียงไม้เข้าลิ้น หรือว่าตอกตะปู หรือว่าทำด้วยวิธีไหน  
ต้องฝากท่านนวรัตนช่วยวิเคราะห์ด้วยค่ะ

นำการบ้านมาส่งครับ

ก่อนอื่น ต้องเข้าใจว่าพระโกศที่ประกอบพระศพ มี๒ชั้น ชั้นในเรียกพระลอง มีลักษณะเป็นปล่องกลมวางตามแนวตั้ง ทำด้วยโลหะเช่นทองแดงปิดทอง หรือของพระมหากษัตริย์จะทำด้วยเงินแท้ เรียกพระลองเงิน
ส่วนชั้นนอกเรียกพระโกศ มีหลายแบบตามพระฐานันดรศักดิ์ ของพระมหากษัตริย์หรือพระราชินีหรือเจ้าฟ้า คือพระโกศทองใหญ่ ทำด้วยไม้หุ้มด้วยทองคำ จากนั้นก็เป็นพระโกศทองน้อย ทองเล็ก ตามลำดับ ซึ่งผมจะไม่ลงถึงรายละเอียดในเรื่องนี้

เมื่อทรงพระศพแล้ว พระโกศและพระลองจะอยู่ในลักษณะที่เห็นในภาพ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 05 ส.ค. 13, 10:53

เมื่อเปลื้องพระโกศออก จะเห็นพระลอง ในการออกพระเมรุ จะนำพระศพในพระลองขั้นตั้งบนพระจิตกาธาน ถวายเพลิงสุมเข้าใต้พระลอง เปลวเพลิงจะลอดจากก้นทะลุถึงปากปล่อง ซึ่งเปิดฝาไว้ ไม่นานพระศพก็เหลือแต่พระอัฐิธาตุ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 05 ส.ค. 13, 10:55

คราวนี้มาดูโครงสร้างของพระโกศ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 05 ส.ค. 13, 10:56

พระโกศนั้นถูกออกแบบทำขึ้นด้วยไม้ ประกอบกันเป็นชิ้นๆคล้ายเปลือก ยึดด้วยรางบัว(ร่องไม้)ที่ฐานและที่ฝาครอบ ถอดเข้าถอดออกง่าย เมื่อประกอบแล้วไม่มีวันหลุด

การเปลื้องพระโกศออก จะเริ่มต้นด้วยการยกฝาครอบออกก่อน


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 05 ส.ค. 13, 11:05

แล้วถอดเปลือกออกทีละชิ้น


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 05 ส.ค. 13, 11:05

มีอยู่๒ชิ้นเท่านั้นเองครับ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 05 ส.ค. 13, 11:09

ในภาพชุดนี้ที่ไม่เห็นลองใน เพราะศพ(พระเถระ)จริงๆอยู่ในหีบที่ตั้งไว้หลังม่านตามสมัยนิยม โกศถือเป็นเพียงเครื่องประดับเกียรติผู้วายชนม์


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 05 ส.ค. 13, 11:10

ยกฐานออก ฐานก็มีเพียง๒ชิ้นเช่นกัน


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.079 วินาที กับ 19 คำสั่ง