เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 16
  พิมพ์  
อ่าน: 63807 เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 135  เมื่อ 29 ก.ย. 18, 19:01

  ทั้งๆที่แปลกใจกับสภาพแปลกๆของร้านกาแฟที่เห็น    คุณนายวอร์เบอร์ตันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก  ซื้อของที่ต้องการได้แล้วก็กลับไปหาสามีที่จุดนัดพบ   เพื่อกลับบ้านด้วยกัน
  เธอเล่าให้สามีฟังถึงร้านกาแฟแปลกๆร้านนั้น  ตกลงกันว่าเมื่อไปจ่ายของในสัปดาห์หน้า จะพาเข้าไปที่ร้านให้เห็นกับตาตัวเอง 
  หนึ่งสัปดาห์ต่อมา  คุณนายก็พาสามีไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อจะไปกินกาแฟที่ร้านหน้าตาย้อนยุคดังกล่าว    แต่เธอต้องพิศวงงงงันอย่างยิ่งเมื่อเดินเข้าไปในอาคารซูเปอร์ แล้วพบว่า ไม่มีร่องรอยของร้านกาแฟให้เห็นแม้แต่น้อยนิดว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนมันตั้งอยู่ตรงนั้น     
  พื้นที่ส่วนที่เธอเห็นว่าเป็นร้านกาแฟ เป็นส่วนหนึ่งของโถงใหญ่  ใช้ตั้งสินค้าคือตัวอย่างตู้เย็น ข้างหลังก็เป็นผนังอาคารว่างๆ ธรรมดานี่เอง
  ทีแรกเธอนึกว่ามาผิดร้าน  ก็เดินหาไปที่ซูเปอร์แถวนั้นอีกสองแห่ง แต่ก็ไม่พบ     คุณนายแน่ใจว่าตัวเองตาไม่ฝาด และไม่ได้ทึกทักคิดเอาเอง  เธอก็เลยลงมือค้นหาว่ามันเกิดอะไรขึ้นแน่

  คุณนายค้นพบว่า ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ตั้งใหม่นั้น เดิมพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นโรงภาพยนตร์ช่ื่อโรงหนังคอสมอสมาก่อนจะรื้อทำซูเปอร์   ติดกับโรงหนังเป็นสโมสรเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งยังมีคนเฝ้าอยู่    สองสามีภรรยาก็เลยไปสอบถาม   ได้ความว่าครั้งหนึ่งด้านหลังอาคารโรงหนังมีบาร์เครื่องดื่มเล็กๆ เสิฟกาแฟและเครื่องดื่มให้ลูกค้าด้วย   
   เมื่อคุณนายวอร์เบอร์ตันอธิบายรายละเอียดของร้านกาแฟที่เธอเห็น   ก็พบว่ามันตรงกับเป๊ะกับบาร์เครื่องดื่มที่เคยอยู่ตรงนั้นเมื่อหลายปีก่อน   แต่ทั้งโรงหนังทั้งบาร์เครื่องดื่มถูกรื้อทิ้งไปนมนานแล้ว   
   ไม่มีคำอธิบายอื่นนอกจากว่า คุณป้าหลุดผ่านมิติเวลาเข้าไปในอดีต
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 136  เมื่อ 30 ก.ย. 18, 12:09

กรณีของคุณป้าและคุณน้าที่แวซายลส์  กับคุณยายที่ร้านกาแฟย้อนยุค ยังพออธิบายได้ว่ามันเป็นเรื่องของการหลงมิติเวลา   ผู้หญิงสามคนเดินทางกลับไปในอดีตโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แล้วกลับออกมาในเวลาสั้นๆ
แต่เรื่องต่อไปนี้ จะอธิบายว่าอย่างไรดี

เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1954 ที่ประเทศญี่ปุ่น ณ สนามบินฮาเนดะ    วันที่เกิดเหตุเป็นวันทำงานธรรมดาๆที่ขวักไขว่ไปด้วยผู้คน    เครื่องบินจากยุโรปลำหนึ่งลงจอดส่งผู้โดยสาร   จากนั้น ขบวนผู้โดยสารก็เดินเข้าแถวมาตรวจที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองตามปกติ  
ในจำนวนนั้นมีฝรั่งผิวขาววัยกลางคนคนหนึ่ง แต่งกายเรียบร้อยประณีต รวมอยู่ด้วย    เขาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่ามาโตเกียวด้วยธุรกิจตามเคย   ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วในรอบปี
ภาษาที่เขาพูดคือภาษาฝรั่งเศส แต่เขาก็เข้าใจภาษาญี่ปุ่นและภาษาอื่นๆในยุโรปด้วย   กระเป๋าเงินของเขาก็มีธนบัตรของหลายประเทศในยุโรป สมกับคำบอกเล่าว่าเขาเป็นนักธุรกิจ
ความจริงผู้ชายคนนี้ก็น่าจะผ่านด่านสะดวกง่ายดายเหมือนผู้โดยสารอื่นๆ   ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่ถามว่าเขามาจากประเทศอะไร  เขาก็ตอบอย่างธรรมดาๆที่สุดว่า มาจากประเทศทอเรด ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างฝรั่งเศสกับสเปน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 137  เมื่อ 30 ก.ย. 18, 12:44

     เจ้าหน้าที่ตอบด้วยความแปลกใจว่า ประเทศที่ว่านั้นไม่มีจริงหรอก   ชายผู้นั้นก็เลยยื่นพาสปอร์ตของเขาให้ดู   มันเป็นหนังสือเดินทางออกโดยทางการของประเทศทอเรด   ในแต่ละหน้าของพาสปอร์ตยังประทับตราวีซ่าของประเทศญี่ปุ่นครั้งก่อนๆ  และตราประทับของประเทศในยุโรปอีกหลายประเทศ     เป็นการยืนยันว่าเป็นหนังสือเดินทางของจริง
     ทีนี้   ปัญหาก็เกิดขึ้นทันที  เจ้าหน้าที่งงงันไปกับเอกสารที่เห็น     คนหนึ่งไปหาแผนที่มากางให้ผู้โดยสารรายนี้ดู เพื่อให้เขาชี้ว่าประเทศที่ว่านั้นอยู่ตรงไหน   เขาก็ชี้ไปตรงประเทศอันโดร่าทางตอนใต้ของฝรั่งเศส  แต่บอกด้วยเสียงเคืองๆว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อประเทศอันโดร่า   ตรงนี้ในแผนที่คือประเทศทอเรด บ้านเกิดของเขา  ซึ่งเป็นประเทศเก่าแก่ตั้งอยู่นานนับพันปีแล้ว
     เจ้าหน้าที่ขอตรวจเอกสารอื่นๆ เช่นใบขับขี่ ก็พบว่ามันออกโดยทางการของประเทศทอเรดอีกนั่นแหละ
     เจ้าหน้าที่ด่านไม่รู้จะทำยังไงกันแน่   เพราะกรณีนี้ประหลาดเกินกว่าจะตัดสินใจได้ว่ามันคือความเข้าใจผิด  หรือนายคนนี้ฟั่นเฟือน หรือเล่นตลกบ้าๆอะไรกับทางการ    แต่ยังไงก็ปล่อยตัวเข้าประเทศไม่ได้แน่   นายคนนี้ก็เลยถูกส่งไปกักตัวที่โรงแรมใกล้ๆสนามบิน  จนกว่าจะหาคำตอบได้ 
บันทึกการเข้า
tita
พาลี
****
ตอบ: 253


ความคิดเห็นที่ 138  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 09:48

- เคสประเทศทอเรดนี่มีผลสรุปอย่างไรคะ

- เรื่องย้อนยุคนี่สมัยก่อนเคยได้ยินเรื่องเล่าว่ามีคนเดินลงอุโมงค์หน้าจุฬาฯ  พอขึ้นมาทางฝั่งตรงข้าม (ฝั่งหอพัก, คณะครุศาสตร์ฯ)  กลายเป็นทุ่งนาโล่งๆ สภาพเหมือนสมัยโบราณ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 139  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 10:35

มาเล่าตอนจบค่ะ

ที่โรงแรม  มีรปภ.เฝ้าหน้าห้องตลอดคืน ไม่ให้หนีไปไหนได้   ส่วนพาสปอร์ตนั้นเจ้าหน้าที่ยึดไว้ เก็บใส่เซฟของที่ทำงานไว้เรียบร้อย

