เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 16
  พิมพ์  
อ่าน: 63621 เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 105  เมื่อ 21 ก.ย. 18, 10:42

video ในข่าวนี้เห็นชัดกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างค่ะ

https://www.today.com/news/school-security-camera-captures-ghostly-footage-t117353
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 106  เมื่อ 24 ก.ย. 18, 11:36

เมื่อคืนไปเจอหนังเก่า ปี 1881เข้าเรื่องหนึ่งโดยบังเอิญ ทาง youtube  ชื่อ Miss Morison's Ghosts 
ทำจากหนังสือชื่อเดียวกัน   
หนังสือเรื่องนี้ไม่ใช่นิยาย แต่เป็นการบันทึกเหตุการณ์ประหลาดที่ผู้เขียน (ซึ่งมีด้วยกัน 2 คน) ประสบมา ในบริเวณพระราชวังแวซาลส์ ในค.ศ. 1901  คือเมื่อต้นศตวรรษที่ 20   
จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการพิสูจน์ได้ว่ามันคืออะไร   มีแต่คำอธิบายจากการตีความในทำนองเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง  เป็นเรื่องลึกลับไร้คำอธิบายมาจนบัดนี้

ยกคลิปหนังมาให้ดูเป็นตอนๆก่อนนะคะ

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 107  เมื่อ 24 ก.ย. 18, 11:37

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 108  เมื่อ 24 ก.ย. 18, 11:37

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 109  เมื่อ 24 ก.ย. 18, 12:48

เหตุการณ์ที่ว่านี้ ภายหลังได้รับการตั้งชื่อว่า The Moberly–Jourdain incident    เป็นเรื่องเล่าที่ถ่ายทอดจากประสบการณ์ของสตรี 2 คน  ชื่อชาร์ล็อตต์  แอนน์ ม็อบเบอลี่  วัย 55 ปี  และเอลินอร์ จอร์เดน วัย 38 ปี
ทั้งชาร์ล็อตต์ ม็อบเบอลี่และเอลินอร์ จอร์เดน เป็นสตรีมีเกียรติในการประกอบอาชีพเท่าที่ผู้หญิงสมัยนั้นทำได้   คือเป็นครู     
ในค.ศ. 1901 บทบาทนอกบ้านของผู้หญิงมีจำกัดมาก   เท่าที่กุลสตรีชนชั้นกลางจะทำได้ก็คือเป็นครูนี่ละค่ะ    ทั้งสองไม่ใช่ครูเล็กๆธรรมดาเสียด้วย    ชาร์ล๊อตต์ ม็อบเบอลี่เป็นถึงอาจารย์ใหญ่วิทยาลัยสตรีในมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดชื่อเซนต์ฮิวจ์คอลเลจ     ส่วนเอลินอร์สมัครเข้ามา ได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ 
ถ้าเทียบกับสมัยนี้ ป้าม็อบของเราก็เห็นจะพอเทียบได้กับศาสตราจารย์ ดร. สักท่านหนึ่ง   ส่วนน้าเอลินอร์ก็ทำนอง ผศ. หรือรศ. อะไรทำนองนั้น

