แอบซุ่มหลบอยู่หลังห้อง โดนคุณครูเรียกตอบซะแล้ว

ในเรื่องการขายของที่สองหนุ่มเดนมาร์คภูมิใจนำเสนอรัฐบาลสยามในขณะนั้น ผมเองก็ตอบไม่ได้ว่ามันโปร่งใสหรือน่าเกลียดหรือไม่ครับ แต่ถ้าเทียบกับมาตรฐานค่านิยมของชนชั้นกลางปัจจุบัน(ที่ไม่ใช่นักการเมือง)ก็อาจจะมองว่าไม่สง่าผ่าเผยนัก คือชงเองจัดซื้อเองขายเองกินกำไรเอง แม้แต่ขณะนี้นักการเมืองบ้านเราก็ดูจะทำกันเป็นปกติ เพียงแต่อาจแอ๊บใช้นอมินีนิดนึง แต่ถ้ามองมาตรฐานสมัยนั้นผมก็ไม่แน่ใจว่าการทำเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคนยุคนั้นหรือไม่ เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายจากระบบราชการโบราณที่ขุนน้ำขุนนางมีรายได้จากการเรียกส่วย กินหัวคิว คิดค่าธรรมเนียมราชการจากชาวบ้านผู้ต้องการบริการฯลฯ มาเป็นการรับเงินเบี้ยหวัดรายปี ดังนั้นแนวคิดเก่าๆ น่าจะยังฝังแน่น อะไรที่เราคนสมัยนี้มองว่าอุ๊ย น่าเกลียด คนสมัยนั้นอาจจะมองว่ามันธรรมดามาก ลุงฝรั่งสองคนนี้อาจจะรับอิทธิพลแนวคิดแบบสยามๆ ไปจนมองว่าไม่น่าเกลียดก็ได้ หรือแม้แต่สังคมฝรั่งยุโรปสมัยนั้นเองก็มองการทำแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา
การกินเปอร์เซ็นจัดซื้ออาวุธเป็นเรื่องธรรมดามากแม้แต่สมัยปัจจุบัน ตัวแทนจัดซื้อจะได้เปอร์เซ็นจากผู้ขาย 5% เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ให้กันเงียบๆ หน่อย ถ้าจะมองว่านีลส์กับกัปตันริชลิวทำไม่ถูก เราต้องพิจารณาว่าท่านทั้งสองจัดหาของดีที่สุดหรือเอาของห่วยมาหลอกขายให้รัฐบาลสยาม ราคาที่ซื้อสมเหตุสมผลหรือเป็นราคาถูกฟันหัวแบะ รวมทั้งนอกจากทั้งสองแล้วสมัยนั้นมีนายหน้าอื่นๆ มากแค่ไหน และใครคือตัวแทนที่ไว้วางใจได้ และยังต้องพิจารณาแพ็คเกจพ่วงเช่นการฝึกหัดทหารผู้ใช้ บริการหลังการขายอื่นๆ ด้วย ดังนั้นการที่นีลส์หรือกัปตันริชลิวทำหน้าที่ทั้งซื้อทั้งขายกินหัวคิวเอง แต่ถ้าเป็นดีลที่ให้ผลประโยชน์ที่ดีที่สุดกับสยามขณะนั้น ผมก็ไม่รู้สึกว่ามันไม่สวย
ลองดูปัจจุบันสิครับ คนไทยกันเองจัดซื้อหาอาวุธ เครื่องบินรบ เครื่องบินโดยสาร ฯลฯ เราย่ำยีงบประมาณของเรากันเองยิ่งกว่าในอดีตมากมายนัก แค่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้เรามีของห่วยๆ ไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือใช้ไม่คุ้มค่าเต็มไปหมดเช่น GT-200, Alpha 6, เรือเหาะ, เครื่องบินไทยคู่ฟ้า, รถดับเพลิง, เครื่องบิน Airbus A340-600 ที่เคยใช้บินตรงกรุงเทพ-นิวยอร์ค, แท็บเลต ป.1 ฯลฯ
สรุปคือการกินเปอร์เซ็นสมัยนั้นผมเฉยๆ แต่ถ้าเป็นสมัยนี้ผมรับไม่ได้แฮะ คิดไปคิดมาแปลกใจตัวเองสองมาตรฐานจริงๆ

พูดถึงตัวสามพู ผมส่งไปให้ซายาเพ็ญแล้ว แถมกล้องส่องพระไปอันไว้ให้แกนั่งส่องฟอสซิล เผื่อจะได้นักสะสมตัวสามพูเพิ่มอีกคน อีกสองเดือนน่าจะไปถึงครับ เพราะส่งแบบถูกสุด

ส่วนตัวสามพูเผาเป็นยังไง คิดว่ากลิ่นและรสน่าจะเหมือนแมงดาทะเลเผามากกว่ากุ้งเผาครับ ถ้าสดๆ เนื้อคงหวานไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มซีฟู็ด