วันรุ่งขึ้น   เมื่อเปิดห้องเข้าไปก็พบว่านายผู้โดยสารลึกลับคนนั้นหายตัวไปแล้ว ไม่มีร่องรอย   พร้อมกับกระเป๋าเดินทาง    ทั้งๆยามก็เฝ้าอยู่หน้าห้องทั้งคืน 
เมื่อกลับมาเปิดเซฟดูพาสปอร์ต   มันก็อันตรธานจากเซฟไปอีกเหมือนกัน

จนบัดนี้ก็ไม่มีใครอธิบายได้ว่า  ผู้โดยาสารคนนั้นหลงมิติมาจากเอกภพคู่ขนาน หรือเป็นการเล่นตลกอำกันสุดยอด
หรือแม้แต่เป็นเรื่องกุขึ้น กันแน่
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 140  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 10:57

จนบัดนี้ก็ไม่มีใครอธิบายได้ว่า  ผู้โดยสารคนนั้นหลงมิติมาจากเอกภพคู่ขนาน หรือเป็นการเล่นตลกอำกันสุดยอด
หรือแม้แต่เป็นเรื่องกุขึ้น กันแน่


นอกเหนือจากคำอธิบายว่านายคนนั้นหลงมิติมาจากเอกภพคู่ขนาน อาจจะมีคำอธิบายอื่นเป็นต้นว่า

๑. ความผิดพลาดในการสื่อสาร นายคนนั้นอาจจะบอกว่าเขามาจาก terre d’Andorra (ดินแดนอันดอร์รา) เจ้าหน้าที่ฟังเป็น Taured เรื่องอื่น ๆ ก็เป็นการขยายความจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้น

๒. เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่มีหลักฐานบันทึกเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น หรือข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 141  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 15:04

เห็นด้วยกับคุณเพ็ญชมพูค่ะ
ถ้างั้นมาฟังเรื่องใหม่กัน   เรื่องนี้ระบุชื่อเสียงเรียงนามผู้ประสบไว้ชัดเจน   เพราะฉะนั้นก็ตัดประเด็นเรื่องไม่มีตัวตนออกไป   เหลือแต่ว่าจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน

เรื่องนี้เกิดเมื่อเดือนตุลาคม  ปี 1979  สามีภรรยาชาวอังกฤษคู่หนึ่งชื่อเจฟ และพอลีน ซิมป์สัน อาศัยอยู่ที่เมืองโดเวอร์  ออกเดินทางท่องเที่ยวในยุโรปโดยทางรถยนต์   เขาชวนเพื่อนสามีภรรยาอีกคู่ชื่อเลน และซินเธีย กิสบี ไปด้วยกัน   โดยตั้งใจว่าจะไปเที่ยวฝรั่งเศสและสเปน
ทั้งสองคู่ลงเรือข้ามจากอังกฤษไปขึ้นที่ฝรั่งเศส  ที่นั่นเขาเช่ารถยนต์ขับรถมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือ    ในวันที่ 3 ตุลาคม  หลังจากขับรถมาตลอดวันมาจนเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย   จนถึงเวลาค่ำ ก็มองหาโรงแรมข้างทางสำหรับพักค้างแรม

พวกเขาเห็นโรงแรมเล็กๆแต่หน้าตาหรูหราข้างทาง   เลนลงจกกรถเดินเข้าไปข้างในโรงแรม  พบพนักงานชายแต่งกายแปลกตาด้วยเครื่องแบบสีม่วงแดง   เขาตอบว่าโรงแรมนี้เต็ม  แต่ถัดไปทางใต้มีโรงแรมอีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ริมถนนพอดี   น่าจะมีที่พัก   เลนก็กล่าวคำขอบใจแล้วกลับไปที่รถ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 142  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 15:36

  เส้นทางที่ขับไปตามคำบอกนี้   ท้ั้งสี่คนพบว่าถนนดูแปลกไปจากเส้นทางเดิม เป็นทางแคบๆปูด้วยหินแบบโบราณ   บ้านเรือนที่ผ่านไปสองข้างทางก็ดูประหลาด      สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นคือโปสเตอร์โฆษณาละครสัตว์ที่ติดอยู่ข้างทาง  เป็นละครสัตว์แบบรุ่นเก่ามาก  จนสะดุดตาทุกคน