ในเมื่อมาทำงานด้วยกัน   ในช่วงปี 1901  เอลินอร์ จอร์เดนมีอพาร์ตเม้นท์อยู่ในปารีส    ซึ่งเธอเช่าไว้สอนลูกศิษย์หญิงเล็กๆ   เธอก็เลยเชิญชาร์ล็อตต์มาพำนักอยู่ด้วยกันเพื่อจะได้สนิทสนมคุ้นเคยกัน
วันที่ 10 สิงหาคม 1901  ทั้งสองชวนกันไปเที่ยวพระราชวังแวซายลส์    เมื่อไปเดินชมกันสักพักหนึ่ง ทั้งสองรู้สึกตรงกันว่าตัวพระราชวังที่เป็นอาคารมหึมานั้นไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่   ก็เลยเบนเข็มไปชมบริเวณอุทยานที่น่าจะร่มรื่นสวยงามกว่า   
อุทยานของพระราชวังมีชื่อว่า เลอ กรองด์ ตริอานง  หรือตริอานงใหญ่   ในบริเวณนี้มีตำหนักขนาดกะทัดรัดสวยงามที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 15  ทรงสร้างไว้เป็นบ้านพัก ชื่อว่าเลอ เปอติต์ ตริอานง หรือตำหนักตริอานงน้อย   
ต่อมาในรัชกาลพระเจ้าหลุยส์ที่ 16  ได้พระราชทานให้เป็นที่พำนักพักผ่อนหย่อนใจของพระมเหสีโฉมงาม คือพระนางมารี อังตัวแน็ตต์     พระนางก็เล่นสนุกเป็นชาวนา สร้างบ้านนา  สร้างหมู่บ้านเล็กๆมีชาวบ้านมาอยู่อาศัยจริงๆ
ว่างๆพระนางก็มาพักผ่อน กับพระสหายและข้าราชบริพาร  รีดนมวัวในคอกที่กวาดไว้สะอาดสะอ้าน เสวยเนยที่ปั่นไว้อย่างเลิศรส  สนุกสนานไปตามประสาเด็กสาว

หลังการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789  พระเจ้าหลุยส์และพระนางมารีถูกบั่นเศียรด้วยกีโยตีนทั้งคู่   ล่วงมาถึง 1901  พระราชวังแวซายล์กลายเป็นสถานที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม      บริเวณรอบๆทั้งตริอานงใหญ่และตริอานงน้อยก็กลายเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง  ให้ประชาชนเข้าชม เข้าเดินเล่นดูโน่นดูนี่ได้ตามสบาย


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 110  เมื่อ 24 ก.ย. 18, 12:49

ตำหนักตริอานงน้อย


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 111  เมื่อ 24 ก.ย. 18, 14:15

     เมื่อชวนกันเดินไปถึงอุทยานตริอานงใหญ่ ก็พบว่ามันปิด  ประตูทางเข้าปิดใส่กุญแจ เป็นอันว่าอดเข้าไปเดินเที่ยว
แต่สตรีทั้งสองก็ไม่ย่อท้อ   เปิดหนังสือคู่มือนำเที่ยวขึ้นมาดูแผนที่ในนั้นว่า จะมีทางด้านข้างลัดเลี้ยวไปสู่ตำหนักตริอานงน้อยโดยทางอื่น  ที่ไม่ต้องผ่านอุทยานตริอานงใหญ่ได้ไหม   เมื่อพบว่ามี  ก็เดินไปตามทางนั้น
     แต่แทนที่จะเดินไปตามทางสายใหญ่ที่ชื่อว่า "อัลเลเดเดอซ์ ตริอานง" หรือ"ทางสายสองตริอานง" ซึ่งเป็นทางผ่านทั้งตริอานงใหญ่และตริอานงน้อย  ทั้งคู่กลับเดินเลี้ยวผิดไปตามทางสายเล็กๆ สายหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ทางผ่านตำหนักตริอานงน้อย
      แต่จุดเริ่มต้นตรงนี้ยังไม่เท่าไหร่      ต่อไปนี่สิน่าฉงนสน้ท่ห์กว่า
      สภาพในทางแคบๆเส้นนั้นเปลี่ยนไปจากสภาพภายนอกที่เธอทั้งสองเพิ่งเดินจากมามาก   ทั้งสองเดินผ่านหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีบ้านแบบชนบทอยู่ไม่กี่หลัง   อย่างแรกคือม็อบเบอลี่เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งชะโงกหน้าออกมานอกหน้าต่าง สะบัดผ้าสีขาวเหมือนจะตาก หรือสะบัดให้แห้งอย่างใดอย่างหนึ่ง      ส่วนจอร์เดนสังเกตเห็นว่ามีโรงนาเก่าๆทิ้งร้างอยู่ข้างทาง  และมีคันไถเก่าๆวางอยู่หน้าโรงนาด้วย


