เดอ ฟอร์บัง ได้บรรยายเหตุการณ์เมื่อ เชอวาเลีย เดอ โชมองต์ ราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ เข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเพื่อถวายพระราชสาส์น ไว้ในบันทึก ดังนี้
เมื่อได้ผ่านพระลานไปอีกหลายพระลานแล้ว เราได้มาถึงพระที่นั่งที่เสด็จออกขุนนาง เป็นรูปยาวรีสี่เหลี่ยม มีอัฒจันทร์ขึ้นไปเจ็ดหรือแปดขั้น ท่านราชทูตนั่งบนเก้าอี้ ถือพานพระราชสาส์น ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีนั่งอยู่ข้างขวาบนตั่งต่ำกว่าเก้าอี้ เจ้าคณะเดอะเมเตลโลโปลิสนั่งอยู่ข้างซ้ายบนพรมผืนเล็กที่ปูทัพรมที่ลาดพื้นพระที่นั่ง พรมผืนเล็กนั้น จัดไว้เฉพาะเจ้าคณะเดอะเมเตลโลโปลิส และสะอาดกว่าพรมผืนใหญ่ ขุนนางฝรั่งเศสที่มาในคณะทูตนั่งขัดสมาธิบนพื้น เจ้าพนักงานได้แนะนำเราว่าให้ระวังอย่าให้เท้ายื่นออกมา ถ้าเหยียดเท้าออกมาแล้วนับว่า เป็นการหยาบช้ามาก ท่านราชทูต ท่านเจ้าวัดเดอะชัวสีและเจ้าคณะเดอะเมเตลโลโปลิสนั่งแถวเดียวกัน หันหน้าไปทางพระราชบัลลังก์ พวกเราชาวฝรั่งเศสนั่งอยู่ข้างหลังเรียงกันเป็นแถวเหมือนกัน ทางซ้ายขุนนางผู้ใหญ่นั่งเรียงตามลำดับยศฐานันดรศักดิ์ ตลอดไปจนจดพระทวารพระที่นั่ง เมื่อทุกคนเข้านั่งดังนี้แล้ว เราได้ยินเสียงกลองใหญ่ดังขึ้นหนึ่งที
บรรดาขุนนางไทยซึ่งมีเครื่องแต่งกาย คือ นุ่งผ้าพื้นคลุมตั้งแต่สะเอวลงไปครึ่งน่อง ใส่เสื้อมัสลินแขนสั้น และสวมลอมพอกขาว ได้ยินอาณัติสัญญาณนั้นแล้ว หมอบลงราบหัวเข่าและข้อศอกยันกับพื้น ที่ขุนนางไทยหมอบลงเป็นแถว เสียงกลองที่ดังขึ้นทีหนึ่งนั้นได้ดังขึ้นอีกหลายที เว้นเป็นระยะ ๆ ไป
พอถึงทีที่หก พระนารายณ์มหาราชทรงเผยพระบัญชรเสด็จออกให้เราเฝ้า
พระมหากษัตริย์พระองค์นี้ทรงพระมาลายอดแหลม คล้ายกันกับหมวกยอดที่เราเคยใช้กันมาในประเทศฝรั่งเศสในกาลก่อน แต่ริมไม่กว้างกว่าหนึ่งนิ้ว พระมาลานั้นมีสายรัดทำด้วยไหมทาบใต้พระหนุ ทรงฉลองพระองค์เยียรบับสีเพลิงสลับทอง สอดพระแสงกริชไว้ที่รัด พิตรอันวิจิตรงดงาม และทรงพระธำมรงค์อันมีค่าทุกนิ้วพระหัตถ์ พระเจ้าแผ่นดินไทยพระองค์นี้ทรงมีพระชนมายุราวห้าสิบพรรษา ซูบพระองค์มาก พระสรีระรูปแบบบาง ไม่ทรงไว้พระทาฐิกะ ที่เบื้องซ้ายพระหนุมีพระคินถิเม็ดใหญ่ ซึ่งมีพระโลมาสองเส้นห้อยลงมายาว เมื่อท่านราชทูตก้มศีรษะลงถวายอภิวาทแล้ว ก็กล่าวคำกราบบังคมทูลพระกรุณา เจ้าพระยาวิชเยนทร์มีหน้าที่เป็นล่าม
เสร็จแล้วท่านราชทูตเดินเข้าไปจนใกล้สีหบัญชรและยื่นพระราชสาส์นขึ้นไปเพื่อทรงรับพระราชสาส์น พระนารายณ์มหาราชต้องทรงเอื้อมพระหัตถ์ ก้มพระองค์ออกมานอกสีหบัญชรเกือบครึ่งพระองค์ ที่ท่านราชทูตถวายพระราชสาส์นต่อพระหัตถ์เช่นนั้น คงแกล้งทำด้วยความตั้งไจ หรือเห็นว่าคันทองที่จะทูนพานพระราชสาส์นขึ้นไปนั้นยาวไม่พอ พระนารายณ์มหาราชได้ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับท่านราชทูตพอเป็นสังเขป ตรัสถามว่าพระเจ้าอยู่หัวของเราทรงพระราชสำราญดีอยู่หรือ พระราชวงศ์ทรงมีความสุขสบายดีหรือ และประเทศฝรั่งเศสมีความวัฒนาถาวรเพียงไร ในที่สุดเสียงกลองใหญ่ดังขึ้นอีกทีหนึ่ง พระนารายณ์มหาราชเสด็จขึ้นข้างไน และขุนนางไทยลุกขึ้นนั่ง
จาก จดหมายเหตุฟอร์บัง แปลโดย หม่อมเจ้าดำรัสดำรง เทวกุล (โดยแก้ไขการสะกดคำให้เป็นปัจจุบัน)