   ในที่สุด  นักท่องเที่ยวทั้งสี่ก็มาถึงอาคารเตี้ยๆยาวๆหลังหนึ่ง มีหน้าต่างเรียงรายเปิดไฟไว้สว่าง  มีคนยืนอยู่สองสามคนหน้าอาคาร   เมื่อซินเธียร้องถามว่าที่นี่คือโรงแรมใช่ไหม  ก็ได้คำตอบว่า ที่นี่คือโรงเตี๊ยม(inn)  ทั้งสี่ก็เลยขับรถผ่านไป
   รถแล่นต่อไปจนถึงอาคาร 2 แห่ง   แห่งหนึ่งเป็นสถานีตำรวจ  อีกแห่งเป็นอาคารสองชั้นหน้าตาแบบโบราณ มีป้าเขียนว่า "โรงแรม"  เมื่อเข้าไป ก็เห็นว่าภายในสร้างด้วยไม้ท่อนใหญ่ๆ  โต๊ะอาหารไม่มีผ้าปูอย่างห้องอาหารทั่วไป  อุปกรณ์ทันสมัยที่จำเป็นในโรงแรม อย่างโทรศัพท์หรือลิฟต์ก็ไม่ยักมี 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 143  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 16:09

  ทั้งสี่พักค้างคืนอยู่ที่นั่น   หลังจากกินมื้อค่ำในห้องอาหาร ประกอบด้วยสเต๊ก ไข่และเบียร์แล้ว ทุกคนก็เข้านอน   พบว่าห้องพักมีหน้าต่างก็จริงแต่ไม่มีบานกระจก  เป็นหน้าต่างไม้บานเกล็ด    ผ้าปูที่นอนเป็นผ้าเนื้อหนา ไม่มีหมอน   ส่วนห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันนั้นมีอุปกรณ์แบบโบราณล้าสมัยมาก
   ในตอนเช้า  ทุกคนตื่นลงมากินอาหารเช้าในห้องอาหารอีกครั้ง   พบว่ามีแขกอื่นมากินอยู่ด้วย  หนึ่งในจำนวนนี้เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง อุ้มหมามาด้วย    สิ่งสะดุดตาคือเธอแต่งกายด้วยชุดราตรีแพรยาวหรูหรา ราวกับเพิ่งกลับจากงานราตรีสโมสร ทั้งๆเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า
   พอลีนให้การภายหลังว่า "ฉันสะดุดตาจนถอนสายตาจากเธอไมไ่ด้"  
   นอกจากนี้ยังมีตำรวจอีกสองนายเดินเข้ามา  เป็นตำรวจฝรั่งเศสอย่างที่เห็นทั่วไปในประเทศ แต่ที่ประหลาดคือเครื่องแบบของเขาไม่ใช่เครื่องแบบตำรวจทั่วไป แต่เป็นเครื่องแบบรุ่นเก่าสีน้ำเงินแก่  มีผ้าคลุมไหล่และหมวกมีกระบังยื่นมาข้างหน้า    ทั้งสองมาถึงก็หาที่นั่ง ลงมือกินอาหารเช้าอย่างปกติ
   ทั้งๆรู้สึกแปลกใจ   ทั้งสี่คนก็รู้สึกแฮปปี้ดีกับที่นี่    เมื่อกลับขึ้นไปที่ห้องอีกครั้ง  สามีทั้งสองก็ถ่ายรูปภรรยายืนอยู่ข้างหน้าต่างบานเกล็ดไว้เป็นที่ระลึก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 144  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 18:12

เครื่องแบบแบบนี้ค่ะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 145  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 18:25