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 112  เมื่อ 24 ก.ย. 18, 16:53

   ฉับพลัน สตรีทั้งสองรู้สึกว่าบรรยากาศรอบกายที่ร่มรื่นอยู่เมื่อตอนเดินมา กลับกลายเป็นความหดหู่เศร้าหมอง  ก่อความกดดันอารมณ์อย่างหนัก โดยปราศจากสาเหตุ  
   เธอได้ยินเสียงดนตรีแว่วมาตามลม เป็นท่วงทำนองเพลงเก่าแก่โบราณ ไม่เหมือนเพลงที่บรรเลงกันอยู่ในสมัยนั้น

   จู่ๆทั้งสองก็เห็นชายปรากฏตัวขึ้น ไม่ทันเห็นว่ามาจากทางไหน  ทีแรกเข้าใจว่าเป็นคนสวนของแวซายลส์  แต่เมื่อจอร์เดนมาทบทวนทีหลัง  เธอพบว่าเขาแต่งกายเหมือนข้าราชสำนักโบราณ  คือสวมเสื้อโค้ตยาวสีเขียวอมเทา และสวมหมวกที่มีมุมแหลมสามมุมแบบโบราณ    เธอถามเส้นทางไปตำหนักตริอานง   เขาก็ตอบว่าให้เดินตรงไปเรื่อยๆแล้วจะเจอเอง

   เมื่อเดินต่อไปตามทางเส้นแคบๆ   จอร์เดนมองเห็นกระท่อมเก่าแก่หลังหนึ่ง มีผู้หญิงและเด็กหญิงอีกคนยืนอยู่หน้าประตู     ผู้หญิงถือเหยือกในท่าส่งให้เด็กหญิง และเด็กก็ยื่นมือออกมารับเหยือก    มีอะไรที่ดูผิดธรรมชาติในท่าทางของคนทั้งสองเท่าที่จอร์เดนสัมผัสได้   คือทั้งสองอยู่ในท่าแข็งทื่อไม่เคลื่อนไหว  เหมือนกำลังเล่น "ตาโบลว์ วิวังต์" (คือคนที่แสดงท่านิ่งเหมือนหุ่น อยู่บนเวที )   หรือไม่ก็เป็นหุ่นขึ้ผึ้งของมาดามทุซโซด์มากกว่าคนจริงๆ
   แปลกที่จอร์เดนเห็นคนเดียว  ส่วนม็อบเบอลี่ไม่เห็น   เธอคนหลังสัมผัสได้แต่ความแปลกเปลี่ยนในบรรยากาศ   เธอบันทึกไว้ทีหลังว่า
    "จู่ๆทุกอย่างก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ   จึงมองแล้วไม่สบายตาเอาเลย  แม้แต่ต้นไม้ก็กลายเป็นภาพแบนราบ ไร้ชีวิต เหมือนภาพต้นไม้ที่เขาทอไว้ในผืนพรม   ไม่มีแสง ไม่มีเงา   ไม่มีแม้แต่สายลมพัดผ่านให้ใบไม้กระดิก"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 113  เมื่อ 24 ก.ย. 18, 16:59