  เมื่อจะออกเดินทาง   เลนกับเจฟเข้าไปถามตำรวจถึงเส้นทางรถยนต์ที่เขาจะขับไปยังเมืองอาวินญอง และเขตแดนสเปน เพื่อจะหาทางที่สะดวกที่สุด    แต่ตำรวจทั้งสองทำท่าเหมือนไม่เข้าใจว่า "เส้นทางรถยนต์" นั้นคืออะไร  ชายอังกฤษทั้งสองสรุปกันเองว่า เขาคงจะออกเสียงคำนี้เป็นภาษาฝรั่งเศสไม่ถูกต้อง 
  ตำรวจทั้งสองบอกเส้นทางไปเมืองอาวินญองให้  แต่นักท่องเที่ยวก็พบว่าเป็นเส้นทางเล็กๆ   ห่างไกลจากถนนใหญ่ไปหลายไมล์  จนในที่สุด ชายทั้งสองต้องกางแผนที่หาทางลัดไปสู่ถนนใหญ่เอง
   เก็บข้าวของขึ้นรถเสร็จ   เลนเดินไปจ่ายค่าที่พักของทั้งหมด    เขาประหลาดใจมากเมื่อผู้จัดการโรงแรมคิดเงินเพียง 19 ฟรังค์     ทีแรกเลนนึกว่าเข้าใจผิดกัน  เขาอธิบายว่ามากันทั้งหมด 4 คนแถมยังกินอาหารเช้าอีก   จะเป็นเงินแค่นั้นไปได้ยังไง  แต่ผู้จัดการก็พยักหน้ารับรองว่าถูกต้องแล้ว     เลนหยิบใบเสร็จไปโชว์ให้ตำรวจดู  ตำรวจก็ยิ้มและพยักหน้ารับรองว่าใช่  เลนก็เลยจ่ายเงินสด แล้วรีบออกจากโรงแรมก่อนผู้จัดการจะเปลี่ยนใจ


   ทั้งสี่คนไปเที่ยวอยู่ในสเปนอีก 2 สัปดาห์จนถึงกำหนดกลับ   ก็กลับมาตามเส้นทางเดิม    ต่างคนเห็นพ้องกันว่าแวะพักค้างคืนสักคืนที่โรงแรมนั้นก็คงจะดี  เพราะบรรยากาศที่นั่นน่าทึ่งไม่เหมือนที่อื่น  แถมราคาก็ถูกอย่างเหลือเชื่อ
    คืนที่พวกเขาขับรถมาถึงบริเวณนั้น เป็นคืนที่ฝนตก  อากาศหนาวและทัศนวิสัยก็มืดมนมองไม่ค่อยเห็นทาง แต่เขาก็หาทางเลี้ยวจากถนนใหญ่จนพบ   สังเกตเห็นโปสเตอร์ละครสัตว์ยังติดอยู่เหมือนคราวก่อน
    พอลีนยืนยันว่ามาตามทางนี้ถูกต้องแล้ว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 146  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 18:36

   อ่านมาถึงตรงนี้ ท่านที่อ่านกระทู้มาตั้งแต่แรกคงพอเดาได้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง   แต่สี่คนนั่นไม่รู้   พวกเขาแปลกใจมากที่ขับรถไปตามเส้นทางนั้นจนแล้วจนรอด ก็ไม่ยักเจอโรงแรมที่ตั้งใจจะมาพัก
    ในที่สุด เขาพารถย้อนกลับไปยัง "โรงเตี๊ยม" หลังแรกที่เจอพนักงานในชุดสีม่วงแดงบอกทางให้ไปโรงแรม   โรงเตี๊ยมที่ว่านั้นยังอยู่  แต่พนักงานที่เคานเตอร์ยืนยันว่าไม่มีพนักงานคนไหนแต่งกายแบบนั้น   และไม่เคยมีใครแต่งตัวแบบนั้นเคยทำงานที่นั่นด้วย
    ทั้งๆพิศวงงงวย  ทั้งสีก็โคตรทรหด  ขับรถไปกลับย้อนไปย้อนมาอยู่ 3 เที่ยวเพื่อหาโรงแรมที่ว่านั้นให้ได้   สอดส่ายสายตาหาทุกซอกทุกมุมถนนสายนั้นจนแน่ใจว่า ไม่มีโรงแรมดังกล่าวตั้งอยู่แน่นอน

    ดึกเต็มที  ทั้งสี่ก็ยอมแพ้ ขับรถต่อไปทางเหนือจนถึงเมืองลียงส์   หาโรงแรมที่พักได้แห่งหนึ่งเป็นโรงแรมทันสมัย
    ค่าห้องบวกอาหารปาเข้าไป 247 ฟรังค์
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 147  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 21:03

    เมื่อกลับมาถึงโดเวอร์   เจฟและเลนนำกล้องถ่ายรูปไปให้ร้านล้างฟิล์มอัดรูปออกมา  ภาพที่เขาถ่ายห้องในโรงแรมอยู่ตรงกลางๆม้วน   เมื่อช่างภาพอัดรูปและส่งม้วนฟิล์มกลับมาให้  ปรากฏว่าไม่มีรูปที่ถ่ายในโรงแรมนั้น   
    เมื่อตรวจดูม้วนฟิล์ม   ก็ไม่พบภาพเนกาตีฟที่เสีย   ม้วนฟิล์มมีรูปเต็มหมดทั้งม้วน  เหมือนกับว่าไม่มีการถ่ายรูปที่โรงแรมนั้นเลย   เว้นแต่มีร่องรอยรายละเอียดเล็กๆที่ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ยอร์คเชอร์ที่เอากล้องไปตรวจสอบพบว่า
    "มีร่องรอยว่ากล้องถูกกดจับภาพอะไรสักอย่างตรงช่วงกลางของม้วนฟิล์ม  เพราะรูที่ขอบฟิล์มช่วงนั้นมีร่องรอยเสียหาย"
     
     สามีภรรยาทั้งสองคู่ปิดปากเงียบเรื่องเหตุการณ์นี้อยู่ถึง 3 ปี   เล่าให้ฟังแต่เฉพาะเพื่อนและคนในครอบครัว    เพื่อนคนหนึ่งค้นพบในหนังสือว่าเครื่องแบบของตำรวจฝรั่งเศสที่เห็นแบบนั้นเป็นยุคสมัยก่อนปี 1905   ในเมื่อเล่ากันต่อๆไปเรื่องก็ไปกระทบหูนักข่าวของหนังสือพิมพ์โดเวอร์  ก็เลยนำเรื่องนี้ไปเขียน    ภายหลัง สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นก็มาสัมภาษณ์ออกรายการ 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 148  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 21:10

      ต่อในปี  1985  นายแพทย์อัลเบิร์ต เคลเลอร์ จิตแพทย์ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ทำการสะกดจิตเจฟ ซิมป์สัน เพื่อดูว่าเขาจดจำรำลึกเหตุการณ์อะไรได้มากกว่านี้บ้างไหม    ภายใต้ภาวะถูกสะกดจิต   เจฟไม่สามารถจะเพิ่มเติมอะไรได้มากกว่าที่เขาจำได้แล้ว
      เรื่องนี้ได้รับความสนใจแพร่หลายไปทั่วอังกฤษ    มีผู้ติดตามสืบเสาะหาความจริงกันว่ามันคืออะไรแน่  หนึงในนั้นคือนักเขียนชื่อเจนนี่ แรนเดิลส์    เธอตั้งคำถามว่า
      " เกิดอะไรขึ้นกับนักท่องเที่ยวสี่คนนั่น?  หลงมิติเวลา ?   ถ้าเป็นงั้นจริงทำไมผู้จัดการโรงแรมถึงไม่มีท่าทีแปลกใจกับรถยนต์ในอนาคตยุค ปี 1979 ที่มาจอดหน้าโรงแรม   ตลอดจนการแต่งกายของนักท่องเที่ยวยุคหลังจากยุคของเขาเกือบร้อยปี   และทำไมเขาจึงยอมรับธนบัตรเงินปี 1979  ซึ่งย่อมจะดูแปลกประหลาดสำหรับผู้คนในยุคศตวรรษก่อนอยู่ดี"  

       คำถามทั้งหมดนี้ สามีภรรยาทั้งสองคู่ไม่มีคำตอบ    เจฟบอกได้แต่เพียงว่า
       "เราก็รู้เท่าที่เจอนั่นแหละครับ"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 149  เมื่อ 01 ต.ค. 18, 21:11

  คิดว่าสี่คนนี้กุเรื่องขึ้นหรือเปล่าคะ คุณเพ็ญชมพู?
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 16
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.084 วินาที กับ 20 คำสั่ง