     วิหารนี้จริงๆแล้วไม่ใช่วิหาร แต่เป็นศาลาในสวนรูปร่างคล้ายวิหารกรีก   พระนางมารีอังตัวแน็ตต์ทรงให้สร้างขึ้นประดับสวนด้านหลังตำหนัก ในปี 1778  ภายหลังเป็นจุดท่องเที่ยวที่เด่นจุดหนึ่งในบริเวณพระราชวังแวซายลส์  นักท่องเที่ยวชอบมาเยือนที่นี่เสมอ   แต่เมื่อสตรีทั้งสองเดินไปถึง  ไม่มีผู้คนให้เห็นเลย เว้นแต่ชายผู้หนึ่งนั่งซึมเซาอยู่ในศาลาครึ่งวงกลมเล็กๆใกล้วิหาร
    ม็อบเบอลีเหลือบเห็นชายผู้นั้นเข้า  พอดีกับเขาเงยหน้าขึ้น  ประสานสายตากันพอดี   แต่สายตาเขาเลื่อนลอย คล้ายกับไม่เห็นเธอ   เธอบรรยายลักษณะเขาไว้ว่า เขาสวมเสื้อคลุมแบบโบราณและหมวกปีกกว้าง  ผิวคล้ำ หยาบ   หนังหน้าขรุขระจากแผลเป็นของฝีดาษ
  ท่าทางชายผู้นี้ดูแปลกๆ พิกลเหมือนคนสติไม่ดี   จนม็อบเบอลีรู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก    เธอบันทึกไว้ทีหลังว่า สีหน้าแววตาของเขาน่าเกลียดน่ากลัว   จนเธอนึกขยะแขยงไม่อยากเข้าใกล้      
  ยังไม่ทันที่จะเกิดอะไรขึ้น ก็พอดีมีชายอีกคนหนึ่งที่ดูกระฉับกระเฉงกว่าเดินมาถึง    ม็อบเบอลี่บรรยายลักษณะเขาว่าเป็นชายร่างสูง  ตาดำคม ผมดำหยิกเป็นคลื่นอยู่ใต้หมวกปีกกว้าง    เมื่อถามถึงทางไปตำหนักตริอานง  เขาก็ชี้ทางให้อย่างใจดี

ภาพข้างล่างนี้คือวิหารแห่งความรัก ภาพซ้าย ปัจจุบัน  ภาพขวาถ่ายหลังเหตุการณ์ราวๆ 20 ปี  วิหารที่สตรีทั้งสองเดินไปเจอคงมีบรรยากาศแบบทางขวา


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 114  เมื่อ 24 ก.ย. 18, 21:18

     หลังจากเดินข้ามสะพานไปตามทางที่ฝ่ายนั้นชี้  ในที่สุดสตรีทั้งสองก็มาถึงตำหนักตริอานง     ที่นี่เอง  เธอได้เห็นสตรีสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่สนามหญ้าหน้าตำหนัก กำลังวาดรูปอยู่     ม็อบเบอลี่ให้รายละเอียดว่า เป็นหญิงสาวสวมชุดผ้าบางๆแบบเสื้อกระโปรงฤดูร้อน  สวมหมวกปีกกว้างสีขาวครอบอยู่บนผมสีทองดกหนา    ในตอนแรกเธอคิดว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นนักท่องเที่ยวคนใดคนหนึ่ง    แต่ก็แปลกใจว่าหล่อนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าคนละยุคคนละสมัย เหมือนอยู่ในเครื่องแต่งกายละครหรืองานคอสตูมมากกว่า 
     เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปใกล้  สตรีผู้นั้นก็เหลียวมามอง   ม็อบเบอลีเห็นว่าหล่อนเป็นคนสวย  แต่ดูเป็นสาวใหญ่แล้ว  ผมหยิกสีทองดกหนาม้วนอยู่เหนือหน้าผาก ใต้หมวกปีกกว้าง  ท่อนบนของเสื้อขลิบด้วยสีเขียวแกมทอง ตามแฟชั่นสมัยศตวรรษที่ 18   เมื่อทั้งสองเดินอ้อมไปทางด้านตรงข้าม   ม็อบเบอลี่เหลียวมองอีกครั้งก็สังเกตว่าหล่อนมีผ้าคลุมไหล่สีเขียวอ่อน
   อย่างไรก็ตาม คนที่เห็นหญิงสาวคนนั้นคือม็อบเบอลีคนเดียว  ส่วนจอร์เดนไม่ยักเห็น     


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 115  เมื่อ 24 ก.ย. 18, 21:26

    ในที่สุด สตรีทั้งสองก็เดินออกมาพ้นตำหนักตริอานง  พบนักท่องเที่ยวอื่นๆเดินกันอยู่ตามปกติ   เป็นอันจบเส้นทางที่เดินหลงทางไป
     เมื่อกลับมาถึงที่พัก ต่างคนต่างเก็บซ่อนความรู้สึกพิกลตะหงิดๆกับสิ่งที่พบเห็นไว้ในใจ ไม่ได้เอ่ยปากกับอีกคน จนกระทั่งกลับมาถึงที่พักในอังกฤษในหนึ่งสัปดาห์ต่อมา  ถึงอดรนทนไม่ได้  เอ่ยขึ้นมา 
     ทั้งสองเล่าสู่กันฟังถึงความรู้สึกของตน  ก็พบว่ารู้สึกตรงกันว่าเรื่องเดินหลงทางไปนั้น จะว่าไปมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แต่ว่าอีกที  มันก็ไม่ธรรมดาอยู่ดี
   ถ้าเป็นยุคนี้ เป็นเราๆสงสัยอะไรก็คงจะพูดออกไป  ไม่เห็นจะต้องหุบปากเอาไว้  แต่ในสังคมสมัย 1901 ความเชื่อแนวอนุรักษ์นิยมยังครอบงำอังกฤษอยู่มาก     อะไรที่แปลกประหลาดหาเหตุผลไม่ได้มักจะถูกดูแคลนโดยนักวิชาการ
     สตรีผู้มีเกียรติว่าเป็นปัญญาชนชั้นนำอย่างเธอทั้งสองจะพูดอะไรโดยไม่มีหลักการเหตุผลรองรับ ก็มีแต่จะเสื่อมเสียชื่อเสียง   สำคัญที่สุด  เสียถึงอาชีพการงานด้วย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 116  เมื่อ 24 ก.ย. 18, 21:29

     เมื่อม็อบเบอลีและจอร์เดนยอมเปิดปากเล่าสู่กันฟังถึงเหตุการณ์แปลกๆนั้น  ต่างคนต่างก็ตกลงกันว่าจะแยกกันเขียนบันทึกจากสิ่งที่พบเห็นลงไปในสมุดบันทึกของแต่ละคน  แล้วค่อยเอามาเปรียบเทียบกัน     
      ผลก็คือ เธอทั้งสองพบว่าเหตุการณ์บางอย่าง ต่างคนต่างเห็น ตรงกัน  แต่ก็มีบุคคล หรือเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่คนหนึ่งเห็น แต่อีกคนไม่เห็น  แต่สรุปแล้ว  ทั้งสองยิ่งรู้สึกตรงกันว่ามันเป็นเหตุการณ์ประหลาดจริงๆเกินกว่าจะทำใจได้ว่า คิดไปเอง ไม่มีอะไร  ก็เลยเกิดฝังใจกับปริศนาเหตุการณ์นี้จนสลัดไม่หลุด
      หนึ่งปีต่อมา ทั้งสองหาโอกาสไปฝรั่งเศสและกลับไปเยี่ยมพระราชวังแวซายลส์อีก       เดินหาเส้นทางนอกอุทยานตริอานงใหญ่ที่เคยเดินหลงไป   ทั้งสองพบว่า หลายจุดที่เธอเคยเดินผ่านกลับหายไปไม่มีร่องรอย  เช่นสะพานที่เดินข้าม   ศาลาที่ชายหน้าตาน่ากลัวนั่งอยู่ที่วิหารแห่งความรักก็ไม่มี   นอกจากนี้บรรยากาศก็ไม่ได้เปลี่ยวๆ แปลกๆ อย่างที่เคยเจอแม้แต่น้อย      ทุกหนทุกแห่งคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 117  เมื่อ 25 ก.ย. 18, 10:10

Time Slip หรือครับ
สถานที่เดิม ต่างห้วงเวลา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 118  เมื่อ 25 ก.ย. 18, 16:00

อยากตอบคำถามคุณ Naris มาก แต่ต้องอดใจไว้ก่อน   ไม่งั้นเรื่องจะจบเร็วเกินไปค่ะ

   ในเมื่อหาเส้นทางเดิมไม่เจอจนแล้วจนรอด       สตรีทั้งสองก็เริ่มค้นคว้าจากหนังสือหนังหาต่างๆเพื่อหาข้อมูลที่พอจะเป็นคำตอบให้เธอได้    อย่างน้อยก็พยายามหาว่าผู้คนต่างๆที่ไปเจอนั้นน่าจะเป็นใคร      ในเมื่อทั้งสองเป็นคนมีการศึกษาดี การค้นคว้าหาคำตอบจากหนังสือจึงไม่ใช่เรื่องยาก
    อย่างน้อย   เริ่มจากจุดเริ่มต้นคือเสื้อผ้าของบุคคลเหล่านั้น ที่เป็นแฟชั่นถอยหลังไปในอดีต    ทั้งสองพบว่าเป็นเสื้อผ้าสมัยปลายศตวรรษที่ 18  จากนั้นก็เริ่มหารูปบุคคลมีชื่อเสียงต่างๆที่มีชีวิตอยู่ในฝรั่งเศสสมัยนั้น      ม็อบเบอลีพบว่า สตรีสาวผู้นั่งวาดรูปอยู่หน้าตำหนักตริอานงน้อย ช่างเหมือนพระราชินีฝรั่งเศส มารี อังตัวแน็ตต์เสียจนน่าตกใจ  
    รูปที่เธอชี้ว่าเหมือนสตรีที่เธอเห็นมาก ก็คือรูปข้างล่างนี้      เป็นรูปที่ถือกันว่าเหมือนมารี อังตัวแน็ตต์มากที่สุดรูปหนึ่ง

   นอกจากนี้  ในปี 1908 เมื่อทั้งสองค้นคว้าหาข้อมูลอยู่   ก็ได้พบบันทึกของมาดามอีลอฟ ช่างตัดฉลองพระองค์ของพระนางมารี อังตัวแน็ตต์   อีลอฟบันทึกไว้ว่าในปี 1789 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่พระนางนั่งอยู่บนบัลลังก์ก่อนปฏิวัติฝรั่งเศส   พระนางโปรดให้ตัดฉลองพระองค์สองสามชุด  ในจำนวนนั้นมีเสื้อแพรสีเขียว  พร้อมด้วยระบายคลุมเสื้อท่อนบนที่เรียกว่า "ฟิจู" และกระโปรงสีเหลืองอ่อน     ตรงกับเสื้อผ้าสตรีที่ม็อบเบอลีเห็น ตรงเป๊ะ
 


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 119  เมื่อ 25 ก.ย. 18, 16:14

   ส่วนชายหน้าตาน่ากลัวที่ทั้งสองเห็นนั่งอยู่ในศาลาใกล้วิหารแห่งความรัก    หน้าตาเขาไปเหมือนอย่างมาก กับข้าราชสำนักสำคัญคนหนึ่งในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16  ชื่อ Comte de Vaudreuil   หรือเคานต์แห่งวูดเดรยล์     เขาผู้นี้เป็นข้าราชบริพารคนสนิทคนหนึ่งของพระนางมารี อังตัวแน็ตต์ 
   ต่างกันแต่ว่าในภาพวาดต่างๆนั้นท่านเคานต์มีผิวขาวแบบฝรั่ง หน้าตาหล่อทีเดียว  แต่ม็อบเบอลียืนยันว่าชายที่เห็นผิวคล้ำจัด  และผิวหน้าขรุขระด้วยฝีดาษ     
   เป็นได้ว่า รูปวาดอาจถูกวาดให้หล่อหรือสวยกว่าตัวจริง

   


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 16
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.041 วินาที กับ 20 คำสั่ง